Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1605 - ความขัดแย้งในใจของฉันชิง สภาพจิตใจชิงสุ่ย
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1605 - ความขัดแย้งในใจของฉันชิง สภาพจิตใจชิงสุ่ย
บทที่ 1605 – ความขัดแย้งในใจของฉันชิง สภาพจิตใจชิงสุ่ย
สีหน้าของชิงสุ่ยดูมีชีวิตชีวามากกว่าก่อนหน้านี้ ในตอนที่เขาปกคลุมไปด้วยคราบเลือดนั้น ทําให้ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับเขาต้องรู้สึกตัวเอง เมื่อเขาชําระล้างคราบเลือดและสิ่งสกปรกออกไปในตอนนี้เขาก็กลับมาเป็นคนธรรมดาอีกครั้ง
เมื่อชิงสุ่ยนั่งลง บนโต๊ะตรงหน้าของเขานั้นก็เต็มไปด้วยอาหารมากมาย อวี้เหนียงและคนอื่นๆต่างก็อยู่ที่นี่ พวกเขาต่างมองมาที่ชิงสุ่ยที่มีความรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ เขาได้ผ่านเหตุการณ์เช่นนี้มาหลายครั้งแต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นก็รุนแรงมากขึ้นทุกที ความเป็นความตายสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
“วันนี้ถือเป็นวันแห่งความสุข เหตุใดพวกท่านจึงดูไม่มีความสุขกัน? มาเถอะ พวกเรามาดื่มฉลองกันหน่อย” ชิงสุ่ยรู้ว่าทุกๆคนกําลังเป็นห่วงเรื่องอาการบาดเจ็บของเขา เขารู้ดีว่าตนเองไม่เป็นไรและจากนั้นก็ยกแก้วสุราขึ้นมา
ทุกคนต่างก็ยกแก้วขึ้น อาการบาดเจ็บของเสวี่ย นั่วดีขึ้นมากแล้วในตอนนี้ หลังจากทุกๆคนยกแก้วขึ้นดื่มพร้อมกันบรรยากาศของที่แห่งนี้ก็ดูผ่อนคลายยิ่งขึ้น
“ชิงสุ่ย เจ้ายังบาดเจ็บอยู่ ดื่มให้น้อยหน่อย” อวี้เหนียงพูดกับชิงสุ่ยเบาๆ
“อย่ากังวลไปเลยพี่สาว สุรานี้ไม่อาจทําร้ายร่างกายข้าได้หรอก กลับกันมันยังเป็นผลดีต่อการบาดเจ็บของข้า” สุราที่ชิงสุ่ยดื่มนั้นเป็นสุราที่มาจากดินแดนหยกยุพราชอมตะ มันย่อมไม่มีอันตรายใดๆ
อวี้เหนียงไม่ได้อยู่ที่นี่นานนักนางจึงเดินจากไปเป็นคนแรกเพราะนางยังต้องไปดูแลพวกเด็กๆ อีกคนอื่นๆก็ไม่ได้พูดอะไรมากนัก อวี้เหนียงนั้นเป็นผู้ที่อาวุโสที่สุดที่นี่เป็นแม่ของคน 4 คนและ ยังเป็นพี่ชิงสุ่ย
“ชิงสุ่ย เจ้าคิดว่าตระกูลนั่วจะมาช่วยพวกเราซ่อมแซมหอคอยจักรพรรดิจริงๆนั้นหรือ?” เหลียนหลิงเฟิงคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะเอ่ยถามชิงสุ่ย
“จริงๆแล้วมันไม่สําคัญว่าพวกเขาจะมาหรือไม่ แต่พวกเราย่อมต้องให้พวกเขาซ่อมแซมหอคอยจักรพรรดิ” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวขึ้น บรรพบุรุษของตระกูลนั่วได้ตายไปแล้วและในตอนนี้ตระกูลนั่วก็ไม่มีอะไรที่พวกเขาจะต้องกลัวอีกต่อไป พวกเขาจะไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานนักตราบใดที่หอคอยจักรพรรดินั้นยังคงอยู่
ฉินชิงนั่งลงข้างๆชิงสุ่ยและไม่ได้กล่าวอะไรออกมาในตอนนี้ ชิงสุ่ยมองมาที่นาง ” พี่สาวชิง เหตุใดท่านที่มาที่นี่? นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือ”
“เจ้าคุณจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ไม่ว่าข้าจะอยู่ที่นี่หรือไม่ก็ตาม ข้าเพียงมาที่นี่เพื่ อตรวจสอบเรื่องต่างๆและไม่ได้คิดว่าจะพบเจ้า” ฉินชิงกล่าวเบาๆ
“ท่านมาที่นี่เพื่อตามหาข้าหรือ?” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวขึ้น
เหลียนหลิงเฟิงยิ้มได้มองไปที่ชีฉีชายิ้มตอบเขากลับมา ในตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เมื่อได้เห็นชิงสุ่ยและฉินชิง พวกเขาทั้งสองคนก็มีความหวังว่าจะได้อยู่เคียงคู่กันไปถึงวันสุดท้าย นี่คือความสัมพันธ์แบบเพื่อนเท่านั้น เพื่อนที่หวังว่าอีกฝ่ายจะมีความสุขในชีวิต
ฉินชิงยิ้มและพยักหน้า “ข้ามาที่นี่เพื่อตรวจสอบดู”
“พี่เขย ท่านไม่ได้พบเจอกับพี่สาวชิงมาเป็นเวลานาน เช่นนั้นก็จงใช้เวลาอยู่กับนางเถอะ” เสวี่ย หัวขัดจังหวะ
ชิงสุ่ยส่ายศีรษะ ผมไม่รู้ว่าทําไมเด็กสาวผู้นี้ถึงเรียกเขาเช่นนี้ แต่มันก็ต้องมีผลกับฉินชิงเขาไม่รู้ว่านางจะรู้สึกเช่นไรเมื่อได้ยินเช่นนี้ นางจะรู้สึกต่อต้านเขามากยิ่งขึ้นหรือไม่?
“ข้าเองก็ไม่ได้เพิ่งกลับมางั้นหรือ? ข้าอยู่ที่แดนทะเลน้ำแข็งมาโดยตลอดก่อนหน้านี้และเพิ่งจะกลับมาวันนี้” ชิงสุ่ยตอบกลับมา
” พี่เขยที่แดนทะเลน้ำแข็งนั้นสนุกหรือไม่? บอกข้าหน่อยสิ ตอนนี้พี่สาวของข้ากําลังจะไปอาศัยอยู่ที่แดนทะเลน้ำแข็ง?” เสวี่ย นั่วถามขึ้นด้วยความสงสัย
“แดนทะเลน้ำแข็งนั้นยังคงมีการแข่งขันที่รุนแรง มันก็เหมือนกับทุกๆที่แต่มันอันตรายยิ่งกว่าเพราะอยู่ในน้ำ” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวขึ้น
“มันคงจะดีถ้าหากข้าสามารถมองเห็นในน้ำได้สักวันหนึ่ง”
“เจ้าก็มีโอกาสจะทําเช่นนั้นได้” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวขึ้น
จากนั้นไม่นานก็ดูเหมือนจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นภายนอก เทียนยี่เดินเข้ามาและกล่าวกับชิงสุยว่า “ตระกูลนั่ว และเข้ามาซ่อมแซมหอคอยจักรพรรดิแล้ว”
“แล้วมีลูกหลานสายตรงของตระกูลนั่วด้วยหรือไม่?” ชิงสุ่ยยิ้มและถามขึ้น
“อื้ม แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทําอะไรเพียงแค่ยืนมองอยู่ข้างๆเหล่าคนงาน” เมื่อเทียนยกล่าวกับชิงสุ่ยเขารู้สึกเคารพอย่างยิ่ง ชิงสุ่ยนั้นเป็นเหมือนคนที่ให้ชีวิตใหม่แก่เขา
ชิงสุ่ยรู้ว่าตระกูลนั่วนั้นจะสามารถยอมรับปัญหาที่ตนเองก่อไว้ได้
ดังนั้นในตอนนี้ชิงสุ่ยจึงไม่จําเป็นที่จะต้องไปตรวจสอบ ตระกูลนั่วยอมเลือกที่จะออกจากเที่ยงนี้ไปหลังจากนี้อย่างแน่นอน เมื่อพวกเขาออกไปปัญหาทั้งหมดก็จบสิ้น
เหตุผลที่ชิงสุ่ยไม่ได้ลงมือทําอะไรก็เพราะว่ายังมีผู้สืบทอดแห่งจอมอสูรอีกมากมาย ตระกูลนั่วนั้นพ่ายแพ้ไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการที่จะเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้สืบทอดแห่งจอมอสูรคนอื่นๆในตอนนี้
เด็กปีศาจตระกูลนั่วและเลิงหมิงนั้นย่อมไม่สามารถทําอะไรเขาได้ ในวันนี้เขาได้เอาช นะคนพวกนี้และคงยากยิ่งนักที่พวกเขาจะสามารถยกระดับขึ้นได้ในอนาคต เมื่อเวลาผ่านพ้นไปความต่างของระดับพลังนั้นก็จะมากยิ่งขึ้นไปอีก
ในตอนนี้ดวงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าแล้วและมื้ออาหารเย็นก็กําลังจะเริ่มขึ้น หลังจากอาหารเย็นจบลง ทุกๆคนต่างก็ไปพักเพราะวันนี้เป็นวันที่เหนื่อยล้าอย่างยิ่ง พวกเขายังต้องชิงสุยพักผ่อนได้อย่างเต็มที่
ชิงสุ่ยมองมาที่หยิน ต่งและหลินเฟย เหลียนหลิงเฟิงและซีฉีชา… หยินต่งนั้นเป็นคนที่ดูแลเอาใจใส่อย่างยิ่งในขณะที่เหลียนหลิงเฟิงก็เป็นคนที่มุมานะ ดังนั้นชายทั้งสองคนนี้คงจะมีภรรยา เพียงแค่ชิงสุ่ยรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย การที่ชายหนุ่มมีภรรยาเพียงคนเดียวนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี พวกเขาจะได้เติมเต็มหัวใจของกันและกันโดยที่ไม่มีผู้อื่นมาเกี่ยวข้อง
เสวี่ย นั่วก็เดินจากไปเช่นกัน นางรู้สึกเหนื่อยอย่างยิ่ง ฉินชิงยืนขึ้นและกล่าวออกมาช้าๆ “เจ้าคงจะเหนื่อยมากแล้ว ไปพักก่อนเถอะ!”
ชิงสุ่ยส่ายศีรษะของเขา “ข้ายังไม่เหนื่อย ข้ามีความสุขอย่างยิ่ง เจ้าเหนื่อยแล้วงั้นหรือ? หากยังไม่เหนื่อยไปเดินเล่นกันหน่อยดีหรือไม่
ชิงสุ่ยไม่ปล่อยให้ฉินชิงมีโอกาสเลือกตอบและเดินออกไปทันที ฉินชิงส่ายศีรษะของนางและเดินตามหลังชิงสุ่ยออกไปหอคอยจักรพรรดิ
ชิงสุ่ยมองดูถนนที่ดูเหมือนจะคุ้นเคย แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้นสําหรับเขา ชิงสุ่ยไม่ได้มาที่นี่นานมากนักดังนั้นจึงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป ถนนเส้นนี้ยังคงเต็มไปด้วยผู้คน โลกไม่เคยเปลี่ยนเพียงเพราะคนๆเดียวจากไป ทุกๆคนต่างก็มีหน้าที่ของตนเองถึงแม้จะเกิดความ
ปั่นปวนครั้งใหญ่เกิดขึ้น แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกคนธรรมดาย่อมไม่สนใจ พวกเขาเพียงหาเลี้ยงชีพตัวเองในทุกๆวันเท่านั้น
ชิงสุ่ยรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง มันอาจจะเป็นเพราะเขาได้ผ่านการต่อสู้แห่งความเป็นความตาย มาในวันนี้และรู้สึกได้ว่าโลกนี้ช่างมหัศจรรย์อย่างยิ่ง มีเรื่องที่ขัดแย้งกันมากมายในโลกใบนี้
นี่คือความหมายของชีวิต
“หากข้าตายไปเจ้าจะเสียใจหรือไม่?” ชิงสุ่ยถามเบาๆ
“เหตุใดเจ้าจึงถามเช่นนี้?” ฉินชิงมองไปโดยรอบ
ฉินชิงนั้นงดงามอย่างยิ่งและไม่มีผู้ใดเคยได้ใกล้ชิดกับนาง ผู้คนที่อยู่บนถนนต่างก็เหลียวหันมามองนาน นี่ถือเป็นเรื่องธรรมดาในโลกก่อนหน้านี้ของชิงสุ่ย หญิงสาวที่งดงามก็มีชายหนุ่มมาก มายที่เหลียวมอง แต่ก็ไม่มีหญิงสาวคนไหนในโลกก่อนหน้านี้ของเขาที่จะเทียบเคียงกับฉินชิงได้ ไม่มีหญิงใดเทียบได้เลย เหตุผลนั่นก็เพราะสิ่งแวดล้อมของโลกใบนี้ จิตแห่งปราณและการฝึกยุทธ
“พวกเราเองต่างก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์และใช้ชีวิตอยู่บนความเสี่ยงหรือทุกวัน ทุกๆครั้งที่ข้ารอดพ้นจากความตายข้าจะรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง ในช่วงเวลานั้นข้าจะรู้สึกได้ถึงความกล้าหาญ ราวกับว่าถ้าได้ผ่านอะไรมามากมาย บางทีปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตอาจจะเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับสิ่งที่ข้าต้องเผชิญในอนาคต” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวขึ้นในขณะที่เขาเดินไป
“ตัวอย่างเช่น?” ฉินชิงคิดครู่หนึ่งแล้วยิ้มออกมา
“ตัวอย่างเช่น ข้าชื่นชอบเจ้าเป็นอย่างมากจนไม่อาจทนรอให้เจ้ามาเป็นของข้าได้ในอดีตนั้น ฆ่ารู้สึกผิดหวังและต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงจิตใจของเจ้า แต่ในตอนนี้ข้ารู้สึกได้ว่าการที่เรารัก ใครสักคนนั่นไม่ได้หมายถึงว่าเราจะต้องเป็นเจ้าของคนคน นี่ถือเป็นการปลอบใจตัวเองหรือไม่?” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวออกมา
ฉินชิงตกตะลึงไปในตอนนี้ก่อนที่นางจะพยักหน้า ใบหน้าของนางแดงขึ้นเล็กน้อย “มันน่าจะเป็นการปลอบใจตัวเอง”
ชิงสุ่ยยิ้มออกมา ”เช่นนั้นเจ้าจะปลอบประโลมข้าหรือไม่? ข้าไม่อยากจะปลอบใจตัวเองอีกต่อ”
ฉินชิงสายศีรษะของนางอย่างหนักแน่น “ข้าอาจจะเริ่มลังเลบ้างแล้ว ชิงสุ่ยให้เวลาข้า อีกสักหน่อย ข้าจําได้ว่าข้าเองก็เคยบอกกับเจ้าก่อนหน้านี้ แม้ว่าข้าจะไม่ได้แต่งงานกับเจ้าข้าก็จะไม่แต่งงานกับคนอื่นๆ
“พี่สาวชิง เจ้าเองก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง มนุษย์ทุกคนต่างก็มีความรักได้ เจ้าไม่รู้สึกถึง มันนั้นหรือ? เช่นนั้นแล้วเจ้าก็คงมีปัญหาแล้วล่ะ” ชิงสุ่ยกล่าวออกมาอย่างจริงจัง
ใบหน้าของฉินชิงเริ่มแดงขึ้นมาก่อนที่นางจะมองตรงออกไปและกล่าวว่า “ข้ายังสามารถทนต่อเนื่องนี้ หากวันใดข้าต้องการมีความสัมพันธ์กับผู้ใด เจ้าจะยังรอคอยข้าอีกหรือไม่?”
“แน่นอนสิ อ้อมกอดของข้านั้นเปิดรับเจ้าอยู่เสมอ พวกเราต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ว่าเจ้าจะเผชิญปัญหาอะไรโปรดจงจําไว้ว่ายังมีข้า ไม่อย่างนั้นข้าเองก็คงรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง” ชิงสุ่ยรวบรวมความกล้าและจับมือของนาง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชิงสุ่ยเดินจับมือของนางแต่ทุกๆครั้งหัวใจของเขาก็เต้นแรงอยู่เสมอ ฉินชิงไม่ได้ขัดขืนและจับมือของเขาเอาไว้แน่น
ผู้หญิงมักจะขัดแย้งกันเช่นนี้
พวกเขาทั้งสองคนต่างก็เดินจูงมือกันราวกับคู่รัก ชิงสุ่ยนั้นดูสงบนิ่งอย่างยิ่ง เขาตื่น เต้นเล็กน้อยแต่ก็ยังดูสงบนิ่งนี่เป็นเพราะหญิงสาวที่กําลังจับมือกับเขาอยู่
“แล้วที่บ้านเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ชิงสุ่ยนึกถึงจักรวรรดิฉิน
“ทุกอย่างปกติดี เจ้าจะทําอะไรต่อไป?” ฉินชิงมองมาที่ชิงสุ่ยและกล่าวขึ้น
“ข้าจะพักอยู่ที่นี่อีกสักหน่อย และหลังจากนั้นถ้าก็จะกลับไปที่บ้าน ตอนที่ข้ามาที่นี่ลูกชายคนสุดท้องของข้านั้นเพิ่งจะมีอายุเพียงไม่กี่เดือน แต่ตอนที่ข้ากลับไปเขาคงจะเรียกข้าว่าท่านพ่อได้แล้ว” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวขึ้น ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความสุข
มันเป็นการดีที่จะทําให้บางสิ่งชัดเจน เขาเข้าใจฉินชิงและรู้ว่าบางครั้งเรื่องที่นางอยากจะรู้นั้นนางก็ไม่ได้ถามออกมา
“เด็กคนนั้นย่อมต้องน่ารักอย่างแน่นอน!” ฉินชิงยิ้มและกล่าวขึ้น
“อื้ม เขาดูเหมือนแม่มาก ในอนาคตอาจเจ้ามีลูก ลูกของเจ้าก็จะต้องน่ารักเช่นเดียวกัน” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวขึ้น
หัวใจของฉันชิงเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อยและนางจับมือของชิงสุ่ยแน่นขึ้นอีก แต่จากนั้นนางก็รู้สึกผ่อนคลายและมองมาที่ชิงสุ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้ามันจอมวายร้าย หยุดล้างสมองข้าสักที”
เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ชิงสุ่ยก็ยิ้มออกมา “เอาล่ะ เอาล่ะ แล้วเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง? จะทําอะไรต่อไป?”
“ข้าคงจะอยู่ที่จักรวรรดิฉินและที่นี่เป็นการชั่วคราว เจ้ายินดีต้อนรับข้าหรือไม่?” ฉินชิงตอบกลับมาอย่างรวดเร็วราวกับว่านางได้คิดเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้
“หอคอยจักรพรรดินั้นเป็นบ้านของเจ้าเสมอ” ชิงสุ่ยรู้ว่าฉันชิงทําเช่นนี้ก็เพราะเขา
ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้วและผู้คนบนถนนก็เริ่มมากยิ่งขึ้น รอบข้างของถนนในตอนนี้แขวนเอาไว้ด้วยหินแสงมากมายทําให้มันดูสว่างไสวราวกับกลางวัน
เมื่อพวกเขากลับมาที่บ้านผู้คนของตระกูลนั่วก็ได้กลับไปแล้ว หอคอยจักรพรรดิได้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่ต้องเดาเลยว่าช่างฝีมือของตระกูลนั่วนั้นต้องมีฝีมือที่ดีอย่างแน่นอน ความจริงแล้ว แม้ว่าหอคอยจักรพรรดิจะถูกทําลายไปมันก็คงกลับมาเป็นเหมือนเดิมอย่างง่ายดาย