Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1639 -ชายชราหวังผู้ลึกลับ
บทที่ 1639 -ชายชราหวังผู้ลึกลับ
ในตอนนี้หยินชารู้ดีว่าถ้าพ่อของเขาฟื้นความแข็งแกร่งได้กลับมา ตระกูลหงจะไม่กล้าทําเรื่องอย่างนี้แน่นอน ตอนนี้ตระกูลหยินก็เหลือเพียงแม่ของเขาเท่านั้นที่มีความสามารถใกล้เคียงกับพ่อของเขา
เฟิงซี่ยิ้มออกมา และมองไปที่หยินเทียน” ท่านคิดอย่างไร กับต่อสู้ครั้งนี้ เราควรมีแผนยังไง?”
หยินเทียนยิ้มและพูดว่า “ ข้าแน่ใจว่าเจ้าคิดออกแล้ว ทําไมเจ้าไม่ลองบอกข้าดูละ ว่าในตอนนี้สิ่งที่เจ้าคิดกับข้าคิดเหมือนกันหรือไม่?”
“ เราจะทําการประลอง 10ต่อ10 “เฟิงขี่มองหยินเทียนและพูดด้วยรอยยิ้ม
หยินเรียนรู้ว่าเธอนั้นจะส่งชิงสุ่ยเข้าไปในการต่อสู้อย่างแน่นอน นอกจากนี้รวมถึงเธอและลูกชายของเขา
ในตอนนี้หยินชาไม่ค่อยเข้าใจมากนัก เขานั้นไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับชิงสุ่ยมากนัก ในตอนนี้เขาเลือกที่จะอยู่เงียบๆ และฟังต่อไป เพราะเขาเชื่อมั่นในการตัดสินใจของพ่อและแม่เขาเสมอ
“ แล้วเราจะส่งใครไปบ้าง?” หยินเทียนยิ้มและถาม
“ข้า ชาเอ๋อ ชิงลุ่ย ชิงเฟิง,หมิงอวี้ และอาวุโสทั้งสอง” เฟิงซี่ยิ้มและตอบ (7 คน??)
หยินเทียนยิ้มและมองไปที่เฟิงซี่ เขาไม่ได้แสดงความไม่เห็นเกี่ยวกับวิธีของเธอ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เห็นด้วยกับแผนการของเธอในครั้งนี้
“ มีอะไรรึ แผนของข้ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?” เธอถามออกมาเมื่อเห็นรอยยิ้มที่ผิดปกติของเขา
“ เป็นเวลาหลายปีตระกูลหงได้วางแผนเอาไว้ โดยเฉพาะในครั้งนี้เราดันเป็นฝ่ายที่ติดกับพวกเขาเอง ดังนั้นข้าคิดว่าท่านอาวุโสทั้งสองคงไม่ช่วยเหลือเราอย่างแน่นอน ดีกว่าสําหรับเราที่จะไม่หวังในตัวพวกเขามากนัก “หยินเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ
เป็นอย่างที่หยินเทียนกล่าวเอาไว้ เนื่องจากเรื่องราวในครั้งนี้เป็นฝ่ายตระกูลหยินที่ผิดพลาดจริงๆ นอกจากนี้ในช่วงเวลาที่หยินเทียนและเฟิงซี่ไม่อยู่อาวุโสทั้งสองก็ได้ออกรับหน้าและกําจัดอริมาโดยตลอด มันจึงทําให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บภายใน อย่างน้อยต้องใช้เวลาถึงสามเดือนในการฟื้นตัว
อย่างไรก็ตามเฟิงซีก็รู้ดีว่ามันคือข้าอ้างแม้พวกเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนพวกเขาก็ยังเป็นคน ยังไงซะเขาก็ย่อมถูกกดดันจากตระกูลอื่นๆ หากทําเป็นหน้าที่ของตน แต่ถึงอย่างไรเธอก็สงสัยว่าเป็นใครกันที่สามารถสร้างแรงกดดันให้ทั้งสองได้ เพราะพวกเขาเป็นคนที่จะไม่ยอมทรยศตระกูลหยิน แม้ว่าพวกเขาจะต้องตายแน่นอน นั้นหมายความว่าพวกเขาต้องถูกคุกคามโดยบุคคลหนึ่งที่มีผลต่อชีวิตของพวกเขา มิฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะทําเช่นนี้
แม้เฟิงซี่จะรู้สึกผิดหวัง แต่ตระกูลหยินก็ไม่สามารถบีบบังคับพวกเขาได้ ชิงเฟิง หมิงอวี้ ทั้งสองเป็นสหายที่ดีของพวกเขา ซึ่งแน่นอนในครั้งพวกเขาย่อมให้ความช่วยเหลือตระกูลหยิน แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะตอบตกลง ยังไงซะพวกเขาก็ยังมีตระกูงของตัวเองที่ต้องดูแล แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้ถ้าพวกเขาเข้าร่วม จํานวนของผู้เขาร่วมเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
“ แล้วเราจะทําอย่างไรดี” เชิงซี่ถักคิ้วขึ้นแล้วถามออกมา หากปราศาจากอาวุโสทั้งสองหรือชิงเฟิง หมิงอวี้ แม้พวกเขาจะมีชิงสุ่ยนี่ก็ถือว่าเป็นงานที่ยากเอาการ
“ ที่จริงแล้วเพียงแค่มีชิสุยทางด้านข้างของเราก็ได้เปรียบมากแล้ว มันก็ไม่ได้แย่มากมายดังที่เจ้าคิดเอาไว้หลอก” หยินเทียนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ ข้าแค่คิดเพื่อเรื่องไม่คาดฝันเอาไว้เท่านั้น ด้วยจํานวนคนที่น้อยกว่าเราจะทําอย่างไร” เฟิงซี่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่กังวล
“ ฮ่าฮ่า ไม่ต้องกังวลหรอก ให้เราจะให้พ่อครัวหวังมีส่วนร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ ด้วยวิธีนี้เราควรจะสามารถชนะได้อย่างง่ายดาย” หยินเทียนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“ ท่านหมายถึงท่านลุงหวัง ที่เป็นพ่อครัว ใช่ไหม” เฟิงซี่ถามด้วยความไม่เชื่อ
ในตอนนี้หยินชาเองก็ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยินมา และหันไปมองพ่อของเขาในทัน
“ ใช่ ก็มีเพียงแค่ท่านลุงหวังคนนั้นคนเดียวเท่านั้น” หยินเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของทั้งสอง เขาจึงกล่าวต่อว่า “ อย่าได้กังวลท่านลุงหวังนั้นอ่อนแอกว่าข้าตอนที่สมบูรณ์ที่สุดเพียงเล็กน้อย แม้แต่ชิงเฟิงและหมิงอวี้ ร่วมกันสู้ก็ไม่อาจเทียบเท่าได้ ไม่ควรมีปัญหาใด ๆ หากเลือกเขาเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้”
“แล้วท่านลุงหวัง จะเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ด้วยหรือไม่?” หยินชาและเฟิงซี่ถามออกมา
ในที่สุดหยินชาก็สามารถเข้าใจบางสิ่งได้ในที่สุด เหตุผลที่เขาสามารถมีชีวิตรอดมาได้ในทุกๆวันนี้ไม่ใช่เพียงเพราะอาวุโสทั้งสองที่คอยดูแล ยังมีชายชราหวังผู้นี้ผู้แฝงตัวอยู่ในเงามืด และคอยช่วยเหลือเขาเอาไว้
“แน่นอน ท่านลุงหวังผู้นี้คือคนที่ปกป้องเจ้ามาโดยตลอด เขาคือผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งอย่างมาก เหตุผลที่เขาได้เร้นกายไปก็เพราะเขาไม่สามารถปกป้องภรรยาของเขาได้ หลังจากที่แก้แค้นให้เธอสําเร็จเขาก็แทบไม่เคยแสดงความแข็งแกร่ง และหยุได้ระทิ้งเส้นทางแห่งการบ่มเพราะไป หากในตอนนี้เขายังคงบ้าคลั่งและฝึกฝนเหมือนดังเคย แม้แต่ข้าที่ร่างกายแข็งแรงดีก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา อาจกล่าวมีคนไม่กี่คนเท่านั้นที่จะพอรับมือเขาได้ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้จากไปไหนเขาได้มาอยู่กับข้าและได้หาความสุขจากการทําอาหาร แม้ว่าเขาจะไม่พรสวรรค์ในทางนี้ก็ตาม”
แม้แต่เฟิงซี่ก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้มากก่อน ตลอดเวลานี้เธอมักคิดเสมอว่าเขาอยู่เพียงระดับเซียนเทียนเท่านั้น และไม่เคยคิดว่าเขานั้นแข็งแกร่งมากมายกว่าเธอขนาดนี้
ในตอนนี้ชายชราที่ได้เดินเข้าพร้อมกับจานที่เตรียมไว้เพื่อเสิร์ฟ อาหารให้กับหยินเทียนและครอบครัวของเขา ตั้งแต่หยินชาเริ่มจําความได้ สิ่งที่เขารู้ก็มีเพียงว่าชายชราหวังนั้นเป็นพ่อครัวของตระกูลหยินเท่านั้น
รูปร่างของชายหวังไม่สูงมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นเขาดูอ้วนเสียมากกว่า เขามีใบหน้าที่ใจดีและน่ารื่นรมย์ นอกจากนี้เขายังมีบุคลิกที่อบอุ่น เขาเข้ามาพร้อมกับอาหารที่เตรียมไว้ เมื่อก่อนนั้นหยินเทียนได้ช่วยเขาล้างแค้นให้กับผู้หญิงที่เขารัก เพราะเขานั้นไม่สามารถจัดการอีกฝ่ายได้ มันจึงทําให้ชายชราหวังรู้สึกติดหนี้บุญมหญ่หลวงกับหยินเทียน ในขณะเดียวกันเขาก็เบื่อหน่ายกับวิถีชีวิตของการห่าฟัน มันจึงทําให้เขาเดินออกมาจากเส้นทางแห่งนั้นและมาเป็นพ่อครัวให้กับหยินเทียน
ชายชราหวังวางจานลงบนโต๊ะ ขณะที่เดินเขาเดินเข้าไปหาหยินเทียน แม้ว่าชายชราหวังอาจจะเป็นเหมือนคนรับใช้ของตระกูลหยิน แต่ตระกูลหยินไม่เคยปฏิบัติต่อเขาในฐานะคนนอก จากรูปร่างหน้าตาของเขาที่ดูแก่กว่าหยิน จึงทําให้หยินเทียนมักเรียกเขาว่าพี่หวังอยู่เสมอ แม้ว่าเขาจะเด็กกว่าหยินเทียนก็ตาม
“ พี่หวังทําไมท่านไม่นั่งลงและกินด้วยกันกับเราละ!” หยินเทียนยิ้มและพูดว่า
ในอดีตชายชราหวังเคยกินอาหารร่วมกันกับทั้งสามคน แต่นี่เป็นครั้งแรกในรอบกว่าสิบปีที่เขาได้มีโอกาสทานอาหารเย็นร่วมกับพวกเขาอีกครั้ง เมื่อชายชราวังได้ยินคําเชิญของพวกเขา เขาก็ยินดีอย่างมาก เขาได้นั่งลงใกล้ๆหยินชาในตอนนี้
“ ท่านลุงวัง!” หยินชาทักทายชายชราวัง
ชายชราวังยิ้มและกล่าวว่า “ในที่สุด พ่อและแม่ของเจ้ากลับมาแล้ว ตอนนี้เจ้ารู้สึกโล่งใจหรือยัง?”
“ ใช่ก็ใช่ แต่ตอนนี้ตระกูลกําลังคิดจะจะกําจัดเราก่อนที่ท่านพ่อจะหายดี” หยินชากล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
แม้ว่าเขาจะไม่สนใจการบ่มเพาะแต่สิ่งที่เขาทําอยู่ก็คือปกป้องตระกูลหยิน และคอยคิดตามตระกูลอื่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาทําลายตระกูลหยิน
“น้องเทียน เจ้ามีแผนในครั้งนี้แล้วรึยัง ไม่ว่ายังไงก็ตามให้ข้าได้มีส่วนร่วมในการประลองในครั้งนี้ด้วยเถอะ หากเจ้ายังปกติดีอยู่ข้าเองก็คงไม่ยื่นมือเข้ามายุ่ง แต่ในครั้งนี้เจ้ายังไม่หายดี ปล่อยขยะพวกนั้นให้เป็นหน้าที่ของข้า”
“ พวกเราจะส่งคนสิบคนลงไปในการต่อสู้ครั้งนี้ หยินเทียนยิ้มและกล่าว
“ น้องเทียน เจ้าช่างเป็นคนใจกว้างจริงๆ” ชายชรารู้ดีว่าหยินเทียนจะไม่ส่งคนลงไปครบ10คนอย่างแน่นอน นั้นเพราะเขาไม่มีกําลังคนขนาดนั้น ข
ในความคิดของหยินเทียน แผนดั้งเดิมของเขาคือการส่งให้ชิงเฟิง หมิงอ” ชิงสุ่ย และชายชราหวัง เข้าร่วมการแข่งขัน ด้วยการประสานงานของชิงสุ่ย มันจะทําให้ที่นี้ไร้พ่ายอย่างแน่นอน
“ ข้ากําลังจะตามหาท่าน ก็เป็นเพราะเหตุผลนี้ ในตอนนี้ข้านั้นไร้หนทางจริงๆ จึงต้องขอรบกวนท่านแล้ว เพราะท่านเพื่อนคนเดียวที่ข้ามีอยู่ในตอนนี้” หยินเทียนยิ้มและพูด ด้วยความแข็งแกร่งของเขาทําให้เขาสูญเสียเพื่อนไปมากมาย
ในโลกของผู้ฝึกตน หนทางที่เหลืออยู่ก็คนความเดียวดาย จึงมีคําพูดที่ว่ายิ่งสูงยิ่งหนาว ในตอนนี้สหายที่สนิทสนมของเขาก็ได้ล้มตายไปเกือบหมด ไม่ว่าจะเป็นด้วยการต่อสู้ หรือหมดอายุไขก็ตาม
“เราเป็นพี่น้องกัน ที่นี่ก็คือครอบครัวของข้า ไม่ว่าอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใด นี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะยังคงเหมือนเดิมตลอดไป” ชายชราหวังหัวเราะเบา ๆ
“ ไปกันเถอะ ข้าจะแนะนําเจ้าให้รู้จักกับหมอที่น่าอัศจรรย์ที่ช่วยข้าไว้ นอกจากนี้เขายังมีพรสวรรค์ในการปรุงอาหารที่ไม่มีใครเทียบได้” หยินเทียนยิ้มและกล่าวว่า
“เยี่ยม ข้าจะขอบคุณเขา ที่ช่วยทําให้เจ้าผ่านสถานการณ์ที่ยากลําบากตลอดหลายปีที่มาได้ มันเป็นเวลาที่โหดร้ายอย่างมากสําหรับพวกเจ้า เนื่องจากเขาเป็นคนที่ช่วยเจ้าไว้ นั่นก็หมายความว่าเขายังก็เป็นผู้มีพระคุณของของข้าอีกด้วย” ชายชราหวังยืนขึ้นและกําลังจะลุกออกไป
“ ทําไมพวกท่านทั้งสองไม่นั่งลงและเพลิดเพลินกับมื้ออาหารของท่านก่อนที่จะไปที่นั่นละ” เฟิงซี่กล่าวอย่างรวดเร็ว
หยินเทียนมองไปรอบ ๆ และยิ้ม“ ถ้าอย่างนั้นทําไมเราไม่เชิญชิงสุ่ยและคนอื่นๆมาร่วมท่านอาหารกับเราละ”
หยินชายืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ท่านพ่อทําไม ท่านไม่ใช้นี้เวลาคุยกับท่านลุงหวังละ ในขณะที่ข้าไปจะเชิญพวกเขามาเอง”
เฟิงซีพยักหน้า “ เอาล่ะ เราจะอยู่ที่นี่จนกว่าเจ้าจะกลับมา”
ในตอนนี้หญิงสาวทั้งสองไม่ได้มากับชิงสุ่ย มีเพียงแค่เขาคนเดียวที่กลับมาพร้อมหยินชา นี่เป็นการเจอกันครั้งแรกของชิงสุ่ยกับชายชราหวัง แม้จะเป็นเช่นนั้นเขาก็สามารถที่จะรู้สึกได้ว่าชายชราหวังทรงพลังขนาดไหน แม้ว่าเขาอาจจะไม่สามารถบอกได้ว่าพลังที่แท้จริงของชายชราผู้นี้อยู่ในขั้นไหนกันแน่ แต่ความรู้สึกของเขาก็บอกเขาว่าเขามีความแข็งแกร่งมากกว่าเพิ่งซื้อย่างแน่นอน
ชายชราหวังเข้าหาเดินเข้าไปหาชิงสุยอย่างมีความสุข ทันทีที่เขาเห็นเขาชายชราก็ได้กล่าวว่า “ ข้าคือชายชราหวังต้องขอโทษจริงๆ ที่ข้าไม่สามารถแสดงความขอบคุณเจ้าได้ ที่เจ้าได้ช่วยชีวิตน้องชายของข้าเอาไว้ หากมีสิ่งใดที่จะให้ข้าช่วย ไม่ว่าจะอะไรก็ตามเจ้าสามารถบอกข้าได้เลย ข้าจะพยายามทํามันอย่างสุดความสามารถ
ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวว่า “ ท่านอาวุโสท่านพูดเป็นทางการกับข้ามากไปแล้ว ข้านั้นได้ถูกพามาที่นี่พร้อมกับท่านลุงและคนอื่นๆ และด้วยโชคชะตา ภรรยาของข้ายังได้กล่าวเป็นลูกบุญธรรมของท่านป้าเฟิงอีกด้วย ดังนั้นเราก็คือครอบครัวเดียวกัน”
“ จริงรึ?ยอดเยี่ยมไปเลย ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าข้าจะมีครอบครัวที่ใหญ่โตขนาดนี้ เอาล่ะทําไมเราไม่นั่งลงกินอาหารและพูดคุยกันในเวลาเดียวกันล่ะ? โอ้ แล้วภรรยาของเจ้าอยู่ไหนกัน? “ชายชราหวังพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
“ พวกนางทานอาหารกันเสร็จแล้ว ดังนั้นพวกนางจึงตัดสินใจที่จะอยู่ในห้องแทนในเวลานี้”
ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้ดีว่าสิ่งที่จะพูดหลังจากมืออาหารคืออะไร มันจึงเป็นเรื่องดีที่ทั้งสองคนจไม่เข้ามารับฟังในเวลานี้
“ ชิงสุ่ย ป้าจะบอกความจริงกับเจ้า เราต้องการให้เจ้าเข้าร่วมการประลองเป็นตายในครั้งนี้” เฟิงซี่กล่าวขณะมองดูชิงสุ่ย
“ แน่นอนท่านป้า เนื่องจากหลิงเยียนและฉินชิงเป็นคนที่ทําให้เกิดปัญหานี้ แม้ว่าท่านป้าเฟิงจะไม่ได้ขอร้องให้ข้าเข้าร่วมในการประลองครั้งนี้ ข้าก็จะอาสาเข้าทํามัน” ชิงสุ่ยกล่าวออกมาด้วยความรวดเร็ว
เฟิงซี่สายหน้าของเธอ “มันเป็นเรื่อยังเอิญ แม้ว่าจะไม่มีเรื่องนี้ ตระกูลหงคงพยายามาข้ออ้างอื่นในการจัดการกับเราอยู่ดี เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคือตระกูลหยินของข้า”
ชิงสุ่ยรู้ว่าเฟิงซี กําลังพูดความจริงอยู่ หลังจากความคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ถามออกมาว่า “ ท่านป้าวางแผนที่จะต่อสู้ในสงครามนี้อย่างไรบ้าง?”
“ข้าวางแผนที่จะจบการแข่งขันในรอบเดียว โดยการประลองครั้งนี้เป็นการประลองแบบกลุ่มโดยที่แต่ละฝั่งจะสามารถส่งคนออกมาได้ไม่เกิน10คน เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับกลยุทธ์ ของเราบ้าง?” เธอถามออกมาหลังจากที่กล่าวจบ
“ท่านป้าเฟิง ท่านเป็นคนใจกว้างเกินไปแล้ว” ชิงสุ่ยยิ้มและพูดว่า
มันเหมือนกับสิ่งที่ชายชราวังพูดในก่อนหน้านี้ ซึ่งชิงสุ่ยรู้ชัดเจนว่าเธอไม่ได้ใจดีอย่างนั้น เธอเพียงต้องการที่จะถอนรากถอนโคนตระกูลหงให้หมดไปในที่เดียว เช่นนั้นแล้วความแข็งแกร่งพวกเขาจะลดลงอย่างมาก และยากที่จะกลับมา
แน่นอนว่ามีเหตุผลที่ชิงสุ่ยชม เธอว่าเป็นคนใจกว้างเพราะพวกเขาสามารถต่อสู้ในการประลองเห็นตายได้ โดยที่แต่ละฝ่ายสามารถส่งตัวแทนออกมา5คน โดยแบ่งการประลองสองออกสองครั้ง ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะมีโอกาสที่จะชนะการประลองมากกว่า แต่ถึงอย่างไรเพราะเธอเชื่อมั่นในกลุ่มของเธอ และอยากรับจัดการเรื่องทั้งหมดลงเธอจึงได้ตัดสินใจเช่นนี้