แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 341 ไอ้ตัวต้นเหตุกงจี้
หลิวจิ้งอี๋เดินทางมาตลอดทั้งวันจึงรู้สึกเหนื่อยล้ามาก ประกอบกับช่วงนี้เขามักนอนไม่หลับ จิตใจก็แสนจะห่อเหี่ยว สีหน้าเดียวที่เขาทำใส่กงหย่าหรูคือเย็นชา “หรูเอ๋อร์ เจ้าอย่าเอาแต่ใจได้ไหม ที่นี่ไม่ใช่บ้านเจ้าและคนอื่น ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องตามใจเจ้าทุกอย่าง”
กงหย่าหรูมองหลิวจิ้งอี๋ด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ชายผู้อ่อนโยนใจดีกับนางมาโดยตลอดกลับทำหน้าดุใส่นางเพราะเจียงป่าวชิงคนนั้น
กงหย่าหรูโมโหหนัก หันกลับไปคว้าหมอนและอื่น ๆ บนเตียงที่กุ้ยจือเพิ่งปูเสร็จมา นางปาทุกอย่างใส่หลิวจิ้งอี๋ไม่ยั้งมือ
“ไป! พี่ออกไปเลย! ข้าไม่อยากเห็นหน้าพี่แล้ว!”
หลิวจิ้งอี๋ขมวดคิ้ว ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเพื่อให้กงหย่าหรูระบายอารมณ์ใส่เขาเสียให้พอใจ ถ้าหากว่าเป็นแค่หมอนกับผ้าห่มเขาจะไม่อะไรเลย แต่กุ้ยจือเพิ่งวางกาน้ำร้อนให้กงหย่าหรูบนโต๊ะข้างเตียง น้ำข้างในร้อนมากชนิดที่ว่าเวลาจับจะต้องใช้ผ้าขนหนูรองมือเท่านั้นเพื่อป้องกันความร้อนลวก
น่าเศร้าที่กงหย่าหรูปากาน้ำนั้นมาทางเขา…
น้ำร้อนจากกาบางส่วนกระฉอกใส่เขาที่ยังพอหลบทันบ้าง อันที่จริงนางปามันลงพื้นทว่าเขาก็โดนอยู่ดีและหัวเสียอย่างที่สุด
“กรี๊ดดดด!” กุ้ยจือส่งเสียงร้อง กุลีกุจอรีบหยิบผ้าขนหนูไปเช็ดให้หลิวจิ้งอี๋มือเป็นระวิง
แต่กงหย่าหรูกลับไม่ตระหนักถึงความอันตรายนี้แม้แต่น้อย นางยังคงหยิบอย่างอื่นที่คว้าได้มาโยนใส่หลิวจิ้งอี๋อยู่อย่างนั้น
ในที่สุดหลิวจิ้งอี๋ก็โกรธจนทนไม่ไหว หมุนตัวเดินจากไปในสภาพที่แขนขาบางจุดถูกน้ำร้อนลวก
“คุณหนูเจ้าคะ…” กุ้ยจือถือผ้าขนหนูไว้ในมืออย่างทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนแข็งทื่อมองคุณหนูของตัวเอง
กงหย่าหรูกัดริมฝีปากล่างอย่างแรง “ฮึ่ม! ใครใช้ให้พี่จิ้งอี๋เลือกอยู่ข้างนางผู้หญิงคนนั้นแล้วพูดแทนนางกันล่ะ! เจ้าไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก วันพรุ่งนี้เดี๋ยวเขาก็หายโกรธ”
“แต่ว่า…” กุ้ยจือยังคงลังเล
กงหย่าหรูมองกุ้ยจือด้วยแววตาดุดัน “แต่อะไร ?! เจ้าเองก็อยากพูดแทนนางผู้หญิงคนนั้นเหมือนกันงั้นสิ!”
กุ้ยจือตกใจรีบคุกเข่าลงทันที “มะ… ไม่เจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่กล้า… ข้าน้อยไม่กล้าเจ้าค่ะ!”
กงหย่าหรูพ่นลมหายใจออกมาทางจมูก ยิ่งนางนึกถึงตอนที่กงจี้ทำดีกับเจียงป่าวชิงในยามปกติ เพลิงแค้นก็ยิ่งเผาไหม้อย่างบ้าคลั่งอยู่ในหัวใจของนาง
นางต้องการหาที่ระบายอารมณ์ด่วน!
……
เจียงป่าวชิงกับเจียงฉิงเปลี่ยนเป็นชุดนอนและเข้านอนกันได้สักพักใหญ่แล้ว ทันใดนั้น…
ก๊อก ๆ ๆ!
ประตูห้องกลับถูกเคาะอย่างแรงเอาตอนดึกดื่นป่านนี้ ใครหนอช่างมาได้ไม่ดูเวล่ำเวลา
เจียงฉิงง่วงจนลืมตาแทบไม่ขึ้น แต่เสียงเคาะประตูอย่างบ้าคลั่งนี้ทำให้เด็กสาวตกใจจนตัวสั่น สะดุ้งตื่นขึ้นมาในทันที นางขยี้ตาอย่างงุนงงพลางมองเจียงป่าวชิง “พะ… พี่สาว…”
เจียงป่าวชิงขมวดคิ้วพร้อมตบไหล่เจียงฉิงเบา ๆ เชิงปลอบ “เจ้านอนต่อเถอะ ข้าจะไปดูหน่อย”
เจียงฉิงพยักหน้าอย่างสะลึมสะลือ นางอ้าปากหาวก่อนจะบอกด้วยเสียงงัวเงีย “พี่สาวคลุมเสื้ออีกสักชิ้นสิจ๊ะ จะได้ไม่เป็นหวัดนะ”
ถึงอย่างไรนางก็ยังเป็นเด็ก เดินทางมาทั้งวัน ตกดึกย่อมพยุงร่างกายต่อไปไม่ไหว นางพูดไปด้วยหนังตาของนางก็ค่อย ๆ ปิดลงอย่างควบคุมไม่ได้ไปด้วย
เสียงเคาะประตูยังคงดังต่อไป ตอนที่เจียงป่าวชิงใช้เวลาลุกขึ้นสวมเสื้อคลุม เจียงฉิงสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางขยี้ตา พูดอย่างงัวเงียเช่นเดิม “พี่สาว ให้ข้าไปดูกับพี่ด้วยเอาไหมจ๊ะ”
เจียงป่าวชิงตบไหล่เจียงฉิงเบา ๆ “ไม่เป็นไรหรอกเจ้านอนเถอะ ข้าไปดูเองดีกว่า”
เจียงฉิงพยักหน้าก่อนจะผล็อยหลับไป สำหรับเจียงฉิงนั้น นางเป็นเด็กที่โตมาในสภาพแวดล้อมยากลำบากตั้งแต่เล็ก และเคยต้องตื่นกลางคันบ่อย ๆ จึงไม่ค่อยหงุดหงิดเท่าไหร่เวลาต้องตื่นกลางดึก ทว่าเจียงป่าวชิงใช้ชีวิตอย่างมีระบบระเบียบมีวินัยมาตลอดและไม่ค่อยนอนตื่นสาย ปกติแล้วโดยส่วนใหญ่นางหลับสนิทตลอดคืน ดังนั้นถ้าหากวันใดถูกทำให้ตื่นกลางคัน คนที่ทำให้นางตื่นกลางคันอาจพบกับหายนะได้เลยทีเดียว
เจียงป่าวชิงเปิดประตูด้วยสีหน้ารำคาญ พอดีกับที่มือของกงหย่าหรูที่กำลังเคาะประตูเกือบกระแทกลงไปบนตัวนาง อย่างไรก็ตามเจียงป่าวชิงคว้าเอาไว้พร้อมสะบัดออกไปได้ทัน
“เจ้าเป็นบ้าอะไรของเจ้า ดึก ๆ ดื่น ๆ มาเคาะเรียกคนอื่น ไม่รู้จักคำว่ามารยาทที่ดีรึ ?!”
เจียงป่าวชิงออกแรงสะบัดพอสมควร กงหย่าหรูจึงจับข้อมือตัวเองไว้ด้วยความเจ็บปวด “เจ้ากล้าลงไม้ลงมือกับข้า!”
เจียงป่าวชิงหงุดหงิดมาก “อ้าว! ก็ถ้าข้าไม่สะบัดมือเจ้าออก ข้าจะโง่ให้เจ้าเคาะลงมาบนตัวข้าหรือไง ?”
กงหย่าหรูหน้าบึ้ง “แต่เจ้าก็สะบัดแรงเกินไป! …ถ้าหากว่าแม่ทัพกงรู้ว่าเจ้าเป็นหญิงใจเหี้ยมเช่นนี้ เขาต้องเบื่อเจ้าแน่!”
ไอ้ตัวต้นเหตุกงจี้!
เพราะเขาแท้ ๆ แม่คุณหนูเอาแต่ใจนี่ถึงมารังควานอยู่เรื่อย
เจียงป่าวชิงสุดแสนเอือมระอาจนต้องเอ่ยขึ้นอย่างไม่สนใจ “อ้อ งั้นเจ้าก็รีบไปบอกเขาสิว่าให้เขารีบเบื่อข้าได้แล้ว”
“เจ้า!”
กงหย่าหรูเห็นว่าเจียงป่าวชิงมีท่าทีไม่ยี่หระก็โมโหจนพูดไม่ออก สุดท้ายเลือกที่จะไม่ทะเลาะกับเจียงป่าวชิงเพราะเรื่องนี้อีก แต่กลับเบียดตัวเข้าไปในห้อง กวาดตามองไปรอบ ๆ และเมื่อเห็นว่าเตียงนอนของเจียงป่าวชิงใหญ่กว่าของตัวเองจริง นางก็ยื่นคำขาดอย่างเย่อหยิ่ง “เจ้ากับน้องสาวเจ้าเก็บของออกไปซะ ข้าจะเปลี่ยนห้องกับเจ้า”
พูดเสร็จ กงหย่าหรูเดินเข้าไปจะปลุกเจียงฉิงที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง
แววตาเจียงป่าวชิงเย็นชาขึ้นทันที ไวเท่าความคิด นางเดินดิ่งไปขวางตรงหน้ากงหย่าหรูและกดเสียงเตือน “นี่ยัยคุณหนูกง ข้าขอเตือน หากเจ้าออกไปตอนนี้ ถ้าเจ้าเกิดป่วยเป็นบ้าอะไรขึ้นมา ข้าจะยังช่วยเจ้า และระหว่างเราก็จะไม่เกิดเรื่อง”
มีหรือกงหย่าหรูจะฟังเจียงป่าวชิง ในหัวนางตอนนี้คิดแค่ว่า ‘ถ้าเจ้าไม่มีความสุขสิยิ่งดี เพราะข้านี่แหละที่มีความสุข ฮ่า ๆ ๆ!’
“ข้าไม่ออก!” นางแสยะยิ้มเย้ย ๆ กำลังจะผลักเจียงป่าวชิง
นัยน์ตาเจียงป่าวชิงเป็นประกาย พลันเข็มเงินถูกดึงออกจากกำไลข้อมือ เข็มเงินแหลมคมแทงเข้าไปในเนื้อของกงอย่าหรูทันที
กงหย่าหรูตะลึงตาค้าง มองมือตัวเองที่แข็งทื่ออย่างสมบูรณ์ไม่สามารถขยับได้ นางอยากกรีดร้องแต่กลับยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อพบว่าตัวเองไม่สามารถแม้แต่จะเปล่งเสียงได้ด้วยซ้ำ
กุ้ยจือเห็นคุณหนูเป็นใบ้อย่างกะทันหัน ขยับตัวไม่ได้ชั่วพริบตาและยังพูดไม่ได้ก็ลุกลี้ลุกลน พูดจาติดอ่างไป “คุ… คุ… คุณ… คุณหนู!”
ตามปกติแล้วเจียงป่าวชิงไม่ได้อยากใจร้ายกับกุ้ยจือ แต่เวลานี้นางหงุดหงิดเอามาก ๆ เพราะถูกรบกวนการนอน เสียงที่เอ่ยสั่งกุ้ยจือจึงแฝงปนไปด้วยความดุดัน “เจ้าไปหาหลิวจิ้งอี๋และให้เขามาพาตัวคุณหนูของเจ้ากลับไปซะ ช่างน่ารำคาญจริง ๆ”
กุ้ยจือเบิกตากว้างมองเจียงป่าวชิงเหมือนเห็นผี นางไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ รู้เพียงแค่ว่าเจียงป่าวชิงเหมือนจะยกมือขึ้นเล็กน้อย แล้วจากนั้นคุณหนูของนางก็ขยับตัวไม่ได้ พูดก็ไม่ได้อีก มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่กลอกไปมาด้วยความหวาดกลัว
กุ้ยจือวิ่งโซซัดโซเซออกไป
อันที่จริง คนอื่น ๆ ที่นอนพักกันอยู่ในห้องใกล้ ๆ ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายในห้องเจียงป่าวชิง แน่นอนว่ามีคนไปรายงานให้กงจี้ทราบแล้ว
เจียงป่าวชิงเปลี่ยนชุดเพราะคิดว่าใส่ชุดนอนคงไม่ค่อยสะดวกต่อการที่จะต้องเจอคนเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่นานกงจี้ก็เข้ามาในห้องด้วยสีหน้าอึมครึม เขามาเร็วกว่าหลิวจิ้งอี๋เสียอีก
กงจี้มองกงหย่าหรูที่ยืนแข็งทื่อก็รู้สึกว่าขี้เกียจจะมอง แม้แต่อารมณ์ใด ๆ เขาก็ไม่มีให้นาง สายตาเย็นชาเลื่อนเลยไปมองเจียงป่าวชิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้แทน
“ทำไมเจ้าไม่สั่งให้คนไปรายงานข้า ?” กงจี้ถามเสียงเย็นเยือก
เจียงป่าวชิงอ้าปากหาว ท่าทางนางในตอนนี้ดูเหน็ดเหนื่อยมาก “เจ้าก็มาแล้วหนิ”
เดิมทีนางสงสารที่กงจี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้วจึงไม่อยากทำให้เขาหงุดหงิดเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ แต่ในเมื่อนางคุณหนูนี่เสียงดังโวยวายจนคนอื่นได้ยินและไปบอกกงจี้ สุดท้ายเขาก็รู้
ทว่ามาก็ดีเหมือนกัน เพราะเรื่องนี้ต้นเหตุเกิดขึ้นจากเขา เขาควรรู้ว่านี่เป็นปัญหาที่เขาก่อขึ้น
เจียงป่าวชิงครุ่นคิดอย่างละเหี่ยใจ
ในตอนนี้เอง หลิวจิ้งอี๋กับหลิวหมิงอันก็มาถึง บนตัวของหลิวจิ้งอี๋พันด้วยผ้าพันแผลมากมาย เขามาในเสื้อคลุมตัวเดียว เห็นได้ชัดว่าคงมาที่นี่อย่างรีบเร่ง
หลิวหมิงอันพูดกับกงจี้อย่างปวดหัว “เขาถูกน้ำร้อนลวกบวมพองหลายจุด ข้าเพิ่งทายาเย็นให้เขา แต่พอได้ยินว่ากงหย่าหรูก่อเรื่องอีกแล้ว เขาก็รีบวิ่งออกไป นี่ข้าก็ไม่รู้จะด่าว่าเขายังไงแล้ว”
.
.
.