Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3099 จอมมรรคซานเฟิง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 3099 จอมมรรคซานเฟิง
ตอนที่ 3099 จอมมรรคซานเฟิง
ทันใดนั้นจิตต่อสู้ภายในใจหลินสวินพลันสลายหายไป
เขาไม่อยากลงมือกับศัตรูของพวกซินหู เหลยซ่ง
หลินสวินคิดๆ แล้วกล่าวอย่างจริงจัง “สหายยุทธ์ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้ากับพวกซินหูเป็นศัตรูกัน อีกทั้งข้ายังเป็นคนสังหารซินหูเองกับมือ”
“เจ้าฆ่าซินหูหรือ”
ชายชุดม่วงขำพรืด “เจ้าหนุ่ม แม้การที่เจ้าพูดเช่นนี้จะทำให้ข้าดีใจมาก แต่เจ้าคิดว่าลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้จะหลอกข้าได้หรือ”
ในความคิดเขา หลินสวินกล่าวเช่นนี้ก็เพื่อปกป้องตัวเอง
เพียงแต่หากบอกว่าขั้นสรรสร้างคนหนึ่งสามารถสังหารขั้นไร้ขอบเขตใหญ่อย่างซินหูได้ นั่นก็เป็นเรื่องน่าขันที่สุดแล้ว
ถึงขั้นที่ชายชุดม่วงโมโหอยู่หน่อยๆ คิดว่าวิธีที่หลินสวินโกหกตน… ออกจะตื้นเขินเกินไป เป็นการดูหมิ่นสติปัญญาของตนโดยสิ้นเชิง!
และเมื่อเห็นเช่นนี้หลินสวินก็หมดคำจะเอ่ยอีก จำต้องกล่าวอย่างหมดความอดทนว่า “ยามสังหารซินหู ยังมีผู้อาวุโสอีกคนคอยช่วยเหลือ แต่ข้ารับรองได้…”
ชายชุดม่วงกล่าวตัดบท “ยังคิดจะหลอกข้าหรือ เจ้าคิดว่าข้าหลอกง่ายมากหรือไร”
เขายิ่งโมโหขึ้นเรื่อยๆ สายตาที่มองหลินสวินก็เจือแววเย็นชา เจ้าหมอนี่เห็นว่าตนเบาปัญญาจริงๆ สินะ!
หลินสวินเอามือกุมหน้าผาก ถอนใจยาวในใจ ขนาดนี้แล้ว… เขายังจะพูดอะไรได้
“ช่างเถอะ คุยไม่ถูกคอครึ่งคำก็มากความ ขอตัว”
หลินสวินหมุนตัวจากไป
“ฮ่าๆๆ”
เมื่อเห็นท่าทางหมดอารมณ์ของหลินสวิน ชายชุดม่วงอดโมโหจนหัวเราะไม่ได้ “หลอกข้าไม่สำเร็จ ตอนนี้ยังคิดหนีอีกหรือ นี่เจ้าไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาสักนิดสินะ!”
ขณะพูดเขายื่นมือผ่านอากาศคว้าไปทางหลินสวินอย่างฉับพลัน
ตูม!
ประกายวิเศษกฎระเบียบสีชาดไหลทะลัก กลายเป็นมือยักษ์เปลวเพลิงที่อานุภาพน่าสะพรึงข้างหนึ่ง ยามปิดครอบลงมาห้วงอากาศใกล้เคียงล้วนเสมือนถูกหลอม กลิ่นอายน่าหวาดกลัว
การโจมตีเช่นนี้ล้วนสามารถจับกุมขั้นไร้ขอบเขตเล็กได้อย่างง่ายดาย
กลับเห็นเงาร่างของหลินสวินวาบกะพริบกลางอากาศ เคลื่อนที่ออกไปอย่าฉิวเฉียด ทำให้การโจมตีนี้ของชายชุดม่วงพลาดเป้า
และอาศัยโอกาสนี้ เงาร่างหลินสวินเสมือนแสงเคลื่อนสายหนึ่งแหวกนภากว้าง พริบตาก็อันตรธานหายไป ความเร็วระดับนั้นทำให้ชายชุดม่วงยังอดอึ้งไม่ได้
“คิดไม่ถึงเลยว่าในด้านการหลบหนีเจ้าหมอนี่ดันร้ายกาจขนาดนี้… แต่คิดจริงๆ หรือว่าเช่นนี้ก็จะหนีรอดไปได้”
ชายชุดม่วงแค่นเสียงเย็น เงาร่างพุ่งทะยาน เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศไล่ตามหลินสวิน
‘เจ้าหมอนี่เป็นพวกดื้อดึงจริงๆ…’
เมื่อชายชุดม่วงไล่ตามมาหลินสวินก็รู้ตัวในทันที อดด่าในใจไม่ได้
เขาไม่ได้สนใจ เคลื่อนย้ายเต็มกำลัง
และด้านหลังชายชุดม่วงไล่ตามติดไม่ลดละ ซ้ำความเร็วยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ร่นระยะห่างระหว่างหลินสวินอย่างต่อเนื่อง
“เจ้าหนุ่ม เจ้าหนีไม่รอดหรอก! ถ้ารู้ความก็ยอมให้จับแต่โดยดีเสียตอนนี้ หาไม่รอยามข้าไล่ตามเจ้าทันคงเลี่ยงเลือดตกยางออกไม่ได้!”
ชายชุดม่วงตะโกนลั่นอยู่ด้านหลัง
หลินสวินทำหูทวนลมเคลื่นย้ายต่อไป
“พูดดีๆ ไม่ชอบ ชอบให้ใช้กำลัง!”
ท่าทางไม่หวาดเกรงของหลินสวินทำให้ชายชุดม่วงหัวเสียหนักขึ้น
เพียงแต่ไม่นานเขาก็ชะงักเท้า
ก็เห็นเงาร่างสองสายพุ่งปราดมาจากไกลๆ กะทันหัน
หลินสวินเองก็หยุดเท้าเช่นกัน เพราะเงาร่างสองสายที่ปรากฏตัวคือสิงเจี้ยนสยาและฟู่หนานหลี
“จอมมรรคซานเฟิง นี่เจ้าจะเป็นศัตรูกับสหายน้อยหลินของข้าหรือ”
สิงเจี้ยนสยามองหลินสวินด้วยสายตาแปลกพิกลก่อนปราดหนึ่ง จากนั้นหันมองชายชุดม่วงที่อยู่ไกลๆ
“สิงเจี้ยนสยา พวกเจ้าเป็นพวกเดียวกันหรือ”
ชายชุดม่วงแปลกใจทันที
“ไม่ผิด”
สิงเจี้ยนสยากล่าวหัวเราะชื่นมื่น “ดูท่าจะเป็นการเข้าใจผิด เช่นนี้ก็จัดการง่ายแล้ว หาไม่มิตรภาพระหว่างเจ้ากับข้าคงต้องป่นปี้ในวันนี้”
ชายชุดม่วงแค่นเสียงเย็น ชี้ไปทางหลินสวิน “เจ้าหมอนี่ไม่ซื่อตรงอย่างมาก ยังคิดว่าข้าหลอกง่าย แต่คำโกหกที่เอ่ยออกมากลับไร้เดียงสาสุดขีด ที่น่าโมโหที่สุดคือตั้งแต่ต้นจนจบเจ้าหนุ่มขั้นสรรสร้างอย่างเขากลับไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาสักนิด!”
“หลอกเจ้าหรือ” สิงเจี้ยนสยาและฟู่หนานหลีล้วนอึ้งไป
“ใช่ เขาบอกว่าเขาฆ่าซินหู เช่นนี้พวกเจ้าจะเชื่อหรือ”
ชายชุดม่วงกล่าว “เจ้ารู้อยู่แล้วว่าพลังต่อสู้ของเฒ่าซินหูนั่นแข็งแกร่งแค่ไหน มีหรือที่ขั้นสรรสร้างอย่างเขาจะฆ่าตายได้ คำโกหกนี้ไม่ได้ใช้สมองคิดชัดๆ ช่องโหว่เป็นร้อย เจ้าว่าข้าจะไม่โกรธได้หรือ”
หลินสวินยิ้มขื่นไม่หยุด
ส่วนสิงเจี้ยนสยากับฟู่หนานหลีหัวเราะลั่นออกมา หัวเราะจนน้ำตาเกือบไหล
ชายชุดม่วงรู้สึกอึมครึมทันที กล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “หัวเราะกับผีสิ คราวก่อนยามต่อสู้แย่งชิงในโลกบัวชะตา ข้าซุ่มโจมตีพวกเฒ่าซินหูเพื่อระบายแค้นให้พวกเจ้าเชียว แม้จะไม่สามารถฆ่าพวกเขาให้ตายได้ แต่ก็ทำร้ายเจวี๋ยอวิ๋นโจวจนเจ็บสาหัส ทำให้เจ้าเฒ่านี่ถูกคนอื่นฆ่าตายเพราะอาการบาดเจ็บร้ายแรงเกินไป”
ได้ยินเช่นนี้สิงเจี้ยนสยาใจกระตุก กล่าวว่า “มิน่าคราวก่อนยามพวกพวกซินหูกลับโลกวิญญาณยุทธ์ข้าถึงไม่เห็นเจวี๋ยอวิ๋นโจว ที่แท้ถูกเจ้าทำร้ายนี่เอง”
ยามเข้าสู่บัวชะตามหามรรคดอกที่สี่ ซินหูและเหลยซ่งนำทัพขั้นไร้ขอบเขตใหญ่หกคน อู่ตงเหอหนึ่งในนั้นกลับไปก่อนล่วงหน้า ก่อนถูกเขากับฟู่หนานหลีซุ่มสังหาร
แต่ยามพวกซินหู เหลยซ่งย้อนกลับมา ข้างกายกลับมีเพียงสี่คน ขั้นไร้ขอบเขตใหญ่อย่างเจวี๋ยอวิ๋นโจวไม่ได้กลับมาด้วย
นี่ทำให้พวกสิงเจี้ยนสยาล้วนเดาว่าเจวี๋ยอวิ๋นโจวร่วงหล่นในโลกบัวชะตาแล้ว
แต่สิงเจี้ยนสยากลับคิดไม่ถึงว่าการร่วงหล่นของเจวี๋ยอวิ๋นโจวจะเกี่ยวข้องกับชายชุดม่วง
ชั่วขณะหนึ่งในใจเขาอดซาบซึ้งไม่ได้ กล่าวว่า “เฒ่าชราอย่างเจ้ายังเห็นแก่มิตรภาพเมื่อตอนนั้น ระบายแค้นแทนข้า ช่าง…”
ชายชุดม่วงกล่าวตัดบทว่า “พอแล้ว เลิกขอบคุณข้าแบบจอมปลอมได้แล้ว ข้าแค่จะถามเจ้าว่าควรอัดเจ้าหมอนี่สักทีดีหรือไม่”
เขายังคงโกรธหลินสวินอยู่
“เอ่อ…”
สิงเจี้ยนสยากล่าวด้วยสีหน้าพิกล “ซานเฟิง สหายน้อยหลินไม่ได้หลอกเจ้า”
ชายชุดม่วงอึ้งไปก่อน จากนั้นใบหน้าบวมแดงกล่าวว่า “สิงเจี้ยนสยา เสียแรงที่ข้ายังเห็นเจ้าเป็นเพื่อน เจ้ากลับไม่ลังเลช่วยพูดโกหกเพื่อเจ้านั่น!”
เขาโมโหจนแทบบ้า ขั้นสรรสร้างสังหารขั้นไร้ขอบเขตใหญ่เนี่ยนะ
เจ้าสิงเจี้ยนสยานี่ดันพูดออกมาได้!
“จอมมรรคซานเฟิง เจ้าคลายโทสะหน่อย นี่เป็นเรื่องจริงแน่แท้” ฟู่หนานหลีที่อยู่ห่างไปรีบเอ่ยปาก
“เจ้าๆๆ… เจ้าก็จะช่วยเจ้าหนุ่มนั่นโกหกข้าด้วยหรือ”
ชายชุดม่วงโมโหจนตัวสั่น “เจ้าหมอนั่นเป็นใครกันแน่ ถึงทำให้เฒ่าชราอย่างพวกเจ้าสองคนทิ้งศักดิ์ศรีแล้ว หากเรื่องนี้กระจายออกไป พวกเจ้าไม่รู้สึกขายหน้า แต่ข้าอายหมดแล้ว!”
ชั่วขณะหนึ่งสิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลี และหลินสวินสามคนสบสายตากัน ล้วนปวดกบาลไปพักหนึ่ง
แต่เมื่อคิดๆ ดู สิงเจี้ยนสยากับฟู่หนานหลีล้วนเข้าใจความรู้สึกของจอมมรรคซานเฟิงยิ่ง
หากเปลี่ยนเป็นพวกเขา ในสถานการณ์ที่ไม่รู้จักหลินสวิน เมื่อได้รู้ว่าขั้นสรรสร้างอย่างเขาสังหารซินหูตาย เกรงว่าคงคิดว่านี่ไม่มีทางเป็นไปได้แน่
จากจุดนี้จะเห็นได้ว่ายามเฒ่าชราอย่างพวกซินหูรับมือหลินสวิน เกรงว่าก็มีความรู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน…
ทันใดนั้นหลินสวินสาวเท้าก้าวออกไป ฝ่ามือฟันปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งไปทางชุดม่วง
ตูม!
ปราณกระบี่ที่เปี่ยมด้วยนัยเร้นลับนิพพานไหลรินดุจน้ำจากธารสวรรค์ เวิ้งว้างทั้งแถบ
ชายชุดม่วงที่กำลังเดือดอึ้งไปก่อน จากนั้นนัยน์ตาพลันหดรัด สัมผัสถึงความน่าสะพรึงของปราณกระบี่นี้ จึงออกมือโดยไม่ลังเลสักนิด ซัดหนึ่งหมัดออกไป
ตูม!
พลังหมัดและปราณกระบี่กระทบกัน พลังหมัดกลับแตกระเบิดราวกระดาษเปื่อย ส่วนปราณกระบี่พลังเหลือเฟือไม่ลดทอน ฟันไปทางชายชุดม่วงไม่ยั้ง
นี่ทำให้เขายังตกใจสะดุ้งโหยง หมัดก่อนหน้านี้แม้ว่าเขาจะยั้งแรงอยู่บ้าง แต่ขั้นไร้ขอบเขตเล็กก็ยากจะต้านทาน ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงขั้นสรรสร้างคนหนึ่ง
ทว่าตอนนี้กลับถูกบดขยี้อย่างง่ายดายปานนั้น!
“เปิด!”
เมื่อเห็นปราณกระบี่ฟันเข้ามา ชายชุดม่วงดึงพลังทั้งหมดออกมาใช้โดยไม่ลังเล นิ้วมือราวประทับ ควบรวมม่านแสงแดงเพลิงดุจไฟโหมสายหนึ่ง
ตูม!
เมื่อปราณกระบี่ฟันมา ม่านแสงแดงเพลิงพลันม้วนตลบระลอกหนึ่ง
แม้ว่าสุดท้ายปราณกระบี่นี้จะถูกต้านไว้ได้และสลายหายไปเกลี้ยง ทว่าพลังที่ปราณกระบี่นั้นปลดปล่อยออกมากลับทำให้เลือดลมของชายชุดม่วงพลิกม้วนระลอกหนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนสลับไปมา
ไกลออกไปหลินสวินเก็บมือ ประสานหมัดคารวะ “ผู้อาวุโส เมื่อครู่ล่วงเกินแล้ว”
“ซานเฟิง รสชาติเป็นอย่างไร”
สิงเจี้ยนสยายิ้มตาหยีพลางเอ่ยถาม
ในเมื่อพูดโน้มน้าวไม่ได้ เช่นนั้นอานุภาพของกระบี่นี้ก็น่าจะทำให้เจ้าเฒ่าคนนี้เชื่อได้แล้ว
ชายชุดม่วงนิ่งเงียบครู่หนึ่งกล่าวว่า “พลังแค่นี้ฆ่าซินหูไม่ได้หรอก”
เขาที่เดิมโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เวลานี้กลับอึกอักอยู่บ้างอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าก็ซับซ้อนมากเช่นกัน พลังของหนึ่งกระบี่นี้ของหลินสวินทำให้เขาตกใจเช่นกัน คิดไม่ถึงสักนิดว่าขั้นสรรสร้างคนหนึ่งจะแข็งแกร่งเพียงนี้
“ตอนนั้นยามจัดการซินหู ข้าและสหายน้อยหลินร่วมมือกัน เพียงแต่สุดท้ายคนที่สังหารซินหูก็คือสหายน้อยหลินจริงๆ”
สิงเจี้ยนสยากล่าวอธิบายเสียงนุ่ม
“ที่แท้เป็นเช่นนี้”
ชายชุดม่วงสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติขึ้นทุกที เขานึกถึงคราแรกสุดยามพบหลินสวิน สิ่งที่หลินสวินพูดก็เป็นเช่นนี้
และนี่ก็หมายความว่าหลินสวินในตอนนั้น… ไม่ได้พูดปดจริงๆ
นี่ทำให้ในใจชายชุดม่วงบีบเกร็งยิ่ง รู้สึกไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนอยู่บ้าง
“เอาละ อย่าว่าแต่เจ้าเลย ตอนนั้นพวกเฒ่าซินหูก็คิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าพลังต่อสู้ของสหายน้อยหลินจะเย้ยฟ้าเช่นนี้”
สิงเจี้ยนสยาก้าวขึ้นมา ตบไหล่ชายชุดม่วงเบาๆ พลางหัวเราะ “ยิ่งกว่านั้นดังคำกล่าวที่ว่าไม่สู้ก็ไม่รู้จักกัน ตอนนี้ความเข้าใจผิดคลี่คลายแล้ว เจ้าก็รู้ฝีมือของสหายน้อยหลินแล้ว และพวกเราก็พบกันอีกครั้งหลังจากกันนาน นี่เป็นเรื่องยินดีซ้อนยินดีแล้ว”
ชายชุดม่วงก็เป็นคนใจกว้างคนหนึ่ง เมื่อได้ยินก็กล่าวกลั้วหัวเราะว่า “เฮ้อ ยิ่งอยู่นานยิ่งดื้อดึง ครั้งนี้ข้าตาถั่วจริงๆ ไม่นึกว่าจะก่อเรื่องขายหน้าเช่นนี้ ทำให้ทุกคนเห็นขันแล้ว”
ขณะพูดก็หันมาประสานหมัดไปทางหลินสวินน้อยๆ “ก่อนหน้านี้ล่วงเกินยิ่งนัก สหายน้อยอย่าถือโทษ”
หลินสวินรีบกล่าวเป็นพัลวัน “ผู้อาวุโสเกรงใจเกินไปแล้ว”
“สหายน้อยหลิน นี่คือจอมมรรคซานเฟิง มาจาก ‘ยุควิถียุทธ์’ เป็นเฒ่าชราที่เคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพหกครั้ง”
สิงเจี้ยนสยายิ้มพลางแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน “นี่คือหลินสวิน ผู้สืบทอดคนสุดท้ายของเจ้าแห่งคีรีดวงกมล ฝึกปราณจนบัดนี้ไม่ถึงห้าร้อยปี มีมรรควิถีขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์แล้ว ส่วนความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้ของเขาล้วนสามารถสังหารเฒ่าชราอย่างจื่อเชออู๋จี้ได้”
จอมมรรคซานเฟิงอดกล่าวไม่ได้ “ผู้สืบทอดคีรีดวงกมล… หรือเขาก็คือหนึ่งบัวดอกนั้นที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลเฝ้ารอ”
สิงเจี้ยนสยาและฟู่หนานหลีต่างพยักหน้าน้อยๆ
จอมมรรคซานเฟิงทอดถอนใจกล่าว “มิน่าเล่า ก่อนหน้านี้นานมาแล้วข้าก็เคยได้ยินมา ว่าขอเพียงผู้สืบทอดที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลรอคอยปรากฏตัวจะต้องสั่นคลอนอดีตปัจจุบัน ทำลายรูปแบบรากฐานมหามรรคทั่วหล้า ทว่ากลับแทบไม่มีใครเชื่อ แต่ตอนนี้เห็นทีจะเป็นพวกเราที่ไม่เข้าใจสายตาของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลสักนิด”
หลินสวินก็อึ้งเช่นนั้น หรือว่าเฒ่าชรามากมายในทะเลโชคชะตาแห่งนี้ต่างก็เคยได้ยินเรื่อง ‘หนึ่งบัวหมื่นกาล’ กันหมด