Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3000 สถานการณ์อันตราย
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 3000 สถานการณ์อันตราย
เงาร่างของหลินสวินถูกฝังกลบกลางแสงเคราะห์ขุ่นมัวในพริบตา
พริบตานั้นเจียหนานกับถานอู่ล้วนคิดว่าหลินสวินถูกสังหารแล้ว ด้วยพลังของมหาเคราะห์นั้นทำให้พวกเขาหวาดหวั่น
แต่นานเข้าพวกเขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติ
แม้เงาร่างของหลินสวินถูกแสงเคราะห์ขุ่นมัวฝังกลบ แต่กลิ่นอายของเขายังอยู่ตลอด ไม่เคยสลายหายไปอย่างแท้จริง
ต่อให้แสงเคราะห์ขุ่นมัวนั่นหล่นลงมาเป็นผืนแผ่น ก็ยังไม่อาจกำจัดกลิ่นอายเสี้ยวนั้นของเขาได้อย่างสมบูรณ์ภายในเวลาอันสั้น
เหตุการณ์นี้ทำให้ระดับนิรันดร์ทั้งสองอย่างเจียหนานและถานอู่อดเครียดขมึงไม่ได้
เคราะห์นี้ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติการณ์ แปลกประหลาดและน่าหวาดกลัวกว่าเคราะห์ทั่วไปนัก ทว่าต่อให้อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่อาจสังหารหลินสวินได้ นี่ทำให้พวกเขาต่างไม่อาจสงบใจ
“ดูท่าว่าพวกเราต้องเตรียมตัวกำจัดหมอนี่ล่วงหน้าแล้ว”
เจียหนานสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ไม่ปิดบังกลิ่นอายของตนอีก ก้าวเดินเข้าไปในทะเลหมื่นดารา
พริบตานั้นพวกเสวียนเฟยหลิงที่กำลังจับตามองการข้ามด่านเคราะห์ของหลินสวินจากแดนแรกเริ่มพลันสังเกตเห็นกลิ่นอายนิรันดร์จากตัวเจียหนานทันที ทุกคนต่างหน้าเปลี่ยนสีอย่างอดไม่ได้
“เป็นลาเฒ่าหัวโล้นแห่งลัทธิฌาน!”
ตู๋กูยงทั้งตกใจทั้งเดือดดาล มองฐานะของเจียหนานออก
“มาจริงดังคาด เจียหนานไม่สนใจแม้แต่ภัยคุกคามจากเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพแล้วหรือ”
ฟางเต้าผิงสีหน้าอึมครึมไม่น่าดู
“หากเป็นเจ้าจะมองดูหลินสวินก้าวสู่มรรคานิรันดร์กลางมหาเคราะห์ที่ไม่เคยมีมาก่อนนี้ตาปริบๆ ไหม”
เสวียนเฟยหลิงหน้าคล้ำเขียว เสียงเหมือนลอดออกมาจากไรฟัน
“สิ่งที่แน่ใจได้คือภายใต้มหาเคราะห์เช่นนี้เจียหนานก็ไม่กล้าลงมือ มิฉะนั้นจะถูกมหาเคราะห์สะท้อนกลับ สิ่งเดียวที่น่ากังวลคือสภาวะจิตของหลินสวินที่ข้ามด่านเคราะห์จะได้รับผลกระทบหรือไม่”
ฟางเต้าผิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งพลางกล่าว
เวลานี้ตู๋กูยงหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง “โคมบัวสุญญากาศ! ลาเฒ่าหัวโล้นนี่ถึงกับนำยอดสมบัติพิทักษ์สำนักของลัทธิฌานมาด้วย”
ก็เห็นเจียหนานพนมมือบนทะเลหมื่นดารา ตรงหน้าพลันมีโคมเขียวดวงหนึ่งพุ่งโฉบออกมา ลักษณะคล้ายดอกบัวเบ่งบาน กลีบดอกสามสิบหกกลีบ แต่ละกลีบล้วนสลักเงาร่างภิกษุรูปหนึ่ง
เมื่อโคมนี้โฉบพุ่งออกมา รอบทะเลหมื่นดาราปรากฏบัวเทพสีทองมากมายทันที เกสรของบัวเทพแต่ละดอกลุกโชนเหมือนไส้โคม แผ่เพลิงเทพสว่างไสวศักดิ์สิทธิ์ออกมา
บัวเทพสีทองนับไม่ถ้วนปิดผนึกรอบผืนน้ำที่หลินสวินกำลังข้ามด่านเคราะห์ในชั่วขณะเดียว เพลิงเทพแสงธรรมเหลือคณาลุกโชนเงียบๆ
นี่ก็คือโคมบัวสุญญากาศ!
ควบรวมบัวธรรมนับหมื่นแสนได้ในพริบตา บัวธรรมแต่ละดอกล้วนควบรวมเป็นเมืองพุทธแห่งหนึ่ง สิ่งที่ลุกโชนกลางบัวธรรมนั้นก็คือเพลิงเทพสุญญากาศ สามารถเผาระดับอมตะจนตายได้โดยง่าย!
“ใช้พลังของโคมบัวสุญญากาศปิดล้อมโดยรอบ เขาต้องการตัดทางถอยของหลินสวินโดยสิ้นเชิง ต่อให้หลินสวินข้ามด่านเคราะห์สำเร็จก็จะถูกโจมตีถึงชีวิตทันที!”
สีหน้าของพวกเสวียนเฟยหลิงไม่น่าดูถึงขีดสุดแล้ว ในใจร้อนรนกระสับกระส่าย
พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของระดับนิรันดร์ อย่าว่าแต่ไปช่วยเลย ตอนนี้มีแค่หลบอยู่ในแดนแรกเริ่มซึ่งมีระเบียบระดับเทพปกป้องจึง0tป้องกันตัวเองได้
“ทำอย่างไรดี”
พวกเขาต่างจนปัญญาทันที
ครู่ใหญ่เสวียนเฟยหลิงจึงกล่าวอย่างใจเย็น “อย่าเพิ่งรีบร้อน ขอแค่สภาวะจิตยามข้ามด่านเคราะห์ของหลินสวินไม่ได้รับผลกระทบ ขอแค่เขาทะลวงด่านเคราะห์จนแจ้งมรรคสำเร็จ เมื่อมหาเคราะห์นี้หายไป พวกเราแค่ใช้พลังของระเบียบระดับเทพทันทีก็พอ”
“แต่ถึงตอนนั้นแล้วจะต้านทานได้หรือ”
ตู๋กูยงหน้านิ่วคิ้วขมวด
ทุกคนต่างหนักใจ เรื่องนี้พูดลำบากจริงๆ
พลังของระดับนิรันดร์น่ากลัวเกินไป สามารถสั่นคลอนพลังของระเบียบระดับเทพได้
แต่พวกเขาต่างรู้ว่านี่คือวิธีเดียว!
ขณะเดียวกันบนทะเลหมื่นดารา เจียหนานยืนกลางอากาศ โคมบัวสุญญากาศตรงหน้าหมุนคว้าง แสงธรรมลอยล่อง ศักดิ์สิทธิ์ยากจับต้อง
เขาทอดสายตามองใต้เวิ้งฟ้า แสงเคราะห์ขุ่นมัวตรงนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม มองไม่เห็นเงาร่างของหลินสวินแล้ว ถูกฝังกลบอย่างสมบูรณ์ ได้แต่สัมผัสถึงกลิ่นอายเสี้ยวหนึ่งของเขาว่ายังอยู่รางๆ
“โคมบัวสุญญากาศ…”
ถานอู่มาแล้ว เขามองบัวธรรมนับไม่ถ้วนที่ลุกโชนโดยรอบปราดหนึ่ง “แม้แต่สมบัติพิทักษ์สำนักเช่นนี้ยังนำมาด้วย ดูท่าว่าเพื่อกำจัดเจ้าหลินสวินนี่ พวกเจ้าลัทธิฌานคงทุ่มสุดตัวจริงๆ”
“มีเพียงทำเช่นนี้ถึงสามารถรับรองว่าจะไม่มีข้อผิดพลาด” เจียหนานกล่าวด้วยสีหน้านิ่งสงบ
ถานอู่ใคร่ครวญเล็กน้อยก่อนกล่าว “เช่นนั้นข้าจะเติมไฟอีกหน่อย”
เขาพูดพลางพ่นลมออกมาจากปาก คันฉ่องกระดูกสีดำบานหนึ่งปรากฏออกมา
คันฉ่องกระดูกสาดส่องไปรอบทิศ
ตูม!
ผืนน้ำใกล้เคียงปรากฏม่านแสงสีดำสายแล้วสายเล่า มีกฎระเบียบอสนีสีดำนับไม่ถ้วนส่องประกายอยู่ในม่านแสง แผ่กลิ่นอายที่ทำให้ผู้คนใจสั่นออกมา
เจียหนานกล่าวชื่นชม “สมเป็นคันฉ่องเทพอสนีดำ แดนหมื่นอสนีที่ควบรวมโดยสมบัตินี้ซ่อนแฝง ‘กฎระเบียบอสูรอสนี’ ได้ยินว่าบรรพจารย์ผู้ก่อตั้งของพวกเจ้าใช้เวลาสามยุคสมัยกว่าจะหลอมสำเร็จ ตอนนี้ได้เห็นแล้วเหนือธรรมดาดังคาด”
ถานอู่มองโคมบัวสุญญากาศนั้นพลางกล่าว “เจ้าก็เช่นกัน”
ขณะเดียวกันพวกเสวียนเฟยหลิงต่างสังเกตเห็นราชครูฟ้าถานอู่แล้ว รวมถึงคันฉ่องเทพอสนีดำที่ถานอู่เรียกออกมาด้วย แต่ละคนล้วนใจตกไปที่ตาตุ่ม
ระดับนิรันดร์มาอีกคนแล้ว!
ทั้งยังเรียกยอดสมบัติซึ่งไม่ด้อยกว่าโคมบัวสุญญากาศออกมาด้วย!
เหตุการณ์นี้สามารถทำให้ใครก็ตามสิ้นหวังจริงๆ
เวลานี้แม้แต่พวกเสวียนเฟยหลิงยังจิตใจว้าวุ่น
ตูม…
ในที่สุดแสงเคราะห์ขุ่นมัวเป็นผืนแผ่นนั้นก็ซ่านสลาย
กลางอากาศพังทลาย หลินสวินเหลือเพียงพลังจิตมืดมนอับแสงเสี้ยวหนึ่ง คล้ายแสงโคมส่ายสั่นไม่มั่นคงกลางลมฝน เหมือนว่าดับมอดได้ตลอดเวลา
แต่ไม่นานพลังจิตมืดมนเสี้ยวนี้ก็ส่องประกายขึ้นมาทีละน้อย เปลี่ยนเป็นเจิดจรัส เรืองรอง… กระทั่งต่อมาจึงลุกโชนเหมือนดวงตะวันเจิดจ้า สาดส่องเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
กลางแสงสว่างแถบนั้นเงาร่างหลินสวินควบรวมกันช้าๆ ถึงตอนท้ายแสงพร่างฟ้าล้วนถูกเงาร่างของเขาดูดกลืน
เมื่อมองดูอีกครั้งทั้งตัวเขาสมบูรณ์ไร้บกพร่องราวคืนชีพเกิดใหม่ เมื่อพลังขับเคลื่อนทั่วร่างสะเทือนกึกก้องก็ทำให้ห้วงอากาศใกล้เคียงปั่นป่วนคร่ำครวญไม่หยุด
กฎเกณฑ์อมตะโหมกระหน่ำโคจร ขับเน้นให้เขาเป็นดั่งนายเหนือหัวผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งที่ก้าวออกมาจากความพินาศ!
ภาพนี้ทำให้สภาวะจิตที่เดิมหนักอึ้งของพวกเสวียนเฟยหลิงฮึกเหิมขึ้นมาบ้าง
ต้านทานได้แล้ว!
แม้ว่าเมฆาเคราะห์บนเวิ้งฟ้านั้นยังไม่หายไป
แต่ตอนนี้หลินสวินไม่ได้สิ้นชีพในการข้ามด่านเคราะห์ สำหรับพวกเสวียนเฟยหลิงถือเป็นเรื่องดีอย่างที่สุดแล้ว
ส่วนเจียหนานกับถานอู่ที่เห็นเหตุการณ์นี้ในสายตา หว่างคิ้วล้วนเจือแววจริงจัง ใจเต้นระส่ำ ไม่อาจนิ่งสงบ
มหาเคราะห์เช่นนี้ยังกำจัดหลินสวินไม่ได้!!
นี่จะให้ระดับนิรันดร์อย่างพวกเขานิ่งเฉยได้อย่างไร
“หลินสวิน ตอนนี้เจ้ายังมีใจข้ามด่านเคราะห์อีกหรือ ลองมองโดยรอบสิ ครั้งนี้ไม่ว่าเจ้าจะสำเร็จหรือล้มเหลวย่อมหนีความตายไม่พ้นแน่”
เสียงเย็นชาครัดเคร่งของถานอู่ดังก้อง
เขาสังเกตเห็นว่าเมฆาเคราะห์บนเวิ้งฟ้ายังม้วนซัด พลังในส่วนลึกของเมฆาเคราะห์กำลังรวมตัวและสะสมพลังอย่างบ้าคลั่ง เห็นชัดว่าต่อจากนี้จะมีด่านเคราะห์ที่น่ากลัวยิ่งกว่ามาเยือน!
ภายใต้เวิ้งฟ้านัยน์ตาดำของหลินสวินกวาดมองโดยรอบ เห็นระดับนิรันดร์ทั้งสองอย่างเจียหนานและถานอู่ ทั้งเห็นพลังของโคมบัวสุญญากาศกับคันฉ่องเทพอสนีดำที่ปิดล้อมรอบน่านน้ำ
แต่สีหน้าเขายังนิ่งสงบดังเดิม ราบเรียบไร้คลื่นลมพลางกล่าว “งั้นรึ ข้าคนแซ่หลินขอพูดตามตรง หากพวกเจ้าจากไปตอนนี้ยังมีโอกาสรอดเสี้ยวหนึ่ง หากอยู่ต่อ รอข้าคนแซ่หลินทะลวงด่านเคราะห์นี้แล้วก็เป็นเวลาตายของพวกเจ้า”
“ฮ่าๆๆ”
ถานอู่แหงนมองฟ้าหัวเราะร่าอย่างอดไม่ได้ เหมือนได้ยินเรื่องตลกซึ่งน่าขันที่สุดในโลกหล้า
“หลินสวิน เจ้าข้ามด่านเคราะห์ที่นี่ด้วยห่วงว่าจะทำให้ลัทธิแรกกำเนิดเดือดร้อน แต่ข้าจะบอกเจ้าให้ ไม่มีระดับนิรันดร์บัญชาการ อาศัยระเบียบระดับเทพอาจขวางพวกข้าได้ชั่วคราว แต่ใช่จะขวางได้ทั้งชีวิต ถึงตอนนั้นไม่ใช่แค่เจ้าประสบเคราะห์ ทุกคนทั้งลัทธิแรกกำเนิดยังต้องหายไปจากโลกด้วย!”
ถานอู่กล่าวเสียงเหี้ยมเกรียม
เจียหนานก็กล่าวสีหน้าเคร่งขรึม “สหายยุทธ์ไม่ต้องพูดกับเขามากนัก ขอเพียงเจ้ากับข้าอยู่ที่นี่ วันนี้เขาย่อมหนีความตายไม่พ้นแล้ว”
“เหอะ”
หลินสวินหัวเราะขึ้นมา เงยหน้ามองไปบนเวิ้งฟ้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าคนแซ่หลินก็จะพูดให้ชัดเจน รอหลังจากข้าแจ้งมรรคนิรันดร์ ไม่ว่าจะเป็นพวกเจ้าหรือลัทธิพ่อมดกับลัทธิฌานเบื้องหลังพวกเจ้า ล้วนไม่มีความจำเป็นต้องอยู่บนโลกแล้ว!”
พูดจบเขาพลันสูดหายใจเข้าลึกๆ เรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมา จากนั้นเงาร่างห้อทะยานขึ้นไป ถึงกับพุ่งเข้าไปในส่วนลึกของเวิ้งฟ้าโดยตรง
เหตุการณ์นี้อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน
พวกเสวียนเฟยหลิงหน้าเปลี่ยนสีอย่างอดไม่ได้ ยังคิดว่าสภาวะจิตของหลินสวินได้รับผลกระทบ กระทั่งทำการเคลื่อนไหวอย่างวู่วามเช่นนี้
เจียหนานกับถานอู่สบตากันวูบหนึ่ง ล้วนเผยรอยยิ้มออกมา
การกระทำนี้ของหลินสวินไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตายจริงๆ!
ส่วนลึกของเวิ้งฟ้าเป็นถึงแหล่งรวมมหาเคราะห์นิรันดร์ อาณาเขตแห่งหนึ่งซึ่งเหมือนแดนต้องห้าม จากอดีตเรื่อยมาจนปัจจุบันไม่มีใครกล้าบุ่มบ่ามพุ่งเข้าไปสักคน
ตอนนี้ภายในนั้นกำลังมีแสงเคราะห์ชวนประหวั่นสั่งสมพลัง เขาหลินสวินคิดจริงหรือว่าฉวยโอกาสนี้แล้วจะสลายด่านเคราะห์ระดับนี้ได้
เป็นการรนหาที่ตายชัดๆ!
ตูม!
เมื่อเงาร่างหลินสวินเข้าใกล้ส่วนลึกของเวิ้งฟ้า แสงเคราะห์ขาวโพลนพลันก่อเกิด ปกคลุมเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งของเขาอย่างสมบูรณ์
อย่าว่าแต่พวกเสวียนเฟยหลิง ยามนี้แม้แต่ระดับนิรันดร์ทั้งสองอย่างเจียหนานกับถานอู่ล้วนไม่เห็นเงาร่างของหลินสวินอีก ทั้งไม่อาจสัมผัสได้
เพราะนั่นคือแดนต้องห้ามที่เกิดในส่วนลึกของเวิ้งฟ้า แม้แต่จิตรับรู้ระดับนิรันดร์ยังไม่กล้าเข้าใกล้ มิฉะนั้นต้องถูกพลังสะท้อนกลับแน่
‘เมื่อเมฆาเคราะห์ทั่วฟ้านี้สลายไป ก็หมายความว่าหมอนี่วิญญาณแตกซ่านแล้ว!’
เจียหนานทำการสันนิษฐาน
‘เขาต้อง… เขาต้องไม่เป็นไร…’
ใจของพวกเสวียนเฟยหลิงลอยเคว้งอยู่ตรงลำคอ ลอบภาวนากับตัวเอง
แต่เวลานี้เอง…
ห้วงอากาศซึ่งอยู่ห่างทะเลหมื่นดาราไปไกลเกิดคลื่นสะเทือนระลอกแล้วระลอกเล่ากะทันหัน มีกลิ่นอายนิรันดร์แผ่อบอวลออกมา
เหตุการณ์นี้ดึงดูดความสนใจของเจียหนานและถานอู่ทันที
จากนั้นเงาร่างสายแล้วสายเล่าก้าวออกมาจากคลื่นอากาศ มีทั้งชายและหญิง ทั้งชราและเยาว์วัย แม้รูปร่างไม่เหมือนกัน แต่บนตัวล้วนแผ่กลิ่นอายของระดับนิรันดร์โดยไม่มีข้อยกเว้น!
ถึงตอนท้ายระดับนิรันดร์เจ็ดคนปรากฏตัวบนทะเลหมื่นดารา กลิ่นอายน่ากลัวนั้นรวมตัวกัน ทำให้เจียหนานและถานอู่ใจสะท้าน
แต่ไม่นานเมื่อมองฐานะของเจ็ดคนนี้ออก พวกเขาต่างผ่อนคลายลง
“เผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าก็สอดมือเข้ามาแล้ว!”
เวลานี้พวกเสวียนเฟยหลิงที่อยู่ในแดนแรกเริ่มราวกับถูกฟ้าผ่า แต่ละคนตาแทบถลน
เจ็ดคนนั้นต่างมาจากเผ่าเทพนิรันดร์แห่งหนึ่ง ล้วนเป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่อยู่มาไม่รู้กี่กาลเวลา ปัจจุบันต่างจับมือกันมา เจตนาของพวกเขาชัดเจนยิ่งยวด!