Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 507
“แค่ก แค่ก!” อู๋เจียช่าวกระแอมและตื่นขึ้นจากอารม์ค้างของตัวเอง เขาขมวดคิ้ว “ความจริง มันยากมากที่จะหาข้อมูล ถึงแม้ว่าน้องสาวคนสวยจะตกหลุมฉันและต้องการฉันอย่างแรง แต่พอฉันเอ่ยปากถามเธอก็ปิดปากฉับทันที ความจังรักภักดีต่อซางจิ่วตี้และค่ายเขี้ยวหมาป่าของเธอสูงมาก”
“แล้วนายไม่ถูกจับได้เหรอไง?” หลูปิงเซ่อประหลาดใจและมีความกังวล
“ไม่มีทาง!” อู๋เจียช่าวกรอกตา “ฉันถามอ้อมๆ”
กลุ่มคนถอนหายใจอย่างโล่งอกทันที
“แต่ เอ่อ—–” ทันใดนั้นอู๋เจียช่าวก็เผยรอยยิ้มเลศนัยออกมา “ครั้งหนึ่งฉันเคยพูดกับเธอว่าค่ายเขี้ยวหมาป่าสุดยอดมาก ไม่มีคนเสียชีวิตในหน้าหนาว หัวหน้าหยางเทียนก็สุดยอด สิ่งที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าทำอยู่นั่นเกินกว่าที่ใครจะนึกถึง และจู่ๆเด็กนั่นก็จ้องหน้าฉันแล้วรู้มั้ยว่าเธอพูดว่าอะไร?”
“อะไรล่ะ?” กลุ่มคนรีบเอียงหูฟัง
“อะไร?” จู่ๆก็มีน้ำเสียงแข็งแทรกขึ้นมา
ทุกคนนิ่ง พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่าจางโบฮั่นแทรกตัวเข้ามาตั้งแต่ตอนไหน
“ทำอะไร เข้ามาทำไม?” หลูปิงเซ่อตกใจและรีบผลักจางโบฮั่นออกไปทันที “ออกไป เดินไปซะ กลับไปที่ทีมกุ้งเสื้อดำของเธอ”
เหล่าสมาชิกของทีมความลับของพระเจ้าทั้งหลายก็ไม่พอใจเช่นกัน “จะให้ดีนะ ทำตัวให้มีมารยาทหน่อย พวกเราทั้งสองทีมก็ต่างทำตามหน้าที่ของตัวเองไปสิ”
“ใจเย็นก่อน ฉันมาในฐานะตัวแทนเจรจาจากทีมกุ้มเสือดำเพื่อมาพูดคุยกับทุกคน” จางโบฮั่นทำสีหน้าขึงขังขณะพูดให้ทุกคนเห็นว่ามันเป็นเรื่องจริงจัง จากนั้นก็ยิ้ม “ทุกคนเห็นมั้ย อ่า ตอนนี้เวลาผ่านไปสามเดือนแล้ว พวกเราก็เจอตัวหัวหน้าหยางเทียน แต่ตอนนี้พวกเราต่างก็รู้ว่ามันมีเรื่องไม่ชอบมาพากล ดังนั้นเพื่อเป็นการประหยัดเวลาทั้งสองฝ่ายและเพื่ออนาคตของเราทั้งสองทีม เราควรร่วมมือกันไม่ดีกว่าเหรอ?”
“หึ!” หลูปิงเซ่อแหกป่า “เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่เพราะพวกแกเจตนาดี และเหตุผลอะไรที่เราต้องร่วมมือกับพวกนาย”
“ฮึฮึฮึ” จางโบฮั่นไม่สนใจไอ้เด็กนี่ เธอหันไปเอ่ยกับอู๋เจียช่าวต่อ “เร็วๆเข้า เด็กนั่นพูดอะไรบ้าง?”
“อะไรน่ะ?” อู๋เจียช่าวชะงัก “กรุณาถามหัวหน้าทีมหลูปิงเซ่อเอาเอง”
“จะว่าก็ว่า” หลูปิงเซ่อพูดขึ้น “ตอนนี้ถ้ามันมาถึงจุดที่ทั้งสองทีมต้องร่วมมือกัน ถ้าอย่างนั้นวิธีการทำงานคงต้องมีการปรับเปลี่ยน”
อู๋เจียช่าวพยักหน้า สีหน้ามีร่องรอยแฝงของความสำเร็จ “น้องสาวคนสวยบอกว่า หยางเทียนเป็นคนที่ทรงพลังมาก และเขาก็เป็นหัวหน้าค่ายตัวจริงก่อนที่หัวหน้าของหยางเทียนจะปรากฏตัวขึ้นอีก ซางจิ่วตี้เองก็น่ากลัวเพราะการตัดสินใจส่วนใหญ่ภายในค่ายนั้นขึ้นอยู่กับเธอ โดยอำนาจที่หัวหน้าค่ายที่แท้จริงมอบให้!”
“หัวหน้าตัวจริง?” แต่ละคนต่างหัวหมุนและสับสนกันใหญ่
“งั้นฉันสงสัยว่าถ้าหัวหน้าค่ายที่แท้จริงไม่ใช่ทั้งหยางเทียนและซางจิ่วตี้ ถ้างั้นแล้วเขาคือใครกัน?” อู๋เจียช่าวยิ้มมุมปาก “แน่นอนว่าฉันก็ถามคำถามนั่น แต่น้องสาวไม่ได้พูดอะไร หากฉันว่าทุกอย่างมันชัดเจนและทุกคนก็น่าจะพอเดาคำตอบกันได้แล้ว?”
“หัวหน้าชูฮัน!” หลายคนที่ได้ข้อสรุปพลันโพล่งเสียงดังขึ้นมาพร้อมกันทันที
แววตาของหลูปิงเซ่อล้ำลึก “แต่เรื่องเดียวที่ฉันคิดไม่ออกก็คือทำไมถึงต้องปกปิดเรื่องนี้ด้วย?”
“ฉันเกรงว่าฉันคงต้องบุกเข้าไปใจกลางของค่ายถึงจะรู้ข้อมูลนี่ได้!” อู๋เจียช่าวส่ายหัว “แต่น่าเสียดายที่มันยากมากที่จะฝ่าเข้าไปถึงจุดนั้นได้”
หลูปิงเซ่อยกมือขึ้นแตะปลายคางพลางนิ่วหน้าอย่างใช้ความคิด “ทุกอย่างเป็นไปตามเจตนาของหัวหน้าชูฮัน เพราะงั้นเราควรจะไขปัญหานี่ให้ได้”
“เพราะว่ามันไม่มีวิธีแก้ปัญหา!” หลูปิงเซ่อกำมือ “หัวหน้าชูฮันน่าจะคิดอย่างที่ฉันคิด”
“เข้าประเด็นซะที!” กลุ่มคนกรอกตาใส่
“แต่” ทันใดนั้นหลูปิงเซ่อก็เปลี่ยนอารมณ์ทันที มีรอยยิ้มแต้มอยู่ตรงมุมปาก “ในเมื่อความคิดของเราคล้ายๆกัน ฉันคิดว่าแรงบันดาลใจในการสร้างค่ายแห่งนี้น่าจะมาจากหัวหน้าชูฮันโดยตรง และในอนาคตฉันเชื่อว่าเราจะมีโอกาสได้เจอกับหัวหน้า เพราะฉันเชื่อว่าการที่หัวหน้าให้พวกเรามาที่นี่มันจะต้องเป็นไปตามแผนที่หัวหน้าวางไว้ เพราะงั้นเราทำได้แค่รอ!”
“และเราควรอย่าทำตัวเด่น” จู่ๆลมฝุ่นก็เอ่ยขึ้นมา “เนื่องจากเราควรหลบซ่อนต่อไป อยู่รวมกันและจะดีกว่า และสมาชิกจะถูกแบ่งไปอยู่ตามแผนกต่างๆในค่าย ตามที่แต่ละคนเก่งด้านไหน”
ลมฝุ่นพูดจบก็หรี่ตาใส่คนรอบๆ
“เอาล่ะ มาทำกัน” หลูปิงเซ่อพยักหน้า จากนั้นก็มองไปที่จางโบฮั่น “ส่วนสำหรับทีมกุ้งเสือดำ พวกเธอวางแผนไว้อย่างไร?”
จางโบฮั่นนิ่วหน้า “นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะตัดสินใจเองได้ รอให้ฉันกลับไปถามกัปตันทีมก่อน”
หลังจากพูดจบจางโบฮั่นก็เดินกลับเข้าไปในทีมกุ้งเสือดำ และมันไม่นานก่อนที่หลูปิงเซ่อจะเห็นว่าเสี่ยวเคินทำท่ามือส่งมา ทั้งสองทีมได้มติเอกฉันท์แล้ว…ทีมกุ้งเสือดและความลับของพระเจ้าจะคอยแฝงตัวเอาไว้จนกว่าหัวหน้าชูฮันจะกลับมา!
“นี่มันอะไรกัน? พวกนาย?” ด้วยความระแวงและสงสัย จู่ๆเสียงของหยางเทียนก็ดังขึ้นมา
กลุ่มคนที่พึ่งฆ่าซอมบี้และเดินทางออกมาจากเมืองอันลูเริ่มกังวลทันที สมาชิกของทั้งสองท่มต่างกระจัดกระจาย
ในจุดนี้ หลายคนตะลึงค้างเมื่อได้เห็นรถขนาดยักษ์สีดำอยู่ตรงประตูทางเข้าค่ายเขี้ยวหมาป่า
นี่มันรถ?
สูงกว่าสองเมตร สีดำสนิท และรูปร่างใหญ่โตที่เหนือกว่าใคร สาเหตุที่ทำให้หลายคนตะลึงก็คือยางล้อรถที่ใหญ่โตจนเห็นได้ชัด หากตัวรถไม่มีหน้าต่าง ทั้งตัวรถสีดำสนิทจนดูไม่ออกว่ามันสร้างมาจากวัสดุอะไร ทนทานแค่ไหน ความสามารถพิเศษของมันคืออะไร รถขนาดยักษ์ที่ปรากฏตัวขึ้นสร้างความตกใจให้แก่ทุกคน
หยางเทียนเองก็ตื่นตัวและจ้องไปที่รถขนาดยักษ์ตรงหน้าอย่างระแวงภัยขณะกำหมัดแน่นขึ้นเรื่อยๆอย่างพร้อมสำหรับการรบ
สมาชิกของทั้งสองทีม…กุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้า ต่างกระจัดกระจายไปคนละจุด พวกเขาต่างตกใจที่ได้เห็นรถปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาและเห็นได้ชัดว่ามันไม่ใข่รถทั่วไป การปรับแต่งของตัวรถนั่นเหนือเกินกว่าความเข้าใจของมนุษย์ นี่มันพิเศษมาก? หรือว่ารถของเอเลี่ยน?
และในขณะที่กลุ่มคนนิ่งเงียบเพราะตกใจจนไม่มีคำพูดใดๆ—-
“พ้ะ!” เสียงกระแทกเบาๆของประตูรถที่เปิดออก ร่างของคนสองคนลงมาจากรถ คนหนึ่งสวมแว่นตา กล้ามเนื้อตึงแน่นไปทั้งตัว เขาก็คือซูชิงนั่นเอง
“ขอโทษที หยางเทียนอยู่ที่นี่มั้ย?” ซูชิงเปิดปากก่อน