novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • มังงะ
  • หวยออนไลน์
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
lalikabet168
lalikabet66 คาสิโนสด boston777 แทงบอลออนไลน์ เว็บแทงบอล บาคาร่า แทงงหวย เว็บพนัน สมัครบาคาร่าออนไลน์ Empire777 huayhit168 สมัคร ufabet แทงบอล แทงหวยออนไลน์ เว็บหวยออนไลน์ สล็อตเว็บตรง kodpung88 แทงบาคาร่า PGK44 nexobet แทงหวย24 เว็บคาสิโน คาสิโนออนไลน์ บาคาร่าออนไลน์ คาสิโน คาสิโนออนไลน์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3118 กระบี่กำราบทั้งลาน

  1. Home
  2. Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
  3. ตอนที่ 3118 กระบี่กำราบทั้งลาน
Prev
Next

ตอนที่ 3118 กระบี่กำราบทั้งลาน

มีเพียงพวกสิงเจี้ยนสยาที่รู้ดีว่าหลินสวินหลุดพ้นการสับเปลี่ยนของยุคสมัยไปแล้ว เหยียบย่างบนยอดมรรคานานแล้ว ไม่ถูกเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพกีดกั้นอีกต่อไป!

ก็มีแต่พวกเขาที่รู้ว่าการมายังด่านนภาจตุลักษณ์คราวนี้เดิมก็เพื่อให้หลินสวินขัดเกลาตัวเอง เพื่อเตรียมแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขต

และตอนนี้หลินสวินทำสำเร็จแล้ว!

ตูม!

ในสนามรบ หลังทำลายการโจมตีร่วมกันของเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าได้แล้วหลินสวินก็ไม่ร่ำไรแต่อย่างใด เงาร่างปลดปล่อยอานุภาพไร้ขอบเขตโจมตีออกไป

ร่างของเขาเปล่งประกาย พลังกฎระเบียบวิวัฒน์เป็นปรากฏการณ์ประหลาดทั้งปวงเคลื่อนคล้อยอยู่รอบตัว ทุกลมหายใจ ทุกการเคลื่อนไหวล้วนมีอานุภาพเหนือใต้หล้า กวาดล้างจักรวาล

“ฆ่า!”

ชายที่ทั้งร่างถูกปกคลุมอยู่ใต้ชุดเกราะนิลเขียวคนหนึ่งตะคอกลั่น โบกทวนฟันออกมาอย่างเกรี้ยวกราด

สวบ!

ทวนเล่มนั้นเฉียบคมหาใดเทียบ คล้ายแสงคมแหวกท้องฟ้า ซัดพลังกฎระเบียบขึ้นนับไม่ถ้วน

หลินสวินยกมือขึ้นดีดนิ้ว

ปัง!

คมทวนแหลกกระจุยเหมือนกระดาษเปื่อย

ด้านหลินสวินมาถึงเบื้องหน้าชายชุดเกราะนิลเขียวผู้นั้นแล้ว ยื่นมือออกมาตบอย่างแผ่วเบาราบเรียบ

ปัง!

ชุดเกราะนิลเขียวแตกระเบิดออกก่อน จากนั้นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่เคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพมาสี่ครั้งผู้นี้ก็ถูกฝ่ามือนี้ตบตาย แหลกสลายเป็นฝุ่นผงในทันที

ระหว่างนี้สัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่ใกล้ๆ กันคนอื่นก็ลงมือโจมตีทันที แต่ถูกหลินสวินทำลายการโจมตีทั้งหมดของพวกเขาอย่างง่ายดาย

ตูม!

และเมื่อเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งโฉบออกมา ก็สังหารเงาร่างสูงใหญ่ที่หลบไม่ทันผู้หนึ่งตายคาที่ เสียงร้องโหยหวนนั้นดังไปทั่วลาน ทำให้ผู้คนขนลุกซู่

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

หลินสวินในตอนนี้ ต่อให้เผชิญหน้ากับเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าก็ยังเผยอานุภาพอหังการไร้ศัตรูต้าน!

เอาชนะขั้นไร้ขอบเขตใหญ่หนึ่งคนเป็นเรื่องง่าย แต่จะฆ่าให้ตายกลับยากกว่าขึ้นสวรรค์

ทว่าตอนนี้เพียงเวลาสั้นๆ ขั้นไร้ขอบเขตใหญ่จากฝั่งเจียงหมิงสุ่ยที่ตายด้วยน้ำมือเขาก็มีสี่คนแล้ว!

นี่เป็นการล้มตายที่ร้ายแรงหาใดเทียบแล้ว

หากเป็นเมื่อก่อน การต่อสู้ในโลกบัวชะตาทุกครั้งก็มีแต่ตอนชิงแท่นมรรคบัวชะตาเท่านั้นจึงจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น

บัดนี้เจียงหมิงสุ่ยถูกกระตุ้นจนตาแทบหลุดจากเบ้า

“ไป!”

เขาไม่กล้าลังเลอีก กัดฟันตะคอกลั่น ตัดสินใจถอยหนี

สถานการณ์ในตอนนี้ยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว ทำให้ความได้เปรียบที่พวกเขาเคยมีมลายไปสิ้น

ส่วนหลินสวินก็อานุภาพแก่กล้า

ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าเลือกต่อสู้ต่อไปย่อมเป็นวิธีที่โง่เขลาอย่างไม่ต้องสงสัย

หลินสวินมีหรือจะให้พวกเขาจากไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้

“ไป!”

ดวงตาดำเขาเย็นชา กลิ่นอายทั้งร่างปะทุออกมาจนหมดสิ้นในชั่วพริบตานี้

ครืน!

ก็เห็นปราณกระบี่แปดร้อยสี่สิบล้านสายโฉบออกมาจากเงาร่างสูงโปร่งนั้นของเขา มืดฟ้ามัวดิน ม้วนตลบสิบทิศราวกับมหาสมุทรกระบี่

มหาศาลดุจเม็ดทรายในสายธาร มากมายไร้สิ้นสุด!

และปราณกระบี่ทุกแสนสายจะควบรวมเป็นกระบวนค่ายกลกระบี่กระบวนหนึ่ง ประหนึ่งโลกกระบี่ใบแล้วใบเล่า ภายในบรรจุนัยเร้นลับไร้ขอบเขต

กระบวนค่ายกลกระบี่ทุกเจ็ดสิบสองกระบวนจะกลายเป็นกระบวนใหญ่ไร้เทียมทานกระบวนหนึ่งเคลื่อนกวาดอากาศลงมา

ชั่วขณะเดียวกลางฟ้าดินมีแต่ปราณกระบี่มหาศาลไม่มีสิ้นสุด!

กระบวนท่านี้ผสานนัยเร้นลับคัมภีร์กระบี่ไท่เสวียนและมหามรรคทั้งร่างของหลินสวินทั้งหมด

และชั่วพริบตานี้…

ทุกคนในที่นั้นร้องเสียงหลง ต่างหันมองกันอย่างตกตะลึง ฟ้าดินยังจมสู่บรรยากาศน่าสะพรึงกลัวและพังพินาศยิ่ง

ไม่ว่าจะเป็นผู้ชมการต่อสู้ พวกอิงเทียนเซิง พวกสิงเจี้ยนสยา หรือพวกจอมเทพหวงหลงกับซู่หวั่นจวินที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่

บัดนี้ยังตะลึงไปกับการโจมตีนี้อย่างลึกซึ้ง

ทุกที่ที่มองเห็น เจตกระบี่ไร้สิ้นสุด ไร้ขอบเขตไม่รู้สิ้น!

พรูด!

เลือดสาดกระเซ็นไปหมด ชั่วพริบตาก็ถูกเจตกระบี่ไพศาลนั้นกลบอีก

นั่นเป็นชายชราที่อยู่ใกล้ที่สุด เพิ่งหันกายหนีมาไม่ถึงพันจั้งก็ถูกเจตกระบี่ที่คล้ายกระแสโลกกำราบมาจากห้วงอากาศ จากนั้นพลันหายลับไปประหนึ่งฟองคลื่นแดงฉาน

พลังมหามรรคทั้งร่างชายชราผู้นั้นถึงกับไม่อาจต้านได้สักนิด!

กระทั่งเสียงร้องโหยหวนยังไม่ทันได้เปล่งออกมาด้วยซ้ำ!

จากนั้น…

เสียงปะทะสะท้านฟ้าดินดังสะเทือน เสียงร้องแหลม เสียงตวาดกราดเกรี้ยว เสียงสมบัติระเบิดกระจุย เสียงคำรามหดหู่ก่อนตาย… ต่างดังขึ้นเป็นระลอก

เพียงพริบตาเจตกระบี่กลบท่วมฟ้าดินนั้นก็หายลับไป

ก็ในชั่วพริบตานี้เองที่มีขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ห้าคนถูกสังหารคาที่ คนอื่นๆ ต่างบาดเจ็บ เลือดสดๆ ไหลกระจาย

แม้แต่คนแข็งแกร่งอย่างเจียงหมิงสุ่ยยังเงาร่างทุลักทุเล สีหน้าดุร้ายโกรธเกรี้ยว ดวงตาแทบหลุดออกจากเบ้า!

“รีบไป ไป!”

เขาคำรามลั่น

ความจริงแล้วไม่ต้องให้เขาเตือนสักนิด ภายใต้การกระตุ้นของความตาย พวกเฒ่าชราที่ยังรอดอยู่เหล่านั้นแต่ละคนต่างหลบหนีลนลานบ้าคลั่ง

พวกเขาทุกคนล้วนบีบไข่มุกชะตามหามรรคแหลก หนีออกจากโลกบัวชะตาทันทีโดยไม่กล้าลังเลสักนิด กลัวแต่จะถูกหลินสวินโจมตีเข้ามา

ชั่วพริบตาเท่านั้น เจียงหมิงสุ่ยกับเฒ่าชราคนอื่นๆ ต่างหายลับไปหมด

หลินสวินนิ่วหน้าเล็กน้อย

จากนั้นสายตาเขาก็มองไปที่พวกจอมเทพหวงหลงกับจู๋เทียนจวิน

สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านี้หน้าเปลี่ยนสีทันที ความหนาวเยือกผุดขึ้นในใจ จะยังกล้าอยู่ต่อได้อย่างไร ปลีกตัวถอยหนีออกไปไกลในทันที

“ตามไปไหม”

ซู่หวั่นจวินหันสายตามองหลินสวิน

หลินสวินส่ายหัว จากนั้นกุมมือเอ่ย “ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยเหลือ บุญคุณใหญ่เช่นนี้ ข้าคนแซ่หลินต้องทดแทนในสักวัน”

“ข้าไม่ได้ทำเพื่อช่วยคีรีดวงกมลสักหน่อย”

ขณะซู่หวั่นจวินพูด กระบี่โลหิตน้ำค้างในมือส่งเสียงดังชิ้ง กลายเป็นปักษาเทพสีทองเจิดจ้าตัวหนึ่งไปแล้ว

“ไปล่ะ”

นางกระโดดขึ้นไปนั่งบนปักษาเทพแล้วทะยานฟ้าจากไป พริบตาเดียวก็หายลับไปไร้ร่องรอย

กระทั่งยามจากไปยังดูปราดเปรียวสง่างามเช่นนั้น

หลินสวินอึ้งไปเล็กน้อย

ตอนเพิ่งเข้าโลกบัวชะตาซู่หวั่นจวินก็เคยปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน อยากได้วิธีหยั่งรู้กฎระเบียบโชคชะตาจากตัวซย่าจื้อ

แต่สุดท้ายนางกลับคล้ายแตะโดนเรื่องเจ็บปวดใจในระหว่างที่พูดคุยกัน จากไปด้วยความผิดหวัง

เดิมทีหลินสวินไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้

แต่ในวันนี้ซู่หวั่นจวินกลับปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน มาขัดขวางพวกจอมเทพหวงหลง จู๋เทียนจวินเอาไว้ นี่เป็นสิ่งที่ช่วยหลินสวินได้มากอย่างไม่ต้องสงสัย

ไม่ว่านางอยากทำเช่นนี้เพราะอะไร สำหรับหลินสวินแล้วก็เป็นบุญคุณใหญ่เท่าฟ้าไปแล้ว

แต่ซู่หวั่นจวินกลับหันหลังจากไปเช่นนี้อีกแล้ว…

หลินสวินส่ายหัว ไม่คิดอะไรอีก หันไปมองที่ไกลออกไป

ฟ้าดินเงียบสงัด

บริเวณใกล้เคียงด่านนภาจตุลักษณ์มีแต่ภาพทิวทัศน์ของการทำลายล้าง ห้วงอากาศยังคงเหลือกลิ่นคาวเลือดหนาวยะเยือกพาให้ใจสั่นระรัว

ผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่ไกลออกไปเหล่านั้นต่างยืนนิ่งเป็นรูปปั้น สีหน้าเจือความรู้สึกซับซ้อนยากบรรยาย ทั้งสั่นสะท้าน งุนงง และหวาดหวั่น

โดยเฉพาะยามสายตาหลินสวินมองมา เฒ่าชราที่อยู่มาไม่รู้กี่ปีพวกนั้นต่างใจสั่นระรัวไปครู่หนึ่ง ไม่กล้าสบตาเขา

และเมื่อสายตาของหลินสวินมองไปบนด่านนภาจตุลักษณ์ ก็พบว่าพวกอิงเทียนเซิงแต่ละคนสีหน้าอึมครึมดูไม่ได้เป็นที่สุด อย่างกับพ่อแม่ตายจาก

บนสีหน้าล้วนหลงเหลือความสั่นสะท้านและตื่นตะลึง

สำหรับพวกเขาแล้ว เหตุการณ์หล่านั้นก่อนหน้านี้ก็เหมือนฝันร้าย

เริ่มจากกจู่ๆ ชิงเฟยหงก็แพ้ยับเยิน พลังจิตแทบถูกระเบิด จากนั้นฉิวเฟิ่งฉือที่ถือโอกาสเคลื่อนไหวก็ถูกหลินสวินฆ่าตายคาที่ทันที

เรื่องนี้เดิมทีก็ทำให้พวกเขาไม่ทันตั้งตัว และเมื่อหลินสวินปล่อยอานุภาพครั้งใหญ่ ทำลายการล้อมจู่โจมจากพวกเจียงหมิงสุ่ย ช่วยพวกสิงเจี้ยนสยาจากภัยพิบัติ ยิ่งไปกว่านั้นในการต่อสู้จากนั้นยังสังหารขั้นไร้ขอบเขตใหญ่มากมายอย่างต่อเนื่องด้วยกำลังของเขาคนเดียว…

ทั้งหมดนี้ต่างทำให้พวกอิงเทียนเซิงถูกจู่โจมสั่นไหวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน!

กระทั่งตอนนี้คนไม่น้อยในกลุ่มพวกเขายังรู้สึกเหมือนกำลังฝันร้าย

ยามสายตาหลินสวินกวาดมอง ไม่ว่าจะเป็นอิงเทียนเซิงหรือคนอื่นๆ ต่างตัวแข็งทื่อขยับตัวไม่ถูกไปหมด

แต่ไม่นานนักหลินสวินก็เก็บสายตากลับมามองพวกสิงเจี้ยนสยา

ชั่วขณะหนึ่งสายตาเขาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมา กุมมือเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสทุกท่าน ก่อนหน้านี้ทำให้พวกท่านลำบากแล้ว”

ในใจพวกสิงเจี้ยนสยาตื่นเต้นหาใดเทียบมานานแล้ว เมื่อได้ยินดังนั้นก็ยิ้มขึ้นมา

“ดูเจ้าสิ จนป่านนี้แล้วยังเกรงใจพวกเราอยู่ได้”

สิงเจี้ยนสยาจนใจนัก

ทุกคนต่างหัวเราะออกมา

หลินสวินก็หัวเราะด้วย สายตาเขามองไปทางสวินเต้าเยี่ยนกับจอมเทพหลิงหลง “ก่อนหน้านี้ยังต้องขอบคุณผู้อาวุโสทั้งสอง ภายหน้าถ้ามีเรื่องที่ข้าช่วยเหลือได้ข้าก็จะไม่ปฏิเสธเป็นอันขาด”

สวินเต้าเยี่ยนที่เงาร่างสูงใหญ่ราวกับภูเขาหัวเราะเสียงทุ้มลึก “อาจารย์เจ้ามีบุญคุณกับพวกข้าสองคน ข้าจะนิ่งดูดายได้อย่างไร ในเมื่อจบเรื่องนี้แล้วพวกเราก็ควรจากไปแล้ว”

จอมเทพหลิงหลงที่อยู่อีกด้านพยักหน้า

หลินสวินเอ่ย “ถ้าทำได้ ข้าหวังว่าคราวหน้าจะได้สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้อาวุโสทั้งสองในโลกบัวชะตาแห่งนี้”

“คราวหน้าหรือ” สวินเต้าเยี่ยนอึ้งไป

“ไม่ผิด ครั้งนี้ข้าเพิ่งทะลวงขั้น ต้องฝึกปราณให้มั่นคงสักพัก ข้าคิดจะพาพวกผู้อาวุโสสิงเจี้ยนสยาออกจากโลกบัวชะตาด้วย”

หลินสวินพูดตามตรง

ผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่ไกลๆ เหล่านั้นกับพวกอิงเทียนเซิงต่างสีหน้าแปลกไป

เจ้าหมอนี่… กลับจะไปตอนนี้หรือ!?

นี่ไม่ใช่หมายความว่าแม้เขาแจ้งมรรคทะลวงขั้น แต่ตัวเขาเองกลับเกิดปัญหา ถึงขั้นไม่กล้าอยู่ในโลกบัวชะตาแห่งนี้ต่ออีกหรือ

คิดถึงตรงนี้พวกอิงเทียนเซิงสบตาครั้งหนึ่ง ต่างเกิดความคิดแตกต่างกันไป

ขณะเดียวกันพวกสวินเต้าเยี่ยน จอมเทพหลิงหลงกับสิงเจี้ยนสยาต่างหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย พวกเขาก็ตระหนักได้เช่นกันว่าออกจะชอบกล แต่ไม่ได้ถามต่ออีก

ทว่าหลินสวินกลับคล้ายไม่สนใจสักนิด ยิ้มเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสทุกท่านวางใจได้ มอบความกล้าเท่าฟ้าให้พวกเขาก็ย่อมไม่กล้าลงมือตอนนี้หรอก หาไม่แล้ว…”

ในดวงตาดำของเขาปรากฏแววเย็นชา “คนที่ตายย่อมเป็นพวกเขา”

คำพูดเดียวทำให้สีหน้าพวกอิงเทียนเซิงปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ ถูกหลินสวินข่มขู่อย่างเปิดเผยเช่นนี้ พวกเขาทั้งรู้สึกยากจะรับทั้งตกตะลึง

สวินเต้าเยี่ยนเอ่ย “สหายน้อย พวกเจ้าไปตอนนี้เลยเถอะ”

หลินสวินพูด “ผู้อาวุโสทั้งสอง พวกท่านล่วงเกินขุมอำนาจที่มีความแค้นกับคีรีดวงกมลของข้าเหล่านั้นไปแล้ว สู้ออกไปตอนนี้ด้วยจะดีกว่าหรือไม่”

สวินเต้าเยี่ยนกับจอมเทพหลิงหลงสบตากัน ในใจต่างซาบซึ้งไม่หยุด

พวกเขาคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะคิดรอบคอบเช่นนี้ จนป่านนี้แล้วยังคำนึงถึงสถานการณ์ของพวกเขาด้วย

“พวกเราทำตามที่สหายน้อยหลินว่ามาก็ได้”

จอมเทพหลิงหลงเอ่ยเสียงเบา

สวินเต้าเยี่ยนก็พยักหน้า

หลินสวินยิ้มขึ้นทันใด พูดว่า “เช่นนั้นพวกเราก็นัดหมายกันว่าคราวหน้าจะมาพบกันในโลกบัวชะตาแห่งนี้อีกครั้ง”

“ได้”

ทั้งสองต่างรับปาก

พวกเขาสนแต่พูดคุยกัน ไม่หลบเลี่ยงผู้ชมการต่อสู้เหล่านั้นกับพวกอิงเทียนเซิงที่อยู่ไกลๆ สักนิด ดูสุขุมเยือกเย็นนัก

แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้ผู้คนใจสั่นระรัว ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวโดยพลการ

“คราวหน้ายามข้าคนแซ่หลินมาอีกครั้ง หวังว่าจะยังได้พบพวกเจ้า”

หลินสวินเงยหน้าเล็กน้อยมองพวกอิงเทียนเซิงที่อยู่บนด่านนภาจตุลักษณ์ไกลออกไป เสียงเรียบเฉย แต่ความหมายในคำพูดกลับทำให้สั่นสะท้านทั้งที่ไม่หนาว

พวกอิงเทียนเซิงต่างรู้สึกหนักอึ้งในใจทันที