Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1943 - เจ้าทรราชสวรรค์ชางเหลียน โลหิตเจ้าทรราช
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1943 - เจ้าทรราชสวรรค์ชางเหลียน โลหิตเจ้าทรราช
อันที่จริงแล้วการโจมตีของซาหลางเฟิงไม่ควรสร้างปัญหาหรือเข้าถึงตัวชิงสุ่ยได้เลยแต่พ่อเขาไม่ต้องการเปิดเผยพลังที่แข็งแรงเร็วเกินไป เขาจึงทำได้เพียงแค่เคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็ว พลิกตัวหลบการโจมตีที่รวดเร็วของซาหลางเฟิง จากนั้นก็บิดร่างกาย ใช้ขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อที่ไปอยู่ด้านหลัง จากนั้นก็ปลดปล่อยลูกเตะ
ลูกเตะพยัคฆ์คำรณ!!
ชิงสุ่ยเตะออกไปด้วยสัญชาตญาณมันคือลูกเตะที่เกิดขึ้นจากการฝึกฝนนับครั้งไม่ถ้วน
ปังงงง!!
ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าซาหลางเฟิงจึงไม่มีทางหลบหนีได้ทัน ลูกเตะพยัคฆ์คำรณอัดกระแทกเข้ายังจุดสำคัญของร่างกาย สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับอวัยวะจนเกิดบาดแผลส่งผลให้เขาถึงกับกระอักเลือด
ซาหลางเฟิงจ้องมองชิงสุ่ยด้วยความกดดันตอนแรกเขาคิดว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่อาวุธเพราะความเย่อหยิ่ง แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาคิดผิดไป
ชิงสุ่ยเคยชินกับพลังที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดและจากการฝึกฝนซ้ำซ้ำในทุกอย่างมันทำให้เขาสามารถเข้าถึงห่วงพลังได้แทบจะทันที ตัวอย่างเช่นคนคนนึงที่มีพลังระดับ 1 ล้านเต๋า ถ้าหากสามารถแสดงทักษะวิชาได้อย่างเป็นเลิศ พวกเขาก็จะสามารถต่อกรกับคนที่มีระดับพลัง 2 ล้านเต๋าได้อย่างทัดเทียม แต่สำหรับคนที่มีฝีมือการต่อสู้ที่แย่และยังไม่ยอมฝึกฝน ต่อให้มีพลังระดับ 1 ล้านเต๋าพวกเขาก็จะใช้มันได้แค่เพียงครึ่งล้านเต๋าเท่านั้น
นอกเหนือจากการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วพลังยังขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญ ถ้าหากสามารถปล่อยกระบวนท่าโจมตีเข้าจุดสำคัญได้อย่างแม่นยำ พลังโจมตีนั้นก็จะรุนแรงขึ้นอีกเป็นทวีคูณ เหมือนกับนักมวยที่ชกคู่ต่อสู้ด้วยหมัดตรงเข้าหัวใจ แรงกระแทกจะทำให้คู่ต่อสู้อึดอัดและเริ่มทรมาน สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้เพราะความเจ็บปวด
และการเข้าใจจุดสำคัญต่างๆก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับชิงสุ่ยเลยในฐานะที่เขารู้ทุกจุดชีพจรบนร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือด เส้นลมปราณ กระดูก เขารู้แทบทุกอย่างว่าจุดไหนเปราะบางจุดไหนแข็งกระด้าง มันทำให้เขาสามารถเลือกโจมตีเพื่อสร้างความเจ็บปวดให้กับศัตรูได้อย่างรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก
ซาหลางเฟิงเส้นเลือดที่มุมปากจากนั้นก็กล่าวอย่างช้าๆว่า”ข้าพ่ายแพ้แล้วขอบคุณที่ไว้ชีวิตข้า”
ในช่วงเวลานั้นเขารู้ดีว่าถ้าหากชิงสุ่ยเปลี่ยนโจมตีไปเตะที่ลำคอของเขาเขาคงไม่มีโอกาสได้กลับมายืนพูดกล่าวยอมรับความพ่ายแพ้แบบนี้แน่
ชิงสุ่ยยิ้มโดยไม่พูดอะไรปล่อยให้ซาหลางเฟิงเดินกลับลงไปด้านล่างแล้วไปนั่งที่ตัวเอง บรรดาฝูงชนตื่นตระหนกกับความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของชายหนุ่มคนนี้เป็นอย่างมากซาหลางเฟิงคือผู้ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับ 2 ของคนในรุ่นเดียวกัน ต่อให้เป็นผู้อาวุโสกว่า ด้วยความแข็งแกร่งของซาหลางเฟิง เขาได้เอาชนะบรรดาผู้อาวุโสมานัดต่อนัด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ความพ่ายแพ้มันจะทำให้ฝูงชนประหลาดใจ
บรรพบุรุษอาวุโสตระกูลเซี่ยยิ้มอย่างมีความสุข
”ยังจะมีผู้ใดคิดท้าทายข้าอีกหรือไม่ถ้าไม่มีแล้ว พิธีมอบตำแหน่งองค์จักรพรรดิขององค์ชายสิบสามจะได้ดำเนินต่อ ตัวข้ายังมีคนไข้อีกมากรอคอยการรักษาจากข้า”ชิงสุ่ยเองก็อยากจะต่อสู้กับผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบรรดาจอมยุทธที่แข็งแกร่งพอจะทำให้เขาต้องออกแรงได้
”นี่สินะวีระบุรุษหนุ่มผู้กอบกู้แสดงให้ข้าดูหน่อยเถิดว่าเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”ชายชราอีกคนนึงค่อยๆเดินขึ้นไปบนลานราชกิจสวรรค์
เจ้าทรราชสวรรค์ชางเหลียน
”เจ้าทรราชสวรรค์แห่งมหาจักรวรรดิชางเหลียนมีข่าวลือหนาหูบอกกล่าวกันว่าเขาคือผู้ที่ได้รับเลือกขึ้นครองตำแหน่งองค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิชางเหลียน แต่เขาเลือกที่จะปฏิเสธไม่ยอมรับตำแหน่ง ซึ่งภายในมหาจักรวรรดิชางเหลียน เขาคือผู้ที่แข็งแกร่งติด 1 ใน 5 อย่างแน่นอน”
”ในครั้งนี้เจ้าเด็กหนุ่มคนนั้นกำลังจะได้ลิ้นรสความจริง”
”เจ้าทรราชย์สวรรค์ชางเหลียนเป็นคนที่แข็งแกร่งจนน่ากลัวการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นช่างน่าสนุกจริง…..”
………………..
…………
ชิงสุ่ยหันมองไปตามเสียงพูดและเห็นชายชรากำลังเดินอยู่ในท่าทางสง่างามแม้ผมบนหัวของชายชราเต็มไปด้วยผมหงอก แต่ใบหน้ากับมีรอยย่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผิวหนังของเขาเหมือนสีผิวหินอ่อน มีร่างกายที่คล้ายกับหอคอยเหล็กกล้า ทุกก้าวเดินที่เขาเดินขึ้นมาบนลานราชกิจสวรรค์ มันก็สร้างเสียงร้องแปลกๆใต้ฝ่าเท้าทุกย่างก้าว
ชิงสุ่ยพิจารณาชายชราคนนี้และรู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นคนที่มีพลังมากกว่าองค์จักรพรรดิคลั่งและจากลักษณะแขน ชิงสุ่ยก็ยังอนุมานได้อีกว่าชายชราคงจะใช้เวลาส่วนใหญ่เกือบทั้งชีวิตในการฝึกฝนแขน มันทำให้แขนของเขายาวกว่าคนปกติและใหญ่กว่าแข็งของชิงสุ่ยถึง 2 เท่าตัว
”ข้าเองก็อายุมากเจ้าเป็นเด็กหนุ่มที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมาในชีวิต”เจ้าทรราชสวรรค์จ้องมองชิงสุ่ยพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม
”ท่านผู้อาวุโสกล่าวชมข้าเกินไปแล้วบนมหาทวีปแห่งนี้เต็มไปด้วยมังกรที่ยังหลับไหลอยู่นับไม่ถ้วน ตัวข้าเป็นเพียงแค่คนโชคดี เกรงว่าจะน่าอายเกินไปหากยกข้าไปเทียบกับคนอื่น”ชิงสุ่ยส่ายหน้า
เจ้าทรราชสวรรค์ยืนนิ่งเล็กน้อยก่อนจะเผยให้เห็นรอยยิ้มอันแสนสุขบนใบหน้า
”ฮ่าฮ่า ฮ่า เจ้าเป็นคนในแบบที่ข้าคิดไว้จริง หลังจากเราได้ประลองกัน เจ้าไม่รังเกียจ ข้าอยากจะดื่มสุรากับเจ้า เจ้าคิดเช่นไร”เจ้าทรราชสวรรค์กล่าวยังมีความสุข
”ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!!”ชิงสุ่ยตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
”ถ้าเช่นนั้นก็ดีเข้ามาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ!!”
ทันทีที่เขากล่าวจบพลังปราณก็พุ่งพล่านไปทั่วร่างกายของเจ้าทรราชสวรรค์ทำให้ร่างกายของเขาขยายเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นเหมือนคนเผ่าพันธุ์ยักษ์ที่มีร่างกายเปรียบเสมือนภูผา
โลหิตเจ้าทรราช!!
ชิงสุ่ยดวงตาเปล่งประกาย”เชิญท่านก่อนเลย” หมัดและแขนขนาดใหญ่โตของชายชราขยายเพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัวจนทำให้เสื้อผ้าปริเกือบขาดวิ่น ตอนนี้แขนของเขาไม่ต่างอะไรจากเสาโลหะที่แทรกไปด้วยรอยเส้นเลือดสีแดง
ปังงง!!
ชายชราโจมตีชิงสุ่ยพร้อมกับทุบแขนยักษ์ที่เปรียบเสมือนค้อนทำลายสวรรค์
ชิงสุ่ยเองก็อยากรู้ถึงพลังของชายชราเขาจึงรับการโจมตีโดยตรงและไม่สนใจที่จะหลบหลีกแม้แต่น้อย
ปังงงง!!
เสียงระเบิดดังสนั่นสะเทือนไปทั่วลานราชกิจสวรรค์ชายชรายืนแทนที่ชิงสุ่ย ส่วนตัวของชิงสุ่ยก็ต้องถอยหลังกลับไปอีกหลายก้าว ในแง่ของพลังกดดันชิงสุ่ยถือว่าเป็นรอง แต่เขาก็สามารถใช้พลังทั้งหมดป้องกันการโจมตีของชายชราได้
เจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ไม่สามารถสลายพลังโจมตีได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยมันก็ป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับตัวของชิงสุ่ยได้เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นชิงสุ่ยจึงได้รับบาดเจ็บเพียงแค่เสี้ยวเดียวของพลังทั้งหมด
ชิงสุ่ยยิ้มกว้างชายชราที่อยู่เบื้องหน้าคือเครื่องจักรสังหารมนุษย์อย่างแท้จริง จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้จึงพุ่งพ่านสะท้อนให้เห็นผ่านสายตาของชิงสุ่ยอย่างชัดเจน
ทางฝั่งของชายชราเองก็แสดงให้เห็นถึงสีหน้าประหลาดใจเหตุใดชายหนุ่มคนนี้ถึงสามารถรับการโจมตีของเขาได้ แล้วยังยืนอยู่บนพื้นดินได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น