แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 353 คุยกันหน่อย
สืบมาถึงตรงนี้เบาะแสก็เริ่มน่ากังวล ทิศทางที่ชายชราขายผักกาดชี้เมื่อสักครู่คือทางสามแยก ไม่มีใครรู้ว่าตกลงแล้วเจียงฉิงไปที่ไหนกันแน่
เจียงป่าวชิงกับเจียงฉิงอยู่ด้วยกันตลอดเวลาเป็นเวลาสามปี นางรู้จักนิสัยของน้องสาวคนนี้เป็นอย่างดี เจียงฉิงไม่ใช่คนที่ทำอะไรตามอำเภอใจโดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา
เจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานตามหาอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน ตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว แผงขายของในตลาดยามกลางวันถูกเก็บไปและแทนที่ด้วยแผงที่ชอบตั้งขายกันในตอนกลางคืนซึ่งถูกตั้งขึ้นสองข้างถนน เสียงตะโกนเรียกลูกค้ากับเสียงต่อรองราคาดังต่อเนื่องกันเป็นระลอก เสียงที่เจียงป่าวชิงได้ยินอยู่รอบกายนี้เหมือนนางอยู่ใกล้กับความครึกครื้นในโลกมนุษย์ แต่ในความรู้สึกของนาง นางรู้สึกว่ามันห่างไกลเหลือเกิน ตอนนี้ใจมันหวิวไปหมด
เจ้าอยู่ไหนกันนะเจียงฉิง…
…
เวลานี้ฟ้ามืดเกินไปแล้ว เจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานสองพี่น้องจึงต้องกลับไปเอาตะเกียงไฟที่บ้านมาก่อน
เลี่ยวชุนหยู่รออยู่ในห้องโถงมาโดยตลอด เมื่อเห็นว่าเจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานกลับมาแล้ว เขาเด้งตัวลุกขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ท่าทีก็ลุกลี้ลุกลน “นางยังไม่กลับมาอีกรึ ?”
เจียงหยุนชานส่ายหน้าอย่างเหนื่อยล้า เขาหยิบเศษเงินออกมาวางลงบนโต๊ะและพูดกับเลี่ยวชุนหยู่ “ชุนหยู่ คืนนี้คงไม่ได้ดูแลเรื่องการกินของเจ้า เจ้าเอาเงินไปซื้อของกินข้างนอกเถอะ แล้วพักผ่อนตั้งแต่เนิ่น ๆ นะ ข้ากับพี่สาวเจ้าจะออกไปตามหาอาฉิงอีกครั้ง”
ความลุกลี้ลุกลนบนใบหน้าของเลี่ยวชุนหยู่ยิ่งมีมากกว่าเดิม เขาถูมืออย่างประหม่าและเดินไปเดินมาอยู่ในห้องอย่างไม่หยุดหย่อน
ตอนที่เจียงป่าวชิงกำลังจะเดินออกไป นางหันไปมองในบ้านพอดีและเห็นว่าเลี่ยวชุนหยู่คล้ายกับกำลังทะเลาะอะไรกับตงเส่เสียงเบาอย่างประหม่า แม้ได้ยินไม่ชัดแต่เจียงป่าวชิงอ่านภาษาปากได้นิดหน่อยและเห็นว่าเลี่ยวชุนหยู่อ้าปากพูดคำว่า “เจียงฉิงจะไม่เป็นอะไรจริง ๆ ใช่ไหม”
เจียงป่าวชิงใจกระตุกทันที เดิมทีนางจะเดินถือตะเกียงไฟออกไป แต่ตอนนี้กลับหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องโถงอย่างรวดเร็ว
เจียงหยุนชานรู้สึกงุนงง เขาเรียกนางอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก “อะไรรึป่าวชิง ?”
เจียงป่าวชิงหันหน้ากลับมาอย่างหนักแน่น “พี่ พี่เองก็มาด้วยหน่อย”
แม้เจียงหยุนชานจะไม่รู้ว่าเจียงป่าวชิงมีเจตนาอะไร แต่เขาเชื่อเสมอว่าน้องสาวของเขาจะไม่พูดจาอย่างไร้เป้าประสงค์จึงเดินตามนางไปที่ห้องโถง
เลี่ยวชุนหยู่ยังอยากทะเลาะกับตงเส่ต่ออีกหน่อย แต่ตงเส่เห็นว่าเจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานเดินมาทางนี้ มือพลันรีบดึงแขนเสื้อของเลี่ยวชุนหยู่อย่างประหม่าและพูดขึ้นเสียงเบา “คุณชายเล็ก…”
เลี่ยวชุนหยู่สะบัดมือของตงเส่อย่างหงุดหงิด “อะไรเล่า เจ้ายังไม่ตอบคำถามข้าเลยนะ!”
ตงเส่ทำได้เพียงส่งสายตาให้เลี่ยวชุนหยู่รู้เอง
เลี่ยวชุนหยู่มองไปตามสายตาของตงเส่อย่างงุนงงถึงค่อยเห็นว่าเจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานกลับเข้ามาอีกครั้ง สายตาที่เจียงป่าวชิงมองมาทำให้เขาขนลุก นางจ้องเขานิ่ง ๆ แม้ว่าสีหน้านางจะสงบแต่สายตานั้นน่ากลัวจริง ๆ
เลี่ยวชุนหยู่กลืนน้ำลายลงคอพลางห่อตัว
เจียงป่าวชิงเข้ามาในบ้าน วางตะเกียงไฟลงบนโต๊ะข้าง ๆ แล้วหันไปมองเลี่ยวชุนหยู่ “เรามาคุยกันหน่อยสิ”
เลี่ยวชุนหยู่หน้าซีดแต่ยังคงยืนกราน “มีอะไรให้คุยด้วยล่ะ ข้า… ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว!” เขาหมุนตัวเตรียมออกไปข้างนอกอย่างลุกลี้ลุกลน “ข้าจะออกไปซื้อของกิน!”
“พี่ ขวางเขาไว้!” เจียงป่าวชิงพูดเสียงดัง
แม้เจียงหยุนชานจะไม่เข้าใจอะไรในตอนนี้ เขาก็ยังคงขวางเลี่ยวชุนหยู่อย่างมือไวตาไว
เลี่ยวชุนหยู่เห็นว่าตัวเองหมดทางหนีก็เริ่มทำตัวปลิ้นปล้อน “พี่อยากทำให้ข้าหิวตายรึ ?! ข้าจะออกไปหาข้าวกิน ปล่อยข้า!”
เจียงหยุนชานขมวดคิ้ว “พี่สาวเจ้าต้องการพูดคุยกับเจ้า เจ้าฟังเสร็จแล้วค่อยออกไปหาอะไรกินก็ได้ รบกวนเวลาเจ้าไม่นานหรอก”
สีหน้าของเลี่ยวชุนหยู่ย่ำแย่มาก มันปนด้วยความหวาดผวาอย่างสังเกตเห็นได้ ตอนนี้เขาไม่กล้าหันไปมองเจียงป่าวชิงด้วยซ้ำ
เจียงป่าวชิงเห็นดังนั้นก็ชี้ขาดได้แล้วว่าเลี่ยวชุนหยู่ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเจียงฉิงจึงพูดเสียงเย็นเยียบ “เอาล่ะ ข้าจะไม่อ้อมค้อมกับเจ้า เลี่ยวชุนหยู่ อาฉิงอยู่ที่ไหน ?”
หลังจากที่เจียงป่าวชิงถามคำถามนี้ออกไป เจียงหยุนชานตกใจทันที เขารู้นิสัยของน้องสาวตัวเองดี คนอย่างเจียงป่าวชิงจะไม่ใส่ร้ายผู้อื่นอย่างแน่นอน สีหน้าเขาเคร่งขรึมขึ้น มือที่จับแขนของเลี่ยวชุนหยู่กระชับแน่น “การที่อาฉิงหายตัวไปนี่ฝีมือเจ้าอย่างนั้นรึ ?”
เลี่ยวชุนหยู่ยังเด็ก เขาจะทนไหวได้อย่างไร เด็กชายตะโกนร้องเสียงดัง “ว้ากกกก! ทำไมพวกเจ้าแต่ละคนต่างพากันสงสัยข้า ข้าไม่รู้! ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าไอ้เด็กเถื่อนคนนั้นไปไหน”
เลี่ยวชุนหยู่พยายามตบตาด้วยการพูดจาปลิ้นปล้อน แต่ความหวาดผวาในคำพูดกลับไม่สามารถปกปิดได้ เจียงหยุนชานรู้สึกราวกับถูกต่อยหน้า เขามองเลี่ยวชุนหยู่อย่างยากที่จะเชื่อ “ทำไมเจ้าถึงทำเรื่องแบบนี้ได้ลง ?! รีบพูดมาเร็วเข้าว่าเจ้าพาอาฉิงไปซ่อนไว้ที่ไหน!” เจียงหยุนชานตะโกนถามน้องชายอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
เลี่ยวชุนหยู่มองเจียงหยุนชานอย่างตกตะลึง จู่ ๆ เขาก็ร้องไห้ออกมา “นางเป็นแค่เด็กเถื่อน! ทำไมพี่ต้องเป็นห่วงนางขนาดนั้นด้วย!” เขาร้องไห้เสียใจมากและตะโกนก้อง “ข้าต่างหากที่เป็นน้องชายพี่! เจียงป่าวชิงเป็นน้องสาวของพี่มันก็ถูกแล้ว แต่เจียงฉิงนางเป็นใครมาจากไหน พี่จะไปห่วงนางทำไม ?!”
เพี๊ยะ!
เจียงป่าวชิงเดินเข้าไปตบหน้าเลี่ยวชุนหยู่อย่างแรงก่อนจะพูดเสียงเย็น “คำถามน่าเกลียดนี้ของเจ้า ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าหลังจากที่เจออาฉิงแล้ว ส่วนการตบนี้ก็เพื่อให้เจ้าหุบปาก อย่าคิดว่าอาศัยว่าเจ้ายังเด็กแล้วข้าจะยกโทษให้กับพฤติกรรมเน่า ๆ น่ารังเกียจของเจ้า เจ้าถามอาฉิงว่าเป็นใครมาจากไหน งั้นข้าขอถามเจ้าหน่อยว่าเจ้าล่ะเป็นใครมาจากไหน ? หัวใจของคนเกิดมาจากเนื้อหนัง อาฉิงอายุมากกว่าเจ้าแค่สองสามปีแต่นางยุ่งอยู่ในบ้านทั้งวันและทำงานหนักเพื่อทั้งครอบครัว แถมนางยังจิตใจดี มีน้ำใจ เข้ากับคนง่าย มีใครบ้างที่ไม่ชอบเด็กแบบนี้ แม้เจ้าจะไม่สนใจนางแต่นางก็ยังอุตส่าห์พยายามดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ ตอนบ่ายนางตั้งใจเอาเสื้อผ้าของเจ้าไปซักให้อยู่เลย แล้วดูที่เจ้าทำกับนางสิ จิตใจทำด้วยอะไร ?!”
เจียงป่าวชิงชี้ไปที่เสื้อผ้าซึ่งตากอยู่บนราวตากผ้าในลานบ้าน “เจ้าหันกลับมามองตัวเจ้าเองสิว่าทำอะไรให้กับบ้านหลังนี้บ้าง ? นอกจากคิดหาวิธีมาทรมานพี่ชายข้าทั้งวันแล้ว เจ้ายังทำอะไรอีก เจ้าลองย้อนทบทวนดูตัวเองว่าเจ้ามีอะไรคุ้มค่าที่จะทำให้ทุกคนชอบเจ้าเหมือนที่ชอบอาฉิงบ้าง ?”
เจียงป่าวชิงพูดรัวเร็วไร้ความปราณี คำพูดของนางตบลงไปบนใบหน้าของเลี่ยวชุนหยู่อย่างแรง
เลี่ยวชุนหยู่มองเจียงหยุนชานอย่างงุนงง สีหน้าเจียงหยุนชานเคร่งขรึม เขาไม่ได้โต้แย้งคำพูดของเจียงป่าวชิง เพียงแค่มองดูด้วยสาตาตำหนิและเอ่ยถาม “เอาล่ะชุนหยู่ ตกลงว่าเจ้าพาอาฉิงไปซ่อนไว้ที่ไหน ?”
……
สุดท้ายเลี่ยวชุนหยู่เช็ดน้ำตาและพาพวกเขาไปที่บ้านร้างหลังหนึ่ง บ้านหลังนั้นไม่มีคนอยู่มาเป็นเวลานานแล้วและบ้านก็ดูจวนจะพังเต็มแก่ คานบ้านส่ายไปมาราวกับพร้อมพังทลายได้ทุกเมื่อหากมีลมพัดมาแม้เพียงวูบเดียว
ในตู้ทรุดโทรมหลังหนึ่ง ในที่สุดเจียงป่าวชิงก็พบเจียงฉิง เด็กหญิงถูกมัดอย่างแน่นหนาและปากของนางก็ถูกมัดปิดไว้ด้วยผ้า
หน้าผากของเจียงฉิงเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เห็นได้ชัดว่านางดิ้นรนอยู่นานแล้ว ตอนที่เห็นเจียงป่าวชิงเข้ามานางก็ตกตะลึง น้ำตาใสไหลลงมาจากในดวงตาของนาง
เจียงป่าวชิงรีบแก้มัดให้เจียงฉิงทันที เจียงฉิงร้องไห้โถมตัวเข้าใส่อ้อมแขนของเจียงป่าวชิง นางร้องไห้จนหายใจไม่ทัน “ฮือ ฮึก ฮือ ๆ ๆ พี่สาว ข้ารู้ว่าพี่จะต้องมาช่วย ข้ารู้…”
เจียงป่าวชิงรู้สึกสงสารจับใจ นางกอดปลอบเจียงฉิงอยู่สักพัก สุดท้ายเด็กหญิงที่ตกใจและต้องดิ้นรนเป็นเวลานาน ทั้งง่วงทั้งเหนื่อยจึงหลับไปทั้งอย่างนั้น
เจียงหยุนชานอุ้มเจียงฉิงกลับไป เด็กหญิงนอนหลับไม่สนิท คงเป็นเพราะเจอเรื่องน่าตกใจจนเกินไปร่างนางจึงกระตุกขณะหลับ เห็นเช่นนี้เจียงป่าวชิงก็กลัวว่านางจะชักกระตุกในความฝันจึงเฝ้าดูเจียงฉิงอยู่ข้างเตียงตลอดทั้งคืน
.
.