โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 328
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.328 – แก่นพลังงานในเงื้อมมือ
ฉินเฟิงมองไปยังชายอีกคนหนึ่งที่มีปัญหากับเขาในตอนแรก เอ่ยถามกับหูเหลียง
“ผู้ใช้พลังคนนั้นเป็นใครกัน?”
หูเหลียงรู้ว่าคำพูดของอีกฝ่ายทำให้ฉินเฟิงไม่พอใจ เร่งกล่าวโน้มน้าว “มิสเตอร์ฉิน อย่าใจแคบนักเลย คนๆนั้นคือผู้พันหยาง เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล D เขาชื่นชมในตัวโหวหยางเจียวมาก คุณสร้างเรื่องในตึกประมูลเมื่อวานนี้ ผู้หญิงตระกูลโหวคนนั้น ได้รับความอับอาย คิดว่านั่นคือเรื่องที่ทำให้เขาไม่พอใจ”
ฉินเฟิงไม่แปลกใจเลย
ความแข็งแกร่งของโหวหยางเจียวมิใช่อ่อนแอ แต่คู่ต่อสู้ของเธอคือใคร? เป็นเขาฉินเฟิง! แม้ว่าเธอจะอายุอยู่ในช่วงเลข3 – 4 แล้วก็ตาม แต่ผู้ใช้วรยุทธโบราณน่ะมีชีวิตยืนยาว ดังนั้นในฐานะที่เกิดในตระกูลผู้ใช้วรยุทธ โหวหยางเจียวเลยถือว่าอายุยังน้อย ถูกพวกคนเก่าคนแก่เอาใจ คุ้มกะลาหัวเธอเสมอมา เป็นธรรมดาที่จะหยิ่งผยอง แต่เอ๊ะ? เมื่อวานตี๋เล่ยก็ร่วมวงด้วยนี่ อย่าบอกนะว่าเขากำลังสนใจโหวหยางเจียวอยู่เช่นกัน?
“ดูเหมือนว่า แค่คืนแรกคืนเดียว ผมจะทำให้หลายคนต้องขุ่นเคืองซะแล้ว”
ฉินเฟิงยิ้ม
“มิสเตอร์ฉิน หอกในที่โล่งง่ายต่อการหลบเลี่ยง ทว่าศรในที่ลับยากจะปัดป้อง ขออย่าได้หุนหันพลันแล่นจนเกินไป จริงสิ! คุณพักอยู่ที่โรงแรมใช่ไหม เรื่องนี้ขอให้ฉันเป็นคนจัดการเถอะ ฉันจะหาอพาร์ทเม้นท์ดีๆให้คุณแทน เพราะหลังจากนี้คุณต้องอยู่ที่นี่ไปอีกสามเดือนถูกไหม?”
“ใช่แล้ว งั้นผมขอรับน้ำใจนี้ไว้ ขอบคุณนายพลหู!”
เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง ผู้คนก็เริ่มเก็บกวาดสนามรบ
ฉินเฟิงมีเรื่องอื่นที่ต้องไปทำ และเขาไม่ต้องการเจอหน้าผู้พันหยาง เลยขอตัวจากที่นี่ แต่ก่อนไปก็ยังฝากฝังเจ้าหน้าที่ขนส่งเลเวล F ว่าให้แลกเปลี่ยนสินสงครามของเขาเป็นเงิน แล้วโทรมารายงานอีกที
เฝ้ารอจนกระทั่งฉินเฟิงเดินจากไป เหล่าเลเวล D ที่เหนื่อยล้าจนสีหน้าเขียวคล้ำถึงเอ่ยปาก
“สังหารนายพลสัตว์ร้ายเลเวล D ได้โดยลำพัง ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงคนนี้ ร้ายกาจเกินไปจริงๆ”
“ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าทำไมหลายคนถึงถ่ายแพ้ให้กับเขาเมื่อวาน”
“บางทีเขาอาจจะดูดซับแก่นอบิลิตี้จักรพรรดิ แล้ววิวัฒนาการไปอยู่ในระดับนายพลสัตว์ร้ายแล้วก็ได้ แต่เรื่องที่ฉันคิดไม่ตกจริงๆเลยก็คือ … เขาร่ำรวยขนาดนี้ได้อย่างไร!”
“ไม่ใช่ว่าเขาเป็นผู้ว่าการของสถานชุมชนขนาดเล็กหรอกหรอ? อยากจะรู้จริงๆว่าเขาเอาเงินมากมายขนาดซื้อแก่นอบิลิตี้จักรพรรดิได้ มาจากไหนกัน!”
ฉินเฟิงกลับมายังปราการชาตง อันที่จริงนี่มันเลยเวลาที่ตกลงกับลู่หวันเปาไปตั้งนานแล้ว
อย่างไรก็ตาม ข่าวสารล่าสุดในปราการชาตงย่อมถึงหูลู่หวันเปา เขาให้ความสนใจกับแนวหน้าเป็นอย่างมาก และเมื่อเห็นข่าวที่ได้รับกลับมา ก็อดถอนหายใจไม่ได้
‘ฉินเฟิงคนนี้ ไม่ง่ายเลยที่จะตอแย!’
ราวกับตำนานที่กลายเป็นความจริง เวลานี้ไม่ใช่แค่เขา แต่ทุกคนต่างเริ่มให้ความสนใจกับฉินเฟิงอย่างจริงจัง
ไม่นาน ลู่หวันเปาก็เชิญฉินเฟิงไปพบกันที่ภัตตาคารสุดหรู เพื่อทานอาหารค่ำ
ภัตตาคารถูกประดับตกแต่ง เจิดจรัสไปด้วยสีทองและสีเขียวของหยก อาหารของพวกเขาถูกปรุงโดยเนื้อสัตว์ร้ายเลเวล D แถมยังอร่อยมาก
ไป๋หลีสวาปามอาหารอยู่ข้างๆ ขณะที่ลู่หวันเปากับฉินเฟิงกำลังส่งมอบสินค้า
“ของทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว คุณลองตรวจเช็คมันดู”
แก่นพลังงานของราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล E และ D เหล่านี้ บางตัวก็แข็งแกร่ง บางตัวก็อ่อนแอ เนื่องจากการดำรงอยู่ระดับราชันย์เป็นสิ่งมีชีวิตหายาก ดังนั้นเรื่องนี้ไม่อาจควบคุมได้
อย่างไรก็ตาม ในฐานะนักธุรกิจที่ซื่อสัตย์ ลู่หวันเป่าเลือกแก่นพลังงานเลเวล E1 – E9 บางส่วน คละๆให้มีมูลค่ารวมแล้วใกล้เคียงกัน
ฉินเฟิงพยักหน้าด้วยความพอใจ
“ไม่เลว!”
ฉินเฟิงวาดมือ ปล่อยวัตถุดิบทั้งหมดออกมา เมื่อเห็นวัตถุดิบงดงามละลานตา ในหัวใจของลู่หวันเป่าก็อดเต้นครึกโครมไม่ได้
ช่วงเวลานี้ กระทั่งลู่หวันเปาก็ยังเกิดข้อสงสัย ว่าเหตุใดฉินเฟิงถึงไม่คิดใช้วัตถุดิบเหล่านี้ไปทำอุปกรณ์รูน ทำไมถึงนำมาแลกกับแก่นพลังงานตั้งมากมาย?
แต่ทุกคนย่อมมีความลับเป็นของตัวเอง
ลู่หวันเปาตระหนักถึงเรื่องนี้ดี จึงไม่เอ่ยถามออกไป
อาหารมื้อนี้ ไม่ว่าจะแขกหรือเจ้าภาพ ก็ล้วนอิ่มหนำสำราญ
ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! บนอุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงมีข้อมูลส่งเข้ามา มันคือผลการต่อสู้ของปราการชาตง
ฉินเฟิงต่อสู้เพียงลำพัง สามารถสังหารสัตว์ร้ายเลเวล E ได้มากกว่า 300 ตัว , เลเวล D กว่า 100 ตัว และยังรวมไปถึงราชันย์สัตว์ร้าย
ปัจจุบัน วัตถุดิบของเลเวล E ระดับสามัญ มีมูลค่าราวๆตัวละ 30,000 เหรียญ , เลเวล D สามัญมียอดมากถึง 100,000 เหรียญ สำหรับนายพลสัตว์ร้าย มันยังมีแก่นอบิลิตี้รวมอยู่ด้วย แต่ฉินเฟิงไม่ต้องการมัน ดังนั้นขายไป หลังจากแปลงเป็นเงินทั้งหมดแล้ว
ด้วยการออกล่าเพียงครั้งเดียว ฉินเฟิงสามารถทำเงินได้มากกว่า 30 ล้าน!
สถิติสินสงครามนี้ทำให้ผู้คนต้องตกใจ เพราะท้ายที่สุดแล้ว เหตุการณ์ในวันนี้เป็นแค่การชุลมุนขนาดเล็กเท่านั้น โดยปกติแบ่งสินสงครามกันอาจได้ไม่ถึงล้านซะด้วยซ้ำ!
กล่าวได้ว่าหากเป็นคนปกติธรรมดา ไม่รู้ว่าพวกเขาต้องร่วมสงครามยิบย่อยแบบนี้อีกกี่ครั้ง ถึงจะได้เงินเท่าฉินเฟิง
ในที่สุด พวกเขาก็ตระหนักได้ ว่าฉินเฟิงไปหาเงินมากมายมาจากที่ไหน!
อีกด้านหนึ่ง ฉินเฟิงได้รับอพาร์ทเมนท์หรูในพื้นที่พักอาศัยเล็กๆภายในปราการ พื้นที่นี้เรียกกันว่าหยางกวงฟาง (ห้องพระอาทิตย์)
รถของฉินเฟิงขับเลี้ยวมาตามเส้นทาง ตรงไปยังพื้นที่พักอาศัย
ถึงการพักในโรงแรมจะไม่แย่อะไร แต่หากได้พักที่อพาร์ทเมนต์ มันจะไม่ดีกว่าหรอ?
เมื่อมาถึงพื้นที่พักอาศัย ฉินเฟิงก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายผู้ใช้พลังเลเวล D หลายคน นอกจากนี้ ในบรรดากลิ่นอาย ยังมีอยู่หลายคนที่ฉินเฟิงคุ้นเคยเป็นอย่างดี
ภายในสวนของที่พักอาศัย เฉินเซี่ยงมองไปยังผู้มาเยือนด้วยความประหลาดใจ
“มิสเตอร์ฉิน ฉันไม่รู้ว่าก่อนเลยว่าคุณเองก็ถูกจัดให้พักอยู่ที่นี่ด้วย”
“เมื่อวานคุณยังเรียกผมว่าน้องชายอยู่เลย ทำไมวันนี้เรียกมิสเตอร์ซะแล้ว? แต่ช่างเถอะ เมื่อวานผมยังไม่ได้ขอบคุณพี่ชายเลย” ฉินเฟิงยื่นมือออกไป “ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ผมเรียกว่าฉินเฟิง เป็นผู้ว่าการสถานชุมชนในเขตเมืองเฉิงหยาง และนี่คือแฟนของผม ไป๋หลี เธอเองก็เป็นผู้ใช้พลังเลเวล D เหมือนกัน”
เฉินเซี่ยงมองไปทางไป๋หลีอย่างคาดไม่ถึง ก่อนจะหัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า เข้าใจแล้ว งั้นจากนี้ไปฉันจะเรียกนายว่าน้องชายก็แล้วกัน แต่ฉันไม่คิดเลยว่าน้องสะใภ้เองก็จะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ ร้ายกาจจริงๆ”
ไป๋หลียิ้มและกล่าว “ฉันร้ายกาจอยู่แล้ว!”
ฉินเฟิงทำอะไรไม่ถูก ส่ายหัวเล็กน้อยให้ไป๋หลีและกล่าว “รู้จักถ่อมตัวซะบ้างสิ!”
ไป๋หลีไม่รู้ว่าการถ่อมตัวคืออะไร แต่อิงตามความแข็งแกร่งอย่างเฉินเซี่ยง แม้ไป๋หลียังไม่ได้วิวัฒนาการเป็นสัตว์ร้ายเลเวล D ก็จริง แต่ขอแค่ตะปบเดียว อีกฝ่ายก็หมอบแล้ว
ฉะนั้นการที่เธอบอกว่าตัวเองร้ายกาจก็ไม่น่าจะผิดอะไรไม่ใช่หรอ?
ทั้งสองแลกเปลี่ยนหมายเลขสื่อสารกัน เท่านี้ก็ถือว่ารู้จักกันอย่างเป็นทางการ!
“พี่ชายเฉิน ผมยังมีบางอย่างต้องทำ ถ้าพี่มีปัญหาอะไรในอนาคต สามารถเรียกใช้ผมได้!”
“แน่นอน มีน้องชายที่แข็งแกร่งอยู่ที่นี่แล้ว ฉันยังต้องกลัวอะไรอีกเล่า”
“เอาล่ะ งั้นผมขอตัวก่อน”
“อืม ไปเถอะ”
ฉินเฟิงเดินจากไปพร้อมกับไป๋หลี เฉินเซี่ยงในตอนนี้ไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีกต่อไป
อันที่จริง เขามีปัญหาบางอย่างจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าสมควรบอกฉินเฟิงดีหรือไม่ เพราะยังไงซะ สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาสามารถตัดสินใจได้เพียงลำพัง
…
ในอพาร์ทเมนต์ใหม่ ฉินเฟิงตรวจสอบรอบๆ และพบว่าสิ่งของภายในห้องครบครัน ไม่จำเป็นต้องเติมแต่งอะไร ทั้งยังไม่มีระบบเฝ้าระวัง นี่ทำให้รู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย
ไม่มัวเสียเวลา เขาพาไป๋หลีเข้าสู่สุสานเทพสงครามทันที
ภายในวิหารเทพสงคราม ถัดจากห้องฝึกฝน จะมีเวทีต่อสู้แบบปิดผนึกอยู่ พื้นที่ของมันโอ่อ่าใหญ่โต
ขณะนี้ ฉินเฟิงกับไป๋หลียืนอยู่ใจกลางเวทีต่อสู้ โดยเบื้องหน้าเขาและเธอ คือแก่นพลังงานของราชันย์สัตว์ร้าย
“นี่ก็เป็นเวลานานมากแล้วที่ฉันไม่ได้กินมื้อใหญ่!”
ทั้งร่างของไป๋หลีปกคลุมไปด้วยแสงสีเงิน แสงสาดประกายออกมา ตกลงบนพื้นข้างๆ และเพียงพริบตาเดียว มันก็ขยายใหญ่ขึ้น
จิ้งจอกสีขาวราวหิมะตัวสูงใหญ่กว่าสามเมตรปรากฏตัวขึ้นที่นั่น
ทั้งตัวของมันแพร่กระจายแสงสีเงินออกมา คู่ดวงตาระยับไปด้วยสีเงิน สุกสกาวราวกับดวงดาว ชวนให้ผู้คนเหม่อมอง
ฉินเฟิงเปิดกล่องคริสตัล แก่นพลังงานราชันย์สัตว์ร้ายขนาดเท่าลูกบอลเผยโฉมออกมา
ฉินเฟิงโยนมันให้ไป๋หลี จิ้งจอกสาวยื่นคอ ฉกงับเข้าไปในปากทันที
กร๊วม กร๊วม!
แก่นพลังงานแข็งแกร่งมาก แกร่งชนิดไม่มีทางถูกทำลายด้วยพลังภายนอก ทำได้เพียงดูดซับมันเท่านั้น แต่ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าไป๋หลีกลับเคี้ยวกินมันไม่ต่างจากขนม
เคี้ยวจนแหลกเป็นชิ้นๆ
อึก!
จากนั้นก็กลืนในคำเดียว ไป๋หลีเลียริมฝีปากของเธอ
“ไม่เลว รสชาติเปรี้ยวอมหวาน!”
ฉินเฟิงทำอะไรไม่ถูก เอ่ยปากกล่าว “แก่นพลังงานมันมีรสชาติที่ไหนกัน หยุดล้อฉันเล่นเถอะ!”
“คุณจะรู้รสชาติมันได้ยังไง ปกติแล้วคุณดูดซับมันเท่านั้น แต่ฉันเติบโตมาจากการกินพวกมันนะ!”
ศีรษะของไป๋หลีเชิดขึ้น เอ่ยปากกล่าว “ขอเพิ่มอีกลูกนึง!”