novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • มังงะ
  • หวยออนไลน์
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
lalikabet168
lalikabet66 คาสิโนสด boston777 แทงบอลออนไลน์ เว็บแทงบอล บาคาร่า แทงงหวย เว็บพนัน สมัครบาคาร่าออนไลน์ Empire777 huayhit168 สมัคร ufabet แทงบอล แทงหวยออนไลน์ เว็บหวยออนไลน์ สล็อตเว็บตรง kodpung88 แทงบาคาร่า PGK44 nexobet แทงหวย24 เว็บคาสิโน คาสิโนออนไลน์ บาคาร่าออนไลน์ คาสิโน คาสิโนออนไลน์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3199 ดีดนิ้วฆ่าศัตรู

  1. Home
  2. Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
  3. ตอนที่ 3199 ดีดนิ้วฆ่าศัตรู
Prev
Next

ตอนที่ 3199 ดีดนิ้วฆ่าศัตรู

เมื่อเห็นหลินสวินออกจากประตูเขาไปลำพัง พวกชิงเกิงล้วนอึ้งงัน วิธีจัดการที่เจ้าหมอนี่กล่าวถึงก็คือเข้าไปติดกับเองหรือ

สีหน้าพวกเขาเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด

“อาจารย์ลุง ทำไมท่านไม่ขวางอาจารย์อาไว้”

ฝูอวิ๋นจื่อร้อนรนอยู่บ้าง เขาคิดไม่ถึงว่าชิงเหิงซึ่งปกป้องชิงเฟิงมาตลอด ทำไมเวลานี้กลับปล่อยชิงเฟิงไปรนหาที่ตาย

“ดูไปก่อน” สีหน้าชิงเหิงซับซ้อน คล้ายเข้าใจรางๆ แล้ว

ห่างออกไปเมื่อเห็นหลินสวินเดินมาคนเดียว พวกเหวินถูหยางอดหัวเราะขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้

“ชิงเหิง คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะยอมปล่อยคนอัปยศอย่างศิษย์น้องเจ้ามา…”

เหวินถูหยางเยาะหยัน

ชายผมขาวข้างกายเขาพุ่งตัวมาทางหลินสวิน “ข้าจับตัวเจ้าหมอนี่ก่อนจะได้ไม่ต้องยืดเยื้อ…”

พูดไม่ทันจบคอของเขาก็ถูกหลินสวินคว้าหมับ หิ้วขึ้นมาเหมือนหิ้วลูกไก่

“การยืดเยื้อก็เป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง อย่างน้อยก็ไม่ต้องตาย เจ้าว่าอย่างไรเล่า”

หลินสวินยิ้มน้อยๆ นัยน์ตาล้ำลึกและเฉยชา

ชายผมขาวเบิกตากว้าง สีหน้าอึดอัดม่วงคล้ำ เขาดิ้นรนไม่หยุด แต่กลับไม่เป็นผล ออกแรงไม่ได้สักนิด

ทั่วลานเงียบสงัด

บุคคลสำคัญของสำนักวิญญาณสวรรค์ซึ่งหัวเราะอยู่พวกนั้น แต่ละคนรอยยิ้มค้างแข็ง เบิกตากว้าง เกือบคิดว่าตัวเองตาลาย

สวะระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งถึงกับยื่นมือจับตัวผู้แข็งแกร่งที่มีมรรควิถีระดับจักรพรรดิด่านเจ็ดได้!

ในประตูเขาที่ห่างออกไป ชิงเกิงสีหน้าค้างแข็ง กล่าวเสียงหลง “นี่…”

เมื่อมองคนอื่นก็เห็นว่าสมองเบลอกันไปหมด

“อาจารย์อาเขา…”

ฝูอวิ๋นจื่ออึ้งงันอย่างอดไม่ได้

ปัง!

ร่างชายผมขาวกลายเป็นเถ้าถ่านลอยล่อง เรียบง่ายเหมือนบดขยี้มดปลวกตัวหนึ่ง

จากนั้นหลินสวินเหลือบมองพวกเหวินถูหยางพลางกล่าว “ทำไมไม่หัวเราะเล่า หัวเราะต่อสิ”

พวกเหวินถูหยางสีหน้าปรวนแปรไม่หยุด

“เจ้าเป็นใครกันแน่”

ชายชุดดำคนหนึ่งก้าวออกมา น้ำเสียงอึมครึม

เสออวิ๋นเหลิ่ง

ผู้อาวุโสชั้นสูงแห่งสำนักวิญญาณสวรรค์ มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิขั้นสมบูรณ์คนหนึ่ง!

เมื่อเขาก้าวออกมา อานุภาพน่ากลัวม้วนกลืน ทำให้ฟ้าดินแถบนี้ปั่นป่วน

ในโลกแปรมรรคมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิเรียกได้ว่าเป็นบุคคลแข็งแกร่งที่สุดรองจากระดับอมตะแล้ว สามารถโอหังเหนือผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่ในใต้หล้า

แต่หลินสวินมีหรือจะเห็นเจ้าตัวจ้อยเช่นนี้อยู่ในสายตา

เมื่อเขาก้าวเท้า ครู่ต่อมาก็ปรากฏตัวตรงหน้าเสออวิ๋นเหลิ่งกะทันหัน พร้อมยื่นมือออกมาลวกๆ

ความเร็วนั้นเร็วเกินไปแล้ว!

ภายใต้ความตกใจเสออวิ๋นเหลิ่งยกสองแขนขวางหน้าตามจิตใต้สำนึก

กร๊อบ! กร๊อบ!

กระดูกแขนทั้งสองของเขาหักละเอียด เลือดสีสดสาดกระเซ็น

ส่วนคอของเขาก็ถูกหลินสวินบีบ หิ้วขึ้นมาอย่างสบายๆ

มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งกลับอ่อนแอเช่นนี้!

ภาพนี้ทำให้ทุกคนตรงนั้นขนหัวลุกเกรียว มีความรู้สึกมึนงง แม้ผ่าสมองออกมาก็ไม่อาจจินตนาการว่าชิงเฟิงซึ่งถูกสำนักมากมายมองเป็นตัวตลก ทั้งถูกสำนักสวรรค์ยุทธ์มองเป็นความอัปยศของสำนักเช่นกัน ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นน่ากลัวเช่นนี้ในชั่วขณะเดียว!

“หยุด!”

พวกเหวินถูหยางที่อยู่ใกล้ตาแทบถลน เสออวิ๋นเหลิ่งถูกจับตัว ทำให้พวกเขาไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

แต่พวกเขาคิดผิดแล้ว

หลินสวินไม่มีความคิดจับเสออวิ๋นเหลิ่งเป็นตัวประกันแต่แรก

ปัง!

เมื่อเขาออกแรงที่ฝ่ามือ ร่างของเสออวิ๋นเหลิ่งกลายเป็นเถ้าถ่านลอยล่อง

ผู้อาวุโสชั้นสูงของสำนักวิญญาณสวรรค์คนหนึ่งถูกกำจัดเช่นนี้!

ภาพนั้นทำให้ชิงเหิงกับฝูอวิ๋นจื่อตื่นตระหนก ในใจสั่นสะท้าน

เมื่อมองพวกเหวินถูหยางอีกครั้ง ทุกคนล้วนตกใจจนหนังศีรษะชาวาบ สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว เลือกเผ่นกระเจิงทันที!

เสออวิ๋นเหลิ่งยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ นับประสาอะไรกับพวกเขา

น่าเสียดายที่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้ครั้งนี้ของพวกเขาน่ากลัวเพียงใด

ก็เห็น…

หลินสวินดีดนิ้วกลางอากาศ เรียบง่ายเหมือนวางหมาก

แต่กลางอากาศกลับมีปราณกระบี่สายแล้วสายเล่าทะยานออกมา คมประกายของมันสาดส่องภูผาธาราแถบนี้ชั่วพริบตา แสบตาจนผู้คนต่างลืมตาไม่ขึ้น

ฉัวะๆๆๆ!

เสียงทึบหนักระลอกหนึ่งดังทั่วบริเวณ เลือดสีสดพุ่งสาดออกมาเป็นสายๆ

ทั้งสิบเก้าคนรวมถึงเหวินถูหยางเจ้าสำนักวิญญาณสวรรค์ล้วนถูกปราณกระบี่ทะลวงร่างและพลังจิต สิ้นชีพกลางฟ้าดิน

เมื่อปราณกระบี่หายไป ในที่นั้นมีกลิ่นคาวเลือดอบอวล เงาร่างคู่ต่อสู้พวกนั้นราวถูกลบหายไปจากโลก

ในประตูเขาที่ห่างออกไป ทุกคนต่างอึ้งงันอยู่ตรงนั้น

ครั้งนี้พวกเหวินถูหยางรับคำสั่งเถียนรั่วจิ้งมา ทำให้เหล่าบุคคลสำคัญของสำนักสวรรค์ยุทธ์ล้วนมองเป็นวิกฤติใหญ่และรู้สึกไม่ปลอดภัย

ใครจะคิดว่าชิงเฟิงกลับสังหารคู่ต่อสู้พวกนั้นทั้งหมดได้ในเวลาอันสั้น!?

“อาจารย์อาเขา… เขา…”

ฝูอวิ๋นจื่อตกใจจนพูดไม่ออก

เมื่อมองคนอื่นก็เป็นเช่นนี้ ทุกคนล้วนไม่อาจสงบนิ่ง

สีหน้าชิงเหิงซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม กล่าวด้วยเสียงเหมือนพึมพำ “ยังไม่เข้าใจอีกหรือ เขาคือผู้แปรมรรค…”

ผู้แปรมรรค!!

ราวกับฟ้าผ่าใส่หัวตอนกลางวันแสกๆ นอกจากทำให้พวกชิงเกิงกระจ่างแล้ว ทุกคนยังใจตกไปที่ตาตุ่ม

ก่อนหน้านี้พวกเขาล้วนแสดงท่าทีเด็ดขาดว่าต้องการส่งตัวชิงเฟิงไป หากชิงเฟิงทำการแก้แค้นตอนนี้ พวกเขาใครจะเป็นคู่ต่อสู้ได้

หลินสวินก้าวเข้ามาจากไกลๆ ประสานมือไปทางชิงเหิงแล้วกล่าว “ขออภัย เพิ่งให้ท่านรู้เรื่องตอนนี้ แม้ว่าข้าไม่ใช่ชิงเฟิงศิษย์น้องของท่าน แต่ถึงอย่างไรก็ยืมกายหยาบ จิตวิญญาณ ความทรงจำของชิงเฟิงมาใช้ ก่อนจากโลกนี้ไปข้าจะตอบแทน”

ชิงเหิงสูดหายใจลึก ประสานมือกล่าว “ขอบคุณมาก”

ในใจเขาสับสนยุ่งเหยิง

“เจ้าก็คือหลินสวินผู้แปรมรรคที่ถูกสี่สำนักใหญ่ประกาศจับทั่วหล้านั่นหรือ”

ชิงเกิงที่อยู่ด้านข้างคล้ายตระหนักถึงอะไรได้ ร้องเสียงหลงออกมา

“ไม่ผิด” หลินสวินพยักหน้า

หลินสวิน!

คนอื่นในที่นั้นใจกระตุกวูบอย่างหนักหน่วง

หนึ่งปีมานี้สี่สำนักใหญ่ส่งกำลังพลไม่รู้เท่าไรตามหาร่องรอยของผู้แปรมรรคหลินสวินทั่วหล้า

ใครจะคิดว่าเขาถึงกับหลบอยู่ในสำนักสวรรค์ยุทธ์ของพวกเขามาตลอด

“ยังมีอะไรอยากพูดอีกไหม”

สายตาหลินสวินมองชิงเกิง

ชิงเกิงตัวแข็งทื่อ กล่าวเสียงสั่น “เจ้า… เจ้าคิดจะทำอะไร”

“วิกฤติอยู่เบื้องหน้า แม้แต่ศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักของตนยังละทิ้งได้ ยังจะเก็บเจ้าไว้เพื่ออะไร”

หลินสวินพูดพลางยกมือฟันปราณกระบี่ลงมา ชิงเกิงถูกฆ่าตายคาที่ทันที

ภาพนองเลือดนั้นทำให้คนอื่นสั่นไปทั้งตัว ตื่นตระหนกจนหน้าถอดสี

โดยเฉพาะเหล่าผู้อาวุโสฝ่ายเดียวกับชิงเกิงก่อนหน้านี้ล้วนตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง

เวลานี้สายตาหลินสวินมองมาทางพวกเขาแล้ว

ชิงเหิงเห็นแล้วอดพูดไม่ได้ “สหายยุทธ์อย่าฆ่าอีกเลย ถึงอย่างไร… พวกเขาก็เป็นคนของสำนักสวรรค์ยุทธ์ มอบให้ข้าจัดการเป็นอย่างไร”

เขาถูกวิธีนองเลือดเด็ดขาดของหลินสวินทำให้ตกใจเช่นกัน

“ได้” หลินสวินตกปากรับคำ

ชิงเหิงเป่าปากโล่งอกเฮือกใหญ่พลางกล่าว “ขอบคุณสหายยุทธ์”

“ไม่ต้องขอบคุณข้า”

หลินสวินกล่าวง่ายๆ “ทุกท่านไม่ต้องห่วงว่าสำนักสวรรค์ยุทธ์จะตกเป็นเป้าของสี่สำนักใหญ่เพราะข้า ใช้เวลาไม่นานข้าจะไปเยือนสี่สำนักใหญ่ด้วยตัวเอง สะสางความแค้นระหว่างข้ากับทูตชะตาสวรรค์พวกนั้น”

ชิงเหิงอึ้งงันอย่างอดไม่ได้ เขา… ถึงกับคิดไปแก้แค้นสี่สำนักใหญ่หรือ!?

คนอื่นล้วนมีความรู้สึกว่าไม่ใช่ความจริง เหมือนฝันไป

สำหรับพวกเขา สี่สำนักใหญ่คือขุมอำนาจสูงสุดในโลกแปรมรรค

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทูตชะตาสวรรค์ที่ก้าวสู่มรรคาอมตะพวกนั้น นั่นคือผู้ที่พวกเขาได้แต่แหงนมองชั่วชีวิต!

แต่ตอนนี้หลินสวินกลับบอกว่าจะไปเยือน นี่จะไม่ให้พวกเขาตกใจได้อย่างไร

หลินสวินไม่อธิบายอีก กล่าวเปลี่ยนประเด็น “เวลาไม่คอยท่า ข้าจะไปเยือนสำนักวิญญาณสวรรค์ก่อน ไปเจอเถียนรั่วจิ้งสักหน่อย ทุกท่านกลับสำนักไปรอก่อนเถอะ”

พูดจบเขาก็หันหลังจากไป

กระทั่งมองดูเงาร่างเขาหายไป พวกชิงเหิงกับฝูอวิ๋นจื่อถึงได้สงบสติลงช้าๆ

ฝูอวิ๋นจื่อกล่าวอย่างว้าวุ่นใจ “อาจารย์ลุง ถ้าเรื่องวันนี้แพร่ออกไป สำนักสวรรค์ยุทธ์ต้องอยู่ตรงปากเหวแน่ เรื่องนี้ควรทำอย่างไรดี”

ชิงเหิงพลันกล่าว “เจ้ารู้ไหมว่าสี่สำนักใหญ่ยืนอยู่เหนือโลกแปรมรรคได้อย่างไร”

ฝูอวิ๋นจื่ออึ้งงัน ส่ายหัวแสดงออกว่าไม่รู้

“เพราะพวกเขาทุกสำนักล้วนมีผู้แปรมรรค!”

ชิงเหิงสูดหายใจลึกพลางกล่าว “ผู้แปรมรรคมีพลังยิ่งใหญ่ ครองยอดวิชาที่พวกเราไม่อาจจินตนาการ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันเมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้แปรมรรคคนหนึ่งจากไป ย่อมทิ้งมหามรรคเทียมฟ้าไว้บนโลกแปรมรรค ในสี่สำนักใหญ่มีบันทึกมหามรรคสมบูรณ์พวกนี้อยู่ ดังนั้นสี่สำนักใหญ่จึงยืนอยู่เหนือโลกมาตลอด!”

ฝูอวิ๋นจื่อกล่าว “อาจารย์ลุงหมายความว่าอย่างไร”

ชิงเหิงกล่าวเสียงขรึม “ตอนนี้หากพวกเราสำนักสวรรค์ยุทธ์อยากรอดต่อไปย่อมเหลือเพียงทางเดียว นั่นก็คือเชื่อหลินสวินนั่นอย่างสนิทใจ!”

“เชื่อเขาหรือ”

ฝูอวิ๋นจื่ออดนึกถึงคำพูดเมื่อครู่ของหลินสวินไม่ได้ ในใจสั่นสะท้าน “อาจารย์ลุงเชื่อว่าหลินสวินนั่นมีโอกาสไปกวาดล้างศัตรูในสี่สำนักใหญ่พวกนั้นหรือ”

ชิงเหิงกล่าว “ใช่ว่าข้าเชื่อ แต่ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาต้องสู้กันแน่ ส่วนข้ายอมเชื่อว่าหลินสวินจะชนะ!”

“หากว่าเขาแพ้เล่า”

มีคนอดถามไม่ได้

“เช่นนั้นพวกเราสำนักสวรรค์ยุทธ์ย่อมพินาศย่อยยับโดยไม่ต้องสงสัย”

ชิงเหิงกล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

ทุกคนต่างเงียบไป จิตใจกระเพื่อมไหว

“ทำไมต้องประหม่าเช่นนี้เล่า หากหลินสวินชนะ บางทีพวกเราสำนักสวรรค์ยุทธ์… อาจได้เจอกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีมาก่อน!”

แววตาชิงเหิงลุกโชนพลางกล่าว “เดิมเรื่องบนโลกล้วนโชคเคราะห์อิงแอบ ตอนนี้ดูท่าว่าหลินสวินนั่นยังเห็นแก่บุญคุณของชิงเฟิงศิษย์น้องข้า เท่านี้ก็พอแล้ว”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ในใจเขารู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้างรางๆ

เท่าที่เขารู้คือสักวันหนึ่งเมื่อผู้แปรมรรคจากไป ร่างผู้ฝึกปราณที่เขายืมจะคงความสำเร็จในขอบเขตและมหามรรคระดับอมตะไว้

นี่ก็หมายความว่าภายหน้าถ้าหลินสวินจากไป ชิงเฟิงศิษย์น้องเขาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงน่าเหลือเชื่อ!

…

หลินสวินเดินเล่นกลางอากาศ

‘แค่ครึ่งปีเท่านั้น ห้ากายมรรคอนุมานยอดมหามรรคที่เหมาะกับการฝึกปราณของชิงฟิงได้แล้ว นับว่าไม่เลว…’

หลินสวินรู้สึกถึงมรรควิถีของระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิซึ่งพลุ่งพล่านโหมกระหน่ำอยู่ภายในกาย ในใจลอบโล่งอกอย่างอดไม่ได้

เทียบกับพลังปราณซึ่งใกล้ถึงขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์ของเขาแล้ว แม้พลังที่มีตอนนี้ยังอ่อนแอมาก แต่อย่างน้อยก็มีพลังป้องกันตัวเองแล้ว

นี่ก็คือสาเหตุที่เขากล้าเปิดเผยฐานะในวันนี้

‘รอจัดการเรื่องเถียนรั่วจิ้งคนนี้แล้วค่อยจากที่นี่ไป หาสถานที่สงบเงียบเพื่อฝึกปราณ มีเพียงก้าวสู่มรรคาอมตะจึงจะเทียบกับทูตชะตาสวรรค์พวกนั้นได้…’

หลินสวินตัดสินใจ

………………