Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 528 ความแค้นในปีนั้นขาดสะบั้นในวันนี้ (เจ็ด)
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 528 ความแค้นในปีนั้นขาดสะบั้นในวันนี้ (เจ็ด)
ทันทีที่ถ้อยคำของเหยาทั่วไห่เปล่งออกมา ก็ทำให้กลุ่มผู้แข็งแกร่งที่อยู่ข้างกายหลินสวินต่างประหลาดใจยิ่งยวด เจ้าหมอนี่บ้าไปแล้วหรือไร
พินาศย่อยยับ?
ลำพังแค่พลังน้อยนิดของพวกเขาตระกูลเหยา ก็กล้าพูดเหลวไหลถึงเพียงนี้เชียว
กระทั่ง…แม้แต่คนตระกูลเหยาเหล่านั้นยังตื่นตระหนก มึนงงเช่นเดียวกัน
มีเพียงหลินสวินเท่านั้นที่ในใจรู้สึกถึงอันตรายร้ายแรงเพิ่มขึ้นมา ก่อนหน้าที่เขาจะมาจังหวัดชิงเฟิง ก็รู้อยู่แล้วว่าอาศัยเพียงพลังของเหยาทั่วไห่ คงไม่กล้าต่อต้านตนอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้เป็นอันขาด
กล่าวอีกนัยหนึ่ง หลินสวินสงสัยมาตลอดว่าเบื้องหลังของเหยาทั่วไห่ยังมีพลังที่แข็งแกร่งคอยบงการทุกอย่างอยู่
เวลานี้ได้ยินเหยาทั่วไห่เอ่ยเช่นนี้ ทำให้หลินสวินสรุปได้ทันทีว่าความสงสัยของตนเป็นไปได้ว่าจะเป็นเรื่องจริง!
เคร้ง~
ทว่าไม่รอให้หลินสวินมีปฏิกิริยา ก็เห็นพื้นดินที่อยู่ไม่ไกลนักพลันมีเสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นระลอกหนึ่ง
นั่นคือโซ่ที่ทำจากกระดูกขาวเส้นหนึ่ง คละคลุ้งด้วยกลิ่นอายเย็นเยียบสั่นสะท้านหาใดเปรียบ ไอสังหารสีเลือดพวยพุ่งออกมาจากพื้นผิว กลายเป็นภาพมายาที่ดูคล้ายปีศาจชั่วร้าย
เดิมทีนี่เป็นสมบัติที่เหยาทั่วไห่ขว้างออกมา หมายจะให้หลินสวินมัดมือแล้วจับกุมไป เพียงแต่เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในเวลาต่อมา หลายคนจึงละเลยโซ่เส้นนี้
ทว่าในขณะนี้มันกลับเคลื่อนไหวอย่างแปลกประหลาด ประหนึ่งว่ามีชีวิต จู่ๆ ก็เหยียดตัวออกคล้ายกับหอกยาวกระดูกขาวเล่มหนึ่ง ก่อนพุ่งโจมตีออกไปกะทันหัน
ตูม!
ห้วงอากาศระเบิดเป็นเสี่ยงเหมือนกระดาษทันที ต้านทานอำนาจการโจมตีนี้เอาไว้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย น่ากลัวเกินไปแล้ว เหมือนแสงของกระดูกขาวที่มิอาจทัดเทียมได้ ราวกับสามารถทะลุทะลวงทุกอย่าง ทำลายล้างสรรพสิ่ง
สีหน้าของหลินสวินเปลี่ยนไปกะทันหัน สูดหายใจเย็นเยียบ ผิวหนังทั่วร่างเจ็บแปลบ ขนพองสยองเกล้า รับรู้ได้ถึงการคุกคามแห่งความตายจนแทบหายใจไม่ออก
ชิ้ง!
เขาเปล่งเสียงตะโกนลั่น พลังทั่วร่างโคจรถึงขีดสุดในพริบตา ดาบหักกลางฝ่ามือระเบิดประกายดาราสีเงิน ฟันผ่าออกมา
ระยะประชิดเกินไป ทำให้หลินสวินหลบเลี่ยงไม่ทัน ได้แต่ขืนสู้
ปัง!
เสียงปะทะดังสนั่นหวั่นไหว ฟ้าดินแถบนี้ตกอยู่ในความวุ่นวาย
หลินสวินรู้สึกเพียงว่าทั่วร่างราวกับถูกกระแทกอย่างหนัก ลำแขนเกือบจะถูกซัดแตก เลือดกบปากจมูก ทั้งตัวเกือบจะถูกซัดสะเทือนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในพริบตา
ความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายได้ทำให้หลินสวินส่งเสียงอู้อี้ ถลาลอยออกไปอย่างรุนแรง
การโจมตีครั้งนี้น่าหวาดกลัวเกินไป หากไม่ใช่เพราะร่างกายของเขาในตอนนี้มาถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว เกรงว่าจะถูกสังหารแหลกสลายภายใต้การโจมตีหนนี้ไปแล้ว!
ควรรู้ว่าด้วยพลังในปัจจุบันของหลินสวินสามารถประจันหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะได้ ทว่าตอนนี้ เพียงแค่การโจมตีหนเดียว เขาก็ถูกซัดพินาศโดยสิ้นเชิง ไม่มีพลังจะโต้กลับแม้แต่น้อย แค่คิดก็รู้ว่าพลังของโซ่กระดูกขาวเส้นนี้น่ากลัวเพียงใด
“หลินสวิน!”
ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ใกล้ๆ เหล่านั้นต่างตกใจ ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป และเสร็จสิ้นในชั่วพริบตา เร็วเสียจนทำให้พวกเขาตอบสนองไม่ทัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเข้าไปช่วยเหลือเลย
ในความเป็นจริงใครก็คิดไม่ถึง แค่โซ่กระดูกเส้นเดียวเท่านั้นถึงกับกลายเป็นไอสังหารยิ่งใหญ่ในพริบตา และระเบิดออกมากะทันหัน!
“หืม? ถึงกับสกัดการโจมตีของข้านี้ได้ เป็นหนูน้อยที่น่าสนใจทีเดียว”
โซ่กระดูกเส้นนั้นส่งเสียงแหบแห้ง ต่ำลึก และเย็นเยียบออกมา มีพลังอันแปลกประหลาดอย่างหนึ่ง น่าสะทกสะท้าน เร้นลับอย่างยิ่ง
หลินสวินซวนเซทรุดลงพื้น ฝุ่นควันลอยคลุ้ง สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมหาใดเปรียบ การโจมตีครั้งนี้เกือบทำให้เขาตาย พาให้ภายในใจเขายากจะสงบลงได้
นี่มันพลังแกร่งกล้าระดับไหนกันแน่
“หยุดมันก่อน!”
ผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจของพวกอัครการค้าสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือพร้อมกัน พวกเขาล้วนเป็นผู้อยู่ในระดับหยั่งสัจจะ ทว่าตอนนี้กลับปล่อยให้คนทำร้ายหลินสวินใต้จมูก นี่ทำให้พวกเขาหน้าถอดสีอยู่บ้าง
ตูม โครม ครืน~
ฟ้าดินทั้งผืนวุ่นวาย เต็มไปด้วยวิชาลับ แสงสมบัติ พลังแห่งสัจจะมหามรรคที่พลุ่งพล่าน ทำลายห้วงอากาศ ฉีกทึ้งแผ่นดินซัดสาดออกไปอย่างโหดเหี้ยมดุจกระแสน้ำ
ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งออกมือ เพียงพอที่จะเผาภูผาต้มมหาสมุทร ทำลายล้างฟ้าดินแถบหนึ่งได้
และในเวลานี้ ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะกลุ่มหนึ่งซัดโจมตี นี่ราวกับภัยพิบัติคับฟ้ามาเยือนชัดๆ มีพลังทำลายล้างที่ไม่อาจจินตนาการได้
คนตระกูลเหยาที่อยู่ห่างออกไปหนาวสะท้านไปทั้งร่าง ไม่กล้าจินตนาการว่าหากถูกผู้แข็งแกร่งกลุ่มนี้บุกเข้าตระกูล จะเกิดภัยพิบัติน่ากลัวระดับไหน
มีเพียงเหยาทั่วไห่ที่นิ่งเฉย ยืนสองมือไพล่หลังอยู่ตรงนั้น ลำแสงอสนีฉายวาบในดวงตา ในใจก็มีความฮึกเหิมหนึ่งเดือดคลั่งอยู่
ในที่สุดก็ถึงคราวอวสานเสียที!
“ฮ่าๆ เจ้าพวกแมลงตัวน้อยนี่ กล้าท้าดวลกับข้าหรือ ไสหัวไป!”
เสียงเย็นเยียบแหบแห้งนั้นดังขึ้น ประดุจสายฟ้าเขย่าโลกันตร์ เหมือนราชันไร้เทียมทานกำลังสำแดงฤทธิ์
เสียงโครมครามดังขึ้น พลันเห็นว่าในโซ่กระดูกขาวนั้นมีเงาร่างกำยำพุ่งออกมาฉับพลัน เบียดดันฟ้าดิน มือใหญ่เพียงโบกสะบัดคราเดียว เสียงก้องดังสนั่น แตกดับทั่วทิศ!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
พริบตาเดียวเท่านั้น ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะทั้งกลุ่มถูกซัดปลิวออกไปอย่างหนักราวกับกระดาษ ปากกระอักเลือด ซวนเซทรุดลงพื้น สะบักสะบอมหาใดเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
นี่มันน่าตกใจเกินไป ใครจะกล้าคิดว่ามหายุทธ์ระดับหยั่งสัจจะที่สามารถวางโตในมณฑลซีหนานได้ ในเวลานี้กลับมีสภาพเช่นนี้
คนตระกูลเหยาเบิกตากว้าง ประหนึ่งมองเห็นฉากอัศจรรย์ ลมหายใจล้วนยุดชะงัก แกร่งเกินไปแล้ว! เพียงแค่โบกมือก็ขับไล่ผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะทั้งกลุ่มได้ เสียงก้องดังสนั่น ทำให้ทั่วทิศสั่นสะเทือน นี่…หรือจะเป็นราชันระดับสังสารวัฏ?
ทันใดนั้นพวกเขาก็โห่ร้องอย่างยินดี ย่ามใจหาใดเปรียบ มีผู้แข็งแกร่งนั่งบัญชาการ มิน่าหัวหน้าตระกูลถึงได้มั่นใจถึงเพียงนี้!
เมื่อมองเหยาทั่วไห่อีกครา เวลานี้ใบหน้าฉายรอยยิ้ม มีท่าทางเหมือนทุกอย่างอยู่ในกำมือสิ้นแล้ว
ถูกต้อง นี่ต่างหากที่เป็นไพ่ตายที่แท้จริงของเขา!
เขาเหยาทั่วไห่ท่องโลกมานานปี จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าหากต้องการฆ่าหลินสวินในตอนนี้ ต้องพบเจออุปสรรคมากมาย
แล้วมีหรือจะคาดเดาไม่ได้ว่า เด็กหนุ่มผู้กล้าอย่างหลินสวินย่อมไม่อาจรุดหน้ามารนหาที่ตายเพียงลำพัง
แต่ที่เหยาทั่วไห่กล้าทำถึงขนาดนี้ ก็เพราะเขามั่นใจไร้กังวล และไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย!
……
เงาร่างกำยำนั้นดุจดั่งตระหง่านเหนือฟ้า ทันทีที่ปรากฏตัว พลังน่าหวาดหวั่นก็ปกคลุมทุกทิศทาง ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดนี้อย่างสมบูรณ์
ท่ามกลางความเลือนราง ฟ้าดินประหนึ่งกำลังคร่ำครวญ ห้วงอากาศพังทลาย สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่ารอบๆ เงาร่างกำยำนั้นมีสัจจะมหามรรคอันเก่าแก่มากมายอุบัติขึ้น ทั้งลึกลับและน่ากลัว คล้ายกำลังจะสยบพลังทุกอย่างบนโลกใบนี้
นี่คือพลังที่เหนือกว่าระดับหยั่งสัจจะโดยสิ้นเชิง กระทั่งแข็งแกร่งยิ่งกว่าระดับกระบวนแปรจุติไม่รู้กี่เท่า ทำให้ผู้คนทอดมองจากระยะไกลก็ยังสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวังและกระจ้อยร่อย
ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับราชันผู้หยัดยืนอยู่ปลายยอดหมู่เขาอย่างภาคภูมิ ทำได้เพียงค้อมศีรษะสวามิภักดิ์ น่าเกรงขามไม่อาจลบหลู่!
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ในลานมีคนมากมายเพียงนั้น แต่ไม่มีใครสักคนที่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของเงาร่างกำยำนั้นได้ชัดเจน ยากสัมผัสหยั่งถึงดุจดั่งเทพเจ้า
ทันใดนั้นสีหน้าของผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะจากขุมอำนาจของพวกอัครการค้าในลานต่างเปลี่ยนไปอย่างมาก ภายในใจผุดความหวาดกลัวขึ้นมาสายหนึ่ง ราวกับตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง
ราชันระดับสังสารวัฏ!
ด้วยสายตาของพวกเขา ย่อมสามารถแยกแยะพลังของเงาร่างกำยำนั่นได้ และเพราะเป็นเช่นนี้จึงทำให้พวกเขารู้สึกเหลือเชื่อ
ใครจะกล้าจินตนาการว่าในตระกูลเหยาแห่งจังหวัดชิงเฟิงนี้ จะถึงขั้นมีราชันผู้ยืนหยัดอยู่ปลายยอด เหยียดมองทั่วทั้งจักรวรรดินั่งบัญชาการอยู่!
แม้แต่หลินสวินก็ยังนิ่งงันไป ราชันระดับสังสารวัฏเชียว! มิน่าเหยาทั่วไห่ถึงได้มั่นใจไร้กังวลถึงเพียงนี้…
เพียงแต่หลินสวินยังคงคิดไม่ตก เหยาทั่วไห่วางแผนมาเนิ่นนานเพียงนี้ เหตุใดเอาแต่คิดจะฆ่าตน กระทั่งไม่เสียดายที่ต้องล่วงเกินขุมอำนาจอย่างพวกอัครการค้าหรือตระกูลหนิง
เจตนาที่แท้จริงของเขาคืออะไร
ในมุมมองหลินสวิน เบื้องหลังการกระทำใดๆ ย่อมต้องซ่อนแรงจูงใจบางอย่างเอาไว้เสมอ พวกที่แผนการล้ำลึกอย่างเหยาทั่วไห่ ถ้าไม่มีจุดประสงค์และเป้าหมายที่เพียงพอ เกรงว่าคงไม่ทำเรื่องบ้าดีเดือดเช่นนี้ออกมา
ทุกอย่างนี้ดูเหมือนเชื่องช้า ความเป็นจริงกลับเกิดขึ้นในพริบตาเดียว
ราชันแห่งระดับสังสารวัฏปรากฏกาย ลำพังแค่อานุภาพก็เพียงพอจะสั่นสะเทือนศัตรูทั่วสารทิศได้อยู่แล้ว ทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะไม่สามารถต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย
เพียงแต่เห็นได้ชัดว่า เป้าหมายของราชันแห่งระดับสังสารวัฏผู้นี้คือหลินสวิน เห็นผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะพวกนั้นเป็น ‘แมลง’ และไม่สนใจทั้งสิ้น
“เจ้าหนู ออกเดินทางกับข้าสักเที่ยวเถิด ผู้มากความสามารถเช่นเจ้า อยู่ในจักรวรรดิจื่อเย่าแห่งนี้รังแต่จะกลบฝังพรสวรรค์ให้เสียเปล่า”
เงาร่างกำยำเอ่ยปาก แหบแห้งเย็นเยียบ ดุจดั่งลมมืดมนจากนรก พาให้ผู้คนขนลุกซู่ ความหนาวเย็นถาโถมไปทั่วร่าง
ไม่อาจขัดขืนได้!
เพียงแค่อานุภาพไร้รูปร่างสายหนึ่ง ยังสามารถกำราบหลินสวินจนขยับไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว ความแตกต่างระหว่างระดับพลังนั้นห่างไกลเกินไป
เสมือนว่าอีกฝ่ายสามารถกำจัดเขาทิ้งได้ง่ายๆ เพียงแค่ความคิดเดียวเท่านั้น!
นี่ก็คือพลังของราชันระดับสังสารวัฏ เมินเฉยผู้คน ควบคุมมวลประชา คิดจะต่อต้านเขานั้น เว้นเสียแต่จะเป็นผู้อยู่ในระดับเดียวกัน…
มิเช่นนั้นทุกอย่างก็เหมือนมดปลวก ได้แต่หมอบคลานเท่านั้น!
เป็นอีกครั้งที่หลินสวินรู้สึกถึงความไร้พลังอย่างสิ้นเชิง เพียงแต่เขาในเวลานี้ สีหน้ากลับไม่ได้ผุดความสิ้นหวังและตื่นตระหนกใดๆ
“เพราะอะไร”
หลินสวินถามน้ำเสียงแหบพร่า มุมปากยังคงมีเลือดหลั่ง การโจมตีเมื่อครู่ ถึงจะไม่ได้ฆ่าเขา แต่ก็ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บเอาเรื่องอยู่
นั่นสินะ เพราะอะไร?
เหยาทั่วไห่วางแผนมาเป็นเวลานานขนาดนี้ ในที่สุดก็งัดไม้ตายอย่างราชันระดับสังสารวัฏผู้นี้ออกมา เพียงเพื่อจะเอาตัวหลินสวินไปเท่านั้นหรือ
“ฮ่าๆๆ หลินสวิน คราวนี้เจ้าควรจะรู้สึกโชคดีถึงจะถูก ข้าเคยบอกแล้วว่าจะมอบโชคดียิ่งใหญ่ให้เจ้า ตอนนี้ความโชคดีนี้ก็ตั้งอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว เจ้าไม่เพียงแต่ไม่ควรเกลียดข้า ซ้ำยังต้องซาบซึ้งปลื้มใจต่อข้าด้วยถึงจะถูก!”
เหยาทั่วไห่ที่อยู่ห่างออกไปหัวเราะลั่น อิ่มเอมใจยิ่งนัก
หลินสวินไม่ได้สนใจเขา เพียงแต่จดจ้องเงาร่างกำยำที่อยู่ไกลออกไป คล้ายคิดจะมองให้ทะลุร่างจริง และจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขา
น่าเสียดาย ทุกอย่างนี้ถึงล้วนเปล่าประโยชน์ ทุกสิ่งของราชันระดับสังสารวัฏ ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถสัมผัสได้แม้แต่น้อย
“ไปกับข้า ภายหน้าเจ้าก็จะเข้าใจเอง”
เงาร่างกำยำไม่รีรออีกต่อไป สะบัดแขนเสื้อ เอื้อมมือหมายจะคว้าหลินสวินที่อยู่บนพื้น การเคลื่อนไหวนั้นเบาหวิว ดูสบายเหมือนไปจับแมลงตัวเล็กตัวหนึ่ง
แต่ภายใต้การโจมตีครั้งนี้ อย่าว่าแต่หลินสวินเลย ต่อให้เป็นมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติมา ก็ยากจะหลบเลี่ยงได้!
“หลินสวิน!”
ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะเหล่านั้นต่างร้องตะโกน ภายในใจทั้งเจ็บปวดและโกรธเคือง ต่างไม่อาจทนดูได้อีกต่อไป
มีเพียงหลินสวินเท่านั้นที่เยือกเย็นมากอย่างเห็นได้ชัด
เขานั่งอยู่บนพื้นไม่ขยับเขยื้อน ดูเหมือนละทิ้งการดิ้นรนทั้งหมดแล้ว
ทว่าขณะที่มือใหญ่ข้างนั้นเอื้อมลงมา ตอนที่ใกล้จะจับหลินสวินได้ ทันใดนั้นหมัดหนึ่งก็ขวางอยู่ตรงหน้าหลินสวิน
หมัดนั้นราวกับแหวกห้วงอากาศ ทอดข้ามสายน้ำแห่งกาลเวลาเข้ามา แฝงด้วยอานุภาพแข็งกล้า บุกทะลวงตรงมาอย่างห้าวหาญ!
——