Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2656 ผนึกพิฆาต
ทะเลประหัตมาร
ถ้ำสวรรค์ปรกอุดม
ในคืนเดียวกัน ลู่ป๋อหยานั่งขัดสมาธิ ก้มหน้าเล่นยันต์หยกชิ้นหนึ่ง
คลื่นระเบียบผนึกคลุมเครือไหลทะลักเป็นระลอก แต่คลื่นระเบียบผนึกเหล่านี้ก็ค่อยๆ สลายหายไป
จนท้ายที่สุดยันต์หยกก็แหลกละเอียดไปด้วย
เห็นภาพนี้ลู่ป๋อหยาก็เหมือนกับยกภูเขาออกจากอก ถอนหายใจยาว พึมพำว่า
“พี่ทงเทียน ข้ายืมมือเหลนเจ้าจัดการความวุ่นวายของตระกูลลั่ว คงไม่นับว่าผิดคำสัญญาในตอนนั้นกระมัง”
“ความจริงแม้เจ้ากล่าวโทษว่าข้าไม่รักษาคำพูด ข้าก็จะทำเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นชาตินี้ข้าคงต้องอยู่กับความรู้สึกผิดและติดค้างไปตลอดชีวิต…”
ลู่ป๋อหยาสีหน้าสงบนิ่ง แววตากระจ่างใส
หลายปีมานี้เขาเก็บตัวจำศีลอยู่ในทะเลประหัตมาร ทำเพียงสามเรื่อง
หนึ่งคือเปิดสำนัก สร้างถ้ำสวรรค์ปรกอุดม!
ถ้ำสวรรค์ปรกอุดมในตอนนี้มีผู้สืบทอดร้อยกว่าคน ทุกคนล้วนเป็นปฐมาจารย์สลักลายมรรคชั้นหนึ่งแห่งยุค นี่เป็นกองกำลังที่น่ากลัวอย่างที่สุดกลุ่มหนึ่ง
สองคือรวบรวมและสืบเรื่องที่เกี่ยวข้องกับลั่วชิงเหิง ลั่วเซียว ลั่วทงเทียน
ความลับและข่าวที่สืบมาได้เหล่านี้ เขาบอกหลินสวินไปแล้ว คลี่คลายความสงสัยที่ซ่อนอยู่ในใจมานานปีให้กับอีกฝ่าย
สามคือเตรียมไพ่ตายไว้ให้หลินสวิน!
ก่อนเข้าสู่ทะเลประหัตมาร ลู่ป๋อหยาก็เข้าใจแล้วว่า ‘เขตผนึกเร้น’ ที่ถูกมองเป็นหนึ่งในสามเขตผนึกใหญ่แห่งทะเลประหัตมาร ปกคลุมด้วยกระบวนค่ายกลผนึกฟ้าประทานที่แปลงมาจากพลังระเบียบ!
หลังผ่านการสำรวจและสืบหาหลายปีของเขา สุดท้ายก็มั่นใจในเรื่องหนึ่ง เขตผนึกเร้นมีพลังระเบียบผนึกที่ถือกำเนิดขึ้นเองเก้าชนิดกระจายอยู่
ระเบียบผนึกทุกชนิดล้วนมีอานุภาพน่ากลัวไร้ขอบเขต
หกสิบปีก่อนลู่ป๋อหยาเริ่มเคลื่อนไหว บุกเข้าไปในเขตผนึกเร้น ใช้ความรู้ทั้งหมดที่มีกำราบ ‘ระเบียบผนึก’ ชนิดหนึ่งได้สำเร็จ
ระเบียบผนึกชนิดนี้นามว่า ‘ผนึกพิฆาต’!
เป็นหนึ่งในเก้าระเบียบผนึกที่กระจายอยู่ในเขตผนึกเร้น
เพียงแต่เสียดายที่ไม่อาจกำราบร่างวิญญาณที่ถือกำเนิดในระเบียบผนึกพิฆาตได้
ภายหลังลู่ป๋อหยาถึงรู้ว่า วิญญาณระเบียบกลายเป็นหนึ่งเดียวกับเขตผนึกเร้นนานแล้ว นอกจากมีพลังกำราบทั้งเขตผนึกเร้น ไม่เช่นนั้นไม่อาจพาวิญญาณระเบียบนี้ไปได้
ทุ่มเทความพยายามไปอีกเกือบสิบปี ลู่ป๋อหยาก็หลอมระเบียบผนึกพิฆาตเป็นกระบี่มรรค และมอบให้หลินสวินยามออกจากถ้ำสวรรค์ปรกอุดม
และกระบี่นี้ก็ได้กลายเป็นไพ่ตายที่หลินสวินใช้แก้แค้นตระกูลลั่วในครั้งนี้!
‘น่าเสียดายก็แต่ไม่ได้กำราบวิญญาณระเบียบนั่น พลังของระเบียบผนึกพิฆาตไม่อาจคงอยู่ได้นาน ไม่เช่นนั้นต้องสามารถกลายเป็นระเบียบพิทักษ์ของตระกูลลั่วได้…’
นึกถึงเรื่องนี้ลู่ป๋อหยาก็อดเสียดายไม่ได้
ระเบียบผนึกพิฆาตน่ากลัวมากจริงๆ เรียกได้ว่าเป็นระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่หายาก แต่เพราะไม่มีวิญญาณระเบียบ ระเบียบผนึกพิฆาตก็เหมือนเปลือกที่ไร้วิญญาณ จะสลายไปตามการสูญเสียของพลัง
นี่ก็ช่วยไม่ได้
เขตผนึกเร้นน่ากลัวเกินไป หากเป็นลู่ป๋อหยาในช่วงรุ่งเรือง ยังมีความั่นใจไปท้าสู้สักหน่อย
แต่ในร่างเขามีเคราะห์มรรคห้าเสื่อม จึงไม่กล้าลงมือเต็มที่ ไม่เช่นนั้นไม่ต้องรอให้กำราบพลังระเบียบได้ ตัวเขาก็คงประสบเคราะห์ก่อนแล้ว
ลู่ป๋อหยาหยิบเหล้ากาหนึ่งออกมาดื่มด้วยสีหน้าเลื่อนลอย เหมือนจมสู่ห้วงความคิด
“นึกถึงปีนั้นพี่ทงเทียนยกทัพจับศึก แผ่ขยายอานุภาพ แม้แต่ในยุคก่อนก็ยังเรียกได้ว่าเป็นยอดบุรุษที่โดดเด่นเหนือชั้น กลับคาดไม่ถึงว่าในก้าวสุดท้ายของการมุ่งหน้าสู่นิรันดร์นั่นจะถูกคนชั่วทำร้าย…”
“หากราชันมองข้าเป็นดั่งเสาค้ำแคว้น ข้าย่อมทำคุณเช่นเสาค้ำแคว้น ตอนนี้ในที่สุดสวินเอ๋อร์ก็ประสบความสำเร็จแล้ว ภายหน้าข้าจะคอยอยู่เคียงข้างเขา ล้างแค้นให้เจ้า”
พูดจบเขาก็ดื่มเหล้าในกาหมดในรวดเดียวก่อนจะลุกขึ้นยืน
ศึกภายในของตระกูลลั่วจบไปแล้ว แต่ยังมีศึกนอก!
……
รัตติกาลดุจสีหมึก
เขาเทพหลังมังกร ประกายดาราจางๆ สาดส่อง
หน้าเขาเมฆามรกตที่ทรุดทลาย หลินสวินชักสายตากลับมาจากลั่วฉงที่ถูกกำราบ มองไปยังเหล่าผู้อาวุโสตระกูลลั่วสายหลักที่อยู่ห่างออกไป
“ผู้อาวุโสทุกท่าน พวกท่านคิดจะจัดการพวกลั่วฉงอย่างไร” หลินสวินถาม
“หลินสวิน เจ้าเป็นเหลนของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ คืนนี้หากไม่มีเจ้าช่วย ศึกภายในตระกูลลั่วของข้าก็ไม่สามารถคลี่คลายได้ เรื่องราวต่อจากนี้ทุกอย่างให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจ”
ชายชราร่างสูงผอมที่เป็นผู้นำเอ่ยเสียงขรึม
ผู้อาวุโสสายหลักคนอื่นๆ บริเวณนั้นต่างพยักหน้า
คืนนี้หากไม่มีหลินสวิน พวกเขาคงยังถูกขังอยู่ในเขาอสนีเหิน ศึกภายในที่ลั่วฉงและเผยหรูเป็นผู้นำไม่มีทางถูกกำจัดให้สิ้นซากได้แน่
สามารถพูดได้ว่าหลินสวินใช้ศักยภาพที่สำแดงออกมาก่อนหน้านี้ สร้างการยอมรับในใจผู้อาวุโสตระกูลลั่วสายหลักเหล่านี้
ยิ่งกว่านั้นหลินสวินยังเป็นเหลนของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ ก็นับว่าเป็นคนตระกูลลั่วสายหลักเช่นกัน!
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว”
หลินสวินว่าพลางตบฝ่ามือหนึ่งออกไป
ปัง!
ลั่วฉงที่ถูกกำราบอยู่บนพื้นถูกหนึ่งฝ่ามือสังหารทันที ดวงจิตดับสิ้น เลือดสดสาดกระเซ็น ไม่อาจดิ้นรนและตอบสนอง
เร็วเกินไปแล้ว
คิดจะฆ่าก็ฆ่า ไม่เกรงใจสักนิด!
เหล่าบุคคลสำคัญของตระกูลลั่วสายรองล้วนตกใจ หน้าซีดขาว
“ลั่วฉงเป็นคนทรยศ สมควรถูกฆ่า แต่พวกเราไม่ใช่คนทรยศ และพวกเราก็ไม่เคยทรยศตระกูลลั่ว”
“หลินสวิน พวกเผยหรูและลั่วฉงล้วนถูกฆ่าแล้ว พวกเราเองก็เพิ่งรู้แผนชั่วและธาตุแท้ของพวกเขาคืนนี้ ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด หวังว่าเจ้าจะไว้ชีวิตพวกเราสักครั้ง ถึงอย่างไรพวกเราก็ยังเป็นญาติกัน…”
“หากพวกเรารู้แต่แรกว่าลั่วฉงเป็นคนทรยศ ย่อมไม่มีทางปล่อยเขามาถึงตอนนี้!”
“หลินสวิน ตระกูลลั่วในตอนนี้เผชิญมากปัญหา ก่อนหน้านี้พวกเราทำเรื่องเลอะเลือนมากจริงๆ แต่พวกเรากล้ารับรองว่าจะกลับตัวกลับใจ ชดเชยความผิดด้วยคุณความดี!”
คนเหล่านี้เคยควบคุมอำนาจในตระกูลลั่ว มากอิทธิพล แต่ตอนนี้กลับลนลาน แต่ละคนตัดความสัมพันธ์กับลั่วฉงเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด กลัวเพียงว่าหลินสวินจะลงมืออย่างเหี้ยมโหด ฆ่าพวกเขาทั้งหมด
หลินสวินพูดอย่างเฉยเมย “โทษตายละได้ โทษเป็นไม่อาจหลีกหนี พวกเจ้ากำราบคนตระกูลสายหลักเหล่านั้นมาไม่รู้นานเท่าไหร่ เช่นนั้นข้าก็จะให้โอกาสพวกเจ้าไถ่โทษสักครั้ง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าไปอยู่ที่เขาอสนีเหินเป็นอย่างไร”
บุคคลสำคัญสายรองเหล่านั้นสีหน้าซีดเซียวอับแสงทันที
เขาอสนีเหิน นั่นเป็นสถานที่กักขังผู้กระทำความผิดของตระกูล อันตรายอย่างที่สุด หากถูกกำราบอยู่ในนั้น จะต้องเจอความทรมานและความเจ็บปวดนับไม่ถ้วนทุกคืนวัน!
“หลินสวิน เจ้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้! ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของลั่วฉง เหตุใดพวกเราต้องพลอยลำบากไปด้วย นี่ไม่ยุติธรรม!” คนผู้หนึ่งตะโกน เดือดดาลอย่างที่สุด
หลินสวินตบมือออกไปกลางอากาศ
ปัง!
คนผู้นั้นถูกสังหารคาที่โดยตรง บรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งเท่านั้น สำหรับหลินสวิน ไม่ต้องใช้ไพ่ตายอะไรก็สามารถบดขยี้ให้ตายได้อย่างง่ายดายแล้ว
ภาพที่นองเลือดนี้สยบทั้งที่นั้นเช่นกัน ทำให้คนตระกูลลั่วทั้งหมดสูดหายใจสะท้านอย่างอดไม่ได้ หน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด
หลินสวินแววตาเย็นเยียบ “ข้าไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่านี้แล้ว ถ้าไม่อยากตายก็ถูกขังในเขาอสนีเหิน พวกเจ้าเลือกเอาเอง”
คนตระกูลลั่วสายรองเหล่านั้นสีหน้าอึมครึมไม่สามารถสงบได้ ครู่ใหญ่ก็ยังไม่มีใครส่งเสียง เห็นชัดว่าล้วนยอมรับจุดจบที่จะต้องถูกขังแล้ว
หลินสวินกล่าว “แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเจ้าจะสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ รอท่านตาและท่านลุงของข้าฟื้นขึ้นมา พวกเขาทั้งสองจะเป็นคนตัดสินโทษให้พวกเจ้า”
ประโยคเดียวทำให้บรรดาบุคคลสำคัญตระกูลลั่วสายรองหัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม…
หลินสวินไม่สนว่าพวกเขาจะคิดอย่างไร ทำเรื่องทั้งหมดนี้เสร็จ สายตาของเขาก็มองไปยังผู้อาวุโสตระกูลลั่วสายหลักที่อยู่ไกลๆ กล่าวว่า “ผู้อาวุโสทุกท่าน พวกท่านคิดว่าข้าจัดการเช่นนี้เป็นอย่างไร”
“หลินสวิน ข้าขอบคุณเจ้าแทนเฒ่าชราพวกนี้!”
ผู้อาวุโสร่างสูงผอมที่เป็นผู้นำคารวะขอบคุณ
ผู้อาวุโสสายหลักคนอื่นๆ ก็คารวะโดยพร้อมเพรียง สีหน้าเคร่งขรึมและจริงจัง
จากนั้นในท้องฟ้ารัตติกาล คนตระกูลลั่วสายหลักที่กระจายอยู่ในพื้นที่อื่นๆ ต่างคารวะพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายในชั่วขณะนี้ ในใจซาบซึ้ง เต็มไปด้วยความขอบคุณ
พวกเขารู้ดีว่าคืนนี้หลินสวินช่วยคนสายหลักอย่างพวกเขาอย่างพลิกฟ้าพลิกดิน เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของพวกเขาในคราเดียว!
หลินสวินไม่ได้รู้สึกอะไร ยอมรับอย่างนิ่งเฉย
“เรื่องอื่นๆ ต้องลำบากทุกคนจัดการแล้ว ก่อนไปจากตระกูลลั่ว ข้าจะอยู่ที่ยอดเขาต้นกกตลอด”
หลินสวินว่าพลางก็ก้าวเท้าจากไป
ยอดเขาต้นกก นั่นเดิมทีเป็นที่พักและฝึกปราณของลั่วชิงสวินและลั่วชิงเหิง มารดาและลุงของเขา
หลินสวินจากไปไม่นาน ตระกูลลั่วที่ผ่านความวุ่นวายมาทั้งคืนก็เริ่มการสะสางครั้งใหญ่ภายใต้การควบคุมของผู้อาวุโสสายหลักกลุ่มหนึ่ง
เหล่าคนสำคัญสายรองเหล่านั้นถูกคุมตัวไปขังที่เขาอสนีเหิน
คนตระกูลสายรองคนอื่นๆ ในตระกูลต่างถูกจับ รอการเนรเทศต่อไป
ทั้งตระกูลลั่วผ่านคืนนี้ไปท่ามกลางความยุ่งวุ่นวายและกลโหลเช่นนี้
หลินสวินไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้
และเขาก็ไม่เข้าร่วมเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ของตระกูลลั่ว
ว่ากันถึงที่สุด เขาไม่ได้แซ่ลั่ว ไม่ได้รู้สึกผูกพันอะไรกับตระกูลลั่ว
หลังจากไปถึงยอดเขาต้นกก เขาก็จัดแจงที่พักให้กับท่านลุงลั่วชิงเหิงและท่านตาลั่วเซียว ทำแผลให้พวกเขาอย่างระมัดระวัง
ตอนที่ทำทั้งหมดนี้เสร็จ สองพี่น้องลั่วเสวียนฝูและลั่วเสวียนเจินก็เข้ามาหาอย่างเร่งรีบ
“ท่านอา!”
ทั้งสองคารวะโดยพร้อมเพรียง ในสีหน้าตื่นเต้นแฝงความเคราพและนับถือลึกล้ำ
“ยังมีเรื่องอะไรอีก”
หลินสวินยิ้มถาม
ทั้งสองส่ายหน้าพร้อมกัน ลั่วเสวียนฝูกล่าว “ท่านอา พวกเราหวังว่าในอนาคตท่านจะมาเป็นผู้นำตระกูลลั่ว ครองอำนาจในตระกูลลั่ว”
“ใช่!” ลั่วเสวียนเจินพูดอย่างจริงจัง “นี่ไม่ใช่ความคิดของพวกเราสองคน แต่คนตระกูลลั่วสายหลักส่วนใหญ่ล้วนคาดหวังอย่างยิ่งว่าท่านอาจะสามารถมานำตระกูลลั่วได้”
หลินสวินชะงักไป ส่ายหน้าพูด “ไม่ได้”
เขาไม่สนใจรับช่วงตระกูลลั่ว ไม่ใช่เพราะขุมอำนาจของตระกูลลั่วตกต่ำ อยู่ในสภาพย่ำแย่อย่างมาก แต่เพราะส่วนลึกในใจเขายากจะเกิดความรู้สึกผูกพันกับตระกูลลั่ว
นี่ต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญ
“ท่านอากังวลว่าเหล่าผู้อาวุโสสายหลักจะไม่ตอบรับหรือ แต่พวกเราดูออกว่าขอเพียงท่านอาแสดงท่าที ผู้อาวุโสเหล่านั้นไม่มีทางปฏิเสธแน่” ลั่วเสวียนฝูกล่าว
“ไม่ต้องพูดแล้ว ต่อไปตำแหน่งผู้นำตระกูลก็ให้ท่านตาของข้าเป็นเถอะ ถ้าท่านตาข้าไม่ไหว เป็นท่านลุงของข้าก็ได้”
หลินสวินท่าทางเด็ดขาด “ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับตระกูลลั่วแล้ว อย่างไรข้าก็แซ่หลิน”
ลั่วเสวียนฝูและลั่วเสวียนเจินเห็นเช่นนี้ต่างอดถอนหายใจไม่ได้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่นานก็จากไปอย่างเร่งรีบ
มองดูพวกเขาจากไป หลินสวินยิ้มน้อยๆ ก่อนเดินมายังยอดเขาต้นกก นอนลงใต้ต้นหลิวโบราณต้นหนึ่งอย่างเกียจคร้าน หรี่ตาลงอย่างพอใจ
ไกลๆ ประกายดวงดาวพริบไหว เงียบสงบเป็นสุข
หลายปีมานี้นี่เป็นครั้งแรกที่หลินสวินผ่อนคลายขนาดนี้
และสบายขนาดนี้
…………………….