ราชาซากศพ - บทที่ 326 อันตรายเพิ่มขึ้น
บทที่ 326
อันตรายเพิ่มขึ้น
“หลินเว่ยที่ได้ยินดังนั้น จึงเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าตัวร้าย ลอบวางแผนการยึดครองร่างของข้า
มานานแล้วงั้นสินะ”! ถึงกับหลอกล่อให้ข้ามอบร่างกายให้เจ้าด้วยลูกไม้ตื้นๆ
เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนโง่เขลาหรือว่า เป็นตัวเจ้าเองที่ไร้เดียงสา ที่คิดว่า ข้าจะเห็นแก่สมุนไพรเหล่านั้น!
ฮึ…หากว่าข้าตายไป..แล้วสมุนไพรพวกนั้น ข้ายังจะต้องการมันอีกงั้นหรือ?” หลินเว่ยกล่าวกับจินหยูด้วยน้ำเสียงรังเกียจปนดูแคลน หลังจากนั้น ในขณะที่เขาตะโกนร้องโวยวาย พลางถอยห่างและรักษาระยะจากอีกฝ่าย ใบหน้าของหลินเว่ยเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างมาก ราวกับถูกหลอกใช้
เมื่อเห็นว่า ความตั้งใจเดิมของจินหยูนั้น ส่งผลร้ายต่อเขา หลินเว่ยจึงระมัดระวังตัวมากขึ้น
เนื่องจากเขาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับวิญญาณตนนี้เลย หลังจากอีกฝ่ายเสนอตัวช่วยเหลือเขา
หลังจากนั้น เปิดเผยความตั้งใจเดิมของตนเองว่า ต้องการอะไรจากหลินเว่ย
ยิ่งไปกว่านั้น ในสถานแห่งนี้ทุกหนทุกแห่งล้วนเป็นอาณาเขตของวิญญาณตรงหน้าเขา….
หลินเว่ยขบคิดในใจว่า ไม่ได้การแล้ว ในตอนนี้เขากำลังเสียเปรียบฝ่ายตรงข้าม
อย่างไรก็ตาม หลินเว่ยไม่ได้กังวลว่าอีกฝ่ายจะดึงดันและพยายามเข้ายึดครองร่างของเขา
ท้ายที่สุดแล้วในจิตสำนึกของหลินเว่ย มีเทพสงครามชื่อว่า ชายชราหมิง เขามั่นใจว่า ชายชราหมิงย่อมจัดการจิตวิญญาณตนนี้ได้อย่างแน่นอน?
และบางทีการที่จินหยูต้องการยึดครองร่างของเขา อาจจะส่งผลกระทบต่อการตามหาเสี้ยววิญญาณของ
ชายชราหมิง… ดังนั้นในเรื่องนี้ชายชราหมิงต้องเป็นคนจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง
เมื่อคิดเช่นนี้ได้ หลินเว่ยก็วางใจในระดับหนึ่ง แต่ใบหน้าของเขากลับจับจ้องไปที่จินหยูไม่วางตา ราวกับว่า หากจินหยูผลุนผลันเข้ามายึดครองร่างของเขา เขาพร้อมจะตอบโต้ทันที
“ ยึดครองร่างงั้นหรือ…เอ๋….เจ้ากล่าวเรื่องยึดครองร่างอะไรกัน?” จินหยูกะพริบตา ใบหน้าของเขาปรากฏสีหน้าไร้เดียงสาที่น่าเอ็นดู หลังจากนั้น ความคิดของจินหยูเเล่นไปในทันทีทันใด เขาร้องออกมาว่า
“ช้าก่อน! เจ้าคงไม่คิดว่า…ท่านปู่คนนี้จะยึดครองร่างของเจ้าหรอกนะ?” จินหยูดูเหมือนจะเข้าใจในความคิดฟุ้งซ่านของหลินเว่ย หลังจากนั้น เขารีบเอ่ยรีบพูดขึ้น อย่างร้อนใจ เกรงว่าหลินเว่ยจะคิดมากเกินไปกว่านี้
“ มันไม่ใช่ตามที่ข้าคิดงั้นหรือ?” หลินเว่ยหยุดชะงัก และเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ
“บัดซบ … ” เมื่อได้ยิน และเห็นท่าทาง และใบหน้าของหลินเว่ย จินหยูก็รู้สึกพูดไม่ออกอยู่สักพัก
เห็นได้ชัดว่าหลินเว่ยนั้น เข้าใจผิดเรื่องนี้ผิดมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม จินหยูก็ขบคิดกับตนเองว่า เป็นเพราะเหตุใด..หลินเว่ยจึงคิดเช่นนั้น
เนื่องจากเขาเพียงต้องการยืมร่างอีกฝ่ายเพื่อออกไปจากที่นี่ แต่กลับถูกหลินเว่ยมองว่า
สิ่งนี้คือการเอาชีวิตของเขา หลังจากนั้น เขาก็ทบทวนคำพูดของตนเอง และเข้าใจได้ว่า เรื่องที่ตนเองพูดออกไปนั้น ล้วนคิดเรื่องดีไม่ได้เลยสักนิด ไม่แปลกใจที่หลินเว่ยจะเข้าผิดไป
“เอ่อ…เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ข้าเพียงต้องการยืมกำลังของเจ้า…เพื่อออกไปจากที่นี่” บนใบหน้าของจินหยูนั้นเปลี่ยนท่าทาง เต็มไปด้วยความจริงจัง และกล่าวอธิบาย
“ ออกไปจากที่นี่หรือ….เมื่อข้าลงไปจากหุบเขานี้ ข้าจะพาเจ้าลงไปด้วย ไม่มีปัญหา
เมื่อได้ยินคำอธิบายของอีกฝ่าย หลินเว่ยก็พยักหน้า สีหน้าของเขาก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง
และเขาพูดตอบรับอย่างแผ่วเบา
“ข้าไม่ได้ต้องการออกไปจากหุบเขานี้ แต่ข้าออกไปจากโลกแคบๆใบนี้” จินหยูส่ายหัวและอธิบาย
“หากเจ้าต้องการออกจากดินแดนลับนี้ไปกับข้า เรื่องนี้ง่ายมาก หากเจ้าสามารถตามหาสิ่งของล้ำค่าจนเต็มแหวนมิติของข้าได้ เมื่อถึงเวลาข้าจะพาเจ้าออกไปด้วย เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายต้องการให้เขาพาออกไปจากดินแดนลับ
หลินเว่ยกลับรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ที่อีกฝ่ายจะมีความคิดเช่นนี้ แต่เขาก็ยังยอมพยักหน้าเข้าใจและพร้อมช่วยเหลือ
สำหรับหลินเว่ยแล้ว มันเป็นเพียงงานเล็กน้อยเท่านั้น การพาอีกฝ่ายลงจากหุบเขา หรือพาออกไปจากดินแดนลับ
ก็ไม่ต่างกันเท่าใดนัก เขาสามารถทำได้อย่างง่ายดาย
“ สิ่งต่างๆไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เจ้าคิด ข้าคือร่างวิญญาณ ซึ่งเท่ากับชีวิตหนึ่ง หากข้าต้องการจากโลกใบเล็ก ๆ นี้ไปกับเจ้า ข้าต้องมีปราณวิญญาณของเจ้า เพราะเจ้าไม่ใช่คนจากโลกใบนี้ เจ้าสามารถอยู่ที่นี่ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
จากนั้นเจ้าจะชำระล้างพร้อมกับข้า ตามกฎของดินแดนลับ เมื่อยามออกไปโลกภายนอก พร้อมกับเจ้า
เราจึงจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้ “เมื่อเห็นว่าหลินเว่ยพูดอะไรได้อย่างง่ายดาย จินหยูก็ส่ายหัวอย่างรีบร้อนและพูดอย่างจริงจัง
“ปราณวิญญาณ หรือเจ้าหมายความว่า เจ้าต้องการให้ข้าตรึงวิญญาณข้าบนร่างกายของเจ้า เช่นเดียวกับอาวุธหรือ? หลินเว่ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามด้วยการขมวดคิ้ว
“อาวุธมันคืออะไร?” จินหยูถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่รู้จักอาวุธ… หลินเว่ยก็ตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นดาบยาว ปรากฏในมือของเขา หลังจากนั้นหลินเว่ยชี้ไปที่มัน แทนคำอธิบายทั้งหมด
“โอ้มันคืออาวุธวิเศษ! แต่อาวุธวิเศษของเจ้าดูอ่อนแอมาก แม้แต่อาวุธวิเศษระดับเหล็กดำ ก็ไม่ดีเท่ากับที่นี่
แต่เจ้าพูดถูก เช่นเดียวกับการขัดเกลาอาวุธ” จินหยูเพียงแค่มองไปที่ดาบของหลินเว่ย เขาพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เป็นเช่นนั้นเอง….มันคืออาวุธวิเศษ” หลินเว่ยพยักหน้าและพึมพำกับตัวเอง จากนั้นเขาก็พูดด้วยใบหน้าที่ผ่อนคลายลง: “เรื่องนี้ง่ายมาก ร่างกายของเจ้ามีพลังมาก…ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรในการขัดเกลา”
“ หากมันง่ายดายถึงเพียงนั้น ข้าคงไม่ต้องบอกเจ้ามากมายถึงเพียงนี้ รอให้ข้าอธิบายให้เสร็จสิ้นก่อนได้หรือไม่?” จินหยูยืนนิ่งและกล่าวด้วยใบหน้าที่ไร้คำพูด
“เอาล่ะ ได้! เจ้าไม่กล่าวอธิบายให้ชัดภายในครั้งเดียว ข้าพึ่งจะโล่งใจได้ไม่นาน หลินเว่ยอดทนต่อแรงยั่วยุในการทุบตีผู้คน และขมวดคิ้ว
“โทษข้าหรือ! หากเจ้าไม่ขัดจังหวะข้า…ข้าคงจะอธิบายจบไปแล้ว จินหยูก็กางมือออกและพูดอย่างไร้เดียงสา
“ ……” เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย หลินเว่ยก็พูดไม่ออก เขาจึงต้องยื่นมือออกไปและส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายพูดต่อให้จบ
“อันที่จริงแล้ว พูดง่าย ๆ คือเมื่อเจ้าขัดเกลาร่างของข้า เมื่อตอนที่เจ้าจากโลกนี้ไป วิญญาณของเจ้า
จะได้รับการชำระล้างจากพลังแห่งสวรรค์และโลก มันคล้ายกับ การชำระล้างบาป เจ้าจะได้สัมผัสความรู้สึกระหว่างความเป็นและความตาย หากโชคดี พลังของเจ้าจะสามารถเลื่อนระดับความแข็งแกร่งขึ้นเป็นขั้นเหล็กดำ
สำหรับคนอย่างเจ้า การชำระล้างอาจจะทำให้เจ้าได้รับอันตรายได้ ”
เมื่อจินหยูพูดเช่นนี้ เขาก็เงียบไปชั่วขณะ เมื่อเห็นว่าหลินเว่ยไม่ได้เอ่ยถามคำถามใดๆ ในเวลานี้ เขาจึงกล่าวต่อว่า:“ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเจ้า ที่มีการฝึกฝนที่แข็งแกร่งในช่วงปลาย และจิตวิญญาณของเจ้า ได้หลอมรวมร่างวิญญาณแล้ว
เมื่อเจ้าออกจากโลกนี้ไป เจ้าจะต้องรับการชำระล้าง จากพลังจากสวรรค์และโลกของดินแดนลับ
และ ในช่วงเวลาเดียวกัน เจ้าจะถูกพลังสวรรค์และโลกในดินแดนของเจ้าลงทัณฑ์ที่ละเมิดกฎ พาสิ่งมีชีวิตออกมาจากดินแดนลับเช่นเดียวกัน ซึ่งในเวลานั้น หากพลังสวรรค์และโลกทั้งสองฝั่งรวมพลังกัน และความแข็งแกร่งของพลังที่เจ้าจะต้องเผชิญ จะยิ่งทวีคูณ ”
“อะไรนะ?” เมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายของจินหยู ใบหน้าของหลินเว่ยก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดมาก
ไม่ว่าจะได้ยินจากปากของจื่อหยูหรือจินหยู เขาสามารถจินตนาการได้ว่า การชำระล้างด้วยพลังแห่งสวรรค์และโลก จะต้องเต็มไปด้วยอันตรายอย่างมาก
แต่เขาไม่คิดว่า สิ่งที่เขากำลังจะเผชิญไม่ใช่เพียงหนึ่งแต่เป็นถึงสองพลัง ยิ่งไปกว่านั้น พลังทั้งสองของสวรรค์และโลก สามารถซ้อนทับกันได้ และทำให้พลังจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก ในตอนแรกหลินเว่ยนั้นไม่รู้รายละเอียดในเรื่องนี้เนื่องจากจื่อหยูไม่ได้พูดเรื่องนี้กับหลินเว่ยแม้แต่น้อย
เมื่อได้ยินคำพูดของจินหยู หลินเว่ยรู้สึกเสียใจในทันที เขาสับสนและหวนนึกถึงคำสัญญาของจื่อหยู
หากเขารู้ว่า มันจะอันตรายถึงเพียงนี้ เขาจะปฏิเสธโดยไม่ลังเลใจ
ใบหน้าของ หลินเว่ยแปรเปลี่ยนเป็นอึมครึม และตกอยู่ในความเงียบงัน ในเวลานี้จินหยู ไม่กล้ารบกวนความคิดของหลินเว่ย เขามองไปที่หลินเว่ยอย่างประหม่า เขากลัวว่าหลินเว่ยจะปฏิเสธคำขอของเขา