โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 653 - คำเชิญจากภูมิภาคตะวันออก
คำพูดอันอ่อนน้อมถ่อมตน ท่าทีเมตตากรุณาของชายวัยกลางคน เห็นได้ชัดว่าไม่มีประโยชน์ หลังจากที่เขาพ่ายแพ้ ก็ถูกลากตัวออกไป ขณะที่คนอื่นๆเริ่มฉุกคิด
‘ฉินเฟิงยึดครองสถานที่แห่งนี้ เลยเป็นธรรมดาที่ต้องการแสดงความสามารถออกมา ขู่ไม่ให้คนอื่นคิดแย่งชิง! ดังนั้นถึงฉันจะหวาดกลัว แต่ถ้าไม่ทดลองดู จะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองอาจเป็นผู้ถูกเลือกของฉินเฟิง?’
‘ไม่เข้าถ้ำเสือ แล้วจะได้ลูกเสือได้อย่างไร?’
‘ฮึ่ม! ฉันไม่เชื่อหรอกว่าฉินเฟิงจะแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น ไม่งั้นเขาจะเชื้อเชิญบางคนเข้าร่วมทำไม?’
หลังจากที่คนของเฟิงหลีช่วยกับแบกชายวัยกลางคนลงไป อีกสามคนก็กระโจนลงมาทันที ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน
“ในเมื่อก่อนหน้านี้ผู้การฉินรับการท้าทายถึงห้าคน ฉะนั้นคงไม่ว่าอะไรถ้าพวกเราสามคนจะขอท้าประลองพร้อมกัน!”
“ผมไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว” มุมปากของฉินเฟิงยกยิ้ม “เพราะผลลัพธ์คงไม่ต่างกัน!”
ทั้งสามเคยเห็นฝีปากเราะร้ายดั่งงูพิษของฉินเฟิงมาก่อนแล้ว ดังนั้นจึงเตรียมใจเอาไว้ล่วงหน้า แต่ก็ยังอดเดือดดาลไม่ได้อยู่ดี
ทว่าสุดท้ายก็สามารถระงับความโกรธเอาไว้ได้ ก่อนเริ่มลงมือพร้อมกัน
แต่ช่างน่าสงสารนัก สุดท้ายทั้งสามก็ถูกทุบตีโดยฉินเฟิง พ่ายแพ้แก่เขา ได้รับบาดเจ็บกันถ้วนหน้า ไม่อาจต่อสู้ได้อีก
“คนต่อไป!”
ทันทีที่เสียงของฉินเฟิงตกลง กว่าสี่คนได้กระโจนขึ้นสู่เวที
ฉินเฟิงน้อมรับทุกคน ไม่คิดปฏิเสธ ทั้งยังเร่งเก็บกวาดคนเหล่านี้อย่างรวดเร็ว
“คนต่อไป!”
“ไหนยังมีใครอีก!”
“เอ้า! ไม่มีแล้วหรือ?”
ฉินเฟิงรับมือกับการต่อสู้ระลอกแล้วระลอกเล่า สู้ตั้งแต่เที่ยงวันยันตกเย็น เลเวล B กว่าครึ่งสิ้นท่า อย่างไรก็ตาม หากไม่นับการต่อสู้ในยกที่สอง กลับไม่มีผู้ใดประสบความสำเร็จ ได้รับการยอมรับจากฉินเฟิงอีกเลย
จนกระทั่งท้องฟ้า ค่อยๆเริ่มมืดครึ้มลง คนที่ยังเหลืออยู่ จิตใจหม่นหมองไม่ต่างจากสภาพอากาศ
“พวกคุณควรจะทราบดี ว่านอกจากเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณแล้ว ผมยังเป็นใช้อบิลิตี้มืดอีกด้วย พอฟ้ามืดแล้ว มันจะยิ่งไม่ดีสำหรับทุกท่าน”
ผู้คนที่เหลือที่ยังไม่ยอมปรากฏตัว พอได้ฟังในลิ้นคล้ายสัมผัสได้ถึงรสฝาดขม
แม้ฉินเฟิงต้องรับมือผู้ท้าชิงอย่างต่อเนื่องจนถึงตอนนี้ แต่พวกเขากลับยังไม่มีความมั่นใจเลย ยิ่งตอนนี้จู่ๆก็ได้รับคำเตือนว่าฉินเฟิงเป็นผู้ใช้อบิลิตี้อย่างกะทันหัน ยิ่งไปกันใหญ่
ใช่แล้ว ฉินเฟิงไม่ได้เป็นแค่ผู้ใช้อบิลิตี้มืดเท่านั้น แต่เขายังเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ไฟอีกด้วย!
แค่เฉพาะในส่วนกระบวนท่าของวรยุทธโบราณ ก็มากพอที่จะโค่นพวกเขาลงแล้ว หากมีอบิลิตี้มืดมาช่วยเสริม คงไม่ต้องกล่าวถึงกระมัง?
ฉินเฟิงยืนรออยู่นานกว่า 5 นาที แต่ก็ไม่มีใครก้าวออกมา
ผู้คนตัดสินใจเลิกรา ยอมถอยแล้ว!
ฉินเฟิงกล่าวเสียงหม่น “ถ้ายังไม่มีใครออกมา การประลองวันนี้จะถือว่าสิ้นสุดลง และจากนี้ไป ไม่ว่าจะเป็นเมืองลาวาเดือด หรือประตูมิติ พวกคุณจะไม่มีสิทธิ์ครอบครองใดๆทั้งสิ้น และผมหวังว่าทุกคนจะปฏิบัติตามกฏของผม มิฉะนั้น ….”
ฉินเฟิงไม่ได้พูดต่อ แต่ก็มากพอที่จะข่มขวัญคนเหล่านี้ เกรงว่าการกระทำของเขาในวันนี้ ยังน่ากลัวกว่าคำขู่ขวัญของเลเวล A ซะอีก
เหล่าผู้ที่ยังรับชมถึงปัจจุบัน ดวงตาฉายชัดถึงความลังเล ทั้งยังฟุ้งไปด้วยความไม่ยินยอม แต่ในท้ายที่สุด ก็เลือกที่จะยอมแพ้!
เพราะพวกเขาเข้าใจดี ว่าต่อให้มีหลายคนก็คงไม่สามารถเอาชนะฉินเฟิงได้ พวกคนก่อนหน้านี้เป็นตัวอย่างที่ดี –ฉินเฟิงน่ะมีไพ่ในมือมากเกินไป!
เมื่อฉินเฟิงเห็นว่ายังไม่มีใครก้าวขึ้นมาบนเวทีอีก ทั้งยังไม่มีใครคัดค้าน แสดงออกชัดว่ายอมรับคำประกาศของฉินเฟิง เขาก็รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง
–ถือว่าไม่เสียแรงเปล่าแล้ว ที่เขายอมใช้เวลาทั้งวันในการต่อสู้กับคนเหล่านี้
ต้องรู้นะว่า ที่นี่มีผู้ใช้วรยุทธโบราณกับผู้ใช้อบิลิตี้อยู่มากมาย หากฉินเฟิงคิดฆ่าพวกเขาทั้งหมด ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงคงทะยานอย่างก้าวกระโดด
สามารถขึ้นสู่เลเวล B ได้แน่ๆ แต่ถ้าทำแบบนั้น เกรงว่าฤดูใบไม้ผลิปีนี้ คงมีเลเวล B ไม่พอต่อการปฏิบัติภารกิจ
อีกอย่าง ถ้าฉินเฟิงเลือกสังหารพวกเขาทั้งหมด เกรงว่าฉินเฟิงคงได้กลายเป็นอาชญากรที่ถูกต้องการตัวมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของพันธมิตรหัวเซี่ย
“เช่นนั้น ขอเชิญชวนทุกท่าน มายังป้อมปราการของผม ออกสำรวจต่างมิติด้วยกัน!”
จากนั้น เรือเหาะก็เปิดประตูออก ฉินเฟิงก้าวขึ้นไป ปล่อยมันบินขึ้นสู่ท้องฟ้า ต่อมา เรือเหาะทุกลำของกลุ่มเฟิงหลี ก็ค่อยๆถอนกำลังออกจากที่แห่งนี้ เหลือทิ้งไว้เพียงเวทีประลองในสภาพป่นปี้ ผู้คนบนหุบเขามองหน้ากันและกัน สุดท้ายแยกย้ายกันไป
ในบรรดาคนเหล่านั้น มีเพียงคนเดียวที่ได้รับความร่วมมือจากฉินเฟิง –ราชาปืนจินห่าว!
จินห่าวแน่นอนว่าติดตามฉินเฟิงมา มุ่งหน้าไปยังป้อมปราการลาวาเดือดที่อยู่ไม่ไกล
มิติของปีศาจโทรลลาวาเดือดแตกต่างจากเขตแดนลับอย่างหุบเหวตอนเหนือ หรือรอยแยกมิติป่าหยวนของเมืองหัวเป่ย
มันปลอดภัย ไม่มีสัตว์ร้ายหรือตัวอะไรเล็ดลอดออกมา เพราะประตูมิติที่นี่ตกอยู่ในมือไป๋หลี แค่เธอเอ่ยปากว่าเปิดมันก็เปิด แค่เธอบอกให้ปิดมันก็ปิด
ดังนั้นประตูสู่ต่างมิตินี้ จึงกลายเป็นช่องทางทำกำไรมหาศาล
ในคืนวันเดียวกัน ฉินเฟิงได้ต้อนรับลูกค้ากลุ่มแรก เป็นเลเวล B กว่า 30 คน พวกเขามาพร้อมกับเลเวล C 300 คน ได้รับค่าธรรมเนียมในวันเดียวพุ่งสูงถึง 3 ล้านล้าน!
ส่วนค่าธรรมเนียมผ่านประตูของเลเวล C จะถูกส่งไปเป็นค่าบำรุงรักษาป้อมปราการ
จินห่าว ฟูเหวินจู เหอเล่อหมิง เส้นประสาทเขม็งเกร็งตึงเครียด เตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาที่อาจตามมา แต่โชคยังดีที่เลเวล B ในวันแรก หลังจากเข้าสู่ต่างมิติแล้ว พวกเขาสามารถกลับมาอย่างปลอดภัย ไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้น
ในส่วนของฉินเฟิง เขาไม่กังวลใจใดๆ เก็บตัวฟื้นฟูกำลังภายในของตนเอง
“แค่สั่งสอนผู้คนแต่ไม่ถึงกับฆ่านี่ ถือว่าต้องจ่ายออกไปไม่น้อยจริงๆ”
ฉินเฟิงนั่งขวาทับซ้านในห้องซ้อม การต่อสู้ตลอดทั้งช่วงบ่าย เขาต้องทานรับการท้าทายจากตัวตนทรงพลังนับร้อยคน เจอแบบนี้เข้าไป ต่อให้กำลังภายในของเขาลึกล้ำเกินหยั่งถึง มันก็ยังถูกสูบออกมาใช้อย่างรวดเร็ว และประเด็นสำคัญก็คือ การต่อสู้ในครั้งนี้ ไม่มีพลังงานจากศพศัตรูกลับมาบำรุง!
ในทุกๆการต่อสู้ที่ผ่านมาของฉินเฟิง เขามักสังหารสัตว์ร้าย และตราบใดที่สัตว์ร้ายตาย พลังงานจากมันจะเข้ามาเติมเต็มกำลังภายในและพลังสมาธิที่หายไปของฉินเฟิง แต่ครั้งนี้ไม่มียารักษาที่ดีเช่นนั้น!
แต่โชคยังดี ที่ยังมีเอฟเฟคของทักษะลับกลืนดารา มันช่วยดูดซับพลังงานระหว่างสวรรค์และปฐพีด้วยความเร็วสูง ดังนั้นใช้เวลาเพียงหนึ่งคืน ฉินเฟิงก็ฟื้นฟูกลับมา
หลายวันผ่านไป เริ่มมีระดับสูงบุกเข้าไปยังมิติลาวาเดือดเพิ่มมากขึ้น บางคนก็สามารถกลับออกมาได้ ขณะที่บางคนไม่ได้กลับมา … เสียชีวิตในสมรภูมิ!
อย่างไรก็ตามนั่นคือความเสี่ยงของการออกสำรวจ ไม่มีใครได้รับสมบัติล้ำค่าโดยไม่ต้องจ่ายสิ่งใดตอบแทน
ฉินเฟิงเองความจริงแล้วก็ต้องการที่จะเข้าไปเหมือนกัน แต่ไม่นาน ก็ดันมีข่าวถูกส่งมาเสียก่อน
มันคือข่าวคราวจากภูมิภาคตะวันออก!
ฤดูหนาวได้ผ่านพ้นไปแล้ว ฤดูใบไม้ผลิเริ่มกลับมาช่วยฟื้นฟูชีวิตชีวาแก่สภาพแวดล้อมอีกครั้ง แต่ก็นับว่าเป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดเช่นกัน เพราะมักจะเกิดการระบาดของกองทัพสัตว์ร้าย!
ก่อนหน้านี้ฉินเฟิงได้ออกปราบปรามลุ่มน้ำตู่ซาน บรรลุภารกิจในฤดูหนาว จากนั้นเมื่อเขากลับมายังรัฐทะเลเหนือ พวกคนระดับสูงของพันธมิตรมนุษย์ก็ทราบเรื่องนี้ พวกเขารู้กระทั่งการปรากฏขึ้นของมิติอื่น
และตอนนี้ ฉินเฟิงได้จัดการดูแลทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเป็นธรรมดาที่จะมีคนคิดถึงเขา
อีกย่างฉินเฟิงได้ให้สัญญากับคนๆหนึ่งเอาไว้ นั่นคือตงหยาง จ้าวพรมแดนแห่งภูมิภาคตะวันออก หากไม่มีอะไรผิดพลาด ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่เขาต้องเดินทางไปยังทะเลนรก
หลังจากที่ตงหยางติดต่อซางฮัน ตลอดครึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาไม่สามารถติดต่อฉินเฟิงได้เลย เพราะภารกิจของฉินเฟิง ก็วุ่นมากเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ภารกิจคอยรับสายคนโทรหาฉินเฟิงในตอนนี้ ฉินเฟิงได้มอบหมายมันให้แก่เลขาคนแรกของเขาตั้งนานแล้ว –เป็นหม่าหลาน!
หม่าหลานไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมาย อย่างไรก็ตาม คนๆนี้กลับได้รับหน้าที่เลขาของฉินเฟิง เนื่องจากมีความสามารถในการทำงานที่โดดเด่น ฉินเฟิงเลยปลดล็อคหมายเลขสื่อสาร อนุญาตให้เลขาสามารถติดต่อกับเขาได้
ซึ่งในตอนนี้ ขณะที่ฉินเฟิงกำลังคิดเข้าไปยังมิติลาวาเดือด หม่าหลานก็โทรมาดักคอฉินเฟิงเสียก่อน
“ผู้การฉิน มีคนต้องการพบคุณ ฉันรู้ ต้องขออภัยจริงๆ เรื่องนี้จำเป็นต้องบอกคุณ สถานการณ์ในดินแดนตะวันออกมีความซับซ้อนมาก นอกจากนี้ยังอันตรายมากเช่นกัน กำลังจะเกิดสมรภูมิขึ้นที่ทะเลนรก ตอนนี้แนวชายฝั่งถูกปิดกั้นแล้ว ฉันตงหยาง ในฐานะตัวแทนของภูมิภาคตะวันออก ขอวิงวอนคุณด้วยใจจริง ได้โปรดมาเป็นกำลังเสริมแก่เรา!”
หม่าหลานส่งต่อคำพูดของตงหยาง แต่น้ำเสียงที่เปล่ง เหมือนจะออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจจริงๆ
เนื่องจากต้องคอยจับตาดูฉินเฟิงตลอดเวลา หม่าหลานจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องคอยค้นคว้าหาข้อมูลให้ฉินเฟิง ดังนั้นจึงค้นพบสถานที่แปลกประหลาดมากมาย ทั้งยังได้ข้อมูลมาอีกว่า ในทุกๆที่ที่ฉินเฟิงไป ไม่ว่าจะแห่งหนใด หากเขาย่างกราย มักพลิกตลบจากหน้ามือเป็นหลังมือ เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์!