แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 461 : พูดคุยกันอย่างลึกซึง
เนืองจากการมาของศิษย์พีสองของเจียงหยุนชาน ทังช่วงนียังใกล้ปี ใหม่แล้วด้วย ผู้เฒ่าหยุนไห่จึงตังใจจะจัดงานเลียงทีบ้านในคืนนี ถือเป็ นการเลียงต้อนรับกู่ชวน ลูกศิษย์คนทีสอง และยังเชิญพวกเจียงหยุนชานด้วย
เจียงป่ าวชิงสํารวจเสือผ้าทีวางอยู่บนเตียง และเลือกมาสวมใส่สําหรับงานเลียงใน คืนนี นางเลือกชุดทีชอบและคิดว่าเหมาะสมทีสุดโดยมีมีหลิวคอยรับใช้อยู่ ด้านข้าง ส่วนสุนถาวนัน นางไปช่วยหวีผมทีห้องเจียงฉิงแล้ว
ในฐานะสาวใช้ทีรู้ว่าอะไรเป็ นอะไร มีหลิวไม่ได้ถามเกียวกับกล่องทีเพิมมาใน ห้องของแม่นางเจียงอย่างกะทันหันแต่อย่างใด รวมถึงไม่ได้ถามว่าเสือผ้าหรูหรา ทีโผล่มาอย่างแปลกประหลาดเหล่านีมาจากไหน
สําหรับการเลือกของเจียงป่ าวชิง มีหลิวก็ช่วยเลือกด้วยโดยเลือกไปพลางแสดง ความคิดเห็นของตัวเองไปพลาง “ชุดกระโปรงทอไหมสีชาตัวนีงดงามมากเลย เจ้าค่ะ รูปแบบก็แปลกใหม่ ดอกท้อบนชุดก็ปักได้อย่างละเอียดงดงาม มองดูแล้ว สมจริงจนเหมือนกับจะได้กลินหอมลอยออกมาจริง ๆ เลย ถ้าแม่นางใส่น่าจะช่วย ขับผิวให้โดดเด่นนะเจ้าคะ”
เจียงป่ าวชิงหยิบชุดกระโปรงสีชาตัวนันขึนมาทาบร่างกายตัวเองพลางส่อง กระจกตรงโต๊ะเครืองแป้งทองเหลืองในห้อง ก็จริงทีชุดนีช่วยขับให้ผิวพรรณของ นางดูดีขึน มันทังดูแปลกใหม่มีชีวิตชีวา ถ้าใส่แล้วน่าจะให้ความรู้สึกประหนึง เป็ นสาวน้อยวัยแรกแย้ม
อย่างไรก็ตาม หากมองครังแรกอาจไม่ค่อยสะดุดตาเท่าไหร่ แต่เมือลองมองอย่าง ละเอียดมันกลับทําให้ผู้คนตกตะลึงจนไม่สามารถเบนสายตาไปทางอืนได้เลย ทีเดียว
เจียงป่ าวชิงรู้สึกดีอยู่ในใจ ไม่ว่ากงจีจะเป็ นคนนิสัยแปลกประหลาดอย่างไร รสนิยมการเลือกเสือผ้าของเขากลับน่าชืนชมมาก
เสือผ้าหลายชุดในกล่องทีเขานํามาให้นีดูเหมือนถูกเลือกมาด้วยใจอย่างไรอย่าง นัน
มีหลิวมองดูอยู่ข้าง ๆ เมือเห็นเจียงป่ าวชิงทีกําลังแกว่งชุดกระโปรงเผยรอยยิม ปลืมปี ติระคนกระดากอายออกมาให้เห็นซึงเห็นได้ไม่บ่อยนัก แม้แต่นางทีเป็ น ผู้หญิงด้วยกันยังมองจนไม่สามารถเบนสายตาไปทางอืนได้เลยเช่นกัน
เจียงป่ าวชิงวางชุดกระโปรงทอไหมสีชาตัวนันกลับลงไปอย่างเบามือและให้ ความสําคัญกับมันมาก แล้วค่อยหยิบชุดกระโปรงยาวผ้าไหมสีแดงลายผีเสือร้อย ปี ทีอยู่ด้านข้างขึนมา “ข้าเลือกชุดนีแหละ”
มีหลิวตกตะลึง แม้ชุดนีก็สวยเช่นกันแต่เมือเทียบกับชุดกระโปรงทอไหมสีชาตัว เมือสักครู่ก็ยังด้อยกว่าเล็กน้อย
เจียงป่ าวชิงเห็นสีหน้าของมีหลิวก็รู้แล้วว่านางคิดอะไรอยู่ในใจจึงยิมและอธิบาย “ชุดสีแดงนีเป็นชุดทีท่านอาจารย์หยุนไห่หาคนจากเรือนเทียนอีมาตัดเย็บให้เมือ วันก่อน ในเมือคืนนีเป็นงานเลียงของจวนของท่าน แน่นอนว่าข้าต้องใส่ชุดที เหมาะกับโอกาสงานเฉลิมฉลอง จะได้เป็ นการแสดงความเคารพและให้เกียรติ ท่านอาจารย์”
มีหลิวเข้าใจทันที นางพูดขึนยิม ๆ “แม่นางคิดอย่างละเอียดรอบคอบ เป็ นข้าน้อย ทีคิดไม่รอบคอบเองเจ้าค่ะ”
จากนันทังสองคนก็ช่วยกันเลือกเครืองประดับทีเข้ากับชุดสีแดงนันแล้วมีหลิวก็ ช่วยหวีผมให้เจียงป่ าวชิง เมือเห็นว่ายังมีเวลาเหลืออีกมาก เจียงป่ าวชิงจึงเอนตัว พิงพนักเก้าอีแล้วหยิบหนังสือนิทานพืนบ้านขึนมาอ่านฆ่าเวลา
มีหลิวมองพระอาทิตย์ข้างนอก เมือเห็นว่าเสือผ้าทีตากแดดอยู่ข้างนอกแห้งดีแล้ว นางก็บอกเจียงป่ าวชิงแล้วรีบออกไปโดยไม่ลืมปิ ดประตู
มีหลิวกําลังเก็บเสือผ้าอยู่ในลานบ้านก็เห็นปี หยุนยืนมองเข้ามาในตัวบ้านด้วย ท่าทางแปลก ๆ ในช่วงเวลาทีสบตากับมีหลิว สีหน้าปี หยุนก็ดีใจอย่างเห็นได้ชัด
ในบ้านของเจียงป่ าวชิงกับเจียงฉิง ในความคิดเห็นของปี หยุนนัน เจียงฉิงไม่ จําเป็ นต้องพูดถึงเลยเพราะนางเป็ นหนามเล็ก ๆ ทีชอบขัดขวาง ส่วนเจียงป่ าวชิง นัน แม้จะมีรอยยิมในขณะทีพูด แต่ นางรู้สึกว่าเจียงป่ าวชิงดูไม่เหมือนคนทีเข้ากับ คนง่ายขนาดนัน และสําหรับสุนถาว สาวใช้คนนีมักเงียบขรึมในยามปกติซึงเป็ น นิสัยแบบของคนทีไม่สามารถพูดคุยกันได้ง่าย ๆ ดังนันปี หยุนจึงคิดว่าคนทีน่าจะ พูดคุยด้วยง่ายทีสุดในบ้านคือมีหลิว อีกฝ่ ายปฏิบัติกับคนอืนอย่างสุภาพและมี มารยาทเสมอ พฤติกรรมก็เหมาะสมและไม่มีการวางมาดใด ๆ ตอนทีทักทายกัน ในยามปกติก็อ่อนโยน ดูแล้วนางเข้ากับคนง่ายอยู่พอสมควร
ปี หยุนจึงเข้าไปในลานบ้านอย่างว่องไว เดินไปยืนข้าง ๆ มีหลิวด้วยใบหน้ายิม แย้มและทักทายมีหลิวด้วยเสียงทีไม่ดังมากนัก “พีมีหลิวยุ่งอยู่หรือจ๊ะ ?”
มีหลิวหยิบเสือผ้าขึนมาสะบัดแล้วนํามาพาดไว้บนแขน นางพูดขึนยิม ๆ “ใช่จ้ะ ตะวันบอกเวลาแล้วข้าจึงมาเก็บเสือผ้าน่ะจ้ะ”
เมือปี หยุนเห็นว่ามีหลิวมีท่าทีอ่อนโยนน่าใกล้ชิด นางรู้สึกโล่งใจจึงพูดขึนยิม ๆ “ตอนนีงานเลียงทางฝังห้องโถงใกล้เริมแล้ว พีมีหลิว แม่นางของพีเสร็จธุระแล้ว หรือจ๊ะ ?”
มีหลิวออกมาจากจวนองค์ชาย นางจึงมีความรู้สึกไวต่อพฤติกรรมแปลก ๆ อย่างเช่นเวลามีคนมาสงสัยอยากจะสืบเรืองของเจ้านาย เมือนางได้ยินปี หยุนถาม เช่นนีก็ชะงักไปเล็กน้อย แต่จากนันก็ตอบปี หยุนด้วยสีหน้าราบเรียบ “ใช่จ้ะ เสร็จประมาณนึงแล้วล่ะ”
ปี หยุนขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ ายอีกครังโดยไม่รู้ตัวพลางยิมอย่ างไร้เดียงสา “พีมี หลิวลําบากแล้ว เสร็จจากเรืองของแม่นางของพีแล้วยังต้องออกมาเก็บเสือผ้าอีก ไม่ใช่ว่าในบ้านมีเด็กรับใช้ตัวน้อยอีกหลายคนหรือจ๊ะ ? ให้พวกนางมาทําเรือง เล็ก ๆ น้อย ๆ นีแทนพีดีกว่า… คุณหนูเจียงก็เหมือนกัน นางควรรักและทะนุ ถนอมพีมีหลิวให้มาก ๆ สิถึงจะถูก”
มีหลิวรู้สึกตืนตัวมากขึนในหัวใจ แต่บนใบหน้าของนางยังคงประดับด้วยรอยยิม อ่อนโยน “จะถือว่าลําบากได้ยังไง เดิมทีนีก็เป็ นหน้าทีของข้าอยู่แล้ว ส่วนใหญ่นี จะเป็ นเสือผ้าใส่ทัวไปของแม่ นาง แน่นอนว่าสาวใช้ข้างกายอย่างเราไม่สามารถ ยืมมือคนอืนทําแทนได้”
ปี หยุนกะพริบตาปริบ ๆ นางมองเสือผ้าทีมีหลิววางกองซ้อน ๆ กันด้วยท่าทาง ปกติไม่มีแผนการใด ๆ “พีมีหลิว แม่นางของพีใส่เสือผ้าแบบปกติทัวไปเหล่ านี ไปเข้าร่วมงานเลียงในคืนนีหรือจ๊ะ ? …ข้าคิดว่าคุณหนูเจียงรูปโฉมงดงาม แต่ ในยามปกติใส่เสือผ้าเรียบง่ายไปหน่อยนะ”
“แม่นางปี หยุนระวังคําพูดด้วยจ้ะ” มีหลิวเก็บรอยยิม “คนรับใช้อย่างเราไม่มี เหตุผลมากพอทีจะไปวิจารณ์เจ้านายลับหลังนะ”
แม้ปี หยุนจะบอกว่า “จริงอย่างทีพีมีหลิวพูด” แต่กลับมีความไม่สนใจในแวว ตาของนางอย่างเห็นได้ชัด นางยิมแล้วพูดเสียงเบาว่ า “เพราะว่าทีนีไม่มีคนอืน ข้ารู้สึกถูกชะตากับพีถึงได้พูดมากเช่นนี คุณหนูเจียงเป็ นคนทีลําเลิศ ต่อให้เป็ น เสือผ้าธรรมดานางก็สามารถใส่ออกมาให้ดูดีมีเสน่ห์ได้ และไม่ต้องสนใจเรือง จุกจิกภายนอก… เพียงแต่ถึงยังไงคืนนีก็ถือว่าเป็ นงานเลียงต้อนรับท่านกู่ มันจะดู
ไม่ดีถ้าหากว่าทําอย่างลวก ๆ เกินไป” นางหยุดไปครู่หนึงแล้วถามอย่างลองเชิง “ข้าจําได้ว่าเสือผ้าของเรือนเทียนอีมาส่งให้วันนี แม่นางของพีใส่พอดีตัวหรือ เปล่า แล้วนางจะใส่ชุดนันในคืนนีใช่ไหมจ๊ะ ?”
มีหลิวไม่อยากพูดกับปี หยุนมากนักจึงพูดอย่างขอไปที “เรืองของเจ้านาย เราเอง ก็พูดอะไรมากไม่ได้หรอกนะ… ข้าเก็บเสือผ้าเสร็จแล้วและต้องกลับไปพับ เสือผ้าแล้ว ต่อไปถ้ามีเวลาเราค่อยคุยกันใหม่”
มีหลิวกอดเสือผ้าเดินไปทางตัวบ้านอย่างเร่งรีบ ปี หยุนมองแผ่นหลังของมีหลิวแล้วเบะปาก
แม้มีหลิวจะไม่ได้พูดอะไร แต่ปี หยุนสามารถเดาได้ว่าเจียงป่ าวชิงคงใส่ชุดจาก เรือนเทียนอี เพราะนอกจากเสือผ้าทีเรือนเทียนอีเพิงทําเสร็จ แม่นางเจียงจะใส่ชุด อะไรได้อีกล่ะ จริงไหม ?
นางส่งเสียงออกมาทางจมูกเบา ๆ แล้วหมุนตัวเดินออกจากบ้านอย่างอารมณ์ดี
หลังจากทีมีหลิวกลับห้องและวางเสือผ้าบนเตียงของตัวเองแล้ว นางก็เดินไปทีริม หน้าต่างและเห็นแผ่นหลังของปี หยุนเดินออกไปจากในลานบ้านผ่านทางช่อง หน้าต่าง ดูเหมือนว่าปี หยุนคนนันจะจงใจมาสืบข่าวจากนางจริง ๆ
มีหลิวไปทีห้องหลัก เมือเห็นว่าเจียงป่ าวชิงยังคงพิงพนักพิงเก้าอีอ่านหนังสือ อย่างสบายอกสบายใจ นางก็ก้าวไปข้างหน้าด้วยความเป็ นกังวลเล็กน้อย “แม่ นางเจ้าคะ เมือสักครู่ปี หยุนมาหาข้าน้อย นางพูดอ้อมอยู่สักพักแต่ข้าน้อยรู้ว่านาง คงอยากสืบว่าแม่นางจะใส่ชุดของเรือนเทียนอีไปเข้าร่วมงานเลียงในคืนนีหรือ เปล่า… แม้ว่านีจะไม่ใช่เรืองสําคัญอะไร แต่ข้าน้อยรู้สึกว่าพฤติกรรมของนาง ค่อนข้างแปลกประหลาด ดังนันข้าน้อยจึงไม่ได้บอกนาง แต่เลือกทีจะพูดอย่าง ขอไปทีแทน แม่นางคิดว่า…”
นิวมือเรียวของเจียงป่ าวชิงทีกําลังจะเปลียนหน้าหนังสือหยุดชะงัก นิวทีแตะ หน้ากระดาษสีออกเหลืองเล็กน้อยนัน สีผิวกับสีกระดาษขับรับกันทําให้ผิวของ นางดูเนียนละเอียดยิงขึ น นางยิมอย่ างเกียจคร้าน “ไม่เป็ นไรหรอก ปล่อยนางไป เถอะ”
จะสนใจทําไมว่าปี หยุนอยากก่อเรืองอะไร เพราะไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหนนางก็ มีวิธีรับมือเสอ