Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1936 - มันไม่ดีเลยที่เจ้าพยายามอดกลั้นความรู้สึกและร่างกายของตัวเอง
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1936 - มันไม่ดีเลยที่เจ้าพยายามอดกลั้นความรู้สึกและร่างกายของตัวเอง
เวทมายาผนึกเหมันต์!!
ชิงสุ่ยรับรู้ถึงความเย็นทั่วร่างกายตอนนี้ผิวหนังของเขาเต็มไปด้วยชั้นน้ำแข็งหนา พร้อมผนึกร่างกายของเขาให้ติดชะงัก น้ำแข็งเหล่านี้ไม่ใช่น้ำแข็งธรรมดาเลย เพราะมันคือน้ำแข็งที่สร้างขึ้นจากพลังปราณจึงไม่สามารถทำลายได้ง่ายเหมือนน้ำแข็งที่เกิดขึ้นจากน้ำทั่วไป
ถานท่ายหลิงเยียนลังเลขณะจ้องมองชิงสุ่ยที่ถูกแช่แข็งแต่เธอก็ยังคงวัดแกว่งกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งของเธออย่างต่อเนื่อง!!
ปังงงง
โดยปกติแล้วหลังจากที่เธอระเบิดน้ำแข็งพลังโจมตีของเธอจะอยู่ที่ประมาณ 3 เท่าของปกติ แต่ในครั้งนี้มันกลับระเบิดสูงถึง 5 เท่า เกินขีดจำกัดที่เธอเคยครอบครอง เมื่อผลึกน้ำแข็งเกิดระเบิดร่างกายของชิงสุ่ยก็ถูกแรงกระแทกอัดปลิวลอยไปไกลสุดลูกหูลูกตา
”ชิงสุ่ย!!”
หัวใจของถานท่ายหลิงเยียนเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะเธอปลดปล่อยพลังใส่ผลึกน้ำแข็ง 3 ล้านเต๋า แต่ทำไมแรงระเบิดมันกลับเพิ่มทวีคูณเป็น 5 เท่าแทน?
ซึ่งถ้าหากเป็นพลังโจมตี5 เท่า นั่นก็หมายความว่าพลังที่เธอโจมตีใส่ชิงสุ่ยในครั้งนี้อยู่ในระดับ 15 ล้านเต๋า ทำไมชิงสุ่ยถึงได้ยืนให้เธอโจมตีโดยไม่ทำอะไร? จิตใจของถานท่ายหลิงเยียนพันกันยุ่งเหยิง ใบหน้าที่งดงามของเธอแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าซีดเซียว จากนั้นเธอก็รีบบินตรงไปหาชิงสุ่ยที่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
”ตื่นสิตื่น อย่าทำให้ข้ากลัว!!”ถานท่ายหลิงเยียนตะโกนเหมือนคนบ้า ขณะมองหน้าชิงสุ่ยที่ซีดเซียว
ชิงสุ่ยค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นอย่างช้าๆเขาเองก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเมื่อได้เห็นดวงตาแดงก่ำของเธอ “ข้าไม่เป็นไร ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมข้าถึงสลบ แต่ข้าดีใจที่เจ้าเป็นห่วงข้ามากขนาดนี้”ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
เมื่อมองดูใบหน้าที่กำลังยิ้มแย้มเธอรู้ได้ทันทีเลยว่าเขากำลังแสดงละคร และด้วยความโกรธของเธอ เธอจึงแก้มของเขาอย่างแรง
ชิงสุ่ยผิงหน้าอกถานท่ายหลิงเยียนจากนั้นก็ค่อยๆซุกตัวลงบนเนินเขาคู่ที่แสนนุ่มนวล ในขณะเดียวกันเขาก็ได้กลิ่นหอมจากร่างกายมันยิ่งทำให้เขาพึงพอใจ
”ใครมันจะไปเป็นห่วงเจ้าแต่เจ้าก็อย่าทำแบบนี้อีก”ถานท่ายหลิงเยียนสงบสติอารมณ์ลง และสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มคนนี้พยายามใช้ประโยชน์จากร่างกายของเธอ แต่เธอก็ไม่ได้ผลักเขาออกไป ในความจริงแล้วทั้งสองคนมีความสนิทสนมกันมาก แต่ยังไม่ถึงจุดนั้น ซึ่งในใจของเธอก็ยอมรับเพียงแค่เขา ยอมรับว่าเธอก็เป็นผู้หญิงของเขา และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงหรือเปลี่ยนใจ
ชิงสุ่ยลุกขึ้นและใช้มือโอบอุ้มถานท่ายหลิงเยียนให้ขึ้นไปนั่งบนตักของเขาแทน ทั้งสองคนนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ มองดูภาพธรรมชาติด้วยความรู้สึกเป็นสุข
เมื่อถานท่ายหลิงเยียนเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของชิงสุ่ยเธอก็เผลอส่งเสียงร้องตกใจ และมองดูชายหนุ่มคนนี้ด้วยใบหน้าแดงก่ำ
”อย่ามองข้าแบบนี้สิข้าเองก็อายเป็นเหมือนกัน”ชิงสุ่ยแทบจะรั้งตัวเธอไว้ไม่ไหว
”อย่างเจ้าเนี่ยนะข้าไม่เชื่อ”ถานท่ายหลิงเยียนโกรธและรู้สึกตลกไปพร้อมๆเดียวกัน
ชิงสุ่ยค่อยๆประกบริมฝีปากของเขาเข้ากับริมฝีปากของเธอตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขามักจะเข้ามาจูบเธอทุกครั้งหลังจากที่ผ่านการฝึกฝนขัดเกลาฝีมือกระบี่
หลังจากนั้นไม่นานมือของชิงสุ่ยก็เริ่มไม่เชื่อฟัง มันค่อยๆลูบไล้ภูเขาสูงชันสีผิวหิมะขาวนวลอย่างนี้มันอ้วน ถึงแม้หน้าอกของถานท่ายหลิงเยียนจะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่มันก็มีลักษณะคล้ายกับลูกท้อ ที่มีสัดส่วนสมบูรณ์ ชิงสุ่ยเองก็เคยเห็นหน้าอกของเธอ และยังคงตราตรึงใจไม่ลืมเลือน
ชิงสุ่ยนวดคลึงพวกมันอย่างช้าๆแต่ทุกครั้งที่เขาจูบเธอ เขาก็ไม่เคยได้ทำอะไรเกินเลย เพราะทุกครั้งที่มือของเขาเริ่มกลายเป็นปลาหมึก เธอจะผลักตัวของเขาออกทันที
ดังนั้นชิงสุ่ยจึงทำแค่เพียงจูบและมองดูใบหน้าอันแสนงดงาม ความเย็นชาของเธอคือเสน่ห์ที่น่าดึงดูดใจ ในขณะที่เขามองดูเธอ มือของเขาก็ยังคงซุกซน
ชิงสุ่ยรู้สึกได้เลยว่าร่างกายของเธอกำลังสั่นเครือซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะถานท่ายหลิงเยียนก็ยังเป็นมนุษย์ธรรมดา ไม่มีทางที่จะไม่มีความรู้สึก หรือละเว้นเรื่องเหล่านี้ได้
”สาวน้อยมันไม่ดีเลยที่เจ้าพยายามอดกลั้นความรู้สึกและร่างกายของตัวเอง”
”ถ้าหากเจ้าปล่อยตัวให้สบาย เจ้าจะได้พบเจอกับความสุข”
ชิงสุ่ยเหมือนกับคนที่พยายามหลอกล่อเด็กด้วยอมยิ้ม……
”เจ้ามันชั่วร้ายจริงๆหยุดพูดได้แล้ว”ถานท่ายหลิงเยียนรู้ดีว่าถ้าหากยังปล่อยให้เขาพูดต่อไป คำพูดของเขาก็จะยิ่งชั่วร้ายมากขึ้น
”สุดท้ายเจ้าจะต้องส่งเสียงร้องคร่ำครวญอย่างมีความสุข”ชิงสุ่ยใช้ปลายนิ้วชี้แตะยอดปทุมถัน และใช้มืออีกข้างสัมผัสข้อต่อบริเวณกระดูกสันหลังของเธอ
ทักษะหัตถ์พลิ้วไหวสะเทือนวิญญาณกำลังชี้นำร่างกายของหญิงสาวให้เปิดรับพลัง ฉะนั้นร่างกายของถานท่ายหลิงเยียนจึงยิ่งสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่เธอก็ไม่ยอมปิดปากไม่ส่งเสียงร้องแปลกๆออกมา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชิงสุ่ยกระตุ้นจุดลมปราณเพื่อเปิดรับพลังเพียงแต่ช่วงพักหลังเขาก็ไม่ค่อยได้ทำให้กับเธอ ถานท่ายหลิงเยียนจ้องมองชิงสุ่ยด้วยใบหน้าเขินอาย เธอพยายามจะเอาชนะความรู้สึกเหล่านี้ แต่มันก็เป็นความรู้สึกที่น่าปิติยินดี มันเป็นความสุขที่เธอชื่นชอบและไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
ซึ่งเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเธอก็เร่งรีบเดินทางกลับไปพร้อมกับชิงสุ่ยทันที จากนั้นก็รีบอาบน้ำ ลบล้างความรู้สึกไม่สบายใจที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความสุข
เมื่อเขากลับมาถึงหอคอยจักรพรรดิเด็กน้อยคนสำคัญก็ตื่นขึ้นจะความง่วงเซา ชิงซิ่วอายุปัจจุบันเกือบ 4 ปี และมีใบหน้าที่งดงามราวกับผู้หญิง ผมยาวที่กระจัดกระจายทำให้เขาดูสวยเกินคำบรรยาย เขาวิ่งตรงเข้าหาชิงสุ่ยและตะโกนอย่างมีความสุข
”ท่านพ่อ!!”
ชิงสุ่ยอุ้มเด็กน้อย”ซิ่วซิ่ว วันนี้เจ้าตื่นเช้าจริงๆ”
เด็กน้อยมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่กับพ่อเขา
”วันนี้ลูกอยากฝึกฝนร่างกาย” ”ยอดเยี่ยมซิ่วซิ่วของพ่อโตขึ้นมากจริงๆ มาเถอะ เดี๋ยวพ่อจะสอนให้เจ้ารู้จักวิทยายุทธ”
บนมหาทวีปหลักเมื่อเด็กน้อยอายุครบ 3 ขวบ พวกเขาจะเริ่มฝึกฝน การฝึกฝนตั้งแต่เด็กทำให้ร่างกายปรับสภาพได้ง่าย และด้วยความเป็นเด็กมันยิ่งทำให้พวกเขารับรู้ถึงพลังปราณแห่งสวรรค์ได้ง่ายเช่นกัน ยกตัวอย่างก็เหมือนกับชีวิตของชิงสุ่ย ต่อให้เขาเป็นเด็ก แต่ข้าได้รับการฝึกฝนที่ถูกต้อง เด็กตัวเล็กๆก็สามารถยกน้ำหนักที่มากกว่าน้ำหนักของตัวเองได้อย่างง่ายๆ
แม้ว่าชิงซิ่วจะเป็นเพียงแค่เด็กแต่ความพยายามของเขาก็ไม่ใช่เด็กเลย เขากำลังฝึกฝนท่วงท่าม้านั่งเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย แต่มันก็เป็นท่าที่ลำบาก ยิ่งอยู่ในท่านี้นานขึ้น ร่างกายก็จะยิ่งสั่นเครือเพราะความเจ็บปวด มันจึงทำให้เขาล้มลงไปนั่งกองกับพื้น
แต่เขาก็รีบลุกขึ้นยืนเพื่อฝึกฝนต่อตอนนี้เหงื่อเม็ดโตปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าเด็กน้อย
อีเย่เจี้ยนเก้อค่อยๆปรากฏกายด้านข้างชิงสุ่ยและมองดูลูกชายของเธอ
”ลูกของเรามีอนาคตที่ต้องแบกรับภาระอันใหญ่หลวงเขาจะต้องเปิดตัวเป็นชายชาตรีที่สมบูรณ์แบบ”ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับความรู้สึกผิดขณะมองดูลูกชายหัวแข็งของเขา