โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 603 - คงโบะตื่นตะลึง
“ขอโทษจริงๆที่ทำให้ทุกคนต้องรอนาน!” แม้จมอยู่ในห้วงฝึกฝน แต่ฉินเฟิงก็ใช่ว่าจะไม่รับรู้ถึงโลกภายนอก เขายังคงรั้งพลังสมาธิเอาไว้ส่วนหนึ่ง เพื่อป้องกันมิให้เกิดเรื่องไม่คาดฝัน
เมื่อทุกคนเห็นว่าฉินเฟิงตื่นแล้ว ต่างพากันโบกมือปฏิเสธ “ไม่หรอก ไม่ได้รอนานอะไรเลย”
“ใช่ ใช่ และขอแสดงความยินดีกับคุณด้วย ที่สามารถยกระดับได้”
“ถึงหน้าตาน้องชายจะดูวัยเยาว์ แต่ความแข็งแกร่งกลับสูงล้ำ”
ฝูงชนเออออตามๆกัน ทั้งหมดพยายามหาเรื่องคุยกับฉินเฟิง และฉินเฟิงก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาสนทนาอย่างเป็นกันเอง บรรยากาศช่างครื้นเครง สีหน้าเย็นชาของไป๋หลีในตอนแรก ก็ดูดีขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม คนที่รู้สึกงงงวยที่สุดในกลุ่มนี้ คงไม่พ้นคงโบะ เพราะท้ายที่สุดแล้ว คงโบะคือคนเดียวที่สัมผัสได้ว่าฉินเฟิงยกระดับเป็นเลเวล B แต่หลังจากจับกลิ่นอายได้เสี้ยววินาทีเดียว เขาก็ไม่รู้สึกถึงมันอีกเลย
นี่เป็นเพราะอบิลิตี้มืดของฉินเฟิงได้ปิดซ่อนความแข็งแกร่งของเขาเอาไว้ สำหรับโลกภายนอก ทุกคนจะสัมผัสได้เพียงว่า ฉินเฟิงเพิ่งยกระดับขึ้นสู่เลเวล C5 ทั้งๆที่เขาขึ้นเป็น C5 มาสักพักหนึ่งแล้ว
สำหรับผู้ใช้พลังเลเวล C จำเป็นต้องใช้เวลาอย่างเร็วหนึ่งปี และอย่างช้าสิบปีในการยกระดับแต่ละขั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทุกอย่างเกี่ยวโยงกับพรสวรรค์ , โอกาส และทรัพยากรที่ครอบครองหรือได้รับ
อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่เรื่องที่เหล่ามือปืนในที่นี้ให้ความสำคัญ พวกเขาไม่คิดชื่นชมฉินเฟิงแล้วปล่อยผ่าน หลังจากคุยสัพเพเหระกันพักหนึ่ง ก็เริ่มไถ่ถามฉินเฟิงถึงเรื่องอาวุธปืน
“ผมคงขายปืนที่ใช้อยู่ไม่ได้หรอก แต่ถ้าพวกคุณอยากซื้อมันจริงๆ สามารถติดต่อกลุ่มของผมได้ ถึงผมจะไม่ได้รับผิดชอบในเรื่องนี้เป็นหลัก แต่ก็มีช่องทางที่สามารถใช้ส่งพวกมันได้ทันที”
ช่องทางที่ว่า คือเขตแดนลับสุสานเทพสงคราม ดูเอาเถอะว่าเขตแดนลับนี้มีความสำคัญถึงขนาดไหน
ที่ต้องทำก็แค่ให้ซูซิงฝูเก็บสินค้าที่จะขายเอาไปในเขตแดนลับ จากนั้นฉินเฟิงก็เรียกมันออกมา –จบ!
“มิสเตอร์ฉินมีกลุ่มองค์กรเป็นของตัวเองแล้วหรอ?”
“ใช่ เป็นกลุ่มที่มีชื่อว่าเฟิงหลี เพิ่งเป็นที่รู้จักเมื่อไม่นานมานี้”
“อื้อหือ! ที่แท้คุณก็คือประธานของกลุ่มเฟิงหลีนี่เอง!”
ฉินเฟิงกล่าว “ในกลุ่มมีอาวุธปืนที่น่าสนใจอยู่หลายชิ้น ทุกท่านลองไปเลือกชมเลือกซื้อกันได้ แต่ขอสารภาพตามตรง ว่าพวกนั้นไม่ได้ทรงพลังเทียบเท่ากับปืนของผม”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เข้าใจ พวกเราเข้าใจ”
“ว่าแต่พอจะมีพวกสิทธิพิเศษอะไรไหม? อย่างเช่นถ้าฉันทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับกลุ่มเฟิงหลี จะสามารถสั่งซื้อมันได้อะไรแบบนี้?”
“ใช่ ใช่ ได้โปรดทำสัญญาซื้อขายอาวุธปืนแบบของคุณกับพวกเราเถอะ แล้วพวกเราจะเป็นพันธมิตรกับเฟิงหลี จะไม่ก่อความวุ่นวายให้กับเฟิงหลีอย่างแน่นอน”
อาวุธในมือของฉินเฟิง เป็นธรรมดาที่ถูกจัดอยู่ในรุ่นที่แข็งแกร่งที่สุด พวกมันเหล่านี้เป็นอาวุธที่ใช้กันเฉพาะในกลุ่มเฟิงหลีเท่านั้น ส่วนตัวที่ออกวางขาย จะไม่ทรงพลังเท่า
ที่ทำแบบนี้ แน่นอนก็เพื่อรักษาสถานะของกลุ่มเฟิงหลี ในกรณีที่มีคนซื้ออาวุธของกลุ่มเฟิงหลี แล้ววกกลับมาใช้มันจู่โจมพวกเขาซะเอง
ดังนั้น ถึงจะมีอาวุธปืนประเภทเดียวกันวางขาย แต่มันคือรุ่นที่ถูกลดศักยภาพลงหลายขั้น ระหว่างนั้นถ้าสามารถพัฒนาคุณภาพของรุ่นที่ใช้กันในกลุ่มขึ้นมาได้ ก็ค่อยวางขายรุ่นอัพเกรดจากที่วางขายอีกที
ด้วยเหตุนี้เอง มือปืนในที่นี้ถึงบอกว่าอยากเป็นพันธมิตร เพราะจะได้ใช้อาวุธปืนรุ่นทรงพลังที่มีกันเฉพาะกลุ่ม
“ทุกท่าน ก่อนเดินทางมาสมทบ ผมได้สำรวจบริเวณรอบๆนิดๆหน่อยๆแล้ว และพบว่าที่นี่ยังถือว่าเป็นเขตอันตรายอยู่ ฉะนั้นสำหรับเรื่องค้าขายคงต้องขอพักไว้ก่อน”
ฉินเฟิงไม่มีแผนที่จะขายอาวุธทรงพลังของเฉพาะในกลุ่ม อีกอย่างแค่ปืนที่วางขาย ยังไงก็ดีกว่าอาวุธของมือปืนในที่นี้แน่นอน ถ้าอยากได้จริงๆก็ไปซื้อกับทางร้านเองเถอะ!
ที่ฉินเฟิงพูดแบบนี้ เพื่อเป็นการบอกปัดคำขอของฝูงชน ทั้งยังมีการยกอ้างเหตุผลที่สมบูรณ์แบบ เมื่อได้ฟังถึงขนาดนี้แล้ว ใครเล่าจะยังไม่กล้าปล่อยฉินเฟิงไป?
อีกอย่าง ในบรรดาฝูงชน ยังมีคนได้รับบาดเจ็บอีกมาก ดังนั้นทุกคนเลยตัดใจ เร่งเดินทางกลับไปยังค่ายอย่างรวดเร็ว แม้ระหว่างทางจะพบเจอกับฝูงแมลงสัตว์ร้ายประปราย แต่ก็โชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันาตรายอีก สามารถกลับมาถึงเมืองกลางตู่ซานได้ในที่สุด
เมื่อกลับมาถึง ความสนใจของผู้คนที่มีต่อฉินเฟิง ก็เริ่มถูกเบนออกไป ทุกสายตาจับจ้องลงบนร่างของคงโบะ
คงโบะคลิกลงบนอุปกรณ์สื่อสาร เพื่อยืนยันว่าภารกิจเสร็จสมบูรณ์ รางวัลทั้งหมดถูกส่งออกไป
ฝูงชนเมื่อได้รับรางวัล ต่างบังเกิดความสุขล้น แยกย้ายกันไป เหลือเพียงหยวนเสี่ยวกวง ฉินเฟิง และไป๋หลี ที่คงโบะยังรั้งเอาไว้
“ครั้งนี้ต้องขอบคุณพวกคุณทั้งสามคนจริงๆ นี่ถือเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากฉัน”
คงโบะหยิบสมุนไพรวิญญาณออกมาสองชุด มอบให้หยวนเสี่ยวกวงกับฉินเฟิงตามลำดับ
พืชแรกที่มอบให้เป็นสมุนไพรชนิดพิเศษ มันมีความสามารถช่วยเพิ่มรูนไม้ ส่วนพืชอีกชุดที่มอบให้แก่ฉินเฟิงกับไป๋หลี เป็นผลไม้สองลูกที่สามารถเพิ่มพูนศักยภาพทางร่างกายได้ ถือเป็นของดีชิ้นหนึ่ง มูลค่าเทียบเท่าได้เลยกับวัตถุดิบระดับราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล C
“เธออยากลองชิมมันไหม?” ฉินเฟิงยื่นผลไม้ให้แก่ไป๋หลี เนื่องจากฉินเฟิงครอบครองพลังพิเศษดูดกลืน ดังนั้นขอแค่เขาออกล่าสัตว์ร้าย ผลลัพธ์ที่ได้ก็แทบไม่ต่างจากผลไม้ลูกนี้เลย มันไม่มีประโยชน์อะไรต่อเขา จะยกเว้นก็แค่บางอย่าง เช่นเม็ดบัวพิสุทธิ์
ไป๋หลีก้มลงมองมัน สักพักส่ายหัว แสดงออกว่าไม่น่าสนใจ
ฉินเฟิงเลยเก็บพวกมันเข้าไปในอุปกรณ์รูนมิติของตัวเอง หันซ้ายหันขวา เมื่อเห็นว่าไม่ค่อยมีคนอยู่รอบๆ ก็เอ่ยปากออกมา “ท่านผู้ใหญ่คง ก่อนหน้านี้ที่คุณต่อสู้กับคนจากกองกำลังมืด มีดบินของคุณถูกพลังสมาธิของอีกฝ่ายสะกดข่มไว้ใช่ไหม? … พอดีว่าผมมีบางสิ่งที่น่าจะช่วยคุณได้”
คงโบะเดิมกำลังคิดจากไป พอได้ฟัง ฝีเท้าถึงกับแข็งค้าง หันหน้ากลับมา
“บางสิ่งที่ว่ามันคืออะไร?”
ฉินเฟิงเรียกรูบิควิเศษออกมา อธิบายเกี่ยวกับมันสักเล็กน้อย แล้วเริ่มย้ำถึงประเด็นสำคัญ
“สิ่งที่สร้างขึ้นจากรูบิควิเศษนี้ จะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ ผมคงไม่ต้องบรรยายในส่วนนั้น แต่จุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของมันก็คือ ทุกสิ่งที่สร้างจากมัน สามารถเชื่อมต่อกับพลังสมาธิของคนที่สร้างมันได้แค่คนเดียว คนอื่นๆไม่สามารถแทรกพลังสมาธิเข้ามาได้ ดังนั้นไม่สามารถนำมาใช้ผลิตอาวุธรูนเพื่อขายต่อ”
“ยังไงก็ตาม ก็อย่างที่พูดไป ข้อดีของมันคือ สามารถช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่นมาปล้นชิงการควบคุมอาวุธของผมได้”
ตัวอย่างเช่นมีดกษัตริย์คราม แม้สามารถผลิตจนยกระดับถึงขั้นอาวุธเทวะ แต่คนอื่นๆกลับไม่สามารถใช้งานมีดเล่มนั้นได้เลย
หากเป็นผู้อื่นกุมมันในมือ มีดกษัตริย์ครามก็ไม่ต่างไปจากเศษเหล็ก
พอได้ฟัง คงโบะในเวลานี้ ดวงตาพลันเปล่งประกายสดใส
“ช่างน่าทึ่ง! ที่คุณพูดมาเป็นความจริงหรือ?”
มีดบินของคงโบะ ยามขว้างออกไปมักถูกแทรกแซง เข้าควบคุมโดยผู้ใช้อบิลิตี้ กระทั่งมือปืนก็ไม่เว้น มีอยู่หลายครั้งที่สมควรคว้าชัยชนะได้ง่ายๆ แต่กลับกลายเป็นคงโบะที่ถูกกดหัว
ทว่าหากมีรูบิควิเศษนี้ ไม่ใช่หมายความว่า นับจากนี้ไป เขาจะสามารถระเบิดกระบวนท่าวรยุทธที่ฝึกฝนมาทั้งชีวิตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพหรอกหรือ?
มันจะช่วยกลบจุดอ่อนของคงโบะให้หายไปอย่างสิ้นเชิง
“คุณสนใจจะลองดูไหมล่ะ?”
ฉินเฟิงมอบรูบิควิเศษให้แก่คงโบะ และกล่าว “เริ่มจากนำมีดบินในมือคุณออกมา แล้วใส่มันเข้าไปในรูบิค จากนั้นใส่วัตถุดิบบางอย่างลงไป แล้วหลอมรวมมันเข้าด้วยกันเป็นชิ้นใหม่”
“ง่ายดายแค่นี้เอง?”
ฉินเฟิงพยักหน้า คงโบะข่มอารมณ์ตื่นเต้นของเขา หยิบมีดบินออกมา ใส่มันลงไปผสมกับวัตถุดิบอื่นๆ ไม่นาน ภายในรูบิควิเศษก็เริ่มเคลื่อนไหว และคายมีดบินเล่มใหม่ออกมา
ทว่ามีดบินเล่มใหม่กลับกลายเป็นสีดำสนิท ไร้ซึ่งแสงสีเงินอีกต่อไป
คงถิงที่อยู่ข้างๆ อดเอ่ยแทรกขึ้นมาไม่ได้ “คุณคงไม่ได้แกล้งพ่อฉันใช่ไหม? มีดบินของพ่อฉันทำมาจากวัตถุดิบระดับราชันย์เชียวนะ! แต่ตอนนี้มันไม่เรืองแสงแล้ว!”
มีดบินของคงโบะ ทำมาจากวัตถุดิบระดับราชันย์จริงๆ แต่มันเป็นแค่วัตถุดิบราชันย์เลเวล C ดังนั้นต่อให้เสียไปก็ไม่คิดมากอะไร
ถึงแม้กระบวนท่าทั้งหมดของคงโบะจะเน้นมาทางมีดบิน แต่คงโบะเองไม่สามารถใช้มันอย่างเต็มประสิทธิภาพได้ ดังนั้นเลยไม่ได้ทุ่มสุดตัวเรื่องอาวุธ ทั้งๆที่ตนเป็นถึงเลเวล B แต่มีดบินกลับอยู่ในเลเวล C เท่านั้น
ทว่าปัจจุบัน คงโบะรู้สึกราวกับว่า สวรรค์ยังไม่ได้ทอดทิ้งเขาซะทีเดียว
“อย่าพูดอะไรไร้สาระถ้าลูกยังไม่เข้าใจ!” คงโบะตำหนิคงถิง ก่อนหน้านี้มีคนอยู่มากมาย เขาจำเป็นต้องรักษาหน้าคงถิง เลยไม่ได้ตำหนิเธอ แต่รูบิควิเศษของฉินเฟิงเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นเขาไม่ต้องการทำให้ฉินเฟิงไม่พอใจ แล้วปฏิเสธไม่ให้เขาใช้มัน
เพราะท้ายที่สุดแล้ว รูบิควิเศษนี้ สำหรับคงโบะ มันมีค่ามากจริงๆ