เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 44 เสี่ยวเป่ามีพี่ชายหลายคน!
บทที่ 44 เสี่ยวเป่ามีพี่ชายหลายคน!
บทที่ 44 เสี่ยวเป่ามีพี่ชายหลายคน!
ที่แท้คนผู้นี้ก็คือพี่ชายอีกคนของนาง แล้วคนที่เหลือเล่า…
เสี่ยวเป่ากวาดตามองข้าง ๆ พี่รอง
ทว่าน้ำเสียงอ่อนโยนของหนานกงฉีซิวดังขึ้นก่อน ไม่รอให้เสี่ยวเป่าเอ่ยถามทีละคนเดี๋ยวจะงงเสียเปล่า ๆ
“คนถัดไปเป็นพี่สาม พี่สี่ และพี่ห้าของเจ้า”
องค์ชายสามผู้มีท่าทีหม่นหมองและไม่ชอบหัวเราะ ผิวขาวจนเกือบซีด เขานั่งดื่มด้วยแววตาเศร้าหมอง ไม่คิดจะหันมาทักทายเสี่ยวเป่าเลยแม้แต่น้อย
องค์ชายสี่ตัวสูงกว่าพี่น้องคนอื่น ๆ ทั้งที่ยังเป็นเด็ก และเหมือนจะสูงกว่าเหล่าพี่ชายด้วยซ้ำ ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม รูปร่างบึกบึน แต่มีนิสัยเรียบง่าย ตรงไปตรงมา
เขาเห็นว่าเสี่ยวเป่ากำลังมองก็เกาหัวแกรก ๆ คล้ายทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอ่ยทักทายเสี่ยวเป่าพร้อมใบหน้าที่เริ่มเห่อร้อนขึ้น
“น้องหญิง”
เสี่ยวเป่ามองตาปริบ ๆ พร้อมเอ่ยเรียกพวกเขาน้ำเสียงนุ่มนวล
“พี่สาม พี่สี่ พี่ห้า”
องค์ชายสามหนานกงฉีอวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองนาง จากนั้นก็พยักหน้าและเม้มปากโดยไม่เอ่ยอันใดแม้แต่คำเดียว
องค์ชายสี่หนานกงฉีอิงในยามนี้สีหน้าแดงก่ำหลังถูกเรียกว่าพี่ชาย เขาเหมือนสุนัขตัวใหญ่ที่ไร้เดียงสา แม้จะดูดุร้าย แต่จริง ๆ แล้วจิตใจอ่อนโยน
องค์ชายห้าหนานกงฉีหลิงฉีกยิ้มกว้างราวกับแสงแดดสดใส เป็นคนอบอุ่นชวนหลงใหลดั่งตะวันดวงใหญ่ แม้จะรูปร่างไม่สูงเท่าองค์ชายสี่ แต่ก็ดูแข็งแกร่งกว่าพี่น้องคนอื่น ๆ
เด็กชายอายุสิบสี่ผิวสีข้าวสาลีดูสุขภาพดี กายแกร่งดั่งวีรบุรุษ ไร้ความระทมทุกข์ในจิตใจ
“น้องหญิง ๆ ข้าคือพี่ห้าของเจ้า ที่จริงข้าอยากพบเจ้ามานานแล้ว แต่ก็ไม่มีโอกาส”
เสี่ยวเป่าที่ได้รู้จักพี่ชายทั้งแปดคนแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข แม้จะยังคงคุกเข่าอยู่บนเบาะ แต่ท่าทางมีความสุขจนผมสะบัดเช่นนั้น หนานกงฉีซิวเห็นแล้วยังต้องหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“ดีใจถึงเพียงนั้นเลยหรือ?”
หนานกงฉีโม่หันมองเจ้าก้อนแป้ง แก้มสีแดงบนใบหน้าขาวราวกับหิมะของคนตัวเล็ก ยามนางยิ้มฟันขาวซี่เล็ก ๆ พลันโผล่ออกมาอวดสายตาผู้คน ทั้งดวงตากลมโตแสนน่ารักคู่นั้นที่กำลังพร่างพราวราวกับดาวดวงน้อยนั่นอีก
อืม… เหมือนว่าเขาจะเริ่มเมาหน่อย ๆ แล้วนะ ถึงได้รู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่บนเมฆหมอก
เสี่ยวเป่าพยักหน้าและตอบคำถามของพี่ใหญ่ด้วยน้ำเสียงสุดจะร่าเริง
“ดีใจสิเพคะ เสี่ยวเป่ามีพี่ชายแปดคน ตั้งแปดคนเลยนะเพคะ!”
น้ำเสียงนั้นช่างฟังดูโอ้อวดเสียจนองค์ชายสามผู้เคยเมินเฉยต่อนาง ยังอดไม่ได้ที่จะเหลือบมอง
หนานกงฉีโม่ลอบยิ้มอยู่ในใจ ทว่ามันกลับฉายแววออกมาผ่านนัยน์ตาคมเฉี่ยวดุจสุนัขจิ้งจอกคู่นั้นอย่างชัดเจน
“แค่มีพี่ชายแปดคนก็มีความสุขแล้วอย่างนั้นหรือ?”
เจ้าเด็กนี่โง่หรือซื่อบื้อกันแน่ ประสูติในราชวงศ์การมีพี่น้องมากมายหาใช่เรื่องดี
จู่ ๆ ลูกองุ่นก็ลอยขึ้นมาจรดปากบางด้วยนิ้วเรียวยาวสีขาวราวกับหยก เสี่ยวเป่าอ้าปากและกินมันโดยไม่รู้ตัว
มองตามมือที่ป้อนไป เป็นพี่ใหญ่ที่กำลังป้อนเจ้าก้อนแป้ง!
“ต้องมีความสุขสิ ตอนที่เสี่ยวเป่าอยู่ที่หมู่บ้าน เด็กคนอื่น ๆ มีพี่ชายคอยปกป้อง แต่เสี่ยวเป่าไม่มี แต่ตอนนี้เสี่ยวเป่ามีพี่ชายตั้งแปดคน ทั้งยังเป็นพี่ชายแปดคนที่สุดยอดสุด ๆ ไปเลย!”
แม้เสียงที่นางพูดจะฟังอู้อี้เพราะกำลังกิน แต่นางพูดช้า ๆ ทุกคนจึงได้ยินสิ่งที่นางพูดชัดทุกคำ หนำซ้ำเจ้าตัวเล็กยังเน้นเสียงคำว่า “พี่ชายแปดคน” อีกด้วย
ทำให้ดูออกง่ายมากว่าคนตัวเล็กมีความสุขจริง ๆ
หนานกงฉีโม่หรี่ตาลง “ยังมีเรื่องที่น่าดีใจกว่านี้อีก อยากฟังหรือไม่?”
เสี่ยวเป่าเอียงคอถามอย่างสงสัยใคร่รู้ “เรื่องอันใดหรือพี่รอง!”
หนานกงฉีโม่ “อืม… เหมือนว่าเจ้าจะมีญาติผู้พี่อีกยี่สิบกว่าคนนะ”
เสี่ยวเป่า “!!!”
ทันใดนั้น ดวงตาของนางก็เบิกกว้างอีกครั้ง แต่คราวนี้ถึงกับต้องยกมือน้อยขึ้นปิดปากที่อ้าหวอไว้ด้วย
“ยี่สิบกว่าคน?”
เสี่ยวเป่าก้มหน้าลงและเริ่มนับนิ้ว นางถึงได้พบว่าสิบนิ้วน้อย ๆ ของนางมันใช้นับไม่พอ… เสี่ยวเป่าพลันฉุกคิดในใจว่า ชาติที่แล้วนางเอาแต่เที่ยวเล่น นางถึงได้ไม่รู้เรื่องราวของโลกมนุษย์เลยสักนิด!
สรุปว่า… เป็นนางที่ไม่เอาไหน!
“เยอะจริง…”
แค่จะนับยังนับไม่ได้!
เห็นนางนั่งทำหน้าเอ๋อ หนานกงฉีโม่ก็ยิ่งมีความสุข
“แล้ว… ญาติผู้พี่อยู่ที่ใด?”
หนานกงฉีโม่ยกพัดชี้ไปยังฝั่งตรงข้าม “สองคนที่นั่งถัดจากอาเจ็ด ส่วนที่เหลืออยู่ที่จวนอ๋องไม่ได้มาด้วย คนสวมชุดดำนั่นก็ใช่ ยังมีคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้มาอีกเช่นกัน”
เสี่ยวเป่ามองตามทิศทางที่พัดชี้ หนานกงหลีก็อยู่ที่นี่ แต่อยู่ฝั่งตรงข้าม วันนี้เขาสวมชุดสีม่วง ทั้งยังแหวกคอเสื้อเสียจนเห็นหน้าอกกว้าง ๆ ขาว ๆ
แต่ต้องยอมรับว่าเขาดูดีทีเดียว ท่าทีทรงเสน่ห์เกินต้านทานเช่นนี้ ไม่รู้ว่าทำให้สาว ๆ ที่นี่หน้าแดงไปแล้วเท่าไร บางคนก็ทำท่าเขินอายแต่ก็ยังแอบมอง
แต่มีคนบางประเภทไม่ค่อยพอใจในตัวเซียวเหยาอ๋องที่เป็นเช่นนี้ ทว่าเซียวเหยาอ๋องผู้นี้หน้าหนาเกินต้าน มีหรือจะเก็บคำพูดพวกนั้นมาใส่ใจ บางครั้งเขาเผลอพูดจาเสียดสีให้คนพวกนั้นโมโหจนเลือดขึ้นหน้า แต่ก็ทำอันใดเขาไม่ได้
“เสี่ยวเป่า ในที่สุดเจ้าก็จำอาเจ็ดได้แล้วสินะ”
ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาวางเหยือกหยกขาวลงบนโต๊ะพร้อมส่งยิ้มบาง ๆ ให้นาง
แม้ในงานจะมีเสียงร้องรำทำเพลง ทว่าเสียงที่เซียวเหยาอ๋องเอ่ยกับคนตัวเล็กนั้นดังไม่น้อย ผู้คนรอบ ๆ จึงได้ยินไปด้วย
จากนั้นสายตาของผู้คนก็จับจ้องมาที่เสี่ยวเป่าอย่างเปิดเผย
ใบหน้าน้อย ๆ อันอวบอิ่มของคนตัวเล็กเริ่มฉายแววประหม่าอีกครั้ง
“เสด็จอาเจ็ด”
เสียงเล็ก ๆ ของเด็กน้อยฟันน้ำนมทำให้เซียวเหยาอ๋องรู้สึกสบายใจทั้งกายและใจ เขาไม่คิดสนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้น ขณะผายมือดันหลังบุตรชายทั้งสองที่ไม่ได้เต็มใจออกมา
“มา ๆ มารู้จักกันไว้ เจ้าสองคนนี้คือญาติผู้พี่ของเจ้า แล้วก็เจ้าเด็กน้อยที่อยู่ตรงนั้นคือบุตรชายของเสด็จอาสามของเจ้า ล้วนเป็นญาติผู้พี่ของเจ้าทั้งหมดเลย”
โชคดีที่หนานกงชิงไม่เคยถูกท่านพ่อของตนรังแก เขาจึงทักทายเสี่ยวเป่าอย่างยิ้มแย้ม
“ญาติผู้น้อง”
บุตรชายคนรองของหนานกงหลีมองเสี่ยวเป่าแวบเดียวแล้วค่อยเอ่ยทักทาย
“ญาติผู้น้องตัวน้อย”
สองคนนี้อายุเท่ากัน หน้าตาก็คล้ายคลึงกันย่อมต้องเป็นฝาแฝดกันแน่ ๆ
พวกเขารู้เรื่องญาติผู้น้องตัวน้อยคนนี้อยู่แล้ว เพราะเรื่องที่พ่อผู้ให้กำเนิดก่อไว้ พวกเขาสองพี่น้องจึงถูกท่านพ่อขโมยของเล่นต่าง ๆ นานาเพื่อนำมาให้คนในวังอย่างไรเล่า
พวกเขาถูกท่านพ่อสั่งให้ไปตระเวนหาซื้อของทุกวัน ยามนั้นยังไม่ได้พบหน้าญาติตัวน้อยจึงรู้สึกไม่พอใจนาง
ทว่าพอได้พบแล้ว ญาติผู้น้องตัวน้อย ๆ ดูนุ่มนิ่มบอบบางน่าทะนุถนอม เป็นเช่นนี้แล้วญาติผู้พี่ทั้งสองจะปริปากบ่นสิ่งใดได้อีก
ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของท่านพ่อที่ไว้ใจไม่ได้ ญาติผู้น้องตัวน้อย ๆ ผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอันใดด้วยหาได้มีความผิดแม้สักนิด
เสี่ยวเป่าหัวเราะร่าอย่างผาสุก ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนหวานกับบรรดาญาติผู้พี่
นางมีพี่ชายเยอะดีทีเดียว! เฮ้อ… มีความสุขสุด ๆ
เด็กหนุ่มทั้งหลายถูกน้องสาวแสนสวยโปรยผงความน่ารักใส่เสียแล้ว นี่ช่างแตกต่างจากน้องชายที่จวนเสียจริง!
จุดประสงค์หลักของงานเลี้ยงนี้คือเพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ถึงการมีอยู่ขององค์หญิงน้อยแห่งราชวงศ์ต้าเซี่ย และเพื่อให้เสี่ยวเป่ารู้จักญาติ ๆ ของนาง ถือว่าเป้าหมายสำเร็จอย่างรวดเร็ว
ทุกคนต่างสงสัยในตัวองค์หญิงน้อยผู้เป็นที่รักใคร่โปรดปรานของฝ่าบาท และในที่สุด พวกเขาก็ได้เห็นกับตา
บางคนดูแคลนว่าฝ่าบาททรงเลอะเลือน ทิ้งให้เหล่าองค์ชายผู้โดดเด่นไว้ตามลำพังไม่สนใจไยดี แต่กลับไปโปรดปรานพระธิดา
แน่นอนว่าตอนนี้พวกเขาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ฝ่าบาททรงมีพระโอรสถึงแปดคน พอมีพระธิดาที่เป็นเช่นนี้เข้ามาในชีวิต นับว่าเป็นโชคดีเกินจะหาสิ่งใดเปรียบได้ ไม่แปลกที่ฝ่าบาทจะทรงโปรดปรานองค์หญิงน้อยถึงเพียงนี้