โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 649 - จับเวลา
ในช่วงสามวันมานี้ ภายในเมืองลาวาเดือด เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นเร่าร้อน
ถึงแม้จะมีเลเวล B บางคนได้จากไป แต่นั่นถือเป็นส่วนน้อย เพราะหลังข่าวแพร่กระจายออกไป wfhมีผู้คนมากมายเดินทางเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศ และมิใช่แค่เลเวล B แต่ยังมีเลเวล C อีกจำนวนมาก
คนเหล่านี้บ้างก็ไม่ได้หาข้อมูลมาด้วยตัวเอง แต่ได้ยินข่าวลือ ดังนั้นเดินทางมาที่นี่
แต่นี่ไม่ถือว่าแปลกอะไร สำหรับผู้ใช้พลังแล้ว หากมีโอกาสดีๆเข้ามา พวกเขาจะไม่ยอมพลาด
อย่างในช่วงแรก ตอนที่ฉินเฟิงยังอยู่ในเลเวล F คนกลุ่มหนึ่งยังแห่แหนกันไปยังสถานชุมชนเล็กๆอย่างเมืองหาน เพียงเพราะได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับด้วงเกราะคริสตัล นับประสาอะไรกับข่าวลือเกี่ยวกับมิติอื่น
ข่าวนี้ย่อมดึงดูดกระแสมวลชนผู้ใช้พลังหลั่งไหลเข้ามา
บนภูเขาซึ่งเป็นสถานที่จัดการประลองของฉินเฟิง เวลานี้เต็มไปด้วยผู้คน ประมาณการคร่าวๆ คาดว่าน่าจะมีเลเวล C อย่างน้อย 3,000 คน และเลเวล B อีกมากกว่า 200 คน
การรวมตัวกันในทุ่งล่าของผู้คนมากมายในครั้งนี้ มิใช่เพื่อล่าสังหารสัตว์ร้าย มิใช่เพื่อปราบปรามกองทัพสัตว์ร้าย แต่เพื่อรับชมการประลอง
ฉากนี้ช่วยยืนยันคำกล่าวตามตำราประวัติศาสตร์เป็นอย่างดี ว่ามนุษย์มักชมชอบเที่ยวชมสถานที่น่าสนใจ ที่นี่จึงเต็มไปด้วยกระแสของผู้คน
บนเนินเขา สองเลเวล B ขมวดคิ้วมุ่น
และสองคนนี้ คือคนที่ฉินเฟิงรู้จักเป็นอย่างดี
ฟูเหวินจู กับ เหอเล่อหมิง!
ส่วนหยางเป่ย เนื่องจากหน้าที่การงานของตน เขาเลยจำเป็นต้องลาจากเมืองลาวาเดือดไป แม้เขาจะทราบดีว่าหากอยู่ที่นี่ต่อคงครึกครื้นไม่น้อย แต่เขาก็กระจ่างแก่ใจ ว่าผลลัพธ์ของปัญหาทั้งหมดได้ถูกกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
–โค่นฉินเฟิงให้ได้ใน 100 กระบวนท่า?
อย่ามาล้อกันเล่น! แค่ฉินเฟิงไม่ฆ่าพวกผู้เข้าประลองก็บุญแค่ไหนแล้ว
สำหรับฟูเหวินจูกับเหอเล่อหมิงที่เหลืออยู่ ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาได้รับคำเชิญจากฉินเฟิง หลังจากนี้ไปพวกเขาแต่ละคนจะได้ส่วนแบ่ง 3% ของรายได้ค่าเข้ามิติลาวาเดือด หรือกล่าวอีกนัยนึงก็คือ ในค่าเข้า 100,000 ล้าน พวกเขาจะได้รับคนละ 3,000 ล้าน
แต่สิ่งที่พวกเขาต้องทำ คือแค่ช่วยเฝ้าดูและปกป้องป้อมปราการเท่านั้นเอง สำหรับในกรณีเกิดการต่อสู้ขึ้นจริง ยังมีเมืองลอยฟ้าและจักรกลอื่นๆคอยสนับสนุนอยู่อีก!
เมื่อคำนวณทุกอย่างที่กล่าวมานี้ งานของพวกเขาไม่ต่างจากเนื้อหวานฉ่ำร่วงหล่นจากฟ้า ผลประโยชน์ดีๆแบบนี้ย่อมไม่มีทางปฏิเสธ
ด้วยเหตุนี้ สองเลเวล B เลยถูกผูกติดกับฉินเฟิงเป็นที่เรียบร้อย
“ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตไปซะแล้ว ฉันเดาไม่ถูกจริงๆว่าสุดท้ายเรื่องนี้จะจบลงยังไง” ฟูเหวินจูหัวเราะขมขื่น
“ฉันแค่หวังว่าฉินเฟิงจะเพลาๆมือลงบ้าง สักหน่อยก็ยังดี” เหอเล่อหมิงรู้สึกปวดหัว
“เหอ เหอ! จริงอย่างที่คุณพูด” ฟูเหวินจูพยักหน้า “แต่ฉันกลัวว่าคนพวกนี้จะขอผลัดกันต่อสู้ไปเรื่อยๆ แล้วฉินเฟิงต้องรับมือจนเหนื่อยล้า”
“ฉินเฟิงสมควรเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว พวกเราก็คอยดู ให้กำลังใจเขาอยู่ห่างๆเถอะ”
ระหว่างทั้งสองกำลังสนทนา ห้วงเวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนไม่นาน ดวงอาทิตย์ลอยสูงขึ้นกลางหัว บ่งบอกเวลาเที่ยงตรง
ฤดูหนาวได้จากไปแล้ว ฤดูใบไม้ผลิกำลังมาถึงในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม เหล่าผู้ใช้พลังระดับสูงไม่รู้สึกอะไรถึงอากาศร้อนหรือเย็นของที่นี่ ทั้งหมดสอดส่ายสายตา กวาดไปมาอยู่แทบตลอดเวลา
และในเวลานั้นเอง ณ จุดที่ห่างไกลออกไป ปรากฏกลุ่มเรือเหาะบินตรงเข้ามาอย่างเป็นระเบียบ
และบนเรือเหาะ มีสองตัวอักษรสลักเอาไว้อย่างชัดเจน เฟิงหลี!
“มาแล้ว พวกเขามาแล้ว!”
“นั่นเฟิงหลี! เป็นกลุ่มของผู้การรัฐทะเลเหนือ!”
“เรือเหาะแต่ละลำได้ยินว่าแพงนรกแตก แต่พวกเขากลับสามารถครอบครองมันได้ตั้งหลายลำ!”
“เจ้าบ้า! นั่นมันเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะพวกเขาเป็นคนสร้างขายเอง!”
เรือเหาะมากกว่าสิบลำกระจายตัวกันไป ลอยลำรอบๆหุบเขา มีหนึ่งในเรือเหาะลงจอดบนลานจัตุรัสโดยตรง จากนั้นประตูถูกเปิดออก เป็นฉินเฟิงเดินลงมาจากข้างใน
หลายคนยังไม่รู้จักฉินเฟิง แต่บางคนเคยได้เห็นภาพของฉินเฟิงมาก่อนแล้ว
ช่วงเวลานี้ เมื่อได้พบฉินเฟิงตัวเป็นๆ สายตามากมายต่างเริ่มทำการตรวจสอบ
“เขาคือฉินเฟิง?”
“ลูกรักของพระเจ้าในปีนี้? แต่เขาดูเด็กมากเลยนะ แสดงว่ายังอายุไม่เกิน 20 ปีถูกไหม?”
“ลูกรักของพระเจ้าแล้วอย่างไร! ใครๆก็รู้กันทั้งนั้น ว่าลูกรักของพระเจ้าที่แข็งแกร่งที่สุด มีเลเวลแค่ระดับ D ต่อให้เขาโชคดีสามารถขึ้นมาเลเวล C ได้ แต่ก็คงไม่แข็งแกร่งอะไรมากมายหรอก!”
คนเหล่านี้เมื่อเห็นใบหน้าเยาว์วัยของฉินเฟิง ต่างคนต่างแสดงท่าทีสงสัยออกมา
ฉินเฟิงไม่ใส่ใจความคิดของคนเหล่านั้น เมื่อลงจากเรือเหาะ ก็กวาดสายตา มองไปรอบๆอีกครั้ง
เพียงการเคลื่อนไหวแค่ไม่กี่ก้าว ผู้คนรอบตัวฉินเฟิงก็สัมผัสได้ถึงพลังสมาธิมหาศาลกวาดผ่านตัวพวกตนไป ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะหุบปากเงียบ และมุ่งความสนใจมายังฉินเฟิงอีกครั้ง
“ในเมื่อทุกท่านมาอยู่ที่นี่ แสดงว่าควรจะรู้เรื่องแล้ว –เมื่อหลายวันก่อนอาณาเขตภายใต้การปกครองของผม ปรากฏรอยแยกมิติอันทรงพลังขึ้น และตอนนี้ทางเข้าไปยังมิติแห่งนั้น ได้ตกอยู่ภายใต้การครอบครองของผมชั่วคราว ท่านใดที่ต้องการมีส่วนร่วมในการครอบครอง สามารถประลองกับผมได้ คนที่เอาชนะผมใน 100 กระบวนท่า จะได้รับสิทธิ์ในการครอบครอง , ร่วมกันพัฒนา , แบ่งปันผลประโยชน์ และกำหนดเวลาจะสิ้นสุดลงเที่ยงคืนตรง!” ฉินเฟิงเปล่งเสียงดังกังวาน ก่อนเอ่ยเน้นย้ำออกมาอีกสี่คำว่า “จับ-เว-ลา-ได้!”
กล่าวอีกนัยนึงก็คือ หลังจากสิ้นสุดวันนี้ไป หากมีใครมายุ่มย่ามสร้างปัญหา ฉินเฟิงจะไม่ปราณีอีกแล้ว จัดการอีกฝ่ายขั้นเด็ดขาด!
สี่คำนี้ ทั้งดังและเฉียบขาด สะท้อนถึงความคุกคามและเด็ดเดี่ยว ทั้งยังช่วยให้ผู้คนกระจ่างแจ้งถึงความมุ่งมั่นของฉินเฟิง
แต่ก็ยังมีอีกหลายคน ที่ตื่นตัวเต็มที่ พร้อมจะลงมือตลอดเวลา
กว่า 200 เลเวล B บนหุบเขา ตอนนี้ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น เหลือเวลาอีกแค่ 12 ชั่วโมง หากทุกคนตัดสินใจเข้าร่วมประลอง นั่นเท่ากับมีเวลาแค่คนละ 3 นาทีเองไม่ใช่หรือ
นี่กล่าวได้ว่าแทบไม่มีเวลาให้ทำอะไรเลย ดังนั้นตัวเลือกที่ดีที่สุดคือรอก่อน ให้คนอื่นๆออกไปลงมือ ให้ฉินเฟิงคอยรับหน้าจนเหนื่อยล้า ถึงเวลานั้นพวกเขาที่ขอประลองทีหลังก็จะได้รับผลประโยชน์ไป
อย่างไรก็ตาม หากให้พวกเขาประลองเป็นคนแรกๆ เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ไม่ต้องการ แต่ก็นั่นแหละ ในเมื่อผู้คนไม่ยินดีจะเป็นคนแรก งั้นมันก็ต้องกระตุ้นกันหน่อย
“ไหนใครพร้อมรับชี้แนะ เชิญ!”
ฉินเฟิงยืนหยัดองอาจ เลือดลมพลุ่งพล่านระเบิดกลิ่นอายไปทุกสารทิศ ความแข็งแกร่งในเลเวล C7 กวาดปะทะเข้าใส่หน้าของผู้คน
เลเวล C บางคนขมวดคิ้วทันที ในแววตาสะท้อนถึงความเสียดาย เพราะเห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของพวกเขา ไม่ทรงพลังพอสู้กับฉินเฟิง
“นี่ฉินเฟิงยังไม่ได้ไปทำการรับรองความแข็งแกร่งของเขา?”
“ใส่แค่ตราเลเวล C แต่จริงๆสามารถไปถึงเลเวล C7 แล้ว!”
“เดี๋ยวก่อนสิ เขาเป็นลูกรักของพระเจ้าไม่ใช่หรอ นั่นหมายความว่าเขายังอายุไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ เขาแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ได้อย่างไร?”
เกิดเสียงฮือฮาในฝูงชน บางคนก็เริ่มให้ความสนใจ แต่บางคนก็ไม่สนใจ
“ฉันขอรับคำชี้แนะเอง!”
เงาร่างหนึ่งกระโจนลงบนสนามประลอง ตราที่ติดอยู่บนอกเขา ผู้คนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ผู้ใช้พลังเลเวล C9 !
ปัง!
ยามเท้าของคนผู้นี้ย่ำลงบนสนามประลอง ทันใดนั้นพื้นจัตุรัสจมลง ปรากฏรอยแตกระแหงทันที เห็นได้ชัดว่าเขาคนนี้เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ
“หยางจิง ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล C9 โปรดชี้แนะด้วย!”
หยางจิงเอ่ยเสียงจม เริ่มตั้งท่าต่อสู้ทันที
หึ่ง!
โล่ปราณกำลังภายในปะทุโหม ผุดออกมาโอบล้อมรอบกายหยางจิง ปราณกำลังภายในน่ะคือตัวแทนกำลังภายในร่างกาย ซึ่งที่เผยโฉมสู่สายตาผู้คนมันแข็งแกร่งมาก บ่งบอกชัดว่าหยางจิงคนนี้อีกแค่ก้าวเดียวก็จะไปเหยียบในเลเวล B แล้ว
“เชิญลงมือได้เลย” ฉินเฟิงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา
หยางจิงเห็นว่าคู่ต่อสู้ไม่แม้จะปลดปล่อยโล่ปราณกำลังภายใน ในหัวใจบังเกิดความเดือดดาล การกระทำนี้คิดได้อย่างเดียวว่าฉินเฟิงไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
อย่างไรก็ตาม แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ขอแค่เอาชนะอีกฝ่ายได้ เขาก็จะได้รับส่วนแบ่งจากมิติ!
ดวงตาของหยางจิงหรี่แคบลง แปรเปลี่ยนเป็นคมชัด กำลังภายในอันน่าสะพรึงลุกฮือ ก่อกำเนิดกระแสอากาศจากสองฝ่ามือเขา
“ฝ่ามือมังกรสยบ!”
กระบวนท่าวรยุทธส่งเสียงหอนคำรามหวิวในอากาศ
แน่นอน ฝ่ามือมังกรสยบนี้เป็นเพียงกระบวนท่าแรก สำหรับฉินเฟิงที่เป็นลูกรักของพระเจ้า หยางจิงยังคงไม่ประมาท ระมัดระวังอยู่หลายส่วน
แต่ขณะนั้นเอง ระหว่างที่หยางจิงเคลื่อนไหว ฉินเฟิงเองก็ใช้ออกด้วยฝ่ามือเช่นกัน
ทว่านั่นเป็นฝ่ามือธรรมดา ทั้งยังแค่ฝ่ามือเดียว
ปงงงง!
กำลังภายในของทั้งสองเชือดเฉือนกันในอากาศ
ดวงตาของหยางจิงเบิกกว้าง กำลังภายในของเขาปั่นป่วนแล้วแตกสลายลงทันที ในขณะที่กำลังภายในอันน่าหวาดกลัวตรงหน้า ยังคงพุ่งตรงเข้ามา