novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • มังงะ
  • หวยออนไลน์
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
lalikabet168
lalikabet66 คาสิโนสด boston777 แทงบอลออนไลน์ เว็บแทงบอล บาคาร่า แทงงหวย เว็บพนัน สมัครบาคาร่าออนไลน์ Empire777 huayhit168 สมัคร ufabet แทงบอล แทงหวยออนไลน์ เว็บหวยออนไลน์ สล็อตเว็บตรง kodpung88 แทงบาคาร่า PGK44 nexobet แทงหวย24 เว็บคาสิโน คาสิโนออนไลน์ บาคาร่าออนไลน์ คาสิโน คาสิโนออนไลน์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2807 นภาดาราศุภโชค

  1. Home
  2. Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
  3. ตอนที่ 2807 นภาดาราศุภโชค
Prev
Next

ในโลกยุคสมัยนับร้อยของแหล่งสถานศุภโชค ยุคทวยเทพยอดเยี่ยมที่สุด

ยุคทวยเทพยังถูกมองเป็นยุคสมัยที่เก่าแก่ที่สุดเช่นกัน ในนั้นมีเผ่าเทพสามตระกูลใหญ่อาศัยอยู่ ยึดครองสามอันดับแรกของขุมอำนาจเผ่าเทพในแหล่งสถานศุภโชค

เผ่าเทพสามตระกูลใหญ่นี้ ได้แก่ตระกูลเจียง ตระกูลเกาหยาง ตระกูลจี้

นอกจากนี้ในยุคทวยเทพยังมีเผ่าเทพตระกูลอื่นๆ อีกมากมาย แต่ล้วนเป็นอยู่ใต้อาณัติของเผ่าเทพสามตระกูลใหญ่

เมื่อเทียบกับโลกยุคสมัยอื่นๆ ยุคทวยเทพเป็นโลกยุคสมัยที่สูงส่งและแข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย สามารถมองเป็นโลกอันดับหนึ่งของแหล่งสถานศุภโชคได้

หลินสวินได้รู้เรื่องเหล่านี้แล้ว แต่จนตอนนี้ก็ยังไม่เคยสัมผัสบุคคลและเรื่องราวที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยุคทวยเทพนี้

แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าเมื่อนานมาแล้วร่างต้นของซย่าจื้อเคยอยู่ในยุคทวยเทพ ยิ่งถูกยกย่องเป็นจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์!

และพวกน่ากลัวที่ฉวยโอกาสปล้นชิง หมายจะชิงศุภโชคของนางหลังจากประสบมหาเคราะห์เมื่อตอนนั้น ล้วนมาจากยุคทวยเทพ

ผู้ก่อเหตุเหล่านั้นจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเจียง ตระกูลเกาหยาง ตระกูลจี้อย่างไม่ต้องสงสัย!

ตามที่สือซานพูด ก่อนจะเจอมหาเคราะห์ ด้วยพลังร่างต้นของซย่าจื้อย่อมสามารถสังหารพวกน่ากลัวที่ตามฆ่านางได้อย่างง่ายดาย

จากเรื่องนี้สามารถคาดการณ์ได้ว่ามรรควิถีร่างต้นของซย่าจื้อในตอนนั้น จะต้องแข็งแกร่งถึงขั้นเหลือเชื่อแล้วอย่างแน่นอน ก็ไม่แปลกที่ถูกเรียกว่าจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์

เพียงแต่แม้รู้เรื่องพวกนี้แล้ว ในใจหลินสวินกลับยิ่งประหลาดใจ เพราะทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่อดีตส่วนหนึ่งของร่างต้นซย่าจื้อ ที่มาและชื่อของนางยังคงเป็นปริศนา

น่าเสียดาย สือซานไม่รู้เรื่องพวกนี้

นี่ทำให้หลินสวินอึ้งไประลอกหนึ่ง

จู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา เอ่ยว่า “จริงสิ ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสบอกว่า ที่ตอนนั้นนายหญิงของท่านมาเมืองเทพศุภโชคก็เพื่อตามหาว่าใครเป็นคนสร้างนภาดาราศุภโชคหรือ”

สือซานกล่าว “ไม่ผิด”

หลินสวินจมสู่ภวังค์ ก่อนหน้านี้สือซานบอกว่าในช่วงที่ร่างต้นของซย่าจื้ออยู่ในยุคทวยเทพ ล้วนหลบหนีมาตลอด หรือไม่ก็กำลังหาอะไรบางอย่าง

และคำตอบนี้เป็นไปได้สูงมากว่าอาจเกี่ยวข้องกับบุคคลไร้เทียมทานที่สร้างนภาดาราศุภโชค!

ก่อนหน้านี้ยามอยู่ในทะเลสาบจันทร์หม่น หลินสวินได้อ่านตำราต่างๆ แล้ว เคยรู้เรื่องมากมายที่เกี่ยวข้องกับนภาดาราศุภโชค

แต่ล้วนไม่มีบันทึกว่าบุคคลไร้เทียมทานผู้นั้นเป็นใคร ราวกับตำนานที่เลื่อนลอยเป็นมายา

แต่สามารถมั่นใจได้ว่า ตอนนั้นร่างต้นของซย่าจื้อก็กำลังตามหาบุคคลไร้เทียมทานผู้นี้!

น่าเสียดายที่ระหว่างทางมาเมืองเทพศุภโชค นางกลับประสบมหาเคราะห์ ทำให้สุดท้ายไม่สามารถสมปรารถนาได้

“เจ้า… หาวิธีทำให้นายหญิงของข้าตื่นขึ้นมาได้แล้วหรือ”

และตอนนี้เอง จู่ๆ สือซานก็ถามขึ้น

ถูกสายตารุนแรงและเย็นเยียบของเขาจับจ้อง หลินสวินเองก็นิ่งเงียบไปอย่างอดไม่ได้

สือซานเห็นเช่นนี้ดวงตาพลันเผยความเศร้าสร้อยและผิดหวัง เอ่ยว่า

“ข้าปกปิดตัวตน รอคอยอยู่ที่นี่มาไม่รู้นานเท่าไร หวังมาตลอดว่าวันที่นายหญิงของข้าตื่นขึ้นมาจะมาถึง ข้าอยากบอกนางว่าคำตอบที่นางตามหาอย่างยากลำบากมาโดยตลอด อาจจะซ่อนอยู่ในนภาดาราศุภโชค แต่ข้ามีลางสังหรณ์ว่านายหญิงนาง… เกรงว่าจะไม่อาจตื่นขึ้นมาได้อีกแล้ว…”

หลินสวินอดถามไม่ได้ “เหตุใดท่านจึงคิดเช่นนี้”

สือซานพูด “คำพูดประโยคนั้นที่นางทิ้งเอาไว้ในตำหนักเทพรัตติกาลนิรันดร์ในแดนผนึกเรืองแสง ได้บ่งบอกทุกอย่างนานแล้ว”

หลินสวินอดนึกถึงคำพูดประโยคนั้นอีกครั้งไม่ได้…

ร่างนี้โรยร่วงเนิ่นนาน ไม่อาจฝากฝัง หากมีวาสนา ตัดสิ้นอดีต ไม่ทุกข์ระทมเดียวดายในความมืดอีก

หากมีวาสนา ตัดสิ้นอดีต!

นี่ก็คือการตัดสินใจของร่างต้นของซย่าจื้อในตอนนั้น

หลินสวินถาม “ผู้อาวุโส ในเมื่อรู้ว่าคำตอบที่นายหญิงของท่านตามหาซ่อนอยู่ในนภาดาราศุภโชค เหตุใดท่านถึงไม่ไปหา”

สือซานส่ายหน้า “ข้าหยั่งรู้ที่นี่มาไม่รู้นานเท่าไรแล้ว ไม่อาจหยั่งถึงนัยเร้นลับสุดท้ายในนั้นได้”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…”

หลินสวินใคร่ครวญ

ครู่ใหญ่เขาถึงเอ่ยว่า “ข้านำกระบี่ศุภโชคและโลงนิรันดร์มาแล้ว แต่ตอนนี้ยังให้ผู้อาวุโสไม่ได้ แต่ข้ารับรองว่ายามไปจากแหล่งสถานศุภโชค ไม่เพียงจะทิ้งสมบัติไว้ ยังจะให้คำตอบที่ชัดเจนกับผู้อาวุโสด้วย”

หากไม่ได้สืบฐานะและที่มาร่างต้นของซย่าจื้อให้ชัดเจน หลินสวินไม่อาจพูดความจริงออกมาได้จริงๆ และไม่สามารถบอกความจริงให้ซย่าจื้อรู้ได้

สือซานจ้องมองหลินสวินแล้วเอ่ยว่า “สมบัติสองชิ้นนั้นข้าล้วนไม่สนใจ เดิมทีก็ทิ้งไว้ให้คนที่สามารถทำให้นาง ‘ไม่ทุกข์ระทมเดียวดายในความมืดอีก’ อยู่แล้ว สิ่งที่ข้าสนใจคือนายหญิงมีความเป็นไปได้ว่าจะตื่นขึ้นมาหรือไม่ ก่อนที่จะรู้คำตอบนี้ ข้าจะรออยู่ที่นี่ตลอด”

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งเอ่ยว่า “เป็นไปได้!”

สือซานอึ้งไป พลันเสียการควบคุม พูดอย่างตื่นเต้น “เจ้าว่าอะไรนะ”

“ข้าบอกว่านายหญิงของท่านมีความเป็นไปได้ว่าจะตื่นขึ้นมาจริงๆ”

หลินสวินพูด “ก่อนไปจากแหล่งสถานศุภโชค ข้าจะให้คำตอบที่แน่ชัดกับผู้อาวุโส”

จู่ๆ สือซานก็คว้าสาบเสื้อของหลินสวินแน่น พูดอย่างเดือดดาล “เหตุใดยังต้องรอต่อไป เหตุใดไม่บอกข้าตอนนี้ ข้า…”

เขาเสียการควบคุมเช่นนั้น ราวกับคนที่บ้าคลั่ง

หลินสวินมองเขาเงียบๆ แล้วเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสรอมานานขนาดนี้แล้ว ท่าน… เตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับคำตอบแล้วจริงๆ หรือ หากนายหญิงของท่านตัดอดีตแล้วจริงๆ ไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้อีก ท่านจะทำอย่างไรกับตัวเอง”

สือซานหายใจถี่กระชั้น ครู่ใหญ่ถึงค่อยๆ คลายสองมือที่จับสาบเสื้อของหลินสวินออกแล้วกลับไปนั่งบนเบาะรองนั่ง อารมณ์ที่เดิมทีเดือดดาลบ้าคลั่งก็สงบลงแล้ว

เพียงแต่สีหน้ากลับซับซ้อนมาก ทั้งคาดหวัง ประหม่า และมีความอึ้งงันที่พูดไม่ออก

ใช่แล้ว รอมาในกาลเวลาไร้สิ้นสุด หากคำตอบที่ได้ไม่ใช่สิ่งที่ตนอยากเห็น ควรจะเผชิญหน้าอย่างไร

“เหมือนว่าเจ้าจะไม่มีความเป็นไปได้ที่จะไปจากแหล่งสถานศุภโชคแล้ว”

สือซานพูดเสียงขรึม “เรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่เจ้าเข้าเมืองจนถึงตอนนี้ข้ารู้หมดแล้ว เผ่าเทพเหล่านั้นไม่มีทางให้โอกาสเจ้าจากไป”

“อีกทั้งเมื่อข่าวกระจายออกไป พอเฒ่าชรายุคทวยเทพเหล่านั้นรู้ว่าโลงนิรันดร์ที่นายหญิงทิ้งเอาไว้อยู่ในมือเจ้า พวกเขาต้องมาเล่นงานเจ้าเหมือนที่เล่นงานนายหญิงตอนนั้นอย่างแน่นอน”

“ด้วยความสามารถของพวกเขา ภายหน้าต่อให้เจ้าจะอยู่ในเมืองเทพศุภโชคต่อก็ไม่ปลอดภัยแน่ ต้องพบเจอเคราะห์สังหารตลอดเวลา”

พูดจบสือซานอดถอนหายใจยาวไม่ได้ “ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เจ้าจะจากไปได้อย่างไร”

หลินสวินพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ “ความสำเร็จอยู่ที่ความพยายามของคน อย่างน้อยในเมืองเทพศุภโชค ต่อให้เจออันตรายข้าก็มีวิธีรับมือ”

สือซานเงียบไปครู่หนึ่งเอ่ยว่า “ข้าจะรอคำตอบของเจ้าที่นี่”

……

กลางดึกหลินสวินย้อนกลับทะเลสาบจันทร์หม่น ครู่ใหญ่ก็ยังไม่สามารถสงบได้

การเจอสือซานครั้งนี้ ข้อมูลที่ได้รู้ทำให้เขายิ่งตระหนักได้ว่าที่มาและฐานะร่างต้นของซย่าจื้อไม่ธรรมดา

ก็เพราะเช่นนี้ในใจจึงค่อนข้างต่อต้านและลังเล

‘ไม่ว่าอย่างไร ก่อนจะจากไปก็ต้องให้คำตอบกับซย่าจื้อ!’

ครู่ใหญ่หลินสวินกดความคิดปั่นป่วนในใจ สภาวะจิตค่อยๆ สงบลง

คืนนี้หลินสวินบอกบิดามารดาว่าก่อนออกจากแหล่งสถานศุภโชค ให้พวกเขาฝึกปราณในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งอย่างสบายใจ

ทำเช่นนี้เพื่อเลี่ยงไม่ให้ถูกศัตรูฉวยโอกาสทำร้ายพวกเขา

วันถัดมา

หลินสวินลุกจากการนั่งสมาธิ เดินทางไปยังตำแหน่งที่นภาดาราศุภโชคตั้งอยู่

ผู้ฝึกปราณที่จับตามองบริเวณทะเลสาบจันทร์หม่นมาโดยตลอด ล้วนสังเกตเห็นทิศทางที่หลินสวินเคลื่อนไหวในทันที

“วันนี้เจ้าหลินสวินนี่จะทำอะไรอีก”

“ดูจากสภาพการณ์ คงจะไปบริเวณนภาดาราศุภโชค”

“เขาดูผ่อนคลายมาก หรือไม่รู้ว่าเผ่าเทพมากมายเริ่มส่งบุตรเทพ ธิดาเทพในตระกูลมาเพื่อเล่นงานเขาแล้ว”

“คนผู้นี้มีกระบี่ศุภโชค ว่ากันว่าหากจับตัวเขาได้ก็จะได้รับโลงนิรันดร์ แหล่งสถานศุภโชคในตอนนี้ โลกยุคสมัยต่างๆ ล้วนแตกตื่นแล้ว”

“สามารถคาดการณ์ได้ว่าอีกไม่นานเมืองเทพศุภโชคจะกลายเป็นแหล่งรวมผู้โดดเด่นทั่วหล้า ถึงตอนนั้นคนแซ่หลินนี่ต้องโชคร้ายมากกว่าดีอย่างแน่นอน”

…เสียงซุบซิบมากมายดังขึ้น

หลินสวินไม่ได้สนใจ

ไม่นานเขาก็มาถึงบริเวณที่นภาดาราศุภโชคตั้งอยู่

นี่เป็นพื้นที่ราบที่กว้างใหญ่ไพศาลที่สุดแห่งนี้ ไร้พืชพรรณ พื้นดินมั่นคง ปูด้วยหินเทพที่แข็งแกร่งสีดำหนึ่งชั้น

และบนท้องฟ้า ดวงดาวที่พริบไหวส่องแสงแต่งแต้มอยู่บนนั้นแน่นขนัด ทุกดวงล้วนสำแดงกลิ่นอายมหามรรคที่แตกต่างกัน ลอยอยู่ตรงนั้นเงียบๆ เหมือนโคมสวรรค์มากมาย สาดประกายศักดิ์สิทธิ์มหามรรคที่แตกต่างโดยสมบูรณ์ อบอวลในฟ้าดินที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้

นี่ก็คือนภาดาราศุภโชค!

ดาวทุกดวงล้วนประทับระบบฝึกปราณที่สมบูรณ์แบบหนึ่งอย่าง รวมมรรคแห่งการฝึกปราณนับร้อยของอารยธรรมยุคสมัย!

ยามหลินสวินมาถึง บนพื้นดินที่ปูด้วยหินเทพสีดำนั่นมีเงาร่างมากมายนั่งขัดสมาธิอยู่ภายใน

บางคนขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนัก บางคนคัดลอกไม่หยุด บางคนนิ่งไม่ขยับ บางคนเกาหน้าเกาศีรษะ… สีหน้าแตกต่างกันไป

บรรยากาศเคร่งขรึมและเงียบสงบ

เมื่อเห็นภาพที่เกรียงไกรเช่นนี้ ไม่รู้เพราะเหตุใดหลินสวินเองก็เกิดความเลื่อมใสบุคคลไร้เทียมทานที่สร้างนภาดาราศุภโชคขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

รวบรวมระบบฝึกปราณแห่งยุคสมัยนับร้อยไว้ในฟ้าดาราแห่งนี้ ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาและหยั่งรู้ได้โดยไม่เก็บงำ นี่เป็นความใจกว้างและความองอาจเพียงใด

แต่ตอนที่หลินสวินมาถึงก็ทำให้เกิดความฮือฮาในที่นั้นระลอกหนึ่ง

“เป็นเจ้าโจรชั่วแซ่หลิน!”

“สวรรค์ เหตุใดจึงเป็นเขา…”

“ยังจะหยั่งรู้มหามรรคอะไรอีก รีบไป เลี่ยงไม่ให้นำพิบัติภัยมาสู่ตน!”

ผู้ฝึกปราณไม่น้อยหน้าเปลี่ยนสีไป ลุกจากการนั่งสมาธิ ยิ่งมีผู้ฝึกปราณบางส่วนยกเท้าจากไป เหมือนกลัวว่าจะเดือดร้อนไปด้วย

จากเรื่องนี้สามารถเห็นได้ว่าแม้หลินสวินเพิ่งเข้าเมืองเทพศุภโชคสองวัน แต่ชื่อเสียงดุดันก็ฝังลึกในใจคนแล้ว

นี่ทำให้หลินสวินจนคำพูดระลอกหนึ่ง

“ข้ามาหยั่งรู้มหามรรคของที่นี่ ทุกท่านไม่ต้องตื่นตระหนก”

หลินสวินทิ้งคำพูดประโยคหนึ่งไว้แล้วหาที่นั่งสมาธิลวกๆ ไม่สนใจการตอบสนองของคนอื่นๆ รอบข้างอีก

เขาสงบใจ จิตรับแผ่ขยายไปยังท้องฟ้า พลันสัมผัสถึงกลิ่นอายมหามรรคที่แตกต่างกันโดยสมบูรณ์มากกว่าร้อยชนิด ต่างมีความมหัศจรรย์ของตัวเอง

อีกทั้งในนั้นยังมีกลิ่นอายมหามรรคที่ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคย สัมผัสเพียงคร่าวๆ ก็เข้าใจ ด้วยระบบการฝึกปราณที่ประทับบนดาวดวงหนึ่งในนั้น เป็นอารยธรรมยุคสมัยของแดนเทพต้าฉิน

‘ผู้อาวุโสสือซานบอกว่า ในนภาดาราศุภโชคนี้ซ่อนคำตอบที่ร่างต้นของซย่าจื้อในตอนนั้นตามหาอย่างยากลำบาก ข้าอยากดูนักว่าจะเป็นจริงหรือไม่…’

หลินสวินพึมพำในใจ

——