novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • มังงะ
  • หวยออนไลน์
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
lalikabet168
lalikabet66 คาสิโนสด boston777 แทงบอลออนไลน์ เว็บแทงบอล บาคาร่า แทงงหวย เว็บพนัน สมัครบาคาร่าออนไลน์ Empire777 huayhit168 สมัคร ufabet แทงบอล แทงหวยออนไลน์ เว็บหวยออนไลน์ สล็อตเว็บตรง kodpung88 แทงบาคาร่า PGK44 nexobet แทงหวย24 เว็บคาสิโน คาสิโนออนไลน์ บาคาร่าออนไลน์ คาสิโน คาสิโนออนไลน์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3151 เก้าภาคีไท่ชู

  1. Home
  2. Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
  3. ตอนที่ 3151 เก้าภาคีไท่ชู
Prev
Next

ตอนที่ 3151 เก้าภาคีไท่ชู

บัณฑิตวัยกลางคนสีหน้าแปรผันไม่ว่างเว้น

พักใหญ่เขาถึงได้สติจากแรงกระทบกระเทือนของภาพความตายเหล่านั้น

เมื่อมองหลินสวินกับซย่าจื้ออีกครั้ง ในสายตาของเขาก็เจือแววเกรงกลัวอย่างไม่อาจข่มได้แล้ว

หลินสวินยิ้มพลางเอ่ยปาก “ก่อนหน้านี้เจ้าพูดไว้แล้วว่าขอเพียงข้ารอดชีวิต เจ้าก็จะบอกคำตอบข้า”

บัณฑิตวัยกลางคนถอนใจยาวๆ เฮือกหนึ่ง เอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้เป็นเพราะพวกเราไม่ประมาณพลังตัวเอง… พวกเราล้วนอยู่ใต้อาณัติของจอมมรรคชะตาสวรรค์ภาคีหรดี สาเหตุที่รออยู่ที่นี่ ก็เพราะรับคำสั่งมา…”

ไม่นานนักหลินสวินก็เข้าใจที่มาที่ไปของเรื่องราวต่างๆ จากคำพูดของบัณฑิตวัยกลางคน

ในแหล่งสถานอัศจรรย์ ราชันไท่ชูรวมถึงผู้แข็งแกร่งเก้าภาคีที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาเรียกได้ว่าเป็นขุมอำนาจอันดับหนึ่งอย่างเต็มภาคภูมิ

‘เก้าภาคี’ ที่ว่าก็คือภาคีพายัพ ภาคีหรดี ภาคีทักษิณ ภาคีบูรพา ภาคีอีสาน ภาคีอุดร ภาคีประจิม ภาคีอาคเนย์และภาคีกลาง

เก้าภาคีต่างมีจอมมรรคภาคีละหนึ่งคน ล้วนเป็นยอดบุคคลที่เรียกได้ว่าล้ำเลิศ

ส่วนผู้แข็งแกร่งในแต่ละภาคีจะถูกเรียกว่าทูตชะตาสวรรค์

จอมมรรคเก้าภาคีกับทูตชะตาสวรรค์ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาต่างรับคำสั่งจากราชันไท่ชู

ทว่าหลังจากราชันไท่ชูถูกขังในแดนเทพมากเร้นเมื่อนานมาแล้ว ผู้แข็งแกร่งเก้าภาคีที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาต่างก็รับคำสั่งจากหญิงที่เรียกตัวเองว่า ‘อีกาดำ’

อีกาดำเป็นผู้ติดตามอันดับหนึ่งใต้บัญชาไท่ชู เป็นคนที่ราชันไท่ชูไว้วางใจที่สุด มรรควิถีของนางก็ล้ำลึกสุดหยั่ง

ว่ากันว่าอีกาดำแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์เมื่อนานมาแล้ว ในทั้งแหล่งสถานอัศจรรย์ยังเป็นบุคคลน่ากลัวที่ทำให้ยอดบุคคลคนใดก็ตามยำเกรงได้คนหนึ่ง

ช่วงก่อนหน้านี้พวกบัณฑิตวัยกลางคนได้รับคำสั่งจากจอมมรรคชะตาสวรรค์ภาคีหรดี ‘ชิงหยางจื่อ’ ให้พวกเขาทูตชะตาสวรรค์แห่งภาคีหรดีที่กระจายอยู่ตามโลกแปรปุถุชนเหล่านี้ออกเคลื่อนไหวกัน อารักขาหน้าปราณมรรคฟ้าดินในสี่สิบเก้าอาณาจักร

เป้าหมายก็เพื่อจัดการหลินสวิน!

เมื่อฟังถึงตรงนี้ หลินสวินจึงรู้ว่าที่แท้คนที่ลงมือกับตนก็คือ ‘ราชันไท่ชู’ ที่ถูกเรียกว่าเป็นผู้บงการหลังม่านของเคราะห์แห่งยุคสมัยผู้นั้น!

หลินสวินเอ่ยถาม “ในโลกแปรปุถุชนแห่งนี้มีทูตชะตาสวรรค์อย่างเจ้าทั้งหมดกี่คน”

“ในบรรดาเก้าภาคีมีแต่จอมมรรคชะตาสวรรค์ภาคีหรดีที่รับผิดชอบเรื่องในโลกแปรปุถุชน และในโลกแปรปุถุชนแห่งนี้ ทูตชะตาสวรรค์ที่รับใช้ภาคีหรดีอยู่จริงๆ น่าจะมีแปดร้อยคน”

บัณฑิตวัยกลางคนพูดถึงตรงนี้ก็เผยสีหน้าขมขื่น “ความจริงทูตชะตาสวรรค์จากโลกแปรปุถุชนอย่างพวกเราดูเหมือนมีจำนวนมาก แต่อันที่จริงกลับเป็นกลุ่มคนที่อยู่ชายขอบที่สุดในเก้าภาคีไท่ชู”

หลินสวินเอ่ยอย่างสนอกสนใจ “นี่หมายความว่าอย่างไร”

“ง่ายมาก ตั้งแต่อดีตถึงถึงปัจจุบัน พวกที่ข้ามทะเลโชคชะตามาถึงโลกแปรปุถุชนแห่งนี้ทุกคน ส่วนมากได้รับคำเชิญจากจอมมรรคชะตาสวรรค์ภาคีหรดี สัญญากับทุกคนว่าถ้าอยู่ในกลุ่มเดียวกันก็จะได้รับความคุ้มครองจากราชันไท่ชู ทั้งยังได้รับความช่วยเหลือจากกำลังพลทั้งหมดที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของราชันไท่ชูอีกด้วย”

บัณฑิตวัยกลางคนเอ่ย “แต่คิดว่าสหายยุทธ์ก็ย่อมรู้ดีว่าแหล่งสถานอัศจรรย์แห่งนี้อันตรายยากหยั่งถึง ที่พวกเรามาที่นี่ อย่างแรกก็เพื่อหลบภัยคุกคามของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ อย่างที่สองก็เพื่อเสาะหาผลมรรคแรกกำเนิด แต่หากเคลื่อนไหวตามลำพัง คนน้อยย่อมไร้กำลัง เป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน”

หลินสวินเอ่ย “ดังนั้นสหายร่วมวิถีที่เข้ามาโลกแปรปุถุชนเหล่านี้จึงเลือกเข้าร่วมกับกลุ่มของราชันไท่ชูหรือ”

“ไม่ผิด”

บัณฑิตวัยกลางคนเอ่ย “แต่เพราะการต่อสู้มหามรรคนี้ สิ่งที่ทดสอบก็คือความสูงต่ำของมรรควิถีที่คนผู้หนึ่งมี ทูตชะตาสวรรค์ที่สังกัดภาคีหรดีอย่างพวกเรา ส่วนมากแทบไม่มีโอกาสเข้าประตูสวรรค์และออกจากโลกแปรปุถุชนแห่งนี้ได้ จึงกลายเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับความสำคัญที่สุดในเก้าภาคีไท่ชู”

หลินสวินถึงได้เข้าใจยามนี้

แดนเทพสรรพวิญญาณมีโลกเก้าชั้น หนึ่งโลกหนึ่งประตู หนึ่งประตูหนึ่งนัยเร้นลับ

โลกแปรปุถุชนก็คือโลกชั้นแรกของแดนเทพสรรพวิญญาณ หากเข้าประตูสวรรค์ไม่ได้ ก็หมายความว่าจะติดอยู่ที่โลกแปรปุถุชนแห่งนี้ไปตลอดเท่านั้น

ขนาดโลกชั้นแรกยังผ่านไปไม่ได้ เห็นชัดว่าภาคีหรดีอย่างพวกบัณฑิตวัยกลางคนเหล่านี้ไม่มีทางได้รับความสำคัญมากมายนัก

และนี่ก็หมายความว่าทูตชะตาสวรรค์ภาคีหรดีอย่างบัณฑิตวัยกลางคน ดูคล้ายมีกำลังคนมาก แต่ความจริงแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับทรายที่อยู่กระจัดกระจายกันกระบะหนึ่ง

หลินสวินเอ่ย “เกาะกลุ่มกันเป็นเรื่องดี แต่เลือกผิดฝั่งกลับจะทำร้ายตัวเอง”

บัณฑิตวัยกลางคนสีหน้าอึมครึม เอ่ยว่า “พวกเราฝึกปราณถึงตอนนี้ ผ่านกาลเวลาเนิ่นนาน ขัดเกลาจากการเห็นความเป็นความตายจนเจนตา ในที่สุดก็มาถึงแหล่งสถานอัศจรรย์แห่งนี้อย่างยากเย็น ใครจะคิดว่าที่นี่กลับไม่ใช่แดนพิสุทธิ์ ถ้าจะโทษก็โทษได้แค่พวกเรามรรควิถีด้อยเกินไป ถ้าไม่เกาะกลุ่มกันเกรงว่าจะไม่มีทางยืนหยัดในโลกนี้ได้”

ในน้ำเสียงมีแต่ความอ้างว้างและผิดหวัง

หากไม่มาแหล่งสถานอัศจรรย์ ก็จะถูกเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพคุกคาม กินไม่ได้นอนไม่หลับ

แต่พอมาแหล่งสถานอัศจรรย์ กลับมีอันตรายรอบด้านเช่นกัน

ถ้าได้รู้ทุกอย่างแต่แรก ยอดบุคคลที่กระจายตัวอยู่ในโลกแปรปุถุชนมากมายนี้อาจจะไม่วาดหวังการมายังแหล่งสถานอัศจรรย์แห่งนี้แล้ว

“เจ้าไปเถอะ”

หลินสวินโบกมือ

บัณฑิตวัยกลางคนอึ้งไป เดิมเขาเตรียมตัวตายแล้ว จะคิดได้อย่างว่าหลินสวินจะถึงกับปล่อยเขาไป

ครู่หนึ่งเขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กุมมือเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”

จากนั้นจึงหันหลังจากไป

แต่ในใจเขายังงุนงงไม่ว่างเว้น ในช่วงหลายร้อยปีนี้เขาเคยได้ยินเรื่องของหลินสวินมากมาย ในเรื่องเหล่านั้นต่างบรรยายหลินสวินว่าโหดเหี้ยมร้ายกาจ กระหายการฆ่าฟัน

เดิมนึกว่านี่เป็นคนไร้ปรานีประหนึ่งมารร้ายคนหนึ่ง แต่ตอนนี้… เขากลับเอาชีวิตรอดมาได้!

“ทำไมไม่ฆ่า”

ซย่าจื้อยังประหลาดใจอยู่บ้าง

“แค่คนน่าสงสารคนหนึ่งเท่านั้น จะฆ่าไปทำไม”

หลินสวินเอ่ยเบาๆ

พูดกันตามตรงพวกบัณฑิตวัยกลางคนยังไม่ถึงกับเป็นคู่แค้น อย่างมากสุดก็เป็นหมากที่ไม่ได้รับความสำคัญในมือราชันไท่ชู

ที่ปล่อยบัณฑิตวัยกลางคนไปคราวนี้ไม่ใช่เพราะหลินสวินใจอ่อน แต่เป็นเพราะต้องการอาศัยปากของบัณฑิตวัยกลางคนนี้ป่าวประกาศเรื่องในวันนี้ออกไป

เช่นนี้แล้วถ้าพวกภาคีหรดีที่กระจายตัวอยู่ในโลกแปรปุถุชนนี้ยังหมายมาจัดการตน ก็ต้องไตร่ตรองผลลัพธ์ดูให้ดี

แต่ในความคิดของหลินสวิน พวกที่ไม่ได้รับความสำคัญเหล่านี้ก็เหมือนทรายกระบะหนึ่ง หลังจากรู้ข่าวนี้เกรงว่าส่วนมากคงไม่มีทางทุ่มเทให้ราชันไท่ชูอย่างเมื่อก่อนอีกแล้ว

และนี่จึงจะเป็นสิ่งที่หลินสวินอยากเห็น

“แปลก ก่อนหน้านี้พวกเราฆ่าคู่ต่อสู้ไปมากมายขนาดนั้น ก็ถือว่าผ่านการต่อสู้มหามรรคครั้งหนึ่ง แต่ทำไมตำราหยกวิชามรรคนี้ถึงไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไร”

ซย่าจื้อนิ่วหน้าเอ่ย ความสนใจของนางเบนไปที่ตำราหยกวิชามรรคของตัวเองแล้ว

หลินสวินอึ้งไป ดูตำราของตัวเองก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเช่นกัน เอ่ยพึมพำอย่างห้ามไม่ได้ว่า “ดูท่าการต่อสู้มหามรรคนี้จะมีความละเอียดอ่อนมาก คู่ต่อสู้ที่อ่อนแอเกินไปไม่มีประโยชน์อะไรสักนิด”

คิดจะผ่าน ‘ประตูสวรรค์’ ของโลกชั้นแรก ก็ต้องมีผลมรรคแรกกำเนิด และหากอยากได้ผลมรรคแรกกำเนิด ก็ต้องทำให้วิชามรรคของตนเข้าไปอยู่ในระเบียบมรรควัฏจักร

ว่ากันถึงที่สุดแล้ว ก้าวแรกก็ต้องต่อสู้มหามรรค มีแต่ทำเช่นนี้จึงจะทำให้วิชามรรคของตนไปอยู่ในระเบียบมรรควัฏจักรได้

และสิ่งที่แสดงอยู่ในตำราหยกวิชามรรค เป็นเพียงผู้ฝึกปราณที่กระจายอยู่ตามโลกแปรปุถุชนหลักหมื่นคน ถ้าแค่การต่อสู้มหามรรคทั่วไปก็สามารถนำวิชามรรคของตนเข้าไปใน ‘กฎระเบียบวัฏจักร’ ได้ เกรงว่าพวกบัณฑิตวัยกลางคนก็คงไม่ถึงกับถูกขังอยู่จนถึงตอนนี้

พูดกันถึงแก่นแล้ว การต่อสู้มหามรรคก็คือต้องทำให้มรรควิถีของตนแข็งแกร่งมากพอ มิหนำซ้ำคู่ต่อสู้ก็ต้องแข็งแกร่งพอด้วยถึงจะทำได้

ยังดีที่การต่อสู้มหามรรคมีสองวิธี

วิธีหนึ่งคือต่อสู้กับผู้อื่น

ส่วนอีกวิธีคือต่อสู้กับรูปจำลองวิชามรรคของผู้ที่เข้าประตูสวรรค์ไปก่อนแล้ว และเหลือวิชามรรคไว้ในกฎระเบียบวัฏจักรเหล่านั้น

นี่ก็หมายความว่าต่อให้บนโลกนี้ไม่มีศัตรู ก็ไปประลองกับรูปจำลองวิชามรรคได้

อย่างไรก็ยังมีโอกาสอยู่ดี

และในเมืองหลวงอาณาจักรสมโภชแห่งนี้ก็มีรูปจำลองวิชามรรคกระจายอยู่สามชนิด

ได้แก่ลัญจกรหยกที่ตั้งอยู่ในส่วนลึกของวังหลวงชิ้นหนึ่ง เตาทองแดงที่ตั้งอยู่หน้าอารามมรรค รวมถึงต้นไม้เก่าแก่ที่หยั่งรากหน้าประตูตะวันออกของวัง

“ไป พวกเราไปดู ‘ลัญจกร’ ชิ้นนั้นในวังหลวงอาณาจักรสมโภชแห่งนี้หน่อย”

หลินสวินคิดแล้วตัดสินใจ พลันเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศทะยานเข้าไปในส่วนลึกของวังหลวงพร้อมกับซย่าจื้อ

สำหรับคนทั่วไปแล้ว วังหลวงเป็นเขตหวงห้ามสูงสุด โอรสสวรรค์บัญชาการอยู่ในนั้น ปกครองใต้หล้า ควบคุมทุกพื้นที่ ราชสิทธิ์ก็ประหนึ่งสวรรค์

แต่ในสายตาหลินสวินไม่มีค่าให้มองสักนิด

จักรพรรดิแล้วอย่างไร สุดท้ายก็หนีไม่พ้นทุกข์แห่งเกิดแก่เจ็บตายอยู่ดี!

ณ ตำหนักทองอร่ามแวววาวในส่วนลึกของวังหลวง หลินสวินเห็นลัญจกรที่แปลงจากรูปจำลองวิชามรรคนั้นแล้ว

ลัญจกรนี้มีทรงเหลี่ยม ขนาดเท่ากำปั้น วางอยู่บนโต๊ะตัวหนึ่ง มีสีม่วงทั้งชิ้น บนนั้นสลักภาพภูผาธารา สุริยันจันทราและหมู่ดาวไว้ กลิ่นอายหนักแน่นไพศาล มีเจตจำนงอันเกรียงไกรไร้ขอบเขต

หลินสวินมองปราดเดียวก็ระบุได้ว่ากลิ่นอายบนลัญจกรนี้มีต้นกำเนิดเดียวกันกับพลังกฎระเบียบวัฏจักรสายเดียวที่ปกคลุมอยู่ทั่วราชวังนั้น!

‘ดูท่ารูปจำลองวิชามรรคนี้จะเป็นสิ่งที่ยอดบุคคลผู้หนึ่งทิ้งไว้’

หลินสวินครุ่นคิด

ซย่าจื้อที่อยู่อีกด้านหนึ่งพลันเอ่ยขึ้น “หลินสวิน ข้าสังหรณ์ว่าถ้าพิชิตลัญจกรนี้ได้ ก็จะนำวิชามรรคของตัวเองไปอยู่ในกฎระเบียบวัฏจักร ชักนำผลมรรคแรกกำเนิด แล้วผ่านประตูสวรรค์ได้”

หลินสวินอึ้งไปก่อน แล้วพลันรีบพูดว่า “อย่าเพิ่งลงมือ”

“ทำไม”

ซย่าจื้อสงสัย

“ถ้าเจ้าจากไปปุบปับแบบนี้แล้วข้าจะทำอย่างไร”

หลินสวินพูดอย่างไม่พอใจ ยายนี่ไม่รู้จักคิดเกินไปแล้ว

ซย่าจื้อร้องอ้อคำหนึ่ง เข้าใจแล้ว แต่ไม่นานก็นิ่วหน้าเอ่ยว่า “แต่พวกเราควรทำอย่างไรถึงออกไปด้วยกันได้”

“เกรงว่าจะออกไปด้วยกันไม่ได้ แต่ก่อนออกไปพวกเราหารือเรื่องการเคลื่อนไหวไว้ก่อนได้”

หลินสวินพูดเสียงขรึม

เมื่อออกจากโลกแปรปุถุชนก็จะเข้าสู่โลกชั้นที่สองของแดนเทพสรรพวิญญาณแห่งนี้ ‘โลกภัยพิบัติ’

แต่ตอนนี้พวกเขายังไม่รู้สถานการณ์ของโลกภัยพิบัติสักนิด ย่อมต้องทำความเข้าใจและเตรียมพร้อมล่วงหน้าให้ดี

“เช่นนั้นต่อไปพวกเราจะทำอย่างไร”

ซย่าจื้อพูด

“สืบข่าวก่อน”

หลินสวินครุ่นคิดแล้วเอ่ย “ในเมื่อทูตชะตาสวรรค์ภาคีหรดีพวกนั้นสามารถรับคำสั่งที่มาจาก ‘ชิงหยางจื่อ’ ได้ เท่ากับว่าข่าวที่เกี่ยวข้องกับโลกอื่นก็น่าจะกระจายมาถึงโลกแปรปุถุชนนี้เช่นกัน”

“ตอนนี้ข่าวที่ว่าข้าปรากฏตัวในโลกแปรปุถุชนคงกระจายไปแล้ว เชื่อว่าหลังจากนี้ต้องมีคนไม่น้อยมาหาถึงที่”

พูดถึงตรงนี้หลินสวินก็นึกถึงพวกอาจารย์เจ้าแห่งคีรีดวงกมล จักจั่นทองและเฉินหลินคงอย่างอดไม่อยู่ ทั้งยังนึกถึงพวกเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่มาถึงแหล่งสถานอัศจรรย์แห่งนี้ก่อนหน้าตนหลายปีอย่างพวกสิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลี

หลังจากคนเหล่านี้รู้ข่าวว่าตนมาถึงโลกแปรปุถุชนแล้ว มีหรือจะนิ่งเฉยได้