Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 47 ใครคือสิบสาม?
ฮึ่ม——
รถออฟโรดแข็งแกร่งเคลื่อนตัวอย่างว่องไวขณะส่งเสียงฮึมฮัมเป็นจังหวะ ตัวรถเตะเศษหินดินทรายขณะขับผ่านบนถนน วิ่งเข้าไปข้างในสถานที่ที่ขึ้นชื่อว่า…เมืองแห่งความตาย
เหล่าต้นไม้ที่ตายแล้วข้างถนนยิ่งสะท้อนให้รู้สึกราวกับภาพเส้นทางสู่นรก ท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมอกสีแดงจางซึ่งบดบังวิสัยทัศน์ บรรยากาศช่างดูมืดมัวและหดหู่
ซางจิ่วตี้มองไปที่ชูฮันที่มีสีหน้าเรียบนิ่งนั่งอยู่เบาะข้างคนขับ จากนั้นก็หันไปมองเฉินช่าวเย่ที่กำลังผิวปากไปขับรถไป เธอค่อยๆยิ้มออกมา แม้แต่เจ้าอ้วนขี้ขลาดนั่นยังไม่กลัวเลย แล้วเธอจะกลัวได้ไง? ดูเหมือนกับว่าไม่มีอะไรทำให้เขากลัวได้ถ้ามีชูฮันอยู่
ความเร็วของG55ไม่ได้ชะลอลงเลยแม้แต่น้อยด้วยเพราะทั้ง4คนดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมที่น่าหดหู่โดยรอบ
พวกเขาไม่ได้กลัวซอมบี้
พวกเขาพร้อมมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองแห่งความตาย
———–
5ชั่วโมงต่อมา…
เห็นได้ชัดว่าเมืองตงได้พังทลายไปแล้วหลังจากที่ทั้ง4คนขับรถวนรอบเมืองมาเป็นเวลานาน
พวกเขากลัวที่จะเข้าไปในตัวเมืองก็เลยเลือกที่จะอ้อยอิ่งขับรถวนอยู่บนถนน
มันมีซอมบี้อยู่เต็มไปหมดทุกที่ทุกมุม
ตึกสูงระฟ้าจำนวนมากจมหายไปในความมืดของท้องฟ้าและหมอกควัน เศษของต่างๆกระจัดกระจายเละเทะอยู่ตามท้องถนน รถยนต์และรถบัสหลายคันจอดเรียงอยู่ใจกลางถนน และเพราะมีของปลิวว่อนกระจัดกระจายไปทั่วตลอดเวลา พวกเขาเลยจำเป็นต้องขับรถเปลี่ยนเลนไปมาอยู่หลายครั้งเพื่อหลีกเลี่ยง
เลือดสีดำและเนื้อเน่ากระจายอยู่บนถนน
ทุกอย่างมืดสนิทด้วยเพราะไม่มีไฟฟ้าอีกต่อไป เสียงคำรามของเหล่าซอมบี้ดังมาทั่วทุกแห่งทำให้พวกเขาไม่สามารถรู้ได้เลยว่าพวกมันอยู่ใกล้หรือไกลแค่ไหนเพราะมันให้ความรู้สึกราวกับกำลังถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มสัตว์ประหลาดในดงป่า
“คนที่คุณกำลังตามหาอยู่ที่ไหน?” ชูฮันรู้สึกว่าการหาคนโดยมีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวแบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ และที่สำคัญที่สุด มันดึกแล้วและการมองเห็นก็แทบเป็นศูนย์
ซางจิ่วตี้เองก็รู้ดีเกี่ยวกับข้อเท็จจริงนี้ เธอดูกังวลอย่างมาก “ฉันคิดว่าเราไม่น่าจะหาเธอได้ในตอนนี้ ฉันไม่แน่ใจว่าเธอย้ายไปแล้วหรือยัง แต่เธอน่าจะอยู่ในตัวเมือง”
ชูฮันขมวดคิ้วพลางคิดว่าซางจิ่วตี้พูดถูกแล้ว คนๆนั้นไม่น่าจะอยู่ที่เดิมเป็นเวลานาน ถ้าเขาหรือเธอคนนั้นยังไม่ได้กลายเป็นซอมบี้ไปแล้ว
แต่ในเมืองงั้นเหรอ?
ชูฮันมองไปยังเส้นทางเข้าไปในตัวเมือง…มันอันตรายมาก!
“คุณกำลังตามหาใครอยู่?” ชูฮันอดไม่ได้ที่จะสงสัย
“ผู้หญิงคนหนึ่ง” ซางจิ่วตี้หยุดชะงักหลังจากพูด มันมีความกลัวอยู่ในแววตาของเธอ ในตอนท้ายเธอพูดขึ้นมาแค่เพียง “แค่เรียกเธอว่าสิบสามละกัน”
สิบสาม? ชูฮันมึนงง
เลาเสี่ยวเสียวที่กำลังตื่นตัวกลายเป็นเงียบสนิททันที ซึ่งมันต่างจากตัวตนปกติของเธออย่างมาก
มันแปลกเหลือเกิน!
ชูฮันหยุดถามคำถามและหันไปบอกให้เฉินช่าวเย่สลัดพวกซอมบี้ออกซะแล้วจะได้หาที่พักกัน พวกเขาไม่สามารถเข้าไปในตัวเมืองได้ด้วยเพราะมันอันตรายอย่างมาก โดนเฉพาะตอนกลางคืน ไม่ว่าจะทั้งกลางวันหรือกลางคืนซอมบี้ก็จะออกล่าเสมอเมื่อพวกมันทำได้ หากมนุษย์กลับทำไม่ได้เช่นนั้น ด้วยเพราะข้อเสียเปรียบเรื่องวิสัยทัศน์ในตอนกลางคืน
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการหาที่พักให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้!
G55วิ่งอยู่บนถนน…
เฉินช่าวเย่จับพวงมาลัยแน่นพยายามลดเสียงสั่นของเครื่องยนต์ “หัวหน้า แล้วถ้าไปพักที่อาคารพักอาศัยล่ะ?”
“แล้วถ้าอันนี้ล่ะ?” เลาเสี่ยวเสียวชี้ไปที่ย่านเล็กๆย่านหนึ่งตรงหน้าพวกเขา
มันเป็นสถานที่หรูหราด้วยเพราะมันมีทั้งตึกสูงระฟ้าและบ้านเดี่ยวตั้งเรียงราย สนามหญ้าสีเขียวสด ต้นไม้มากมายรายล้อม ซึ่งดูดีมากกว่าที่อื่นๆ
มันต้องสบายมากแน่ๆถ้าได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นภายใต้สภาพแวดล้อมที่ดีเช่นนี้พร้อมกับบ้านที่ตกแต่งพร้อมอยู่เรียบร้อย ซางจิ่วตี้ลืมตาขึ้น “ฉันคิดว่ามันโอเค มันดูเงียบดี และได้ยินเสียงคำรามของซอมบี้เบากว่าที่อื่น—-”
“ไม่มีทาง” ชูฮันพูดแทรกซางจิ่วตี้ขึ้นมาอย่างเย็นชา “นี่ไม่ใช่ที่ที่ดี เราควรหาที่อื่นแทน ควรเป็นที่ๆอยู่ไกลออกไปจากที่นี่”
“ทำไม?”
ซางจิ่วตี้และสิบแปดถามชูฮันขึ้นมาพร้อมกัน เฉินช่าวเย่ที่เชื่อฟังชูฮันทุกอย่างได้หมุนรถกลับไปหาที่อื่นแล้วทันที G55มุ่งหน้าตรงไปเส้นทางอื่นเรียบร้อยอันเป็นผลจากความภักดีของเฉินช่าวเย่ที่มีต่อชูฮันถึง90%
ชูฮันมองไปที่กระจกมองหลังพร้อมกับมีแววตาอ่อนโยนฉายแวบขึ้นมาชั่ววูบ
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเพื่อทำให้ผู้หญิงทั้งสองคนตระหนักถึงความจริง
“ซอมบี้สามารถรับรู้ถึงความร้อนได้”
พันธุกรรมของซอมบี้นั้นแตกต่างจากพันธุกรรมของมนุษย์ พวกมันไม่ได้ออกล่าเพียงจากการตามกลิ่นและเสียงเท่านั้น สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือพวกมันมีตัวเหนี่ยวนำความร้อน พวกมันจะเดินไปตามสถานที่ที่มีผู้คนอยู่จำนวนมากตามความร้อนที่แผ่ออกมาจากตัวมนุษย์ นั่นเป็นที่มาของการเกิดฝูงซอมบี้ขนาดใหญ่
ตึก!
อมยิ้มในปากเลาเสี่ยวเสียวตกลงบนพื้น
ซางจิ่วตี้ตัวสั่นด้วยความกลัว เธอไม่อยากจะเชื่อมัน
“เหนี่ยวนำความร้อน?” เสียงของเธอสั่น “คุณหมายความว่าพวกมันสามารถรู้สึกถึงมนุษย์ได้ด้วยความร้อนจากร่างกายของมนุษย์?”
“คุณไม่เชื่อฉันเหรอ?” ชูฮันเหลือบมองเธอ
เขารู้ข้อมูลมีค่ามากมายเกี่ยวกับซอมบี้และมันคงจะไม่มีโศกนาฏกรรมใดๆแบบในชาติที่แล้วเกิดขึ้น ถ้ามนุษย์สามารถรู้ถึงธรรมชาติของซอมบี้ มีมนุษย์เหลือเพียง20% เท่านั้นหลังจากการปะทุของโลกาวินาศ และเหลือชีวิตอยู่เพียงครึ่งเดียวหลังจากผ่านไป1ปี
“คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง? มัน—มันเป็นไปไม่ได้!” ซางจิ่วตี้คัดค้าน เธอพบว่ามันไม่น่าเชื่อและไม่น่าเป็นไปได้ ผู้คนต้องตกอยู่ในสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายแน่ๆถ้ามันเป็นเรื่องจริง
ชูฮันเบนสายตากลับไป เพราะเขาไม่อยากจะโต้เถียงกับซางจิ่วตี้ต่อเกี่ยวกับทฤษฏีที่เขาได้ค้นพบในชาติที่แล้ว เขาเพียงจ้องไปยังเขตที่พักอาศัยอันมืดมิด “เสียงของพวกเราจะเบาลงถ้ามันมีความโกลาหลอยู่รอบๆบริเวณ” “เจ้าอ้วนเฉิน พาเราไปซูเปอร์มาร์เก็ต” ชูฮันบอกพร้อมกับจับขวานในมือไว้ลวกๆ “มันจะดีกว่าถ้ามีกลุ่มซอมบี้ติดอยู่ที่นั่น”
“มันเป็นไปได้ยังไง? มันเป็นแบบนี้ได้ไง? มันไม่สมเหตุสมผลเลย!” ซางจิ่วตี้ยังคงติดอยู่ในภวังค์ความคิด
ชูฮันไม่ได้ปลอบซางจิ่วตี้ให้ใจเย็นลง ระบบความคิดของเขานั้นแตกต่างจากผู้คนทั่วไป เขาไม่มีแนวคิดเรื่องอารยธรรม มันไม่มีอะไรสมเหตุสมผลในโลกาวินาศ การดำรงอยู่ของซอมบี้ไม่ใช่เรื่องสมเหตุสมผลหากแต่มันก็ปรากฏตัวขึ้น นั่นคือความจริงที่โหดร้าย
30นาทีต่อมา G55มาถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแล้ว…
ประตูถูกปิดสนิท มีเลือดสีดำเปื้อนอยู่บนผนัง มีหน้าต่างแตกอยู่หลายบาน เศษเนื้อเน่าอยู่ตรงผนังด้านข้างขณะที่บางชิ้นก็ตกลงบนมาพื้น
มีซอมบี้อยู่อย่างน้อย100ตัวข้างในซูเปอร์มาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ตนี้ถูกซอมบี้ค้นพบและทำลายจนเละ หากแต่สินค้าข้างในจำนวนมากยังคงอยู่
ไม่มีมนุษย์อยู่ที่นี่ ซอมบี้เป็นพวกเดียวที่ยึดครองซูเปอร์มาร์เก็ตนี้ไว้
มันเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบในการต่อสู้…