Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3052 นัยเร้นลับต้นกำเนิดของจตุโบราณสถาน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 3052 นัยเร้นลับต้นกำเนิดของจตุโบราณสถาน
กฎระเบียบศุภโชคเกิดจากพลังต้นกำเนิดของแหล่งสถานศุภโชค
เมื่อหลินสวินหยั่งรู้ นัยเร้นลับนานัปการเกี่ยวกับกฎระเบียบศุภโชคก็ปรากฏออกมาทีละอย่างและถูกเขาหยั่งถึงทั้งหมด
คำว่าศุภโชคมีความหมายมากมาย
บ้างอธิบายถึงวาสนา บ้างอธิบายถึงธรรมชาติ
แต่ส่วนใหญ่ถูกมองว่าคือการสร้างและวิวัฒน์ สร้างใต้หล้าฟ้าดิน วิวัฒน์มหามรรคหมื่นลักษณ์
กฎระเบียบศุภโชคก็เกี่ยวข้องกับการสร้างและวิวัฒน์
เมื่อหยั่งรู้ ในใจหลินสวินก็เกิดคลื่นถาโถมเป็นระลอก
สาเหตุอยู่ที่กฎระเบียบศุภโชคแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ เมื่อมีพลังนี้ก็เหมือนนายเหนือหัวผู้สร้างโลก!
การถือกำเนิดของโลกแห่งหนึ่งก่อเกิดจากแดนแรกกำเนิด แดนแรกกำเนิดแบ่งแยกเป็นฟ้าดิน สรรพสิ่งถือกำเนิดตามมา
พลังของกฎระเบียบศุภโชคก็เช่นกัน สามารถสร้างโลกแห่งหนึ่งในแดนแรกกำเนิด จากนั้นจึงวิวัฒน์มหามรรคหมื่นลักษณ์ในโลกแห่งนี้!
สิ่งนี้ต่างจากพลังที่ระดับนิรันดร์ขั้นสรรสร้างครอบครอง
ขั้นสรรสร้างหลอมพลังกฎระเบียบนานัปการไว้ในร่าง ด้วยเหตุนี้จึงสร้างวัตถุมากมายออกมาได้ มีความสามารถเปลี่ยนหินเป็นทองคำ เปลี่ยนของธรรมดาเป็นสิ่งอัศจรรย์
ส่วนกฎระเบียบสรรสร้างกลับเป็นการสร้างโลก วิวัฒน์ฟ้าดินแห่งหนึ่งที่มีมหามรรคหมื่นลักษณ์อย่างแท้จริง!
เวลานี้ในที่สุดหลินสวินก็เข้าใจความหมายในการมีอยู่ของแหล่งสถานศุภโชคแล้ว
เมื่อไหร่ก็ตามที่เคราะห์แห่งยุคสมัยมาเยือน พลังต้นกำเนิดของแหล่งสถานศุภโชคจะสร้างและวิวัฒน์อารยธรรมแห่งยุคสมัยใหม่ออกมา ดังนั้นจึงทำให้หนทางการฝึกปราณอยู่รอดเหมือนหมุนเวียนเป็นวัฏจักร
เหมือนเช่นทุกอารยธรรมแห่งยุคสมัยที่กระจายอยู่ในแหล่งสถานศุภโชคตอนนี้ ล้วนสร้างและวิวัฒน์ออกมาโดยแหล่งสถานศุภโชค
และนี่ก็เป็นจุดที่ทำให้หลินสวินตกตะลึง
แหล่งสถานศุภโชคเท่ากับเป็นรังมารดาของอารยธรรมแห่งยุคสมัยต่างๆ!!
เมื่ออารยธรรมแห่งยุคสมัยเหล่านั้นทยอยดับสิ้นกลางเคราะห์แห่งยุคสมัยก็จะปรากฏในแหล่งสถานศุภโชค กระทั่งพัฒนาเป็นแบบแผนที่อารยธรรมแห่งยุคสมัยนับร้อยอยู่ร่วมกันเช่นวันนี้
นี่ก็เหมือนใบไม้ร่วงลงสู่ราก!
แน่นอนว่ามีอารยธรรมแห่งยุคสมัยบางส่วนหายไปจากโลกโดยสมบูรณ์เช่นกัน เหมือนอารยธรรมเซียนยุทธ์ในยุคก่อนก็เป็นเช่นนี้
‘หากเป็นเช่นนี้ การครอบครองกฎระเบียบศุภโชคไม่ได้หมายความว่าข้าก็สร้างอารยธรรมแห่งยุคสมัยได้ครั้งแล้วครั้งเล่าหรือ’
ในใจหลินสวินสั่นสะท้านเล็กน้อย ตัวเขาล้วนถูกความคิดนี้ทำให้ตกใจ
‘ไม่ถูกสิ กฎระเบียบศุภโชคทำได้แค่สร้างโลก วิวัฒน์มหามรรคหมื่นลักษณ์ แต่พลังซึ่งเหมือนสิ่งต้องห้ามอย่างชีวิต เวลา กฎกรรมกลับไม่ได้สร้างมาจากกฎระเบียบศุภโชค’
ไม่นานหลินสวินก็ตระหนักถึงปัญหาแล้ว เขาสงบสติลง ‘นี่ก็หมายความว่าแหล่งสถานศุภโชคแค่สร้างโลก วิวัฒน์มหามรรคหมื่นลักษณ์ แต่ไม่อาจสร้างพลังต้องห้ามอย่างชีวิต เวลา กฎกรรม’
‘น่าสนใจ’
หลินสวินนึกถึงแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา
ในฐานะหนึ่งในจตุโบราณสถานเหมือนกัน แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เหมือนจุดหมายและปลายทางของสรรพสิ่ง แม้แต่ระดับนิรันดร์ที่สิ้นชีพยังถูกเปลี่ยนเป็นพลังชีวิตตั้งต้นและซ่อนอยู่ในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเคราะห์แห่งยุคสมัยมาเยือน แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงชวนตะลึง ปลดปล่อยพลังชีวิตที่ซ่อนอยู่เหล่านั้นออกมา…
เมื่อเทียบกันแล้วแหล่งสถานศุภโชคกลับหมายความถึงต้นกำเนิดและการเริ่มต้นของสรรพสิ่ง สร้างอารยธรรมแห่งยุคสมัยขึ้นใหม่หลังผ่านเคราะห์แห่งยุคสมัยสมัย…
หมุนเวียนเป็นวัฏจักร ก่อเกิดสืบเนื่องไร้สิ้นสุด
‘หากกล่าวว่าแหล่งสถานศุภโชคเป็นจุดเริ่มต้นทั้งหมด แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เป็นจุดจบของทุกอย่าง เช่นนั้นแหล่งสถานคุนหลุนกับแหล่งสถานอัศจรรย์ต่างมีนัยเร้นลับอะไรเล่า’
พริบตานี้ความคิดหลินสวินล่องลอย
เมื่อก่อนเขายังไม่ก้าวสู่มรรคานิรันดร์ ไม่มีทางนึกถึงเรื่องพวกนี้โดยสิ้นเชิง
ทั้งเขาเพิ่งพบว่าการมีอยู่ของจตุโบราณสถาน ถึงกับไม่มีแห่งใดไม่ซ่อนความลับยิ่งใหญ่ซึ่งคนทั่วไปไม่รับรู้!
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า
วันที่สามในการปิดด่านฝึกปราณของหลินสวิน ข่าวว่าเผ่าเทพหลายตระกูลตอบรับการเรียกขานจากตระกูลเกาหยางและตระกูลเจียง ตัดสินใจส่งคนมากำจัดหลินสวินในอีกสิบวันข้างหน้าก็แพร่มาถึงเมืองเทพศุภโชค
ผู้ฝึกปราณในเมืองต่างฮือฮา รู้สึกสั่นสะท้านทันที
นับตั้งแต่วันนั้นเหล่าผู้ฝึกปราณที่รวมตัวมาจากแต่ละอารยธรรมแห่งยุคสมัยล้วนรีบออกจากเมืองไป ไม่กล้าอยู่ต่อโดยสิ้นเชิง กลัวว่าหลังจากเคราะห์สังหารอีกสิบวันมาเยือนแล้วจะทำให้พวกเขาโดนลูกหลง
แค่เวลาไม่ถึงหนึ่งวัน เมืองเทพศุภโชคซึ่งอดีตรุ่งเรืองหาใดเปรียบเปลี่ยนเป็นว่างเปล่า เปลี่ยวเหงา ซบเซาและอ้างว้าง
มีแค่คนบางส่วนที่ไม่กลัวตายและเลือกอยู่ต่อ แต่ก็เป็นแค่ส่วนน้อย
ทั้งหมดนี้ล้วนถูกเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกอู๋ยาง ซิงเจียรับรู้ พวกเขาสัมผัสถึงความรุนแรงของปัญหาแทบจะทันที…
ครั้งนี้ไม่ใช่แค่กำลังพลของตระกูลเกาหยางกับตระกูลเจียง ยังมีเผ่าเทพหลากตระกูลทั่วหล้าเข้าร่วมด้วย!
รวบรวมระดับนิรันดร์ของเผ่าเทพทั่วหล้ามาจัดการหลินสวินคนเดียว!
นี่จะให้พวกอู๋ยางอยู่เฉยได้อย่างไร
พวกเขาออกเดินทางไปยอดเขาราตรีสงัดทันที คิดหารือกับหลินสวินว่าควรรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร
“ผู้อาวุโสทุกท่าน บิดาของข้ากำลังปิดด่านฝึกปราณ”
หน้าประตูตำหนักที่ปิดสนิท หลินฝานกับซูไป๋ประจำการอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นพวกอู๋ยางมาถึง หลินฝานประสานมือคารวะและแจ้งเรื่องที่หลินสวินกำลังปิดด่านออกมา
พวกอู๋ยางต่างคิ้วขมวดทันที
อีกสิบวันข้างหน้ากำลังพลของศัตรูจะยกทัพประชิดเมือง เวลากระชั้นเกินไปแล้ว
“เจ้าหนุ่ม ครั้งนี้บิดาเจ้าจะปิดด่านนานเท่าไหร่” ซิงเจียเอ่ยถาม
หลินฝานส่ายหัว แสดงออกว่าไม่รู้
“ช่างเถอะ พวกเราเฝ้ารออยู่ที่นี่ก็พอ”
อู๋ยางตัดสินใจ
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นเห็นดังนี้แล้วต่างพยักหน้า
แม้ว่าสถานการณ์จะกดดัน แต่พวกเรารู้ดีว่าหากหลินสวินอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของการฝึกปราณ ย่อมไม่อาจไปรบกวนเด็ดขาด
แน่นอนว่าก่อนศัตรูมาเยือน หากหลินสวินยังไม่มีสัญญาณว่าจะออกด่าน พวกเขาย่อมไม่มีทางรอต่อไปเช่นนี้เป็นธรรมดา
ขณะเดียวกันหลินสวินที่อยู่ในการปิดด่านกำลังตกอยู่ในสภาวะตื่นรู้อัศจรรย์อย่างหนึ่ง
เมื่อวานเขาหยั่งถึงนัยเร้นลับของกฎระเบียบศุภโชคโดยสมบูรณ์แล้ว กฎเกณฑ์มหามรรคทั้งตัวเกิดการเปลี่ยนแปลงชวนตะลึง
ไม่พูดถึงนัยเร้นลับมหามรรคอื่น แค่พลังที่เรียกได้ว่ายอดมรรคต้องห้ามที่เขาครองตอนนี้ก็มีสี่อย่าง
ได้แก่นิพพาน เวลา ห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ และกฎระเบียบศุภโชคที่เพิ่งครอบครอง
ภายในนั้นกฎระเบียบนิพพานคือแกนหลัก เป็นรากฐานของพลังมหามรรคอื่น กฎเกณฑ์เวลาก็เป็นสิ่งที่ควบรวมจากพลังพรสวรรค์หุบเหวกลืนกิน
ส่วนห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์กับกฎระเบียบศุภโชค ต่างมาจากพลังต้นกำเนิดของสองโบราณสถานนี้
กล่าวได้ว่ามรรคชั้นยอดสี่อย่างนี้ทำให้หลินสวินมีพลังต่อสู้เย้ยฟ้าที่กำราบคนระดับเดียวกันได้ โดดเด่นเหนือใครบนมรรคานิรันดร์!
หลังจากหยั่งถึงนัยเร้นลับของกฎระเบียบศุภโชค มรรควิถีของหลินสวินก็เกิดการเปลี่ยนแปลงน่าอัศจรรย์อย่างหนึ่ง เอ่อท้นเหมือนเจาะกระดาษของหน้าต่างชั้นหนึ่งออก
เขาคิดแจ้งมรรคทะลวงขั้นทันที แต่เวลานี้เองตัวแปรที่คาดไม่ถึงอย่างหนึ่งพลันเกิดขึ้น…
ยอดสมบัติลายธารซึ่งปกป้องท้องฟ้าเหนือเมืองเทพศุภโชคมาในกาลเวลาไร้สิ้นสุดเหมือนสัมผัสถึงอะไรบางอย่าง ปลดปล่อยพลังยิ่งใหญ่เร้นลับออกมาปกคลุมร่างหลินสวินทันที
จากนั้นเงาร่างหลินสวินก็หายไป ราวกับถูกพาตัวไปกลางอากาศ
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ทำให้เขาไม่ทันตั้งตัวโดยสิ้นเชิง ทั้งไม่อาจต้านทานได้แต่แรก
เมื่อเงาร่างเขายืนมั่นก็เห็นภาพสะเทือนใจคน…
ในแดนแรกกำเนิดเวิ้งว้างไร้สิ้นสุดแห่งหนึ่ง สายธารกว้างใหญ่ไพศาลพลุ่งพล่านพลิกตลบ ไม่รู้จุดเริ่มต้นและปลายทางของมัน
ภาพเงาอารยธรรมแห่งยุคสมัยต่างๆ ลอยล่องในสายธารกว้างใหญ่ไพศาลนั้นราวกับฟองคลื่น สำแดงภาพน่าเหลือเชื่อนานัปการออกมา
นัยเร้นลับซึ่งอารยธรรมแห่งยุคสมัยหนึ่งครอบครองนั้นมากเกินไปจริงๆ มีวัฏจักรหมื่นลักษณ์ มีโลกไร้ขอบเขต มีสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน มีเผ่าพันธุ์นานัปการ มีระบบการฝึกปราณที่เคร่งครัดสมบูรณ์ มี…
แต่ตอนนี้ภาพเงาอารยธรรมแห่งยุคสมัยต่างๆ ถึงกับปรากฏอยู่ในสายธารแรกกำเนิดกว้างใหญ่ไพศาล ภาพนี้ทำให้หลินสวินตกตะลึง
ในหัวนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาอย่างอดไม่ได้…
ปีนั้นในโลกวัฏจักรของแดนปรินิพพาน เขาเคยเห็นสายธารกว้างใหญ่ไพศาลหลั่งไหลไม่หยุด แต่สิ่งที่ปรากฏในสายธารนั้นกลับเป็นยอดผู้แข็งแกร่งแต่ละขอบเขตมหามรรคของยุคสมัยนี้
แต่ปัจจุบันสายธารซึ่งไหลหลั่งในแดนแรกกำเนิดนี้กลับต่างออกไป สิ่งที่ปรากฏในนั้นคืออารยธรรมแห่งยุคสมัยมากมาย!
ที่นี่คือที่ไหน
เมื่อในหัวหลินสวินมีความคิดนี้ผุดขึ้นมา เจตจำนงอัศจรรย์หนึ่งก็ปรากฏในใจ…
‘นี่ก็คือสายธารยุคสมัย คงอยู่ในต้นกำเนิดของแหล่งสถานศุภโชค’
‘ที่นี่เหมือนกับ ‘ภูเขาห้าระเบียบ’ ในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ‘ทะเลโชคชะตา’ ในแหล่งสถานคุนหลุน ‘เนินเทพอัศจรรย์’ ในแหล่งสถานอัศจรรย์ ล้วนเป็นแดนต้องห้ามที่สุดบนโลก’
นี่ไม่ใช่เสียง แต่เหมือนการหยั่งรู้อย่างหนึ่ง ปรากฏขึ้นในใจหลินสวินอย่างเป็นธรรมชาติ
เพียงชั่วขณะในใจหลินสวินสั่นสะท้านยิ่งกว่าเดิมแล้ว
เขาเคยเจอภูเขาห้าระเบียบ คือเผิงไหล อิ๋งโจว ฟางหู ไต้อวี่ หยวนเจี้ยว ตั้งอยู่ในแดนฝังมรรคส่วนลึกสุดของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์
แต่สายธารยุคสมัยตรงหน้า เขาเพิ่งเคยได้ยินและพบเห็นเป็นครั้งแรก!
สำหรับทะเลโชคชะตาในแหล่งสถานคุนหลุน เนินเทพอัศจรรย์ในแหล่งสถานอัศจรรย์ เขาก็เพิ่งได้รู้จักเป็นครั้งแรก!
ครู่ใหญ่หลินสวินจึงสงบสติลง ก่อนเอ่ยถามในใจเงียบๆ ‘ทำไมข้าถึงปรากฏตัวที่นี่’
ไม่นานเจตจำนงหนึ่งปรากฏขึ้นในใจดังคาด ‘รับเคราะห์อยู่ในสายธารยุคสมัยนี้ ถึงมีรากฐานพลังหลุดพ้นจากการสับเปลี่ยนยุคสมัยได้’
‘เส้นทางนี้เขาเคยก้าวเดินมาก่อน’
ยังไม่รอให้หลินสวินถามว่า ‘เขา’ คนนั้นเป็นใคร ในหัวก็ปรากฏเงาร่างสูงสง่าหนึ่ง…
คนผู้นั้นสวมชุดเขียว พาดกระบี่โบราณ เท้าเหยียบเกลียวคลื่นซึ่งวิวัฒน์จากยุคสมัยมากมายก้าวสู่ความเวิ้งว้างห่างไกล
เฉินซี!
ที่แท้ก็เป็นเขา!
ในใจหลินสวินปั่นป่วน นึกถึงยามหลังจากหยั่งรู้นัยเร้นลับของนภาดาราศุภโชคเมื่อปีนั้น เสียงเลือนรางของเฉินซีเคยกล่าวว่า
‘วันหน้าหากมีคนมองทะลุการจัดวางนี้ของข้าคนแซ่เฉินได้ บางทีอาจหมายความว่าบนมรรคานี้ไม่ได้มีข้าคนแซ่เฉินคนเดียวอีก...’
ปีนั้นหลินสวินยังเคยสงสัย เส้นทางที่เฉินซีก้าวเดินคนเดียวนี้เป็นมหามรรคแบบใดกันแน่
ตอนนี้เมื่อเห็นสายธารยุคสมัยที่กว้างใหญ่ไพศาลพลิกตลบอยู่ในแดนแรกกำเนิด สุดท้ายหลินสวินก็เข้าใจแล้ว
มรรคานี้สื่อถึงการหลุดพ้นจากการสับเปลี่ยนยุคสมัยอย่างแท้จริง!
คิดจะบรรลุถึงจุดนั้นต้องรับเคราะห์ในสายธารยุคสมัยนี้ก่อน ถึงสามารถครอบครองรากฐานที่เหนือกว่าได้!
‘ที่แท้เป็นเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…’
หลินสวินเข้าใจถ่องแท้ นัยน์ตาล้ำลึกดุจหุบเหวเปลี่ยนเป็นส่องประกายขึ้นมา