แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 352 หายสาบสูญ
สองสามวันต่อมา ในที่สุดเลี่ยวชุนหยู่ก็เชื่อฟังขึ้นไม่น้อยและไม่ขัดใจเจียงป่าวชิงกับเจียงฉิงอีก เจียงหยุนชานรู้สึกปลื้มใจต่อเรื่องนี้มาก เขาพาเจียงป่าวชิง เจียงฉิง และเลี่ยวชุนหยู่ออกไปเดินเล่นรวมถึงไปหาซื้อของกลับบ้านกันมากมาย
ก่อนหน้านี้เจียงหยุนชานอุทิศตนให้วิชาความรู้ทั้งในและนอกตำรา ถึงแม้เขาจะเป็นห่วงและรักเลี่ยวชุนหยู่มาก แต่เขาไม่เคยคิดซื้อของขวัญอะไรให้กับเลี่ยวชุนหยู่เลย ตอนนี้เขากลับซื้อของขวัญมากมาย แต่ถึงอย่างไรเขาไม่ได้ให้เลี่ยวชุนหยู่เพียงแค่คนเดียว เจียงป่าวชิงกับเจียงฉิงต่างก็ได้รับของขวัญกันคนละอย่าง จากนั้นถึงจะเวียนมาถึงเลี่ยวชุนหยู่
เลี่ยวชุนหยู่รู้สึกอิจฉาในใจ เขาพลิกหนังสือภาพสวยงามที่เจียงหยุนชานมอบให้เขาอยู่ในห้องของตัวเอง จากที่แรกเริ่มค่อนข้างตื่นเต้นแต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกไม่ค่อยสนใจมันแล้ว
“ข้าไปสืบมาแล้วคุณชายเล็ก สิ่งที่คุณชายใหญ่มอบให้คุณหนูใหญ่คือเตาทองเหลืองชั้นดีที่ดูสวยงามอย่างมาก ส่วนสิ่งที่ให้คุณหนูสองเป็นเตาทองเหลืองเช่นกันแต่เล็กกว่าของคุณหนูใหญ่” ตงเส่พูดกับเลี่ยวชุนหยู่เสียงเบาราวกระซิบ
“อ้อ” เลี่ยวชุนหยู่ส่งเสียงออกมาด้วยท่าทางไร้ชีวิตชีวา
ตงเส่อุทานแล้วขยับไปตรงหน้าเลี่ยวชุนหยู่พร้อมพูดขึ้นเสียงเบา “คุณชายเล็กของข้า ทำไมท่านถึงไม่ไตร่ตรองดูหน่อย ท่านดูสิ่งของที่คุณชายใหญ่มอบให้สิ เห็นได้ชัดว่าเขากลัวคุณหนูใหญ่กับคุณหนูสองจะหนาว ความเป็นห่วงเป็นใยเช่นนี้ช่างหาได้ยาก แลดูเอาใจใส่เสียเหลือเกิน แล้วมาดูของของคุณชายเล็กสิ ท่านเองก็มีของขวัญแต่กลับเป็นหนังสือภาพที่ดูจืดชืดเล่มหนึ่งเท่านั้น ท่านดูความแตกต่างนี้สิ”
เดิมทีเลี่ยวชุนหยู่ไม่ได้คิดมากถึงขนาดนั้น แต่เมื่อตงเส่พูดมาเช่นนี้ แล้วเขาลองคิดดูดี ๆ ก็เหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดใจ
เขาลืมไปว่าตัวเขาเองชอบดูหนังสือภาพมาระยะหนึ่งแล้ว เจียงหยุนชานเองก็ใช้เวลาเลือกอย่างพิถีพิถันตั้งนานกว่าจะเลือกซื้อหนังสือภาพเล่มนี้ให้เขา เขาลืมความตั้งใจของพี่ชายไปจนหมด
ตงเส่เห็นเลี่ยวชุนหยู่ขมวดคิ้วมุ่นจึงถอนหายใจเตรียมการยุแยงตะแคงรั่วอีกครั้ง “อันที่จริงเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับข้าหรอก ข้าก็แค่รายงานความไม่ยุติธรรมให้คุณชายเล็กฟังเท่านั้น คุณชายเล็กลองคิดดูสิ คุณหนูใหญ่น่ะไม่เป็นไร เพราะถึงยังไงนางก็เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของคุณชายใหญ่ พรากจากกันมาตั้งสามปี สมควรแล้วที่คุณชายใหญ่จะรักจะเอาใจนางมากหน่อย แต่คุณหนูสองนี่สิ… เหอะ บอกว่าเป็นคุณหนูสอง แต่นางเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ ถ้าพูดกันตรง ๆ นางเทียบไม่ได้กับคนประเภทที่ถูกครอบครัวขายไปตั้งแต่เด็กด้วยซ้ำ! ในขณะที่ตัวข้าเองอย่างน้อยก็มีเจ้านายแต่เห็นได้ชัดว่าคุณหนูสองอะไรนั่นถูกคุณหนูใหญ่พาติดสอยห้อยตามกลับมาด้วย คนแบบนี้ยังคิดหวังอยากเกาะติดคุณหนูใหญ่เพื่อแย่งความรักของคุณชายใหญ่อีก คุณชายเล็ก ข้าคิดแทนท่านนะ ความรักของคุณชายใหญ่มีมากมายแต่กลับถูกแบ่งออกไปจนหมด พอเวียนมาถึงท่านมันคงเหลือน้อยแล้วแหละ”
คำพูดประโยคสุดท้ายของตงเส่เหมือนเข็มแหลมทิ่มแทงเข้าไปในทรวงอกเล็กของเลี่ยวชุนหยู่ เขากำหมัดแน่น จังหวะหายใจของเขาก็เปลี่ยนเป็นแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ตงเส่กลอกตาไปมาและพูดต่อ “คุณชายเล็ก ข้าคิดว่าคุณหนูสองเองก็มีเจตนาร้ายต่อท่านเช่นกัน ท่านดูสิ ตอนเจอหน้ากันครั้งแรกนางก็กล้ารังแกท่านต่อหน้าคุณชายใหญ่แล้ว ตอนหลังยังคิดจะกรอกขี้เถ้าใส่ปากท่านอีก นี่มันเกินไป! ข้าเดาว่านางคงคิดบีบคั้นท่านออกไปเพื่อที่นางจะได้ครอบครองความรักของคุณชายใหญ่กับคุณหนูใหญ่แต่เพียงผู้เดียว”
“อย่าแม้แต่จะคิด!” เลี่ยวชุนหยู่พูดลอดไรฟัน สีหน้าเกลียดชังอย่างที่สุดเผยออกมา
ตงเส่ได้ทีเอาใหญ่ เขาพูดบางอย่างข้างหูเลี่ยวชุนหยู่ทำให้เลี่ยวชุนหยู่มีสีหน้าลังเล ไม่รู้ว่าตงเส่พูดอะไรอีกในตอนหลัง เลี่ยวชุนหยู่ถึงได้กัดฟันอย่างโหดเหี้ยมราวกับตัดสินใจได้ในที่สุดอย่างไรอย่างนั้น “ได้! ข้าจะทำแบบนี้แหละ!”
หลังจากที่เจียงหยุนชานอยู่กับเจียงป่าวชิงมาหลายวัน บทเรียนของเขายากขึ้นและเขาก็กลับมายุ่งอีกครั้ง บางทีถึงกับกลับมากินอาหารในตอนกลางวันไม่ทัน
แรกเริ่มเจียงหยุนชานยังเป็นห่วงกลัวว่าเลี่ยวชุนหยู่จะก่อกวนในตอนที่เขาไม่อยู่บ้าน แต่ต่อมาเขาพบว่าเลี่ยวชุนหยู่ว่านอนสอนง่ายกว่าเมื่อก่อนมากจึงเบาใจขึ้น
วันนี้เจียงหยุนชานไม่ได้กลับมาร่วมโต๊ะมื้อกลางวันด้วย เจียงป่าวชิงผัดกับข้าวสามอย่าง เลี่ยวชุนหยู่กินเสร็จอย่างเงียบ ๆ และวิ่งออกไปเล่นแล้วโดยมีตงเส่วิ่งตามหลังเขาไปติด ๆ
เจียงฉิงช่วยเก็บถ้วยกับตะเกียบ จากนั้นนางไปทบทวนความรู้เรื่องเกี่ยวกับยาที่เจียงป่าวชิงสอนนางอยู่ในห้อง เสร็จแล้วก็ไปซักเสื้อคลุมที่เจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานเพิ่งเปลี่ยนเมื่อวานอย่างขยันขันแข็ง
ตอนที่นางเดินกอดเสื้อผ้าผ่านหน้าประตูห้องของเลี่ยวชุนหยู่ ฝีเท้าเด็กหญิงหยุดชะงักลงเล็กน้อย
บอกตามตรงนางไม่ค่อยชอบเด็กดื้ออย่างเลี่ยวชุนหยู่สักเท่าไหร่เลย แต่พอลองคิดดูแล้ว เขายังเด็ก อายุยังไม่ถึงสิบขวบด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ยังเป็นน้องชาย คนเป็นพี่สาวอายุมากกว่าอย่างนางไม่ควรโกรธน้องชายในทุก ๆ เรื่องขนาดนั้น
คิดได้ดังนั้นเจียงฉิงเคาะประตูห้องของเลี่ยวชุนหยู่ แต่ข้างในกลับไม่มีคนตอบรับจึงผลักประตูเข้าไปเสียเลย
เด็กผู้ชายวัยแปดเก้าขวบเป็นช่วงอายุที่กระฉับกระเฉงร่าเริงที่สุด และยังใช้เสื้อผ้าเปลืองมาก ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าสกปรกทุกวัน เมื่อวานเลี่ยวชุนหยู่เหมือนไปคลุกโคลนมา เสื้อผ้าเขาสกปรกสุด ๆ จนเจียงฉิงต้องใช้นิ้วคีบเสื้อผ้าที่สกปรกมากของเขาไปต้มในน้ำร้อน ซักให้จนสะอาดแล้วนำผ้าไปผึ่งแดด
ทำทุกอย่างเสร็จก็ใกล้เวลาเย็นแล้ว เจียงฉิงจึงบอกกับเจียงป่าวชิงสักเล็กน้อย “พี่สาวจ๊ะ ประเดี๋ยวข้าออกไปซื้อผักก่อนนะ”
เจียงป่าวชิงกำลังทำความสะอาดปัดฝุ่นทุกที่ด้วยไม้ขนไก่ ได้ยินดังนั้นนางก็พูดกำชับ “อื้ม ระวังความปลอดภัยด้วยนะ”
ร้านขายผักอยู่ใกล้บ้านมาก เดินไม่เท่าไหร่ก็ถึง เจียงป่าวชิงไม่มีอะไรให้ต้องพูดกำชับเป็นพิเศษ อีกอย่าง เจียงฉิงออกไปซื้อผักค่อนข้างบ่อย นางเองก็ถือว่าชำนาญเส้นทางแล้วด้วย
แต่จนกระทั่งเวลาพลบค่ำ ท้องฟ้าข้างนอกมืด เจียงฉิงก็ยังไม่กลับมา
เจียงป่าวชิงขมวดคิ้ว นางนั่งไม่ติดที่แล้ว
ตะวันเริ่มคล้อย ประตูใหญ่ข้างนอกเปิดออก เจียงป่าวชิงรีบรุดไปดูก็เห็นว่ายังไม่ใช่เจียงฉิง แต่เป็นเจียงหยุนชานที่เพิ่งกลับมาจากบ้านท่านอาจารย์ของเขา
เจียงป่าวชิงรู้สึกกลัวและรู้ว่าไม่สามารถรอต่อไปได้อีกแล้วจึงอธิบายให้เจียงหยุนชานฟัง “พี่ อาฉิงออกไปซื้อผักตอนบ่ายแก่ ๆ ตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย เห็นทีข้าต้องออกไปตามหานางแล้ว”
เจียงหยุนชานได้ฟังเขาเองก็พูดขึ้นทันที “ซอยร้านขายผักอยู่ไม่ไกล เย็นย่ำใกล้ค่ำขนาดนี้แล้วจะยังไม่กลับมาอีกได้ยังไง ข้าจะออกไปตามหากับเจ้าด้วย”
เลี่ยวชุนหยู่ที่ไม่รู้ว่าออกมาแอบฟังตั้งแต่ตอนไหนมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก “ไม่แน่นางอาจเล่นเพลินจนทำให้หลงทางก็ได้ พี่ยุ่งมาทั้งวันแล้ว เพิ่งกลับถึงบ้านไม่ไปพักผ่อนสักหน่อยล่ะ”
“หาอาฉิงให้เจอก่อน นี่เป็นเรื่องสำคัญกว่า” เจียงหยุนชานส่งถุงหนังสือในมือให้เลี่ยวชุนหยู่ “ชุนหยู่ เจ้าเฝ้าดูอยู่ที่บ้าน ข้ากับพี่สาวเจ้าจะออกไปตามหาอาฉิง”
เลี่ยวชุนหยู่กัดริมฝีปากโดยไม่ปริปากพูด
เจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานไปถามเจ้าของร้านขายผักที่เจียงฉิงไปซื้อผักบ่อย ๆ ตอนนี้พวกชาวสวนชาวไร่ส่วนใหญ่เก็บแผงขายของเตรียมเข้าบ้านตั้งนานแล้ว โชคดีที่มีชายชราขายผักกาดขาวคนหนึ่งกำลังสูบยาเส้นและยังไม่เก็บร้าน ชายชราคนนี้พอจะรู้จักเจียงฉิงอยู่บ้าง
“อ้อ พวกเจ้าถามถึงเด็กผู้หญิงที่ใส่เสื้อกันหนาวสีเขียวอ่อนรึ ? ที่มัดผมเป็นมวยสองข้าง พูดติดสำเนียงจังหวัดหยูเฟิงคนนั้นใช่ไหม ?”
ลักษณะที่ว่ามานี้ตรงกับเจียงฉิง
“เด็กผู้หญิงคนนั้นชอบใส่เสื้อสีเดียวกับผักกาดขาวของข้า ข้าก็เลยมีภาพความประทับใจต่อนางนิดหน่อย” ชายชราสูบยาเส้นและพ่นควันออกมา “แต่ข้าเหมือนเห็นนางกลับไปตั้งนานแล้วนะ นางซื้อผักกาดขาวของข้าด้วย แล้วก็เดินไปทางนั้น”
ชายชราชี้นิ้ว ทว่าทิศทางที่เขาชี้นั้นไม่ใช่ทางกลับบ้าน
.