Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 29 ให้น่องไก่กันไปมา
ดวงตาของชูฮันกลายเป็นเย็นยะเยือกพร้อมกับทำท่าทางแสดงความรังเกียจขณะพูด
“ไม่ว่าอะไรก็ตาม ฉันต้องไปดูให้เห็นกับตาตัวเอง” ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้ มิฉะนั้นการย้อนเวลากลับมา10ปีก่อนโลกาวินาศจะไม่มีค่าอะไรเลย!
“ถ้างั้นฉันขอให้นายเจอพ่อแม่ไวๆนะ” ซางจิ่วตี้ไม่สามารถห้ามชูฮันได้ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าพ่อแม่ของชูฮันจะยังปลอดภัยดีรึเปล่าจนกว่าชูฮันจะไปถึงพวกเขา
“ขอบคุณ” ชูฮันพยักหน้า “เราจะไปที่เมืองชือหลังจากที่เราแวะรับคนที่เธอต้องไปรับที่เมืองตง มันเป็นเส้นทางสำคัญที่สุดที่เราต้องผ่านไปให้ได้ จากนั้นเราก็แยกย้ายกันไปต่อ”
ชูฮันได้แต่สงสัยว่าใครคือคนที่ผู้หญิงสองคนนี้ต้องไปรับให้ได้?
พวกเธอไม่น่าจะเป็นคนมีศีลธรรมอะไรขนาดนั้น แสดงว่าคนคนนั้นจะต้องเป็นคนที่สำคัญมากที่แม้กระทั่งสิบแปดผู้ซึ่งมีความภักดี60%ต่อชูฮันกลับไม่ได้ประท้วงอะไร
ซางจิ่วตี้พยักหน้ารับ แม้ว่าเธอจะรู้สึกเกลียดนิดนึงที่ต้องแยกกับชายคนนี้ โดยเฉพาะหลังจากมองไปยังตาที่เงียบสงบของชูฮันอย่างไม่มีเหตุผล
เจียชุนเจี๋ยเหลือบมองไปทางซางจิ่วตี้พลางคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีที่ชูฮันจะจากไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่ามันมีฐานทัพทหารอยู่ที่เมืองชือ
เฉินช่าวเย่มองไปที่ชูฮันอย่างระมัดระวังและตัดสินใจพูดขึ้น “หัวหน้า ผมจะไม่ไปที่ฐานทัพ ผมจะตามหัวหน้าไปเมืองอันลู!”
ชูฮันรู้สึกประหลาดใจ ตามที่เขารู้มาในชาติที่แล้ว เฉินช่าวเย่ไม่มีพ่อแม่ตั้งแต่ที่โลกาวินาศได้เริ่มขึ้น หากแต่ในตอนนี้ที่เขาได้เจอเฉินช่าวเย่ที่ซึ่งโลกาวินาศพึ่งเริ่มขึ้น เขาควรจะไปตามหาญาติที่เหลืออยู่หรือเพื่อนฝูง
“แล้วครอบครัวและเพื่อนของแกล่ะ?” นี่เป็นครั้งแรกที่ชูฮันถามเกี่ยวกับครอบครัวของเฉินช่าวเย่
“ผม-ผมไม่มีครอบครัว” มีการเยาะเย้ยตัวเองอยู่ในน้ำเสียงควบคู่ไปกับใบหน้ารูปทรงพิเศษ ทำให้ท่าทางของเขาช่างดูตลกนัก “ผมโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เท่าที่รู้ผมไม่มีสมาชิกในครอบครัวเหลืออีกแล้ว สำหรับเพื่อน ไม่มีใครอยากจะเป็นเพื่อนกับคนอ้วนและน่าเกลียดแบบผมหรอก”
ชูฮันพอจะเข้าใจว่าเฉินช่าวเย่คงไม่มีคนสนิทที่ต้องไปตามหา
“หัวหน้า ผมพร้อมจะตามหัวหน้าไปทุกหนแห่ง เพียงแค่หัวหน้าอย่าทิ้งผมนะ!” เฉินช่าวเย่บีบเสียงหัวเราะขณะพูด เสียงนั้นฟังดูแย่ยิ่งกว่าตอนที่เขาร้องไห้เสียอีก
“ดี” ชูฮันเพียงยิ้มให้
ความภักดีของเฉินช่าวเย่ต่อชูฮันมีมากถึง90% บวกกับความจริงที่ว่าเฉินช่าวเย่เป็นมือปืนที่เก่งที่สุดในโลกาวินาศ ชูฮันรู้สึกว่านอกเหนือจากระบบการล่มสลายที่ทำเขาเหนือกว่าคนอื่นๆอย่างไร้สาระนั้น เฉินช่าวเย่ถือเป็นผลพลอยได้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาเลย
ความคิดเกี่ยวกับการต้องแยกจากกันส่งผลกระทบต่อทั้งกลุ่ม ด้วยเพราะพวกเขารู้สึกเศร้า ทำให้เกิดบรรยากาศเงียบสนิทและมืดมนอยู่ครู่หนึ่ง
“เอาล่ะ กินกันเถอะ!” หลังจากพูดเชิญสั้นๆ เจียชุนเจี๋ยก็วางอาหารบนก้อนหินขนาดใหญ่ เขาอารมณ์ดีเพราะเขาจะกำจัดชูฮันออกไปได้เมื่อไปถึงเมืองชือ จากนั้นเขาจะได้ซางจิ่วตี้มาครอบครอง
“ไก่ตุ๋น!” เฉินช่าวเย่เป็นคนที่ตอบสนองได้เร็วที่สุด ด้วยการไปหาตะเกียบมาและเริ่มกินทันที
ชูฮันนั่งลงที่พื้นขณะที่เขาหยิบผักขึ้นมาและเริ่มอย่างช้าๆ
ความจริงที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ในช่วงแรกของโลกาวินาศ หนึ่งในประเภทอาหารที่หาได้ยากที่สุดก็คือผัก มันมีราคาที่แพงและความต้องการกินที่สูงมาก ความจริงมันมีราคาแพงกว่าสินค้าหรูหราที่ยังมีอยู่ในยุคเจริญรุ่งเรืองปกติก่อนโลกาวินาศเสียอีก คนทั่วไปไม่มีสิทธิจะได้กิน…
“มาสิ มากินกัน!” เจียชุนเจี๋ยส่งชามข้าวให้ทุกคนและหยิบน่องไก่ที่มีสีสวยและกลิ่นหอมขึ้นมาส่งให้สิบแปด “สิบแปดตัวน้อย เธอควรกินเยอะๆจะได้โตไวๆนะ”
“โอ้” สิบแปดรับมาด้วยท่าทางจองหอง จากนั้นเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรเจียชุนเจี๋ยอีกขณะพูดขึ้น
“พี่ชู รับนี้สิ” แทนที่จะกินมันเองเธอกลับมอบให้ชูฮันแทน เมินการทำดีด้วยของเจียชุนเจี๋ย
ชูฮันรับมาด้วยรอยยิ้ม สิบแปดเป็นเด็กดี เธอเพียงแค่เป็นคนตรงไปตรงมาและมีคำพูดท่าทางรุนแรงเท่านั้น ชูฮันดึงมุมปากขึ้นจนเกิดเป็นรอยยิ้มและกลับมาเป็นปกติหลังจากผ่านไปเพียง2-3วินาที หากแต่แทนที่จะกินมัน เขาก็มอบมันให้ซางจิ่วตี้แทน “จิ่วตี้ คุณควรกินเยอะๆนะเพราะคุณผอมเกินไป!”
ซางจิ่วตี้หันมาขอบคุณชูฮันผู้ซึ่งกำลังนั่งกินผักอยู่ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ เธอได้ลอบสังเกตุชูฮันมาตลอดช่วงระยะ2-3วันที่ผ่านมา ทำให้เธอได้เห็นว่าเขาแตกต่างจากผู้ชายคนอื่นมากขนาดไหน ถึงแม้เขาจะอายุเพียง20ปี หากเขาเต็มไปด้วยบุคลิกความเป็นผู้ใหญ่ ผู้ชายคนอื่นๆดูคล้ายกับหมาป่ายามที่มองมาที่เธอเหมือนกับเธอเป็นเพียงอาหารที่พวกเขาอยากกิน แต่ชูฮันแตกต่างออกไป
“ชูฮัน นายก็ควรกินด้วย” โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก ซางจิ่วตี้ก็ยื่นน่องไก่กลับไปที่ชามข้าวของชูฮัน
ชูฮันตกอยู่ความมึนงงขณะมองไปที่ซางจิ่วตี้ เธอมีความภักดีต่อเขาเพียง30%เท่านั้นเอง เขาจึงค่อนข้างงงว่าทำไมเธอปฏิบัติตัวเป็นมิตรกับเขานัก
ชูฮันไม่ได้สนใจอะไรอีกขณะยังคงกินผักต่อไปเรื่อยๆ
กรอด—-
เจียชุนเจี๋ยเกือบจะกัดลิ้นตัวเอง แม่ง! น่องไก่ที่เขายื่นให้สิบแปดถูกส่งไปให้ชูฮันจากนั้นก็ให้ซางจิ่วตี้ แล้วก็กลับมาที่ชูฮัน ทั้ง3คนนี่ไม่ได้สนใจเลยว่าเขาต่างหากที่เป็นคนปรุงมันและมอบให้กับสิบแปดเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการกระชับมิตรหากแทนที่จะได้รับการขอบคุณ เขากลับถูกลืมสนิทเพราะสิบแปดไม่แม้แต่จะกล่าวขอบคุณเขาด้วยซ้ำ สิ่งที่ทำให้เขาโมโหมากที่สุดคือการที่ชูฮันไม่แม้แต่จะสนใจ เขาทำเพียงวางน่องไก่ที่ซางจิ่วตี้ให้ไว้ข้างจานและกินผักต่อไป!
ชูฮันเมินต่อความคิดของเจียชุนเจี๋ยที่แสดงออกมาชัดเจนบนหน้าของเขา ในอนาคตมันจะเป็นเรื่องยากที่จะได้ผักมาไว้ในมือ เขาเลยทำเพียงเก็บเกี่ยวช่วงเวลาที่มันยังมีให้กินอยู่
การกระทำของผู้หญิงทั้งสองไม่ได้ลอดไปจากสายตาของเฉินช่าวเย่ เขารู้ดีว่ามีบางอย่างผิดแปลกไป ผู้หญิงสองคนนี้ให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่หัวหน้าของเขาเพราะฉะนั้นเขาก็ควรให้อะไรกับหัวหน้าเขาเหมือนกันด้วยเพราะเขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรงของหัวหน้า
“หัวหน้า!” เฉินช่าวเย่พยายามจะยื่นน่องไก่ที่เขากัดไปแล้วครึ่งหนึ่งให้ชูฮันอย่างตลก พร้อมพูดว่า “ผมก็ให้…”
“ไปตายซะ!” ชูฮันด่ากลับ
สิบแปดและซางจิ่วตี้ก็ทำเหมือนกัน ทำไมเฉินช่าวเย่จะไม่ทำเหมือนกันล่ะ? เจียชุนเจี๋ยคิด เขาทำเพียงนั่งกินอยู่ข้างๆ
ทุกคนลำเอียงไปทางชูฮันกันหมด ด้วยเพราะพวกเขามองว่าเจียชุนเจี๋ยเป็นคนนอกที่ทำงานให้เท่านั้น ไม่ใช่คนที่ควรค่าแก่การสนใจ
———-
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและราบเรียบอย่างเช่นเคย หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่วัน อาหารที่พวกเขาได้มาจากร้านค้าในหมิงชิวก็เกือบหมดแล้ว เหตุผลหลักก็คือแน่นอนว่าความกระหายอาหารอันรุนแรงของเฉินช่าวเย่
การออกอากาศอันเดิมยังคงมีให้ได้ยินอยู่ผ่านทางวิทยุ หากเสียงมันดังขาดๆหายๆ ทำให้ทุกคนไม่สามารถรู้ได้ว่าสถานการณ์ในที่อื่นๆเป็นอย่างไรกันแน่
โลกมันวุ่นวายขาดจากกันเป็นชิ้นๆด้วยเพราะเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่ได้พรากชีวิตไปนับไม่ถ้วน เหล่าผู้รอดชีวิตมีเพียงทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่…นั่นก็คือการสู้เพื่อดำเนินชีวิตต่อไป
น้ำมันของรถทั้ง3คันเกือบจะหมดแล้ว หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ชูฮันตัดสินใจที่จะเติมเชื้อเพลิงและเสบียงในเมืองที่ใกล้ที่สุด จากนั้นพวกเขาตัดสินใจจอดรถข้างถนน ชูฮันนั่งดูแผนที่อยู่ในรถ ยืนยันรายชื่อที่มีรายละเอียดเยอะมากและพยายามจำมันให้ได้
ด้วยเพราะชูฮันที่กำลังดูแผนที่มาอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำให้ในที่สุดเจียชุนเจี๋ยก็หมดความอดทน
“ฉันขอแนะนำว่าเราควรหาเมือง และมันน่าจะมีซุปเปอร์มาร์เก็ตและปั๊มน้ำมันในทุกๆเมืองอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทำไมนายถึงต้องศึกษาแผนที่มากมายอะไรขนาดนั้น?”
“หุบปาก” ชูฮันด่ากลับและยังคงมองไปที่แผยที่อย่างละเอียดต่อไป
เขาขมวดคิ้วขณะพยายามรื้อฟื้นความจำในชาติที่แล้วเกี่ยวกับสถานที่นี้ กลุ่มผู้รอดชีวิตในชาติที่แล้วก็เดินทางผ่านเส้นทางนี้เช่นกันหากนั่นเป็นความทรงจำที่ผ่านมาแล้ว10ปี หากชูฮันไม่ได้พยายามอย่างหนักเพียงเพื่อที่จะจำรายละเอียดแค่นั้น…
จุดไหนคือที่ที่มีถุงยังชีพที่เต็มไปด้วยอาหาร ยา ปืนและกระสุนกัน?