เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 423 ระบบการสอบเคอจวี่
บทที่ 423 ระบบการสอบเคอจวี่
บทที่ 423 ระบบการสอบเคอจวี่
สรุปได้ว่างานประมูลครั้งที่แล้วพวกนางหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ ท้องพระคลังที่แต่ไหนแต่ไรมาจะมีรายรับเฉพาะตอนเก็บภาษี เวลาอื่นล้วนมีแต่รายจ่ายไม่มีรายรับ ในช่วงที่ไม่ได้เก็บภาษีจะเคยมีรายรับมากมายปานนี้เสียที่ไหน
โดยเฉพาะเหล้ากับเครื่องกระเบื้องเหล่านั้นกล่าวได้ว่าเป็นตัวทำเงินของงานประมูลเลยทีเดียว
ด้วยเหตุนี้ หนานกงสือเยวียนจึงให้ความสำคัญกับการค้าสิ่งของสองชนิดนี้รวมถึงงานประมูลอย่างมาก ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นถุงเงินของต้าเซี่ย หากดำเนินการได้ดีไม่แน่ว่าอาจช่วยให้ไม่ต้องเก็บภาษีผลผลิตทางการเกษตรจากราษฎร ทุกปีเพียงพึ่งพาการค้ากับต่างแดน อาศัยเพียงภาษีการค้าและกิจการของราชสำนักก็สามารถเติมท้องพระคลังให้เต็มได้แล้ว
เพราะเหตุนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดงานประมูลเพียงครั้งเดียว เมื่อมีครั้งแรกแล้วย่อมมีครั้งที่สองครั้งที่สามตามมา
อีกทั้งการประมูลครั้งแรก ความจริงพ่อค้าที่มาร่วมงานไม่ถือว่ามาก คนส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมเงินมาอย่างเพียงพอด้วยซ้ำ
แต่งานประมูลคราวก่อนเป็นเพียงการประชาสัมพันธ์ปูทางอย่างหนึ่งเท่านั้น รอจนพวกพ่อค้านำเหล้าองุ่นและเครื่องกระเบื้องของต้าเซี่ยไปขาย สร้างชื่อเสียงให้สินค้าของต้าเซี่ย งานประมูลครั้งที่สองต่างหากจึงสำคัญกว่า
อีกไม่นานก็จะถึงวันจัดงานประมูลครั้งที่สอง เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ หิมะเริ่มละลายไร้สิ่งกีดขวาง งานประมูลครั้งที่หนึ่งผ่านมาได้หลายเดือนแล้ว เพียงพอให้เหล่าพ่อค้าสร้างชื่อให้เครื่องกระเบื้องและเหล้าของต้าเซี่ย
หากได้ดื่มเหล้าองุ่นจากงานประมูล สรรพคุณก็น่าจะแสดงออกมาให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้ว
เหล่าพ่อค้าและชนชั้นสูงจากทั่วหัวระแหงต่างรีบเร่งเดินทางมาต้าเซี่ยเหมือนกับที่เสี่ยวเป่าและหนานกงสือเยวียนคาดการณ์เอาไว้
ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบชุดโฉมงามที่มีคนประมูลไปนั้นได้รับคำวิจารณ์ชมเชยเป็นวงกว้าง พวกชนชั้นสูงถึงกับนำตุ๊กตากระเบื้องเคลือบโฉมงามมาใช้อวดฐานะ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ได้ครอบครองตุ๊กตากระเบื้องเคลือบโฉมงาม ผู้ที่สามารถสะสมครบชุดก็จะกลายเป็นที่อิจฉาของใครต่อใคร
ด้วยเหตุนี้ ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบโฉมงามที่มีคนประมูลไปได้จึงมักถูกขายต่อในราคาสูง บางคนไม่เอาไปขายต่อ แต่นำไปเป็นของกำนัล
หากได้รับการยอมรับจากชนชั้นสูง นั่นยังมีประโยชน์กว่าการหอบเงินไปติดสินบนพวกเขาเป็นไหน ๆ
ส่วนเหล้าองุ่นที่ได้ไปจากงานประมูลครั้งก่อน แรกเริ่มเดิมทีสิ่งที่พ่อค้าเหล่านั้นหมายตาก็คือเหล้า แต่ในไม่ช้าคนที่ได้ดื่มเหล้านี้ก็ประจักษ์ถึงสรรพคุณของมัน
หนึ่งในนั้นคือนายหญิงของตระกูลสูงศักดิ์ตระกูลหนึ่งได้รับเหล้าองุ่นจากงานประมูลมาหนึ่งขวด นางโปรดปรานรสชาติของเหล้าองุ่นนี้ยิ่งจึงจิบทุกคืนก่อนนอน เพียงสามวันผ่านไป นางก็พบว่าอาการนอนไม่หลับเรื้อรังของนางดีขึ้นอย่างมาก
อีกทั้งผิวพรรณก็เปล่งปลั่ง เพียงประทินโฉมเล็กน้อยก็ดูอ่อนเยาว์กว่าเดิมหลายปี
หลังดื่มเหล้าองุ่นไปได้สักพักนางก็ไปร่วมงานเลี้ยงน้ำชา เนื่องจากสภาพอารมณ์และผิวพรรณของนางดีขึ้นอย่างมากจึงถูกใครต่อใครถามว่าใช้อะไรถึงได้ดูอ่อนกว่าวัยเช่นนี้
นายหญิงผู้นั้นค่อยตระหนักว่าเหล้าองุ่นมีสรรพคุณน่าอัศจรรย์ นางยังส่งคนไปสืบข้อมูลเกี่ยวกับคนอื่นที่ได้ดื่มเหล้าองุ่นจากงานประมูล ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่เหนือความคาดหมาย ปัญหาสุขภาพเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เป็นมานานหายสนิทเป็นปลิดทิ้ง อารมณ์แจ่มใส และผิวพรรณดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อแน่ใจแล้ว นายหญิงผู้นั้นก็ส่งคนไปหาซื้อเหล้าองุ่นจากคนที่ประมูลได้มาทันที เหล้าองุ่นเหล่านั้นกลายเป็นของรักของหวงของนางไปในที่สุด
ความเคลื่อนไหวของนางครึกโครมเกินไป จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดบังสายตาชนชั้นสูงคนอื่น เลยมีข่าวลือแพร่ออกมาว่าเหล้าองุ่นจากงานประมูลของต้าเซี่ยมีสรรพคุณช่วยเรื่องความงามและคงความอ่อนเยาว์ ตัวอย่างมีให้เห็นต่อหน้าต่อตาแล้ว คนเหล่านั้นจึงไม่แคลงใจเลยสักนิด
และก็เพราะเหตุนี้ เหล้าองุ่นจากงานประมูลครั้งแรกจึงถูกปั่นราคาจนสูงเทียมฟ้า มีคนจำนวนไม่น้อยต้องการหาผลประโยชน์จากเรื่องนี้ หากจนปัญญาที่ทั้งเหล้าและภาชนะบรรจุล้วนไม่อาจลอกเลียนแบบได้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่เบิ่งตามองเหล้าองุ่นราคาสูงเหล่านั้นตาปริบโดยไม่อาจทำอันใดได้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าปวดใจปานใด
คนที่ได้ยินข่าวและมาร่วมงานประมูลครั้งที่สองจึงมีจำนวนมากกว่าเดิม กระทั่งมีคุณหนูคุณชายตระกูลสูงศักดิ์ดั้นด้นเดินทางมาจำนวนมาก
เนื่องจากได้ฟังเรื่องราวของต้าเซี่ยจากปากพ่อค้าเหล่านั้น พวกเขาจึงตั้งความหวังไว้มาก
เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง เมืองหลวงของต้าเซี่ยก็เริ่มคึกคักขึ้นมา
เมื่อเหล่าพ่อค้าและชนชั้นสูงจากต่างแดนมาถึงต้าเซี่ยก็ได้ยินเสียงเด็กน้อยร้องขายหนังสือพิมพ์
“หนังสือพิมพ์ขอรับ หนังสือพิมพ์ สำนักศึกษาของหลวงสร้างเสร็จแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปไม่ว่าลูกหลานชนชั้นล่างหรือชาวบ้านร้านตลาดล้วนสามารถมาร่ำเรียนที่นี่ หากเรียนได้ดีสามารถสอบเคอจวี่เพื่อรับราชการเป็นขุนนาง เป็นเกียรติเป็นศรีแก่บรรพบุรุษ!”
“หนังสือพิมพ์รายวันของต้าเซี่ยรายงาน เมื่อวานนี้ฝ่าบาทและเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่เห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงระบบรับราชการแล้ว จะใช้ระบบการสอบเคอจวี่แทนการแนะนำตัวบุคคลเข้ารับราชการ”
ได้ยินเนื้อความจากปากของเด็กน้อยเหล่านั้น บรรดาชนชั้นสูงที่เพิ่งมาถึงเมืองหลวงล้วนมีสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด
หลังจากนั้นก็มีคนเป็นเดือดเป็นร้อนจำนวนมาก คนที่ไม่อาจระงับความพลุ่งพล่านใจได้ยังหันไปทางวังหลวงแล้วด่าทอออกมา แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับเสียงด่าทอตามท้องตลาด ถ้อยคำของพวกเขาสำบัดสำนวนกว่ามาก
“ระบบสอบเคอจวี่อะไรกัน ฮ่องเต้ของต้าเซี่ยผู้นี้ช่าง… ช่างหัวขบถโดยแท้ ถึงกับทำเรื่องผิดครรลองคลองธรรมเช่นนี้! ไม่กลัวว่าบรรพบุรุษจะกระโดดออกจากโลงมาสั่งสอนเขาบ้างหรือไร”
“เพ้ย… เสียแรงที่ข้าอุตส่าห์ฟังคำพ่อค้าพวกนั้นจนวาดภาพต้าเซี่ยไว้เสียเลิศหรู ที่แท้ก็มีผู้ปกครองเป็นคนเลอะเลือนไร้คุณธรรมเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้าเซี่ยเป็นดินแดนป่าเถื่อนไร้อารยะสิ้นดี!”
“ได้ยินมานานแล้วว่าฮ่องเต้ต้าเซี่ยไม่ชอบพระทัยชนชั้นสูง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะทำเรื่องที่ผิดหลักการฟ้าดิน สวนทางกับกฎเกณฑ์ของบรรพบุรุษเช่นนี้ ฮ่องเต้ต้าเซี่ยทำแบบนี้ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเกิดปัญหาตามมาแน่”
มิคาด คนที่เดินไปมาบนถนนได้ยินคำพูดของพวกเขาแล้วก็หลุดหัวเราะออกมา
“พวกท่านมาจากต่างแดนกระมัง”
บุรุษวัยกลางคนที่เป็นชนชั้นสูงเห็นว่าคนที่พูดกับเขาเป็นสตรีชาวบ้านผู้หนึ่งก็นึกดูถูกและไม่ตอบคำถามของนาง
แต่สตรีผู้นั้นกลับไม่โกรธแม้แต่น้อย
“หลักการที่พวกท่านพูดมาพวกข้าไม่เข้าใจหรอก แต่มีเรื่องหนึ่งที่พวกข้าเข้าใจดี นั่นก็คือฮ่องเต้ของพวกข้าดียิ่ง บ้านเมืองของพวกข้าก็ไม่ใช่ดินแดนป่าเถื่อนไร้อารยะ ข้าได้ยินจากบรรดาพ่อค้าจากต่างแดนพูดว่าต้าเซี่ยของพวกข้าเป็นสถานที่ดีที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยไปมาเชียวนะ”
“อีกอย่างตอนนี้ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกข้าก็ดีมาก พวกชนชั้นสูงที่สูบเลือดสูบเนื้อพวกข้ายังมีชีวิตดีไม่สู้พวกข้า ต่อไปถ้าลูกชายข้าไปเรียนหนังสือ ไม่แน่ว่าอาจได้เป็นขุนนางก็ได้ ถึงตอนนั้นข้าจะบอกให้ลูกชายข้าตอบแทนฝ่าบาทเป็นอย่างดี”
พูดจบก็จากไปโดยไม่มองสีหน้าของบุรุษวัยกลางคนผู้นั้นอีก ฮึ มาต้าเซี่ยของพวกนางแล้วยังมาว่าร้ายฮ่องเต้อีก คิดว่าอยู่ในบ้านเมืองตัวเองหรือไร ใคร ๆ ถึงจะได้ปล่อยให้เขากระทำตามอำเภอใจ
ตอนนี้นางต้องรีบไปซื้อหนังสือพิมพ์กลับไปอ่าน ถ้าลูกชายของนางไปเรียนที่สำนักศึกษาแล้วจะได้เป็นขุนนางจริง ๆ หรือ
ส่วนคนที่พูดกับสตรีผู้นั้นโมโหจนกระทืบเท้าอยู่ที่เดิม ก่นด่าสตรีผู้นั้นรวมถึงฮ่องเต้ของต้าเซี่ยยกใหญ่ สุดท้ายเขาก็ถูกจับกุมตัวอย่างรวดเร็ว โทษฐานกล่าววาจาล่วงเกินฮ่องเต้
ถ้าต้องการออกจากคุกก็ย่อมได้ แต่ต้องจ่ายค่าประกันตัวให้ครบ ไม่อย่างนั้นก็ต้องอยู่ในคุกสิบวันถึงจะถูกปล่อยตัวออกมา
คราวหน้าถ้าพวกเขาถูกร้องเรียนว่ากล่าววาจาล่วงเกินฮ่องเต้อีกก็จะถูกจับอีก
ถ้าพวกเจ้าเงินหนาพอก็จ่ายค่าประกันตัวต่อไปก็แล้วกัน