เพราะรักสลักใจ - ตอนที่ 893 ที่แท้ความจริงเป็นเช่นนี้ / ตอนที่ 894 ไม่คู่ควรเป็นกษัตริย์ปกครองแคว้น
- Home
- เพราะรักสลักใจ
- ตอนที่ 893 ที่แท้ความจริงเป็นเช่นนี้ / ตอนที่ 894 ไม่คู่ควรเป็นกษัตริย์ปกครองแคว้น
ตอนที่ 893 ที่แท้ความจริงเป็นเช่นนี้
“อือ เจ้าเองก็เร่งมือหน่อย เห็นว่าสถานการณ์ทางชายแดนไม่มั่นคงแล้ว ถึงเวลามีแผนที่ลับเราก็สามารถร่วมมือกับพวกเขาได้ ตอนนั้นก็จะให้เจ้าขึ้นเป็นองค์หญิงรัชทายาทสมใจ…”
สองแม่ลูกทางนี้กำลังพูดคุยกันอย่างออกรส รัชทายาทที่อยู่ด้านหลังภูเขาจำลองราวกับถูกฟ้าผ่า
วินาทีนั้น เขาถึงค่อยรับรู้ว่าตัวเองผิดไปไกลโข คนงามบริสุทธ์ผุดผ่องอะไรกัน นั่นเป็นรองเท้าเก่าผุที่ไม่รู้ผู้อื่นเคยสวมใส่มาแล้วกี่ครั้ง! ภักดีรักชาติอะไรกัน พวกเขาถึงกับคิดเรื่องร่วมมือกับแคว้นศัตรู ตัวเองจะขึ้นครองใต้หล้านี้ เหอะๆ เหอะๆ…
ถ้าอย่างนั้นที่เขาเคยว่ากล่าวซูเซียงพวกนั้น….เหอะๆ…
เวลานี้ถ้ามิใช่รัชทายาทกลัวว่าพวกซูย่วนเสี้ยนจู่สองแม่ลูกจะรู้ตัว เขาคงตบริมฝีปากทั้งคู่ของตัวเองแรงๆไปแล้ว
ทว่าในวินาทีนั้นเอง เขาพลันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ นั่นก็คือเสด็จพ่อส่งคนไปมณฑลชิงเหอลอบสังหารบิดามารดาบุญธรรมของซูเซียงทั้งตระกูล
เวลานี้เอง เขาได้ยินเสียงทะเลาะและเสียงศาสตราวุธปะทะกันดังแว่วมาจากที่ไม่ไกล เขามิได้โง่เขลา ย่อมรู้ว่าเป็นคนของจักพรรดิกับคนของพระพันปีเผชิญหน้ากันแล้ว
ตอนนี้ต่อให้เขาเข้าไปไกล่เกลี่ยก็ไม่ทันแล้ว รวมถึงเขาเชื่อมั่นว่าไม่ว่าอย่างไรคนของเสด็จย่าก็สามารถปกป้องซูเซียงได้ แต่ทางมณฑลชิงเหอนั่นไม่แน่
ดังนั้นรัชทายาทจึงใช้วรยุทธ์ที่เขาไม่เคยเปิดเผยมาก่อนแม้แต่น้อย ขยับมือเท้าออกมาอย่างแผ่วเบากลับถึงวังบูรพาอย่างรวดเร็ว จากนั้นสั่งการคนออกไปช่วยครอบครัวของซูเซียงทันที
ทว่าข่าวที่คนรับภารกิจส่งกลับมากลับบอกว่าคนหายไปทั้งบ้านแล้ว แต่นี่เป็นเรื่องตอนบ่ายของสองวันให้หลังแล้ว เวลานั้นเขาไม่ได้เป็นรัชทายาท แต่เป็นจักรพรรดิอย่างถูกต้องชอบธรรมแล้ว
คนของฮ่องเต้กับคนของพระพันปีต่อสู้กันขึ้นมา แต่เพราะอยู่ต่อหน้าวิญญาณของพระพันปีจึงไม่กล้ากระทำเกินเลยนัก สองฝ่ายมากน้อยก็ยังเกรงๆกันอยู่บ้าง ไม่ได้ฆ่าคนจริงๆ แต่เลือดกลับสาดกระเซ็นเต็มพื้น
ขณะที่จักรพรรดิกำลังพิโรธ คนของพระพันปีก็กำลังคิดอยู่ในใจว่าควรโค่นจักรพรรดิองค์นี้ลงแล้วเปลี่ยนรัชกาลใหม่ดีหรือไม่ อย่างไรเสียตอนพระพันปีจากไปก็เคยพูดเรื่องเช่นนี้กับพวกเขา ภายใต้สถานการณ์เลวร้ายสุดวิสัยก็จำเป็นต้องปกป้องซูเซียง ปกป้องราษฎรทั้งใต้หล้า
ในภาวะชะงักงันนี้เอง เจ้าอาวาสวัดไท่ฉางซึ่งก็คือหลวงพ่อที่ซูเซียงเคยส่งโสมพันปีต้นนั้นไปให้ก็รีบเร่งเข้ามา
“โยมผู้อุปถัมภ์เป็นอะไรหรือไม่?” เจ้าอาวาสเข้ามาก็รีบร้อนไปถามไถ่ซูเซียงด้วยความเป็นห่วง กวาดสายตามองประเมิน
“ขอบพระคุณพระอาจารย์ห่วงใย ” ซูเซียงพูดแล้วก็พนมมือไหว้เจ้าอาวาส
แม้ในยุคปัจจุบันซูเซียงไม่เชื่อในพุทธะหรือพระเจ้า แต่ด้วยหลังประสบเรื่องทะลุมิตินางเองก็เริ่มเชื่อเรื่องพวกนี้ รวมกับครานั้นคิดว่าเสียลูกไปแล้วคิดอยากทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เขา ดังนั้นนางจึงสวดมนต์ไม่น้อย
ตอนแรกเริ่มนางแค่อยากทำบุญให้ลูกจึงอ่านคัมภีร์พุทธเหล่านั้น ทว่าต่อมายิ่งศึกษามากขึ้นก็ยิ่งลึกซึ้ง รับรู้ถึงความเมตตาและเวทนาของพุทธศาสนา
ฉะนั้นการไหว้เจ้าอาวาสของนางครั้งนี้จึงกระทำด้วยความจริงจังและจริงใจ มิใช่เพราะเวลานี้มีคนเข้าหานาง จึงกระทำอย่างหวังผล
เป็นเพราะซูเซียงส่งโสมพันปีต้นนั้นไปให้ท่านเจ้าอาวาสจึงรอดชีวิตกลับมา และเพราะพระพันปีเอ็นดูเซียงหรงจวิ้นจู่คนนี้ ดังนั้นวันนี้พอพลวงพ่อได้รับข่าวก็รีบมาหาทันที
เดิมทีแค่อยากตอบแทนบุญคุณ และเห็นแก่มิตรภาพของพระพันปี แต่คิดไม่ถึงว่าพอพบเจอซูเซียงครั้งแรกก็เอ็นดูเด็กรู้ความรู้มารยาทคนนี้เลย
มองดูคิ้วตาของนาง เกิดมาดีจริงๆ เปี่ยมเมตตา มีกิริยาท่าทางอย่างพุทธศาสนิกชน
และแม้อยู่ภายใต้สถานการณ์วุ่นวายเช่นนี้ สีหน้าของนางขรึมลงเล็กน้อยทว่ากลับไม่มีความตื่นตระหนกและลนลานใดๆ ช่างเป็นเด็กดี โธ่…
“เจ้าลาแก่หัวโล้น ทางที่ดีไสหัวไปได้ไกลเท่าไรก็ไปให้ไกลเท่านั้น มิใช่บอกว่าเป็นคนของพุทธะหรอกหรือ? มาแส่เรื่องชาวบ้านทำไม!” จักรพรรดิเห็นมีคนมาช่วยซูเซียงก็ไม่พอใจอย่างมาก
นึกถึงตัวเองที่เป็นจักรพรรดิมาสามสิบกว่าปีแล้ว ทำงานวิริยอุตสาหะมาโดยตลอดยังไม่เคยมีคนเข้าข้างตนมากถึงเพียงนี้ มีสิทธิ์อะไรที่คนชั่วอย่างซูเซียงถึงมีคนเข้าข้างนางมากขนาดนี้? บัดนี้ยังปกป้องนางอย่างไม่นึกเสียดายชีวิตอีก มีสิทธิ์อะไร!
จักรพรรดิยิ่งคิดยิ่งไม่พอพระทัย บริภาษคนโดยไม่ยั้งคิดแม้แต่น้อย
ตอนที่ 894 ไม่คู่ควรเป็นกษัตริย์ปกครองแคว้น
อย่างไรก็ตามศาสนาพุทธถือเป็นศาสนาประจำชาติต้าหรง รวมถึงเจ้าอาวาสท่านนี้ยังเป็นสหายสนิทกับมารดาของตนที่เพิ่งลาโลกไป เอ่ยวาจาเช่นนี้ต่อหน้าดวงวิญญาณของพระพันปีได้อย่างไร?!
แต่จักรพรรดิที่โมโหจนสมองบวมลืมสิ้นทั้งหมดทั้งมวล ชี้นิ้วด่าทอท่านเจ้าอาวาสอย่างเจ็บแสบ บอกว่าคนเป็นลาแก่หัวล้าน ออกบวชก็ออกบวชแล้วยังมายุ่มย่ามเรื่องทางโลกทำไม ไล่คนให้ไสหัวไปอะไรทำนองนั้น
เดิมทีวันนี้เจ้าอาวาสเพียงคิดเข้ามาพาซูเซียงออกไปเท่านั้น สำหรับจักรพรรดิองค์นี้พลาดพลั้งทำผิดอย่างไรก็เป็นบุตรชายแท้ๆของสหายที่เพิ่งลาโลกไปของตน เขาเองก็ไม่อยากทำให้เรื่องเกินเลยใหญ่โต
ฉะนั้นตอนฮ่องเต้ด่าทอเขาเขาจึงอดทนไว้ เพียงท่องอมิตาพุทธมิได้เปล่งวาจา จนกระทั่งจักรพรรดิตรัสขึ้นว่า “เจ้าลาแก่หัวโล้น ถ้ายังไม่ไสหัวไป เจิ้นจะฆ่าภิกษุทั้งใต้หล้าให้หมด! เจิ้นเป็นจักรพรรดิ อยากฆ่าใครก็ได้! ใครใช้ให้เจ้ามาแส่เรื่องชาวบ้าน ถึงเวลาเข้าวังพญายม นั่นล้วนเป็นเจ้าทำร้ายพวกเขาให้ตาย ไม่ใช่เรื่องของเจิ้น ฮ่าฮ่า!”
ฟังถึงตรงนี้ เจ้าอาวาสก็ถอนหายใจส่ายหน้า
ตอนที่เขามองไปยังจักรพรรดิอีกครั้งหนึ่งกลับไม่มีความเมตตาเช่นก่อนหน้า และเปิดปากกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ตัวท่านเป็นจักรพรรดิ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ถูกอำนาจวาสนามอมเมาสายตา ไม่สนใจความปลอดภัยของราษฎรและบ้านเมือง มิคู่ควรเป็นกษัตริย์ปกครองแคว้น!”
เจ้าอาวาสพูดถึงตรงนี้ดูเหมือนเริ่มทนไม่ไหวแล้ว เหลือบมองไปทางโถงเซ่นไหว้หนึ่งสายตาแล้วขบฟัน ต่อให้เป็นลูกของสหายเก่าแก่ก็ไม่อาจปล่อยไว้ได้ มิเช่นนั้นล่ะก็ คนที่เสียหายจะเป็นราษฎรทั้งใต้หล้า!
ดังนั้นเจ้าอาวาสจึงหยิบของชิ้นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อกว้าง น่าตื่นตกใจว่าถึงกับเป็นตรามังกร
จักรพรรดิครั้นเห็นของที่เขาหยิบออกมา ก็ตื่นตะลึงตกใจ พูดลนลาน “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ พวกเจ้าลักลอบสร้างตรามังกรของจักรพรรดิองค์ก่อน นี่มันก่อกบฏ ทหาร ทหารมาจับพวกโจรก่อกวนราชสำนักพวกนี้ไว้!”
จักรพรรดิร้อนรุ่มยิ่งนัก ร้องตะโกนให้คนของเขาลงมือ
คราวนี้เจ้าอาวาสเจ็บปวดสิ้นหวัง ถอนหายใจกล่าว “ท่านเป็นโอรสของจักรพรรดิองค์ก่อน แม้แต่สมบัติของจักพรรดิองค์ก่อนก็ยังจำไม่ได้เชียว? ถือครองของปลอมเลียนแบบไว้อันหนึ่งก็นึกว่าตัวเองเป็นหนึ่งในปฐพีแล้วหรือ? ไม่มีราษฎรแล้วจะมีกษัตริย์มาจากไหน? ไม่มีกษัตริย์แล้วจะมีตรามังกรมาจากไหน? แม้แต่ความสัมพันธ์ภายในเจ้ายังไม่แจ่มแจ้ง นับประสาอะไรกับเป็นผู้ปกครองแคว้น!”
จักรพรรดิในเวลานี้ร้อนรนแล้ว เรื่องตรามังกรไม่อาจหยิบมาล้อเล่นได้เป็นอันขาด อีกทั้งเมื่อครู่ตนยังข่มขู่ลาหัวโล้นผู้นี้ว่าตนจะฆ่าภิกษุสงฆ์ทั้งใต้หล้า เพื่อปกป้องสงฆ์ทั้งใต้หล้าแล้วเขาไม่มีทางหลอกลวงตนแน่ ถ้าอย่างนั้น อย่างนั้น…
ในพระทัยฮ่องเต้ค่อนข้างวิตก หยิบตรามังกรอันนั้นออกมาจากแขนเสื้อ คิดไม่ถึงว่ากลับมือสั่น ทำหล่นลงพื้นดังเพล้ง กระแทกเข้ากับก้อนหินพอดี แตกออกเป็นสองซีก
ฮ่องเต้ถึงค่อยตื่นตะลึงครั้งใหญ่ ตรามังกรของจักรพรรดิองค์ก่อนตีด้วยทองคำบริสุทธิ์ เป็นไปได้หรือที่ร่วงลงบนก้อนหินแล้วจะแตกออก?!
เขาส่ายหน้าไม่หยุด นิ้วมือสั่นชี้ฝูงชนตรงหน้า ร้องโวยวายเหมือนพวกหญิงปากร้าย”เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ พวกเจ้ามันโจรสมคบศัตรูก่อกบฏ พวกเจ้ามันกบฏก่อกวนราชสำนัก ทหาร ทหาร จัดการให้เจิ้นทั้งหมด! ถ้าผู้ใดฆ่าลาแก่หัวล้านกับหญิงชั่วคนนั้นได้ ข้าให้รางวัลแต่งตั้งเขาเป็นว่านฮู่โหว! ”
รางวัลใหญ่ย่อมมีผู้กล้า แม้มีหลายคนมองออกว่าสถานการณ์ไม่เอื้อให้จักรพรรดิ แต่ก็คิดอยากมียศเป็นโหวหมื่นครัว จึงมีคนส่วนน้อยคิดลงมือทำเรื่องโง่เขลา
ในตอนที่กำลังจะเกิดการต่อสู้ขึ้นอีกครั้ง เงาร่างสายหนึ่งก็มาถึงอย่างปราดเปรียวฉับไว
เคราขาวลอยพลิ้ว พัดพาไอเซียนอมตะ คนผู้นี้ก็คือตาแก่ที่เพิ่งออกจากด่านฝึกวิชา ราชครูของแคว้นต้าหรง
หลังเขามาถึงเพียงกวาดสายตามองหาซูเซียงแล้วหยิบสัมภาระของตัวเองออกมานั่งลงกับพื้น เริ่มร่ายคาถาพยากรณ์
จากนั้นเขาก็กระอักเลือดสดออกมาคำหนึ่ง มวลอากาศสั่นกระเพื่อมเล็กน้อย จู่ๆกลางอากาศก็มีสายฟ้าตกลงมาหลายสาย กระทบลงรอบตัวองค์จักรพรรดิพอดิบพอดี ถึงขั้นยังมีกระแสไฟฟ้าสายเล็กสายหนึ่งระเบิดจนเกศาของจักรพรรดิชี้ตั้งขึ้นมา เมฆทะมึนปกคลุมท้องฟ้าทันใด มวลหนาหนักยิ่งกว่าอากาศมืดครึ้มเมื่อครู่