เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา - ตอนที่ 43 กั๋วซือสำคัญกว่า (3) / ตอนที่ 44 ชิงจู๋ขอยอมแพ้ (1)
- Home
- เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา
- ตอนที่ 43 กั๋วซือสำคัญกว่า (3) / ตอนที่ 44 ชิงจู๋ขอยอมแพ้ (1)
ตอนที่ 43 กั๋วซือสำคัญกว่า (3)
ไต้เอ๋อร์ส่ายหน้า ตอบแบบมึนงง “ไต้เอ๋อร์จำไม่ได้เจ้าค่ะ”
“ไม่เป็นไร” น่าหลานฉางเฉียนยิ้มดูอ่อนโยน “ผลไม้วิเศษแบบนี้ได้มาตามวาสนา งั้นท่านปู่คงได้กินแค่สองลูก ช่วงนี้ปู่ของเจ้าสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ผลไม้วิเศษนี้เอาไปให้เขากินแล้วกัน”
“แต่ว่า…” ไต้เอ๋อร์บิดนิ้วมือไปมาอย่างคนลังเล “ไต้เอ๋อร์ยังมีอีกสามลูก แต่ละคนได้คนละลูกพอดี ทำไมท่านพ่อต้องยกของตัวเองให้ท่านปู่ด้วยเจ้าคะ”
“…”
น่าหลานฉางเฉียนสูดหายใจเข้าออกลึกๆ จึงอดกลั้นอารมณ์อยากด่าคนไว้ได้
ลูกสาวคนนี้โชคดีอะไรอย่างนี้นะ
น่าหลานฉางเฉียนไปหาร้านขายยาวิเศษมาตั้งหลายที่ ซื้อยาวิเศษมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่น่าหลานไต้เอ๋อร์ใช้เงินนิดหน่อยก็ซื้อผลไม้วิเศษมาได้ถึงห้าลูกแบบสบายๆ ?
ในเมื่อยังมีผลไม้วิเศษอีกสามลูก น่าหลานฉางเฉียนจึงไม่ลังเล เขาหยิบผลเทียนหลิงกั่วจากมือของไต้เอ๋อร์แล้วกัดเบาๆ ผลไม้ชุ่มฉ่ำมีรสหวานเย็น
ไต้เอ๋อร์อดที่จะกลืนน้ำลายไม่ไหว น้ำลายเกือบจะยืดออกมาแล้ว
น่าหลานฉางเฉียนเห็นลูกสาวตัวเองมีท่าทางเป็นแบบนั้น จึงยื่นผลเทียนหลิงกั่วให้นางทั้งรอยยิ้ม “มา ไต้เอ๋อร์ กินด้วยกัน”
“เจ้าค่ะ”
น่าหลานไต้เอ๋อร์กัดคำเล็กๆ แล้วยิ้มหวานออกมา
เมื่อเทียนหลิงกั่วตกถึงท้อง ความเหนื่อยล้าของน่าหลานฉางเฉียนก็หายเป็นปลิดทิ้ง รู้สึกมีพลังเต็มเปี่ยม
“ผลไม้วิเศษนี่รสชาติดีมากๆ อยากเจอคุณปู่ที่ขายเทียนหลิงกั่วนี่ให้ลูกจริงๆ ถึงตอนนั้น ต่อให้พวกเราต้องจ่ายเงินเท่าไร ก็ต้องซื้อมาให้ได้หลายๆ ลูก”
น่าหลานฉางเฉียนถอนหายใจด้วยความเสียดาย สำหรับเขาแล้ว เทียนหลิงกั่วมีค่ามาก หากได้กินเทียนหลิงกั่วละก็ ต่อให้ไม่ได้หลับได้นอนก็ไม่รู้สึกเหนื่อย”
ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาคงทำประโยชน์ให้แคว้นหลิวอวิ๋นได้อีกหลายเรื่อง
แต่ว่าน่าหลานฉางเฉียนรู้ดีว่าไม่ควรโลภเกินไป การได้ผลไม้วิเศษมาเท่านี้ก็เป็นเรื่องยากมากแล้ว เขาไม่ควรคาดหวังให้มากกว่านี้ เพราะอย่างไรเสีย ความโชคดีแบบนี้ก็ไม่ได้มีบ่อยๆ
ตากลมโตของไต้เอ๋อร์มองดูน่าหลานฉางเฉียนอย่างอึ้งๆ แม้ว่าผลไม้จะอร่อยแต่ว่า…ท่านพ่อช่างตะกละเหลือเกิน เพื่อผลไม้นี่คิดจะไปตามหาท่านปู่ที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง
“เอ๊ะ ไต้เอ๋อร์” น่าหลานฉางเฉียนมองดูหน้าของไต้เอ๋อร์ด้วยท่าทีตกใจ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อไปว่า “ไม่รู้ว่าพ่อตาฝาดไปเองหรือเปล่า พ่อว่า…แผลเป็นบนหน้าของลูกเหมือนจะจางลงนะ”
…
ที่สวนในวังหลวง
อากาศไม่สดชื่นเหมือนข้างนอกวัง
ระหว่างทางไปป่าไผ่ทิศใต้ นางกำนัลคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าเฟิงหรูชิง ขวางทางนางเอาไว้
“องค์หญิงเพคะ หรงกุ้ยเฟยเชิญให้องค์หญิงไปพบเพคะ”
เฟิงหรูชิงยักคิ้ว มองดูนางกำนัลที่อยู่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม
นางกำลังต้องการคุยกับหรงกุ้ยเฟยเรื่องป้ายเลือดเหล็กอยู่พอดี สุดท้าย…หรงกุ้ยเฟยเป็นฝ่ายเปิดช่องให้นางก่อน?
“ไปบอกหรงกุ้ยเฟยให้นางมาพบข้าที่ตำหนักอู๋โยวตอนนี้ ถ้ามาช้าข้าจะไม่รอ”
ถ้าอยากพบนางก็มาหาเอง เฟิงหรูชิงไม่มีอารมณ์อยากไปหานางขนาดนั้น
เมื่อพูดจบ เฟิงหรูชิงก็เดินผ่านนางกำนัลคนนั้นไปโดยไม่ชายตามองแม้แต่หางตา
แต่นางไม่ได้มุ่งไปที่ตำหนักอู๋โยว หากแต่เป็นป่าไผ่ทิศใต้ต่างหาก
เพราะอย่างไร เมื่อเทียบกับหรงกุ้ยเฟยแล้ว กั๋วซือของนางก็สำคัญกว่า!
พอคิดไปว่าอีกประเดี๋ยวก็จะได้เจอกั๋วซือรูปงาม เฟิงหรูชิงก็อารมณ์ดีขึ้นทันที นางยิ้มมาตลอดทาง ทั้งยังไม่ลืมที่จะทักทายกับพวกขุนนางใหญ่ที่เดินผ่านมา พวกขุนนางตกใจอ้าปากค้าง สีหน้าราวกับเจอผีอย่างไรอย่างนั้น
องค์หญิงอันธพาลคนนี้…มีเวลา…ที่ไม่รังแกคนอื่นด้วยหรือ แถมยังทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้ม?
ตอนที่ 44 ชิงจู๋ขอยอมแพ้ (1)
ป่าไผ่ทิศใต้ ทิวทัศน์อันงดงามยามฤดูใบไม้ผลิ ข้างกระท่อมไม้ไผ่ ชายชุดขาวชายเสื้อพลิ้วตามสายลม งามกว่าเทพจำแลงลงมาแม้จะเป็นภาพด้านหลังของเขา แต่ก็ทำให้คนทั้งโลกต้องตะลึงในความงาม
“ทำไมเมื่อวานไม่มาหาข้า”
หนานเสียนพูดด้วยเสียงที่ราบเรียบ ราวกับสายลมพัดเอื่อยๆ ทำให้เฟิงหรูชิงที่เดินมาถึงด้านหลังของเขาต้องหยุดลง
สีหน้าของเฟิงหรูชิงดูจริงใจ “เมื่อวาน ข้าคิดว่ากั๋วซือรูปงามคงยุ่งมาก ข้าก็เลยไม่มารบกวนเจ้า”
“ข้านี่หรือยุ่ง”
ในที่สุดชายผู้นั้นก็หันหน้ามา ใบหน้าอันงดงามเกินใครเปรียบมีรังสีของความเย็นชา
เพียงแค่สีหน้าของเขาดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ มุมปากยิ้มน้อยๆ ดูไม่ชัดเจนนัก
เฟิงหรูชิงพยักหน้ารับแบบซื่อๆ “กั๋วซือหน้าตางดงาม ต้องมีคนมากมายมาเกาะแกะเจ้า เจ้าคงยุ่งกับการต้อนรับขับสู้กับพวกผู้หญิงเหล่านั้น จะมีเวลาที่ไหนมาต้อนรับข้า”
ไม่ว่าอย่างไร นางก็ไม่ยอมให้กั๋วซือรู้ว่านางยุ่งเสียจนลืมเขาไปแล้ว
หนานเสียนสีหน้าเรียบเฉย พูดด้วยน้ำเสียงเนิบๆ “เจ้าคิดว่าใครเข้ามาป่าไผ่ทิศใต้ก็ได้อย่างงั้นหรือ แล้วเจ้าคิดหรือว่า ใครจะมาเกาะแกะข้าก็ได้ทั้งนั้น”
เฟิงหรูชิงยักคิ้วและเดินเข้าไปใกล้ๆ หนานเสียน “กั๋วซือรูปงามกำลังจะบอกว่า มีเพียงข้าเท่านั้นที่เกาะแกะเจ้าได้ใช่หรือไม่ ข้าขอทึกทักไปเองว่าเจ้ากำลังเชื้อเชิญให้ข้านอนกับเจ้า”
สายตาของหนานเสียนสังเกตหญิงสาวที่อ้วนเหมือนหมูตอนจากหัวจรดเท้า เขายิ้มมุมปากเล็กๆ “กำลังความสามารถของเจ้าก้าวหน้าไปแค่ไหนแล้ว”
“…”
มัน…เกี่ยวอะไรกับกำลังความสามารถของข้าด้วย
หนานเสียนยิ้มน้อยๆ เดินเข้ามาหาเชิงหรูชิง “ถ้าเจ้าอยากนอนกับข้า ก็จงเพิ่มกำลังความสามารถของตัวเองซะ”
เฟิงหรูชิงกะพริบตาเบาๆ “เจ้าหมายความว่า ถ้าข้าตั้งใจฝึกตบะ ก็จะได้นอนกับเจ้า”
“อืม ข้าเคยบอกแล้วว่า ถ้าเจ้าชนะข้าได้เมื่อไร ข้าจะยอมนอนกับเจ้า”
เมื่อเห็นท่าทีสงบนิ่งของหนานเสียน เฟิงหรูชิงสีหน้าเจื่อนไป ดูท่า…หนทางสู่การได้นอนกับกั๋วซือยังอีกยาวไกล
“อย่างงั้น…ข้าขอรางวัลล่วงหน้าสักหน่อยได้หรือไม่” เฟิงหรูชิงสายตาล่อกแล่ก บากหน้าเข้าประชิดตัวกั๋วซือ แล้วจ้องมองหน้าเขาด้วยรอยยิ้ม
“ภายในหนึ่งเดือน ถ้าเจ้าไปถึงระดับตี้อู่ได้ เจ้าค่อยมาหาข้า”
ไปถึงระดับตี้อู่ ภายในหนึ่งเดือน…เฟิงหรูชิงหายใจเข้าออกลึกๆ
แต่ไหนแต่ไรมา ต่อให้เป็นคนที่เก่งที่สุดในแคว้นหลิวอวิ๋น ก็ไม่สามารถฝึกไปจนถึงระดับตี้อู่ได้ในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน โชคดีที่นางมีตำราอาหารบำรุงสุขภาพ รอให้ยาวิเศษโตนางก็เริ่มฝึกตบะได้อย่างจริงจังเสียที ไปให้ถึงระดับตี้อู่ในหนึ่งเดือนไม่ใช่เรื่องยากอะไร!
“ตกลง” นิ้วของเฟิงหรูชิงสัมผัสไปที่คางของหนานเสียนเบาๆ “กั๋วซือรูปงาม เจ้าพูดคำไหนคำนั้นนะ ถ้าข้าไปถึงระดับตี้อู่แล้ว ข้าจะมาเอารางวัลจากเจ้า”
หนานเสียนสีหน้าเรียบเฉย แต่เมื่อมองมาที่เฟิงหรูชิง เขามีแววตาที่ยากจะเข้าใจความใน
“ข้าจะไปธุระข้างนอก อีกเดือนหนึ่งถึงกลับ ป่าไผ่ทิศใต้เจ้าอยากมาเมื่อไรก็ได้ ข้าจะให้ชิงจู๋อยู่ที่นี่ ถ้าเจ้ามีปัญหาอะไร ก็มาหามันได้”
ฟ่อ ฟ่อ!
งูเขียวตัวหนึ่งโผล่หัวออกมาจากด้านหลังของหนานเสียน แลบลิ้นมาทางทิศที่เฟิงหรูชิงยืนอยู่ด้วยท่าทีไม่เป็นมิตร
เฟิงหรูชิงยิ้มมองไปที่ชิงจู๋ซึ่งท่าทีไม่เป็นมิตรกับนาง นางเอานิ้วลูบคางตัวเอง
โอ้ ซุปงูดูท่าไม่เลวนะ
ชิงจู๋ที่เป็นสัตว์วิเศษ การรับรู้ของมันว่องไวเสมอ มันคงรับรู้ได้ถึงความคิดชั่วร้ายที่อยู่ในแววตาของ
เฟิงหรูชิง มันจึงรีบหดหัวกลับลงไป “นายท่าน ข้า…ข้าไปกับท่านดีกว่า ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่”
มันรู้สึกว่า สายตาที่ผู้หญิงคนนั้นมองดูมัน ราวกับมองเห็นอาหารอย่างไรอย่างนั้น