novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • มังงะ
  • หวยออนไลน์
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
lalikabet168
lalikabet66 คาสิโนสด boston777 แทงบอลออนไลน์ เว็บแทงบอล บาคาร่า แทงงหวย เว็บพนัน สมัครบาคาร่าออนไลน์ Empire777 huayhit168 สมัคร ufabet แทงบอล แทงหวยออนไลน์ เว็บหวยออนไลน์ สล็อตเว็บตรง kodpung88 แทงบาคาร่า PGK44 nexobet แทงหวย24 เว็บคาสิโน คาสิโนออนไลน์ บาคาร่าออนไลน์ คาสิโน คาสิโนออนไลน์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3073 ภูเขาเทพใบบัว

  1. Home
  2. Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
  3. ตอนที่ 3073 ภูเขาเทพใบบัว
Prev
Next

ตอนที่ 3073 ภูเขาเทพใบบัว

หลินสวินมุ่งหน้าต่อไปกลางฟ้าดินอันเวิ้งว้าง

เพียงแต่เมื่อเทียบกันแล้วเขาระวังตัวขึ้นมากกว่าก่อนหน้านี้ เก็บซ่อนกลิ่นอายตลอดทาง พุ่งทะลวงห้วงอากาศราวเงาที่ไร้ตัวตนสายหนึ่ง

จากที่หลินสวินคิด ด้วยมรรควิถีในปัจจุบันของเขา หากหมายจะหลบการสัมผัสของคนระดับเดียวกันก็ไม่ใช่เรื่องยาก

ทว่าความจริงกลับเหนือความคาดหมายของหลินสวิน

หรือกล่าวได้ว่าเหล่าเฒ่าชราเหล่านั้นที่กระจายตัวในโลกวิญญาณยุทธ์แห่งนี้ ส่วนมากล้วนครอบครองอภินิหารและวิชาลับที่วิเศษอัศจรรย์สุดขีด สามารถสัมผัสและจับร่องรอยของหลินสวินได้

โดยเฉพาะยามสังเกตเห็นว่าหลินสวินเคลื่อนไหวเพียงลำพัง อันตรายก็มาเยือนทันที

เป็นอย่างที่หญิงสาวกระโปรงดำคนนั้นกล่าวไว้ ในโลกวิญญาณยุทธ์ไม่เคยขาดพวกอาละวาดไร้เกรงกลัว ลงมือไม่เลือก หนำซ้ำยิ่งพลังปราณสูง การลงมือก็ยิ่งโหดเหี้ยมไร้ปรานี

และคนที่เคลื่อนไหวลำพังอย่างหลินสวินก็มักจะถูกมองเป็นเป้าหมายโจมตีได้ง่ายที่สุด

ไม่ว่าจะเพื่อทรัพย์สมบัติหรือเพื่อบีบให้ศิโรราบ การต่อสู้และเข่นฆ่าล้วนอุบัติขึ้นในโลกวิญญาณยุทธ์มาโดยตลอด

นี่คือสาเหตุว่าทำไมพวกหญิงกระโปรงดำจึงเลือกร่วมมือเป็นพันธมิตร และเป็นสาเหตุว่าทำไมพวกเขาจึงคาดหวังอยากให้หลินสวินร่วมกลุ่ม

เมื่อทั้งโลกมีแต่ระดับนิรันดร์ การจับกลุ่มเคลื่อนไหวเท่านั้นจึงจะรอดชีวิตได้นานขึ้น

นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าคนเยอะกำลังมาก

เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยามหลินสวินก็ถูกซุ่มโจมตีอีกครั้ง

คู่ต่อสู้เป็นขั้นสรรสร้างห้าคน อยู่ขั้นสัมบูรณ์สองคน ขั้นปลายสามคน

ยามหลินสวินสังเกตเห็นและพยายามหนีจากวงล้อมของพวกเขา กลับถูกพวกเขามองว่าใจเสาะและอ่อนแอ

หลังจากนั้นการต่อสู้ปะทุขึ้น

ขั้นสรรสร้างห้าคนนี้มีประสบการณ์จัดเจนในการต่อสู้อย่างเด่นชัด เข้าขากันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ยามการต่อสู้ปะทุก็ปลดปล่อยระเบียบระดับเทพสายหนึ่งออกมาปกคลุมฟ้าดินก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้การเคลื่อนไหวที่นี่ดึงดูดคู่ต่อสู้อื่นเข้ามา

จากนั้นพลันสำแดงไพ่ตายเข้าโจมตีหลินสวินทันทีโดยมีขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์สองคนเป็นผู้นำ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้พูดพล่ามใดๆ

ส่วนสามคนที่เหลือก็พุ่งไปอยู่ด้านข้าง กันไม่ให้หลินสวินหลบหนี

ต่างร่วมมือกันอย่างราบรื่นไร้ที่ติ

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นนี่ต้องเป็นการล่าเหยื่อที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบอย่างไม่ต้องสงสัย สามารถจับกุมเหยื่อได้ในชั่วอึดใจ

น่าเสียดาย คนที่พวกเขาเผชิญหน้าคือหลินสวิน

ในพริบตาที่อีกฝ่ายพยายามจับเขา เขาก็ไม่อยากเสียเวลามากกว่านี้เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงเรียกร่างแยกมหามรรคสี่ร่างออกมาพร้อมกันทันที สำแดงความสามารถสูงสุด

ชั่วอึดใจก็ตัดสินแพ้ชนะได้ดังคาด

ขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์สองคนที่โจมตีเข้ามาก่อนถูกกำราบตรงๆ ยังไม่ทันได้ตอบสนองก็ถูกจับยัดใส่เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเหมือนลูกไก่

ผู้แข็งแกร่งขั้นสรรสร้างขั้นปลายซึ่งล้อมอยู่ในแต่ละด้านสัมผัสได้ถึงความไม่เข้าที เพิ่งหมายจะหนีก็ถูกสามร่างแยกมหามรรคของหลินสวินพุ่งเข้าไปขวาง

และถูกกำราบพร้อมกับเสียงทึบดังปึงๆ สามหน

หนึ่งในนั้นถามอย่างโศกเศร้าแกมโกรธขณะถูกกำราบ “พลังต่อสู้ของสหายยุทธ์แข็งแกร่งเพียงนี้ ก่อนหน้านี้ตอนสังเกตเห็นกลิ่นอายของพวกข้า เหตุใดกลับยังเลือกใช้วิธีหลบหนีมาล่อให้พวกข้าลงมือด้วยเล่า”

กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินเอ่ยตอบอย่างมีน้ำอดน้ำทนยิ่ง “ข้ากำลังเร่งเดินทาง คร้านจะลงมือ แต่นึกไม่ถึงว่าพวกเจ้ากลับหมายจะทำให้ถึงตาย แล้วจะโทษใครได้เล่า”

คนผู้นี้ฟังจบก็รู้สึกเหมือนจะกระอักเลือดไปทั้งตัว

ไม่รอให้เขาปริปากอีกก็ถูกหลินสวินกำราบแล้ว

สำหรับคู่ต่อสู้เช่นนี้ หลินสวินไม่มีความเมตตาออมมือใดๆ ไม่เอ่ยอะไรสักประโยคก็พุ่งเข้ามาหมายสังหารตน นี่จะให้หลินสวินไว้ชีวิตพวกเขาได้อย่างไร

ต้องใช้ห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์มาจัดการ!

ยังดีที่แม้ว่าพวกร้ายกาจในโลกวิญญาณยุทธ์จะมาก แต่ส่วนใหญ่ล้วนรอบคอบยิ่ง

อย่างพวกหญิงสาวกระโปรงดำที่หลินสวินบังเอิญพบในตอนแรกสุดก็เป็นกลุ่มคนฉลาดที่สุดกลุ่มหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

ระหว่างทางต่อจากนั้น แม้ว่าร่องรอยของหลินสวินจะถูกสายตาไม่น้อยสังเกตเห็น แต่โดยมากล้วนเลือกวางมือขณะที่ลองไล่ล่าโจมตีหลินสวิน

หนึ่งคือความเร็วของหลินสวินรวดเร็วเกินไป สองคือไม่รู้รายละเอียดของหลินสวินแน่ชัด ทำให้พวกเขาไม่กล้าผลุนผลันโจมตีเต็มกำลัง

แน่นอนว่าก็มีพวกที่ถูกหลินสวินกำราบเหมือนห้าคนนั้นเช่นกัน ยามพุ่งออกมาจัดการหลินสวินล้วนลงเอยด้วยโศกนาฏกรรม

เดินทางไปเช่นนี้สามชั่วยาม จำนวนคู่ต่อสู้ที่ถูกหลินสวินกำราบตลอดทางมากถึงสิบเก้าคนแล้ว

ในนั้นสิบห้าคนมีมรรควิถีขั้นสรรสร้าง สี่คนมีมรรควิถีขั้นล่วงกฎ หากอยู่โลกภายนอกนั่นล้วนเป็นพวกที่ประหนึ่งนายเหนือหัวเรียกลมเรียกฝนได้ เกรียงไกรในโลก

แม้แต่ในโลกวิญญาณยุทธ์แห่งนี้ ขอเพียงไม่เข้าพื้นที่แกนกลาง ด้วยพลังของคนเหล่านี้ก็สามารถอยู่รอดได้นานขึ้นเช่นกัน

น่าเสียดาย หลังจากเจอหลินสวิน ชะตาชีวิตของพวกเขาถูกลิขิตให้ปิดฉากลงแล้ว

‘ข้างหน้าคงเป็นอาณาเขตพื้นที่แกนกลางของโลกวิญญาณยุทธ์แล้ว…’

หลินสวินเงยมองไป

ในฟ้าดินไกลโพ้นรายล้อมด้วยคลื่นพลังชีวิตมหามรรคที่หนาแน่นพลุ่งพล่าน ในทะเลโชคชะตาเหนือเวิ้งฟ้าแห่งนั้นหลั่งแสงสีขาวเวิ้งว้างเป็นสายๆ อาบชโลมภูผาธาราแถบนั้นให้อยู่ท่ามกลางกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ที่เก่าแก่และเร้นลับ

แสงสีขาวเป็นสายๆ นั้นถูกเรียกว่า ‘พลังชะตามหามรรค’ มีพลังน่าเหลือเชื่อ และเป็นประโยชน์ยิ่งยวดต่อการฝึกปราณของขั้นไร้ขอบเขต

ที่บอกว่ามีเพียงพื้นที่แกนกลางเท่านั้นจึงจะช่วงชิงบัวชะตามหามรรคได้ สาเหตุก็เพราะในพื้นที่แกนกลางสามารถสัมผัสและหลอมพลังชะตามหามรรคได้ ยามบัวชะตามหามรรคปรากฏ เพียงอาศัยพลังชะตามหามรรคที่หลอมไว้ก็สามารถเข้าสู่ทะเลโชคชะตาได้โดยตรง!

ตรงกันข้าม หากไม่ได้หลอมพลังชะตามหามรรคในปริมาณมากพอ เมื่อเฉียดใกล้ทะเลโชคชะตาก็จะถูกน้ำทะเลไพศาลนั่นกลบท่วม พบจุดจบที่ร่างแหลกมรรคสลาย

ที่ควรให้เอ่ยถึงคือ แม้จะอยู่ในพื้นที่แกนกลาง จำนวนพลังชะตามหามรรคดูคล้ายมากยิ่ง โปรยปรายราวเม็ดฝนคลุมเครือ แต่สำหรับผู้ฝึกปราณทุกคนแล้วกลับมีจำกัดสุดขีด

สาเหตุก็เพราะผู้ฝึกปราณหนึ่งคน หากหมายจะเข้าทะเลโชคชะตาโดยไม่ได้รับผลกระทบ อย่างน้อยต้องหลอมพลังชะตามหามรรคมากถึงหนึ่งแสนชั่ง!

พลังชะตามหามรรคหนึ่งแสนชั่งนี้จะหลอมรวมเป็น ‘มุกชะตา’ หนึ่งเม็ด พลังที่แผ่ออกมาจากมุกนี้สามารถต้านทานพลังของทะเลโชคชะตา ทำให้ผู้ฝึกปราณเข้าไปช่วงชิงบัวชะตามหามรรคในนั้นได้

หลินสวินหยุดชะงักเพียงครู่เดียวเท่านั้น เงาร่างก็พุ่งเข้าสู่อาณาเขตพื้นที่แกนกลางตรงๆ ทะยานไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

ภูเขาเทพใบบัวตั้งอยู่ทิศนี้เช่นกัน

จากที่หญิงกระโปรงดำว่ามา กำลังพลของขุมอำนาจใหญ่อย่างพวกลัทธิพ่อมด ลัทธิฌานควบคุมและยึดครองพื้นที่แกนกลางนานแล้ว ใครก็ตามบุกเข้าไปในนั้นล้วนจะถูกมองเป็นศัตรูและฆ่าทิ้งสถานเดียว

ช่วงหลายปีมานี้มีคนบุกเข้าไปในนั้นไม่ขาด แต่ล้วนถูกสังหารอย่างไม่มีข้อยกเว้น

เป็นเหตุให้จนบัดนี้ระดับนิรันดร์อย่างพวกหญิงกระโปรงดำได้แต่เดินเตร่อยู่ในพื้นที่รอบนอก

และหลินสวินก็เข้าใจแล้วว่าผู้แข็งแกร่งที่บุกเข้าพื้นที่แกนกลางและถูกฆ่าตายเหล่านั้น จะเปิดเผยร่องรอยยามหลอมพลังชะตามหามรรคแทบทั้งสิ้น

สาเหตุก็คาดเดาได้ง่ายยิ่ง ในฟ้าดินของพื้นที่แกนกลางมีพลังชะตามหามรรคจำกัด สามารถถูกคนมากมายตรวจจับได้

เมื่อสังเกตเห็นว่าพลังชะตามหามรรคในบางพื้นที่น้อยลงกะทันหัน ย่อมหมายความว่ามีคนอยู่ในบริเวณนั้น

นี่เป็นปัญหาตึงมืออย่างหนึ่งจริงๆ

หมายจะชิงบัวชะตามหามรรค ก็ต้องหลอมพลังชะตามหามรรค

แต่หากหลอมพลังชะตามหามรรค จะถูกขุมอำนาจใหญ่เหล่านั้นเจอตัวทันที

นี่ก็เหมือนเงื่อนตายอย่างหนึ่ง

และเป็นเพราะเหตุนี้ ต่อให้พื้นที่แกนกลางกว้างใหญ่สุดขีด สามารถแฝงตัวเข้ามาในนี้ได้ทุกเมื่อ แต่ช่วงหลายปีนี้กลับแทบไม่มีใครยินดีเข้ามา

นี่ก็เป็นปัญหาตึงมือสำหรับหลินสวินเช่นกัน

ยังดีที่จุดประสงค์ที่เขามุ่งหน้ามาครั้งนี้ไม่ใช่หลอมพลังชะตามหามรรค หากแต่เป็นการไปภูเขาเทพใบบัว ยังไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้เป็นการชั่วคราว

ฟุ่บ!

เงาร่างของเขาพริบไหว เหินทะลวงห้วงอากาศ สัมผัสถึงพลังชะตามหามรรคที่โปรยปรายเป็นสายๆ จากทะเลโชคชะตาตลอดทาง ใจก็อดหวั่นไหวไม่หยุดเช่นกัน

พลังนั้นวิเศษอัศจรรย์เกินไป แฝงนัยเร้นลับที่เกี่ยวข้องกับกฎระเบียบโชคชะตาเป็นสายๆ ใครบ้างจะไม่หวั่นไหว

นี่ทำให้หลินสวินคิดถึงซย่าจื้อขึ้นมา

ซย่าจื้อครอบครองพลังแห่งโชคชะตา หากให้นางฝึกปราณที่นี่ จะทำให้เกิดเรื่องน่าเหลือเชื่อแบบไหนขึ้นกัน

หลินสวินส่ายหน้าน้อยๆ สลัดความคิดฟุ้งซ่านแล้วเดินทางต่อ

ตลอดทางนี้มองเห็นภูผาธารากว้างใหญ่ทอดสลับสูงต่ำ พลังชะตามหามรรคประดุจเม็ดฝนโปรยปรายพร่างพรมกลางห้วงอากาศ ทั้งเหมือนพยับหมอกขาวเวิ้งว้างอบอวลอยู่กลางฟ้าดินอันไพศาล

ต่างจากพื้นที่รอบนอก หลังจากเข้าพื้นที่แกนกลางหลินสวินถึงกับไม่เจอเงาร่างสักสายตลอดทาง

ทว่าหลินสวินยังสังเกตเห็นตลอดว่าพลังชะตามหามรรคที่กระจายทั่วฟ้าดินเหมือนถูกมือใหญ่ไร้รูปดูดไป หลั่งไหลไปยังทิศทางต่างๆ

เห็นชัดว่ามีคนกำลังดูดซับและหลอมพลังชะตามหามรรค

และจากการสังเกตการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ก็ทำให้หลินสวินระบุได้ชัดเจนว่าที่ไหนมีคนกำลังหลอมพลังอยู่ จึงหลีกเลี่ยงไปไกลๆ ก่อนหนึ่งก้าว

ฉะนั้นตลอดทางนี้จึงไร้คลื่นลม ไร้ภัยปราศจากอันตรายเช่นกัน

สองชั่วยามเต็มให้หลัง

หลินสวินหยุดเท้า

กลางฟ้าดินไกลๆ พลังชะตามหามรรคขาวเวิ้งว้างไหลไปทางเดียวกันเสมือนหมื่นธารคืนถิ่น

นั่นคือภูเขาเทพลูกหนึ่ง

ตัวภูเขานี้เจือสีม่วง เกรียงไกรสูงตระหง่าน ยอดเขาสูงชันในนั้นเหมือนใบบัวกลมมนใบแล้วใบเล่าค้ำยันฟ้าดิน

ภูเขาเทพใบบัว!

ส่วนลึกของนัยน์ตาหลินสวินทอประกายวาววับ

เพียงแต่ไม่นานเขาก็สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล

ยามพลังชะตามหามรรคขาวเวิ้งว้างกลางฟ้าดินนั่นหลั่งไหลไปทางภูเขาเทพใบบัวราวน้ำเชี่ยว กลับหยุดชะงักในพื้นที่ห่างจากภูเขาเทพใบบัวหมื่นจั้งและเลือนหายอย่างต่อเนื่อง

เห็นชัดว่าในพื้นที่แถบนั้นมีคนซุ่มอยู่ คอยสกัดกั้นพลังชะตามหามรรคที่หลั่งไหลเข้าหาภูเขาเทพใบบัวจากสี่ทิศแปดทางเอาไว้

เมื่อเป็นเช่นนี้ในพื้นที่รอบด้านของภูเขาเทพใบบัวจึงปรากฏพื้นที่ว่างเปล่าแถบหนึ่ง มีเพียงพลังชะตามหามรรคที่โปรยปรายลงมาจากเวิ้งฟ้าโดยตรงเท่านั้นที่ผู้ฝึกปราณบนภูเขาเทพใบบัวจะดูดซับได้

หลินสวินระบุได้ในทันที…

มีคนปิดกั้นอยู่นอกภูเขาเทพใบบัว และกำลังหลอมพลังชะตามหามรรคของฟ้าดินแถบนี้!

เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ฝึกปราณบนภูเขาเทพใบบัวย่อมทำได้เพียงดูดซับพลังชะตามหามรรคอันน้อยนิดจนน่าอนาถ

‘ช่างกำเริบเสิบสานจริงๆ…’

นัยน์ตาดำของหลินสวินไหววูบ

เขาไม่ต้องเดาสักนิดก็รู้ว่าพวกที่ขวางอยู่พื้นที่ใกล้เคียงภูเขาเทพใบบัวนั่น ย่อมต้องเป็นกำลังพลของลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน เผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลแน่นอน!

และการถูกคนขวางอยู่ตรงนั้นอย่างเปิดเผยเช่นนี้ แค่คิดก็รู้ว่ากำลังพลของลัทธิแรกกำเนิด ลัทธิวิญญาณ และคีรีดวงกมลในภูเขาเทพใบบัวจะอยู่ในสถานการณ์คับขันและอัดอั้นเพียงใด