Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 32 เขาเป็นใครกัน?
ซางจิ่วตี้ที่เป็นไข้ หน้าของเธอขึ้นสีแดงด้วยเพราะไข้ขึ้นสูง ริมฝีปากของเธอเผยอออกเล็กน้อยเพราะหายใจลำบาก ท่าที่เธอที่นอนอยู่บนเตียงช่างดูน่าดึงดูดเหลือเกิน
เจียชุนเจี๋ยมองไปที่เธอตรงๆด้วยเพราะเธอช่างมีเสน่ห์!
เขาควรจะ…
เขาสามารถทำมันได้และจากไปทันที มันมีรถมากมายอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ต เจียชุนเจี๋ยสังเกตุอย่างละเอียดมาแล้วก่อนที่จะเข้ามาในโรงแรมนี่ เขาจะได้มีช่วงเวลาดีๆก่อนที่ชูฮันจะกลับเข้ามาแล้วก็จากไปพร้อมกับอาหารบางส่วน
สำหรับซางจิ่วตี้ ชะตากรรมของเธอไม่มีความหมายอะไรกับเจียชุนเจี๋ย สิ่งที่เขาต้องการก็คือทำให้ตัวเองพอใจเท่านั้น
ไม่สนใจเรื่องที่เหลือ
เจตนาอันชั่วร้ายเริ่มที่จะแผ่กิ้งก้านเข้าไปในใจเขา ปราศจากการระงับอารมณ์ ตาของเจียชุนเจี๋ยจ้องไปที่เฉินช่าวเย่และสิบแปดที่กำลังดูแลซางจิ่วตี้อยู่ ทั้งสองคนนี้มันหลอกง่ายจะตาย อีกคนเป็นไอ้โง่ส่วนอีกคนก็เป็นแค่เด็กธรรมดา
——-
แผนที่ของเมืองอันเกอนั้นไม่สมบูรณ์ แต่ชูฮันรู้ได้ว่าเขาควรจะไปที่ไหนจากความทรงจำอันครุมเครือที่เขาเคยมาในชาติที่แล้ว เขาไม่ได้มาด้วยรถหรือพกปืนมาด้วยเพราะเขาไม่มีกระสุน
ชูฮันแค่หยิบขวานมาด้วยเพราะมันเป็นอาวุธดั้งเดิมของเขา ร่างกายที่สูงและแข็งแรงเดินไปตามทางแยกเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น
เขากำลังรีบด้วยเพราะเขาอยากไปถึงจุดที่มีถุงยังชีพให้เร็วที่สุด อีกทั้งมันก็ยังไม่ดีกับซางจิ่วตี้ด้วยถ้าไข้ของเธอไม่ได้รับการรักษาเป็นเวลานาน มันมีชุดอุปกรณ์ทางการแพทย์ครบชุดอยู่ในถุงยังชีพ
——–
ที่นี่เป็นห้องน้ำสาธาณะที่ถูกทิ้งร้าง มันมีตัวหนอนแมลงอยู่ในโถส้วมที่ไม่ได้ถูกทำความสะอาด ตั้งอยู่บนถนนใจกลางเมืองอันเกอ มีกลิ่นเหม็นหืนลอยมาจากห้องน้ำทำให้ผู้คนบนท้องถนนไม่สามารถแม้แต่จะหายใจได้
มันไม่หลงเหลือเค้าภาพเดิมของสถานที่นี้ให้เห็นอีก ด้วยเพราะในตอนนี้มันเต็มไปด้วยขยะกองทับถมดูราวกับสุสานขยะ มีซอมบี้อยู่อย่างน้อย100ตัวที่เดินไปมาอยู่บนถนน แต่พวกมันส่วนใหญ่เดินแยกกัน
ไม่ได้อยู่เป็นกลุ่มหรือเป็นฝูง ซอมบี้พวกนี้สูดดมกลิ่นอย่างละเอียดพลางยื่นลิ้นและฟันพวกมันออกมาสัมผัสกับซากปรักหักพังสกปรกทุกครั้งเวลาที่พวกมันเดินผ่านแต่ละจุด
มันมีโรงน้ำชา2ชั้นตั้งอยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำ แผ่นโลหะหายไปเหลือแต่กระจกสกปรกๆเต็มไปด้วยเลือดมืดและเหนียวข้นของเศษเนื้อเน่าที่ซอมบี้ทิ้งไว้
มีเงาครุมเครือหลายเงาที่มองเห็นได้ชัดจากผ้าม่านที่แขวนอยู่ตรงหน้าต่างด้านหน้า
มันมีผู้ชาย4คนอหลบอยู่ในนั้น 3คนดูยังเด็กอยู่ พวกเขาสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ส่วนอีกคนดูเป็นผู้ใหญ่หน่อย เขาใส่เสื้อสูทที่มีรอยฉีกขาดสกปรกอยู่ พวกเขานั่งอยู่ในมุมเงียบๆด้วยท่าทางเศร้าหมองแทบไม่คุยกันเลย
กลิ่นจากห้องน้ำสาธารณะเกือบจะทำให้พวกเขาสำลักและหนีไป แต่พวกเขารู้ดีว่ามันปลอดภัยกว่าที่อื่น!
สภาพแวดล้อมโดยรอบช่างน่ารังเกียจด้วยเพราะมันทั้งสกปรก เละเทะ และมีกลิ่นเหม็นฉุนมาก มันเป็นถนนที่สกปรกที่สุดและเละเทะที่สุดในบริเวณใจกลางเมือง ถนนที่ติดกันนั้นสะอาดกว่าและไม่มีกลิ่นเหม็นเท่าที่นี้ หากแต่มันมีซอมบี้อยู่เยอะกว่า
มองไปที่คนอื่นๆที่นั่งเงียบๆ เสี่ยวหยุนเฟยทำอะไรไม่ได้นอกจากรู้สึกกังวล
เขาเป็นคนชนชั้นสูงหน้าตาหล่อเหลา จบการศึกษาด้านคณิตศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด
ชายผู้อายุ28ปีคนนี้ทำงานเป็นผู้บริหารอาวุโสในองค์กรต่างชาติ เงินทุนที่เขาสามารถใช้ได้มีมูลค่าหลายสิบล้าน
เขาเป็นเขาคนเห็นแก่ตัวและมั่นใจในตัวเองสูงด้วยเพราะค่าอีคิวที่สูงริบของเขาและ…
อย่างไรก็ตาม การปะทุอย่างฉับพลันของโลกาวินาศทำให้ทุกอย่างอันตรธานหายไปหมด ในตอนนี้เขากำลังมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการจะหาอาหารกิน ไม่ต้องพูดถึงการหลีกเลี่ยงอันตรายจากความตายที่อาจเกิดได้ตลอดเวลา
เสี่ยวหยุนเฟยพยายามปกปิดความวิตกกังวลในแววตาของเขาพร้อมกับโกหกออกมา
“อย่ากลัวไปเลยเดี๋ยวเราก็หาอาหารเจอ มันมีที่อีกมากมายในเมืองนี้ที่เราออกไปหาอาหารได้หลังจากทุกอย่างหยุดพักลง” ชายทั้ง3คนเมินเฉยใส่เขา ทั้ง3คนกำลังรู้สึกสับสนด้วยเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าชีวิตที่หิวโหยอันยากลำบากเช่นนี้จะจบลงเมื่อไหร่
มันมีความโกรธอยู่ในแววตาของเสี่ยวหยุนเฟยหากเขาทำเพียงยิ้มและพูดล่อลวงพวกนั้นต่อ
“พวกนายควรเชื่อฉัน ฉันสัญญาว่าพวกนายจะได้รับแต่ผลประโยชน์ถ้าพวกนายคุ้มครองฉันไปถึงเมืองชือ ทั้งอาหาร ผู้หญิงและอะไรก็ได้ที่พวกนายอยากได้! พวกนายน่าจะรู้ตำแหน่งทางสังคมของฉันและที่มากไปกว่านั้นฉันคุ้นเคยดีกับกองทัพทหารในเมืองชือ พวกเราจะไม่มีทางลำบากอีกเลยเมื่อเราไปถึงที่นั่นแล้ว”
ปิดท้ายด้วยคำพูดที่มอบความหวังลมๆแล้งๆให้ทั้ง3คนอีกว่า “ฉันสัญญา”
ด้วยคำพูดโน้มน้าวของเสี่ยวหยุนเฟยทำให้ชายหนุ่มทั้ง3คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาเริ่มมีสีหน้าที่ดีขึ้น
ใช่แล้ว…เสี่ยวหยุนเฟยบอกว่าเขาจะไปเมืองชือตั้งแต่แรกและพวกเขาก็ได้ยินเสียงออกอากาศของวิทยุกระจายเสียงเมื่อไม่กี่วันก่อน…มันมีฐานทัพทหารอยู่ที่นั่น!
เสี่ยวหยุนเฟยต้องมีภูมิหลังดีแน่ๆ!
“สบายใจได้ ท่านเสี่ยวหยุนเฟย ผมจะปกป้องท่านไปจนถึงเมืองชือด้วยชีวิตผมเอง!” ชายคนหนึ่งรีบแสดงความซื่อสัตย์ของเขาออกมาทันที
“ใช่ครับ ท่านเสี่ยว ผมจะตามท่านไปทุกที่” ชายอีกคนรีบเกาะติดเขาทันที
“ท่านเสี่ยว ท่านห้ามลืมผมนะ!” ชายคนที่สามพูดขึ้น
ทั้ง3คนนี้เคยอยู่ในแก๊งและรู้วิธีเกาะติดคนที่มียศสูงกว่าและพวกเขาก็กำลังทำแบบนั้นกับเสี่ยวหยุนเฟย พวกเขากำลังคิดเกี่ยวกับการได้กอดหญิงสาวตอนกลางคืน ได้กินเนื้อและปลาทุกวัน และได้ไล่เตะก้นพวกคนที่เคยทำร้ายพวกเขา
เสี่ยวหยุนเฟยทำเพียงยิ้มอบอุ่นให้ หากแต่ในใจเขากลับเยาะเย้ยอยู่ เขารู้ดีว่า3คนนี้ซ่อนอาหารไว้และพวกมันไม่สามารถหลอกเขาได้อีก!
3คนนี้จะไร้ประโยชน์ทันทีที่เขาไปถึงค่ายทหารและตอนนั้นเองเขาจะสอนบทเรียนดีๆให้กับพวกมัน!
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอย่างกระตือรือร้นและร่าเริง กลุ่มซอมบี้จากร้านชาส่งเสียงคำรามอันน่าหวาดกลัวขึ้นมา มันพวกส่งเสียงเมื่อพวกมันเจอกับอาหาร เสียงนั่นฟังดูหมดความอดทนและหิวโหยอย่างหนัก
พวกซอมบี้ดูเหมือนจะถูกอะไรสักอย่างดึงดูด ด้วยเพราะพวกมันรีบวิ่งพุ่งเข้าไปใกล้ๆผ้าม่าน มันส่งเสียงคำรามดังก้อง
เสียงนั้นเริ่มเข้ามาใกล้ขึ้น มันชัดขึ้น และดังขึ้นเรื่อยๆ!
จำนวนของซอมบี้ก็เพิ่มขึ้นไปด้วย!
ทั้ง4คนที่อยู่ในโรงน้ำชาเริ่มตื่นตระหนกและกระวนกระวาย พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆมันถึงมีซอมบี้มากมายขนาดนี้? หรือพวกมันเจอที่ซ่อนตัวของพวกเขาแล้ว?
มันเป็นไปไม่ได้…เพราะกลิ่นเหม็นหืนรุนแรงพวกนี่ช่วยอำพรางกลิ่นตัวของพวกเขาทั้ง4คนอยู่
ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
พวกเขาไม่กล้าที่จะขยับตัวไปไหนพลางพยามยามหายใจเข้าออกอย่างช้าและเงียบที่สุดด้วยเพราะกลัวความตาย พวกเขาตัดสินใจแอบมองออกไปข้างนอกผ่านทางช่องกระจก
ภายในพริบตา…ความประหลาดใจก็ฉาบขึ้นบนใบหน้าของคนทั้ง4
ชายคนหนึ่งพร้อมกับขวานที่ดูเหมือนจะหนักมากวิ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็ว…
มีกลุ่มซอมบี้ขนาดใหญ่ประมาณ18-19ตัวยืนอยู่….
เหล่าซอมบี้ดูน่าหวาดกลัวเมื่อพวกมันให้ความรู้สึกถึงความตาย มันทำให้ผู้คนตื่นตระหนกอย่างไร้สติเมื่อมันมีจำนวนมาก หากแต่ซอมบี้เหล่านี้ไม่สามารถทำอะไรชายผู้นี้ได้
เขาอยู่ในเสื้อผ้าที่ดูธรรมดาแต่สะอาดสะอ้านและยังดูหนุ่มอยู่ ดูแล้วไม่น่าจะอายุเกิน20
เขามาเพียงคนเดียวแต่เขาสามารถเดินเข้ามาในที่ๆอันตรายถึงเพียงนี้ได้
เสี่ยวหยุนเฟยสูดหายใจเข้าทันทีขณะตาเขาเบิกกว้างขึ้น
เขาเป็นใครกัน?