Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 69 ฝูงซอมบี้กำลังมา...
“อ๊าก! อ๊าก! อ๊าก! อ๊าก! อ๊าก!” เฉิงเจอฮ่าวสะดุ้งตื่นขึ้นจากอาการช็อก ล้มลงไปนั่งกับพื้นทันทีจนเกิดเสียงดังตุ้บ ทั้งกางเกียงที่เปียกประกอบเศษฝุ่นที่ปลิวมาเปรอะหน้าจึงทำให้เขายิ่งดูสกปรกขึ้นไปอีก ควบคู่ไปกับเหงื่อที่เกิดจากความกลัวที่มีต่อชูฮัน หน้าของเขายิ่งดูเละเทะเข้าไปใหญ่
ถึงแม้ว่าขวานจะฟันไม่โดนตัวเขา หากความเจ็บปวดทางใจที่เขาได้รับนั้นรุนแรงเสียกว่าการโดนขวานฟาดจริงๆซะอีก ด้วยเพราะขวานมันเกือบจะหล่นใส่เท้าเขาแล้วโดยไม่มีการเตือนใดๆล่วงหน้าเลย ขวานนั้นมีน้ำหนักมาก แถมมันดูยังพกความเย็นยะเยือกติดมาด้วย!
เออ! ใช่!
“เท้าฉัน! นิ้วเท้าฉัน!” เฉินเจอฮ่าวแหกปากกรีดร้องพร้อมยกเท้าตัวเองขึ้นตรวจดู เแหกปากร้องวุ่นวายไปทั่วบริเวณ ตาโตเบิ่งกว้างออกมาจากเบ้า เฉินเสี้ยนกาวขยับเดินออกมาหากเขาก็หยุดเดิน รองเท้าของเฉินเจอฮ่าวมีรอยแตก ตัวรองเท้าพัง หากนิ้วเท้าของเขายังอยู่ดี
ผู้คนต่างช็อคกันไปอีกครั้ง พลังของชูฮันที่แสดงให้เห็นช่างแม่นยำเหลือเกิน!
ต้วนหมิงที่ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนกำลังสั่นระริกด้วยเพราะชูฮันทำให้เขาตกใจอย่างมาก ชูฮันต่างจากผู้ชายน่าสมเพชในเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ชูฮันทั้งดุดันและหัวรุนแรง ไม่สนใจสิ่งที่เคยสนใจเมื่อในอดีตและมักจะโดนกลั่นแกล้งเสมอถึงแม้จะไม่เคยทำอะไรผิด
ซางจิ่วตี้ตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอรู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่ชูฮันกล่าวไว้ “ฉันจะไม่ปล่อยให้คนที่เรียกฉันว่าไอ้ทุเรศมีชีวิตรอด…เกิดอะไรขึ้นกับเขากัน?”
เฉินช่าวเย่และเลาเสี่ยวเสียวก็กลัวกันมาก พวกเขาต่างกอดกันและกันพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย หัวหน้าของพวกเขาหล่อชะมัดเวลาโกรธ!
ป่ายหวีเนอเพียงแค่ยิ้มมุมปากเล็กน้อยขณะมองไปทางเหล่าผู้คนที่ยังตะลึงงันกันอยู่ เธอหมุนตัวกลับและเดินจากไป
ซางจิ่วตี้ เลาเสี่ยวเสียวและเฉินช่าวเย่ ต่างมองหน้ากันและกัน จากนั้นก็เดินตามป่ายหวีเนอไป
เมื่อกลุ่มของชูฮันทั้งหมดจากไป ทั้งโรงอาหารก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง อาหารจานแล้วจานเหล่าถูกส่งออกมาไม่หยุดหย่อน
ทุกอย่างเปลี่ยนไปด้วยเพราะความหวาดกลัวที่มีต่อเฉินเจอฮ่าวได้หายไปแล้ว แทนที่ด้วยอาการเยาะเย้ยที่แฝงอยู่ในแววตา มันเป็นตัวอย่างที่ดีของคำว่า…เหนือฟ้ายังมีฟ้า
เฉินเสี้ยนกาวไม่สามารถต่อกรหรือกล้าทำร้ายน้องชายตัวเองได้ ทำให้เฉินเจอฮ่าวสามารถทำตัวอาละวาดตามใจชอบได้เสมอในฐานทัพนี่ แต่ตอนนี้ มีชายผู้ที่ไม่สามารถทนต่อความยโสของเฉินเจอฮ่าวปรากฏตัวขึ้น นั่นหมายถึงอนาคตที่สดใสของพวกเขา!
“กินกันไปก่อนเลย ฉันจะเอาอาหารไปให้ชูฮัน” เฉินเสี้ยนกาวยืนขึ้น เมินน้องชายของเขาที่หวาดกลัวชูฮัน
“ไปกันเถอะ” เย๋เฉินขยับแว่นตา ถึงแม้ในหัวของเขาจะบอกว่าควรอยู่ปลอบเฉินเจอฮ่าว แต่เขากลับไม่อยากอยู่ที่นี่ด้วยเหตุผลแค่นั้น
“ฉันด้วย!” เยวจึกลืนเนื้อที่กำลังเคี้ยวอยู่ทันที เช็ดปาก และรีบลุกขึ้นยืน
ทั้ง3คนที่เดินออกไปทำให้เฉินเจอฮ่าวรู้สึกราวกับกำลังถูกเหยียบย่ำ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปตามเงาของทั้ง3คน
เขาจะฆ่าพวกมันท้ังหมด!
ทันใดนั้นเอง มีเงาของชายคนหนึ่งเดินเข้ามากระซิบพูดกับเฉินเจอฮ่าว เสียงนั่นดูคุ้นเคย…”ฉันมีไอเดีย”
———–
ในห้องที่เต็มไปด้วยเทียน
เฉินช่าวเย่และเลาเสี่ยวเสียวกำลังนั่งอยู่บนพื้นพร้อมกับเล็มขาไก่ไปด้วย มันเป็นอาหารของพวกเขาเองที่เก็บไว้บนรถตู้ เลาเสี่ยวเสียวกินอย่างมีความสุข เธอกินเนื้อไปพร้อมกับพ่นเศษกระดูกไปด้วย ทำให้เศษกระดูกกระจายอยู่รอบบริเวณตัวเธอไปหมด ส่วนเฉินช่าวเย่กำลังนั่งเซง ดูดกระดูกในมือไปมาด้วยเพราะเขากินส่วนเนื้อไปจนหมดแล้ว
ป่ายหวีเนอเอนตัวนอนอยู่ใกล้ๆหน้าต่าง มองออกไปในความมืด ผมยาวสลวยสีดำสนิทของเธอปกคลุมไปเกือบครึ่งหนึ่งของใบหน้า ภาพที่เห็นให้ความรู้สึกลึกลับขณะที่มีแสงสลัวจากเปลวเทียนฉายพาดร่างเธอ
ซางจิ่วตี้วางมีดปอกผลไม้ที่เธอถืออยู่ลง ถอนสายตาที่กำลังมองเลาเสี่ยวเสียวกินอย่างมีความสุขออกไปมองที่ชูฮันแทน พลางยื่นแอปเปิ้ลที่เธอปอกไปให้ชูฮัน “คุณยังไม่ได้กินอะไรเลย”
ชูฮันหยุดทำความสะอาดขวานของเขาทันที เงยหน้าขึ้นมามองซางจิ่วตี้ เธอยิ่งดูสวยขึ้นไปอีกยามที่มีแสงเปลวเทียนสาดส่องลงบนใบหน้า
ชูฮันบังเอิญเผลอไปโดนมือนุ่มนิ่มของซางจิ่วตี้ตอนที่ยื่นมือออกไปรับแอปเปิ้ลจากเธอ มันมีความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นในใจเขา ผู้หญิงคนนี้มีนิสัยต่างกันเวลากลางและกลางคืน หากเขารู้สึกได้ถึงความสุภาพอ่อนโยนของเธอ
ซางจิ่วตี้รู้สึกทำไรไม่ถูกขึ้นมายามที่ชูฮันมองมาที่แก้มแดงระเรื่อของเธอ
ด้วยสายตาที่แปลกไปเล็กน้อยของเขาที่มองมาที่ซางจิ่วตี้ ชูฮันตรวจสอบความภักดีที่ซางจิ่วตี้มีต่อเขา
แม่งเอ๊ย! ยังคง50%อยู่เท่าเดิม
ก็ได้! ชูฮันเปลี่ยนท่าทีทันที พลางคิดว่าความอ่อนโยนของซางจิ่วตี้ที่เขาเห็นคงจะเป็นแค่ความฝันเท่านั้น
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ซางจิ่วตี้รีบดึงมือเธอกลับมาทันที ลูบผมทัดหูอย่างอายๆพร้อมกับเบนหน้าหนี “ฉันจะไปเปิดประตู”
ต๊ะ!
ขาไก่ในมือเลาเสี่ยวเสียวตกลงพื้นพร้อมกับตาเบิ่งกว้างด้วยความอึ้งกับภาพที่เห็น กระทุ้งศอกใส่เฉินช่าวเย่ที่กำลังอุทิศตัวให้อาหารอย่างตื่นเต้น “เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย! ไอ้อ้วน ไอ้อ้วน!”
“อะไร?” เฉินช่าวเย่หันหน้ากลับมา เขาตะโกนออกมาเมื่อเห็นเศษเนื้อไก่บนพื้น “เธอเสียอาหารทิ้งเปล่าๆอีกแล้วนะ!”
“ไม่ใช่เรื่องนี้!” ความอยากนินทาฉายชัดบนหน้าเสี่ยวเสียว “ฉันเพิ่งเห็นว่าหน้าของซางจิ่วตี้เขินแดง!”
“มั่วละ!” เฉินช่าวเย่มองไปที่เลาเสี่ยวเสียว “มันน่าจะเป็นแสงจากเทียน!”
เลาเสี่ยวเสียวจ้องกลับไปที่เฉินช่าวเย่อย่างดุเดือดพลางพึมพำออกมา “แม่งไอ้อ้วนเอ๊ย ไม่รู้วิธีสังเกตอะไรเลย”
“พี่ชู!”
ในเวลาเดียวกัน ก็มีเสียงหัวเราะดังชัดของเฉินเสี้ยนกาวดังมาจากทางประตู ตามมาด้วยเสียงของเย๋เฉินและเยวจึ
ชูฮันมึนงงพร้อมกับรีบพูดขึ้นมาทันที “มาที่นี่ทำไม?”
ความภักดีเป็นสิ่งที่ดีจริง ความสนิทสนมที่เฉินเสี้ยนกาวมีต่อเขานั้นมองเห็นได้ชัด ถึงแม้เย๋เฉินและเยวจึจะไม่ได้มีความภักดี 50% ต่อเขาเหมือนเฉินเสี้ยนกาว หากเขายังคงมีอิทธิพลต่อพวกเขาอยู่ ความดีของพวกเขามาจากใจจริงๆ
“พวกเราเอาอาหารมาให้พวกคุณ พวกคุณไม่ได้กินที่โรงอาหาร!” เยวจึวางอาหารลงบนโต๊ะ
“ขอบคุณ” ชูฮันยิ้มออกมาเล็กน้อย
“หยุดพูดคำพวกนั้น!” เฉินเสี้ยนกาวถอนหายใจ “ฉันเป็นหนี้คำขอโทษพวกคุณ น้องชายของฉันยังเด็กเกินไป!”
“งั้นเรามาลืมเรื่องนี้กันเถอะ” ชูฮันพูด
แววตาของซางจิ่วตี้และป่ายหวีเนอเต็มไปด้วยความสงสัย พวกเธอจำได้ว่าชูฮันอ่อนไหวมากกับคำว่าไอ้ทุเรศ ความจริงแล้วพวกเธอแปลกใจมากที่ชูฮันไม่ได้ฆ่าเฉินเจอฮ่าว พวกเธอรู้จากประสบการณ์ที่รู้จักชูฮันมาว่าเขาพร้อมจะฆ่าคนที่ทำผิดต่อเขาทันที
เฉินเสี้ยนกาวยิ้มยิงฟัน “ฐานทัพปลอดภัยแล้ว พวกคุณพักผ่อนกันอย่างสบายใจเถอะ เลิกคิดมากได้แล้ว ฝูงซอมบี้ก็ถูกทำลายหมดแล้วหนิ”
คำพูดของเฉินเสียนกาวทำให้ดวงตาของชูฮันเป็นประกายวาบขึ้นมาทันทีพร้อมกับมองไปที่ทั้ง3คนอย่างมีความหมาย
“มีอะไรรึเปล่า?” เย๋เฉินรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
“ฝูงซอมบี้ขนาดใหญ่ยังไม่ถูกทำลาย” ชูฮันมองไปที่ชายทั้ง3คนพร้อมกับพูดขึ้นทีละคำอย่างเน้นๆ “ฝูงซอมบี้กำลังมุ่งหน้ามาที่นี่”