novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • มังงะ
  • หวยออนไลน์
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
lalikabet168
lalikabet66 คาสิโนสด boston777 แทงบอลออนไลน์ เว็บแทงบอล บาคาร่า แทงงหวย เว็บพนัน สมัครบาคาร่าออนไลน์ Empire777 huayhit168 สมัคร ufabet แทงบอล แทงหวยออนไลน์ เว็บหวยออนไลน์ สล็อตเว็บตรง kodpung88 แทงบาคาร่า PGK44 nexobet แทงหวย24 เว็บคาสิโน คาสิโนออนไลน์ บาคาร่าออนไลน์ คาสิโน คาสิโนออนไลน์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3074 โอกาสครั้งที่สี่มาเยือน

  1. Home
  2. Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
  3. ตอนที่ 3074 โอกาสครั้งที่สี่มาเยือน
Prev
Next

ตอนที่ 3074 โอกาสครั้งที่สี่มาเยือน

ตอนนี้มีปัญหายุ่งยากอย่างหนึ่งขวางอยู่ตรงหน้าหลินสวิน

หากมุ่งหน้าไปภูเขาเทพใบบัวทั้งอย่างนี้ต้องถูกซุ่มโจมตีแน่ และเป็นไปได้สูงว่าฐานะอาจถูกเปิดเผย

หากเป็นเช่นนี้แม้ว่าสุดท้ายจะไปถึงภูเขาเทพใบบัวได้สำเร็จ แต่การปรากฏตัวของตนจะต้องเรียกกำลังเสริมของลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน และเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลมาด้วยแน่นอน

ควรรู้ว่าคนที่ขุมอำนาจใหญ่เหล่านี้อยากฆ่ามากที่สุดในตอนนี้ก็คือตน!

เมื่อเป็นเช่นนี้ การปรากฏตัวของตนก็จะสร้างหายนะให้กับคนของลัทธิแรกกำเนิด ลัทธิวิญญาณ และคีรีดวงกมลบนภูเขาเทพใบบัว

นี่คือสิ่งที่หลินสวินไม่อยากเห็น

แต่หากไม่ไปภูเขาเทพใบบัวก็ไม่สามารถรู้สถานการณ์ภายในของลัทธิแรกกำเนิด ลัทธิวิญญาณ และคีรีดวงกมลได้ นี่มีแต่จะทำให้หลินสวินยิ่งกังวลใจ

ทำอย่างไรดี

หัวคิ้วหลินสวินขมวดเข้าหากัน

‘ต่อให้ข้าไปภูเขาเทพใบบัวตอนนี้ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของพวกเขาได้ ตรงกันข้ามจะกลายเป็นเรียกภัยมาให้พวกเขาเพราะการปรากฏตัวของข้า…’

‘ว่ากันถึงที่สุด ยังเป็นเพราะพลังต่อสู้ที่ข้ามีในตอนนี้ไม่แข็งแกร่งพอ อย่างมากก็ทำได้แค่ต้านทานขั้นไร้ขอบเขตใหญ่คนหนึ่งเท่านั้น หากถูกเฒ่าชราจากขุมอำนาจใหญ่เหล่านั้นปิดล้อมต้องเป็นเรื่องร้ายมากกว่าดีแน่นอน…’

หลินสวินนิ่งเงียบอยู่นาน ก่อนสูดหายใจลึกคราหนึ่ง ใจเย็นลงโดยสมบูรณ์

‘และตอนนี้ห่างจากช่วงเวลาที่เคราะห์แห่งยุคสมัยจะมาเยือนอีกแปดร้อยกว่าปี หากไม่ถูกศัตรูพบร่องรอยย่อมมีเวลาให้มรรควิถีของข้าทะลวงขั้น การแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขตก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!’

หลินสวินตัดสินใจแล้ว

หากลงมือตอนนี้ดูจะไม่ค่อยฉลาดนัก เขาตัดสินใจกบดานสักระยะ ยกระดับมรรควิถีของตนสุดกำลังก่อนค่อยเคลื่อนไหวเมื่อสบโอกาส

ดังนั้นหลินสวินจึงเริ่มเคลื่อนไหวทันที

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง

กลางหุบเขาที่อยู่ห่างไกลจากภูเขาเทพใบบัวลูกหนึ่ง เงาร่างหลินสวินปรากฏตัวในนั้นอย่างไร้สุ้มเสียง

ด้วยระยะห่างนี้ หากเกิดศึกขึ้นทางฝั่งภูเขาเทพใบบัวหลินสวินสามารถรับรู้ได้ในทันที และเร่งเข้าไปได้ในไม่กี่อึดใจ

ตอนนี้หลินสวินยังไม่อาจแน่ใจว่าขุมอำนาจศัตรูเหล่านั้นจะยกขบวนมาบุกภูเขาเทพใบบัวอีกเมื่อไร แต่เขากลับไม่อาจไม่ป้องกันเหตุการณ์เช่นนี้

ดังนั้นเขาจึงเลือกปิดด่านในหุบเขาลูกนี้

“เปิด!”

เมื่อหลินสวินยื่นมือออกไป ผืนดินพลันแตกออกเป็นรอยแยกสายหนึ่งเงียบๆ ทันที

เงาร่างของเขาพุ่งเข้าไปกลางรอยแยกนั้น กระทั่งมาถึงใต้ดินพันจั้งจึงหยุดเท้า จากนั้นสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ถ้ำสถิตแห่งหนึ่งก็ถูกสร้างออกมาด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

หลินสวินเริ่มยุ่งง่วน ธงกระบวนมากมายถูกเขาวางเรียงทีละอัน กลายเป็นกระบวนผนึกไร้รูปเป็นชั้นๆ ปกคลุมรอบถ้ำสถิต

บนตัวหลินสวินไม่ขาดแคลนทรัพยากรที่จำเป็นต่อการวางกระบวน ปีนั้นลำพังแค่ตอนบุกกวาดล้างเผ่าเทพนิรันดร์ทุกตระกูลในน่านฟ้าที่เก้า ก็ถูกเขากอบโกยกระบวนผนึกโบราณที่วิเศษอัศจรรย์มาไม่รู้เท่าไรแล้ว

และตอนนี้กระบวนผนึกเหล่านี้ล้วนถูกเขานำมาใช้งาน วางกระบวนด้วยความสามารถด้านสลักลายมรรคของตน

หลินสวินรู้ดียิ่ง สำหรับขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ ไม่ว่าพลังผนึกใดล้วนเสมือนไร้กำลัง แต่หากเพิ่มพลังระเบียบระดับเทพเข้าไปในกระบวนผนึกก็ต่างออกไปโดยสิ้นเชิงแล้ว

และบนตัวเขาก็ไม่ขาดระเบียบระดับเทพเช่นเดียวกัน

ในแผนการของหลินสวิน ในเมื่อจะกบดานฝึกปราณสักระยะก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม และต้องป้องกันความเป็นไปได้ที่จะมีอันตรายเกิดขึ้นปุบปับเช่นกัน

ฉะนั้นยามวางกระบวนครั้งนี้เขาจึงลงแรงไปมากเช่นกัน ทุ่มเทกายใจทั้งหมด ดึงความสามารถสลักลายมรรคที่มีในตัวทั้งหมดออกมาใช้สุดความสามารถ

สิบวันให้หลังหลินสวินถึงวางพลังผนึกของถ้ำสถิตใต้ดินแห่งนี้เสร็จ

กระบวนผนึกนี้สร้างจากกระบวนผนึกเก่าแก่เก้าสิบเก้าชั้น กระบวนผนึกแต่ละชั้นล้วนสามารถต้านการโจมตีของขั้นสรรสร้างได้

นอกจากนี้ยังมีระเบียบระดับเทพสี่ชนิดร้อยเรียงในกระบวนผนึก

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่เพียงสามารถปกปิดการเคลื่อนไหวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในถ้ำสถิตได้ ต่อให้ถูกขั้นไร้ขอบเขตใหญ่พบเข้าก็อย่าคิดจะบุกเข้ามาในเวลาสั้นๆ

หลังจากวางกระบวนผนึกนี้สำเร็จ วัตถุดิบเทพนิรันดร์บนตัวหลินสวินล้วนหายไปเกือบหมด เหลืออยู่ไม่มาก

ทว่าหลินสวินไม่มัวสนใจสิ่งเหล่านี้

เขาตั้งชื่อให้ค่กระบวนผนึกนี้ว่า ‘ผนึกตัดเทพ’ หมายถึงตัดสะบั้นเหล่าเทพ!

ทำทั้งหมดนี้เสร็จ หลินสวินก็พุ่งตัวขึ้นพื้นดิน ปรากฏตัวกลางหุบเขา

เมื่อความคิดเขาขับเคลื่อน

ฟุ่บ!

กายมรรคไม้เขียวพุ่งออกจากหุบเขา ไม่นานก็ลับหายไป

หลินสวินใช้กายมรรคไม้เขียวไปสืบดูสถานการณ์ในพื้นที่แกนกลาง อย่างเช่นฐานที่มั่นของลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน และเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลเป็นต้น

ฟุ่บ!

จากนั้นกายมรรควารีดำก็พุ่งปราดออกไป เงาร่างไหวกะพริบ ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งในบริเวณใกล้เคียงหุบเขา

นับแต่นี้ไปกายมรรควารีดำจะคอยดูแลที่นี่ คอยระวังและสังเกตสถานการณ์ในพื้นที่โดยรอบ ทันทีที่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นก็จะจากไปทันทีเพื่อดึงดูดความสนใจของศัตรู

เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้ำสถิตใต้ดินพันจั้งยิ่งไม่มีทางถูกคนสังเกตเห็น

หลังจากนั้นสายตาหลินสวินมองไปยังไกลๆ อีกครา ที่นั่นเป็นสถานที่ตั้งภูเขาเทพใบบัว หลังจากนิ่งเงียบครู่หนึ่งถึงค่อยย้อนกลับถ้ำสถิตใต้ดินอีกครั้ง

“เริ่มกันเถอะ”

หลินสวินถอนหายใจคราหนึ่งแล้วนั่งขัดสมาธิ พลังขับเคลื่อนในตัวค่อยๆ โคจร

ฮูม…

และพร้อมกันนั้นลูกกลอนของหายากต่างๆ รวมถึงกฎเกณฑ์นิรันดร์ไหลทะลักออกมาราวกับกระแสน้ำเชี่ยว ถูกหลินสวินอ้าปากกลืนเข้าสู่ร่างกาย

หลายปีมานี้เขารวบรวมทรัพยากรฝึกปราณมานับไม่ถ้วน ล้วนเป็นสมบัติที่เพียงพอต่อการฝึกปราณระดับนิรันดร์

ต่อให้ถูกใช้ไปส่วนหนึ่งในการฝึกปราณช่วงหลายปีนี้ แต่ก็ยังไม่ถึงสี่ส่วนของทั้งหมด

นอกจากนี้ในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งของหลินสวินยังกำราบพลังจิตและร่างของระดับนิรันดร์ไว้มากมาย ล้วนสามารถใช้ห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์มาหลอมเป็นสมบัติต่างๆ ได้

สรุปแล้วหลินสวินในตอนนี้ไม่ขาดแคลนทรัพยากรฝึกปราณสักนิด

ตูม!

ในถ้ำสถิตเสียงดังกึกก้องราวเสียงพายุสายฟ้าคำราม แสงมรรคพวยพุ่งบนร่างหลินสวิน สาดประกายมงคลไพศาล ศักดิ์สิทธิ์พร่างพราว พลังลูกกลอนโอสถที่พลุ่งพล่านหาใดเปรียบซัดกระหน่ำทั่วร่างเขาราวหินหนืดปะทุ จากนั้นถูกหลอมเข้าสู่มรรควิถีในร่างทั้งหมด

ชั่วขณะหนึ่งภาพประหลาดมากมายไหลทะลักจากตัวหลินสวิน บ้างเป็นเหวใหญ่ปรากฏ กลืนกินทั่วหล้า บ้างเป็นเตาหลอมอึงอล กำราบอดีตปัจจุบันอนาคต…

ภาพเหล่านั้นล้วนเรียกได้ว่าตระการตายากพบเห็น สะท้านโลกชวนตระหนก การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นก็น่าสะพรึงสุดขีดเช่นกัน หากอยู่ภายนอกเกรงว่าฟ้าดินคงสั่นสะเทือน หมื่นชีวิตกู่ก้องนานแล้ว

แต่ในถ้ำสถิตแห่งนี้มีผนึกตัดเทพปกคลุม ทำให้การเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ไม่รั่วไหลออกไปแม้เพียงเสี้ยว

สามเดือนเต็มให้หลัง

พร้อมกับเสียงดังอึงอลประหนึ่งโลกแรกกำเนิดสายหนึ่ง บนตัวหลินสวินที่นั่งขัดสมาธิพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงน่าตกใจอย่างหนึ่ง พลังขับเคลื่อนรอบตัวล้วนพุ่งทะยานขึ้นช่วงใหญ่ในทันที!

ในวันนี้ หลินสวินก้าวสู่ขั้นสรรสร้างขั้นปลาย

แต่หลินสวินไม่หยุดเพียงเท่านี้

สำหรับเขา ความสงบสุขตอนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่ยากจะได้มายิ่ง จำเป็นต้องเร่งทำเวลาเลื่อนขั้นพลังในตัวโดยเร็ว

เวลาเคลื่อนคล้อย…

ครึ่งปีต่อมานับจากหลินสวินปิดด่าน กายมรรคไม้เขียวย้อนกลับมา

เมื่อเชื่อมจิตรับรู้ ร่างต้นของหลินสวินรู้ถึงการเคลื่อนไหวของกายมรรคไม้เขียวในพื้นที่แกนกลางช่วงครึ่งปีนี้ทันที

และรู้ว่าตำแหน่งที่ตั้งของลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน เผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูล รวมถึงอาณาเขตต่างๆ ทั่วทั้งพื้นที่แกนกลางล้วนถูกกายมรรคไม้เขียวตระเวนมาหมดแล้ว

ข้อมูลทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากยามหลินสวินเคลื่อนไหวในอนาคต

และในครึ่งปีนี้กายมรรควารีดำที่ซ่อนอยู่ใกล้ๆ หุบเขาไม่มีการเคลื่อนไหวมาโดยตลอด

นี่ย่อมเป็นข่าวดี

อย่างน้อยก็พิสูจน์ได้ว่าในครึ่งปีนี้ไม่มีเรื่องร้ายใดเกิดขึ้นทางฝั่งภูเขาเทพใบบัว

อันที่จริงสำหรับทั่วทั้งโลกวิญญาณยุทธ์ ในช่วงเวลาก่อนบัวชะตามหามรรคจะปรากฏ จะค่อนข้างสงบมาโดยตลอด

ต่อให้มีการเข่นฆ่าและต่อสู้เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ก็จะเกิดในพื้นที่รอบนอก

ส่วนในพื้นที่แกนกลางแห่งนี้ นอกจากภูเขาเทพใบบัว อาณาเขตอื่นถูกขุมอำนาจใหญ่อย่างลัทธิพ่อมด ลัทธิฌานควบคุมและยึดครองนานแล้ว

นอกเสียจากขุมอำนาจใหญ่เหล่านั้นจะยกขบวนบุกเข้าภูเขาเทพใบบัวอีก หาไม่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ก็แทบไม่เห็นการต่อสู้และเข่นฆ่าเกิดขึ้น

แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าหลินสวินมาถึงโลกวิญญาณยุทธ์แล้ว

ไม่เช่นนั้นเกรงว่าสภาพสงบสุขเช่นนี้คงถูกทำลายไปนานแล้ว

กระทั่งสิบเก้าปีให้หลัง

ตูม!

ในวันนี้ทะเลโชคชะตาที่พาดขวางอยู่กลางเวิ้งฟ้ามาโดยตลอดเกิดแรงสะเทือนรุนแรงขึ้นกะทันหัน น้ำทะเลขาวเวิ้งว้างซัดคลื่นโหม เสียงกึกก้องดุจสายฟ้า สะเทือนสิบทิศ

พริบตานี้ทุกคนทั่วพื้นที่ในโลกวิญญาณยุทธ์ล้วนแตกตื่น

“โอกาสครั้งที่สี่ใกล้ปรากฏในที่สุด!”

พื้นที่รอบนอก สายตามากมายล้วนหันมองทะเลโชคชะตาบนเวิ้งฟ้า สีหน้าเจือแววตื่นเต้น ทั้งมีความเศร้าหมองและจนปัญญา

ในอดีตทะเลโชคชะตาเคยเกิดการเคลื่อนไหวประหลาดทำนองเดียวกันนี้สามครั้ง แต่ละครั้งจะปรากฏบัวชะตามหามรรคหนึ่งดอก ทุกครั้งมักจะก่อให้เกิดการแย่งชิงอย่างบ้าคลั่งจากเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ของแต่ละยุคสมัย

ที่น่าเสียดายคือระดับนิรันดร์เหล่านี้ซึ่งอยู่พื้นที่รอบนอกไม่เคยหลอมมุกชะตามหามรรคออกมา ย่อมไม่มีโอกาสไปแย่งชิงสักนิด

“ครั้งนี้พวกเราต้องร่วมมือกัน หาไม่มีแต่จะถูกพวกเฒ่าชราจากยุคสมัยอื่นโจมตีแพ้พ่ายเหมือนสามครั้งก่อน”

พื้นที่แกนกลาง บนภูเขาเทพลูกหนึ่ง เหล่าผู้ยิ่งใหญ่จากลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน และเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลรวมตัวกันในทันที

ขั้นไร้ขอบเขตใหญ่อย่างพวกบรรพจารย์พ่อมดเหลยซ่ง อมิตาพุทธซินหูซึ่งเป็นผู้นำ นัยน์ตาล้วนทอประกายลุกโชน

คนที่พูดก่อนหน้านี้คือบรรพจารย์พ่อมดเหลยซ่ง

เขาสวมชุดหนังสัตว์ เงาร่างสูงใหญ่ มือกุมไม้เท้ากระดูกสีดำอันหนึ่ง รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าตัดสลับกันราวหุบห้วย ดูแก่ชราหาใดเปรียบ

แต่กลิ่นอายของเขากลับแข็งแกร่งจนทำให้บรรดาระดับนิรันดร์ที่อยู่ใกล้เคียงเหล่านั้นล้วนรู้สึกใจสะท้าน

“จากที่นัดหมายกันไว้ก่อนหน้านี้ หากครั้งนี้ชิงบัวชะตามหามรรคมาได้ จะให้ขั้นไร้ขอบเขตเล็กสามคนจากแต่ละฝั่งของพวกเราจากไปก่อน”

อมิตาพุทธซินหูกล่าวเสียงขรึม

เขาสวมจีวรทั้งตัว ทว่าหน้าตากลับราวเด็กหนุ่มเกลี้ยงเกลา มีเพียงนัยน์ตาที่เจือกลิ่นอายแห่งกาลเวลา

“ได้!”

เหล่าคนใหญ่คนโตอื่นๆ ในเผ่าเทพนิรันดร์ต่างพยักหน้าน้อยๆ

อย่างไรบัวชะตามหามรรคหนึ่งดอกสามารถพาคนไปแหล่งสถานอัศจรรย์ได้เพียงสามคนเท่านั้น นี่ทำให้ขุมอำนาจใหญ่อย่างพวกเขาจำเป็นต้องแบ่งสิทธิ์ให้เรียบร้อยก่อนจะไปช่วงชิงโอกาสครานี้

ซินหูกล่าวเสียงขรึม “ลัทธิแรกกำเนิดกับลัทธิวิญญาณไม่เป็นภัยคุกคามแล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาไม่กล้าทะเล่อทะล่าออกมาชิงบัวชะตามหามรรคเด็ดขาด”

“หรือกล่าวได้ว่า คู่ต่อสู้ของพวกเรายังคงเป็นพวกเฒ่าชราจากยุคสมัยอื่น ทุกคนจำไว้ เมื่อเกิดอันตรายถึงชีวิตต้องรีบแยกย้ายทันที อย่าได้ฝืนมุ่งหน้าต่อ”

เขาเว้นช่วงไปแล้วกวาดสายตามองทุกคนรอบตัว “แน่นอนว่าพวกเราก็ไม่อาจละเลยศัตรูจากลัทธิแรกกำเนิดและลัทธิวิญญาณได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกพวกเขาฉวยโอกาสซุ่มโจมตีขณะที่พวกเรามุ่งหน้าไปต่อสู้”

ทันทีที่ประโยคนี้เอ่ยออกมา นัยน์ตาทุกคนล้วนหดรัดลง