Dawn of a new era รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ - ตอนที่ 67
ตอนที่ 67 พักชั่วคราว (2)
เวลาใกล้ดำเนินมาถึงช่วงเที่ยงคืน
ท่ามกลางแสงจันทร์ส่องสว่าง ทั้งครอบครัวสี่คนพ่อแม่ลูกกำลังรีบเดินอย่างรวดเร็ว
เปลวไฟที่อยู่ไกลออกไปเริ่มโหมกระหน่ำขึ้นเรื่อยๆ รถยนต์ทั้งคันถูกไฟเผา
ดีที่ตรงนี้เป็นชนบทอยู่ในพื้นที่ห่างไกล อีกอย่างเป็นเวลากลางดึกอันเงียบสงัด ไม่มีใครสนใจ
ระหว่างที่เดินผ่านแม่น้ำสายหนึ่ง เฉินต้าเหว่ยโยนป้ายทะเบียนรถทิ้งลงแม่น้ำไป
หลังจากเดินมาได้ครึ่งชั่วโมง ในที่สุดทุกคนก็เดินมาถึงหมู่บ้านในเมือง ยังไม่ทันหาที่อยู่ได้ ก็ถูกตำรวจลาดตะเวนเรียกให้หยุด
” ดึกขนาดนี้พวกคุณมาทำอะไรกัน? ” ตำรวจลาดตระเวนนายหนึ่งส่องไฟฉายกวาดมาที่พวกเขา
ดีที่ตลอดทางเป็นไปอย่างที่เขาคิด และเขาได้เตรียมใจพร้อมรับมือกับสถานการณ์แบบนี้แล้ว จึงพูดขึ้นอย่างใจเย็น ” รถพวกผมพังอยู่บนถนนน่ะครับ จึงเตรียมหาที่พักชั่วคราวก่อน “
ตำรวจมองสำรวจทั้งผู้ใหญ่และเด็กวัยรุ่นที่มาด้วย แต่ละคนต่างถือกระเป๋าสัมภาระของตัวเอง สำเนียงที่พูดยังเป็นสำเนียงของที่นี่อีกด้วย จึงไม่ได้สงสัยแถมยังให้คำแนะนำอย่างเป็นมิตร
” ตอนนี้ที่แห่งนี้หาที่อยู่ยาก ลองไปเคาะประตูถามตามโรงแรมเล็กๆ เถ้าแก่น่าจะเปิดประตูให้อยู่นะครับ! “
” ขอบคุณมากๆ ครับ งั้นไม่รบกวนคุณแล้ว พวกเราไปก่อนนะครับ! “
” อืม ระวังด้วยนะครับ พักนี้การจัดระเบียบทางกฎหมายไม่ค่อยดี ถ้าเจอคนเลวให้ตระโกนดังๆ นะครับ ปกติพวกเราลาดตะเวนบริเวณใกล้เคียงนี้แหละครับ ” ตำรวจพูดขึ้น
ทุกคนตกตะลึงไปพัก แล้วรีบออกไปจากตรงนี้
ในที่สุดเฉินโจวอี้ก็ค้นพบว่า แม่ของเขาที่ดูแข็งแกร่งเวลาอยู่บ้าน ที่จริงแล้วเป็นคนแข็งนอกอ่อนใน พอเผชิญหน้ากับเหตุการณ์แบบนี้ เธอดูทำอะไรไม่ถูก สีหน้าของเธอดูแข็งทื่อ
ยังดีที่พ่อของเขายังใจกล้า
ไม่อย่างนั้นคงมีแค่เขาที่ออกโรงได้ แต่เขาไม่ใช่ผู้ใหญ่ จะถูกสงสัยเอาได้ง่าย
ดีที่ทั้งหมดแค่น่าตกใจแต่ไม่มีเหตุอะไร
จากนั้นทุกคนหาโรงแรมอยู่สองสามแห่ง สุดท้ายเปิดอยู่โรงแรมเดียว
เถ้าแก่เจ้าของโรงแรมเป็นชายชราคนหนึ่ง เขาจุดเทียน เปิดม่านหน้าต่างมองมายังทั้งสี่คน ถึงจะเปิดประตู แล้วพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดว่า ” ดึกขนาดนี้ ยังจะมาเปิดห้องนอนอีก! เอากี่ห้อง? “
” สามห้องแล้วกัน! ” เฉินต้าเหว่ยพูดขึ้น
” ทั้งหมด 120 หยวน จ่ายมัดจำอีก 100 หยวน อ้อ เทียนต้องจ่ายแยกนะ? พวกคุณจะเอากี่เล่ม? “
” สามเล่มแล้วกัน แล้วก็ไฟแช็กอีกสองอันครับ ” เฉินต้าเหว่ยพูดขึ้น
” ทั้งหมด 330 หยวน พักนี้เทียนขึ้นราคา ถ้าจะใช้น้ำก็มาเอาตรงนี้นะ ห้องน้ำอยู่ตรงทางเดิน พวกคุณเอาเทียนนี่ไปแล้วกัน “
ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ชายชราไม่ได้พูดถึงเรื่องบัตรประชาชน ทำให้พวกเขาทุกคนต่างโล่งใจ
….
สำหรับโรงแรมราคา 40 หยวนต่อคืน อย่าไปคาดหวังเลยว่ามันจะดีแค่ไหนหรือถูกสุขลักษณะแค่ไหน
แต่สำหรับครอบครัวของเฉินโจวอี้แล้ว ในเวลานี้ขอแค่มีที่ซุกหัวนอน พวกเขาก็พอใจมากแล้ว จะไปหวังอะไรมากกว่านี้อีกล่ะ
ห้องของเฉินซิงเยว่
แม่กุมมือของเฉินซิงเยว่และพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยวางใจว่า ” อย่าคิดมากเลยลูก พักผ่อนเร็วๆ เรื่องมันผ่านมาแล้ว “
” ใช่แล้ว รอให้อะไรมันสงบขึ้น ครอบครัวของเราจะเปิดร้านอาหารอีกครั้ง พอถึงตอนนั้น ทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิม ” เฉินต้าเหว่ยพูดขึ้น
เฉินซิงเยว่พยักหน้า พูดด้วยน้ำตาคลอ ” พ่อคะแม่คะ พี่ด้วย หนูไม่เป็นอะไร พวกเรารีบพักผ่อนกันเถอะ”
พ่อกับแม่พูดอะไรต่ออีกพักจึงลุกขึ้น
เฉินโจวอี้กลับห้องของตัวเองเช่นกัน
เขาเอนกายลงนอนบนที่นอนที่ค่อนข้างจะไม่คุ้นเคย แล้วค่อยๆ ถอนหายใจเบาๆ
หนึ่งวันก่อนเขายังพิจารณาว่าจะแก้ปัญหาอันตรายของอุโมงค์มิติอย่างไรดี คิดกวาดล้างเรือไม้แคนูทุกลำของพวกคนเถื่อนรวมถึงไปหาจางเซียวเยว่ แต่วันต่อมาเขาถูกบังคับให้ซ่อนตัวในหมู่บ้านที่ไม่รู้จักของเมืองหนึ่ง
ชีวิตไม่เคยก้าวหน้าได้ในเส้นทางที่คุณวางแผน
เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนต้นแหนที่ไร้ราก ปล่อยตัวให้ลอยไปตามสายลมหรือคลื่นน้ำเล็กน้อย ทำให้เขาต้องลอยไปเรื่อยๆ ไม่มีที่ให้ไป
ท้ายที่สุดเป็นเพราะเขายังไม่มีอิทธิพลต่อสังคม
เขามีความสามารถของชาวยุทธ แต่กลับไม่มีสถานะทางสังคมที่สอดคล้องกัน คำพูดของเขาจึงไร้ค่า ถ้าเขาเป็นชาวยุทธที่ได้รับการจดทะเบียนถูกต้อง พวกนับถือลัทธินอกรีตพวกนั้นจะกล้าจัดการครอบครัวเขาอย่างโจ่งแจ้งได้ไง? พวกเขายิ่งไม่ต้องหลบซ่อนตัวเช่นนี้ และไม่ต้องกลัวที่จะถูกเปิดเผยข้อมูล
คนที่กลัวจะถูกเปิดเผยข้อมูลควรจะเป็นพวกนับถือลัทธินอกรีตพวกนั้น ไม่ใช่พวกเขา!
คิดถึงตรงนี้ เขาอดที่จะหดหู่ใจไม่ได้
น่าเสียดาย เขาไม่เพียงแต่ไม่ใช่ชาวยุทธที่ลงทะเบียนไว้อย่างถูกต้อง เขาไม่ใช่แม้แต่ชาวยุทธฝึกหัด
แม้แต่ดูจากอายุ เขายังเป็นแค่ผู้เยาว์ที่ไม่มีสิทธิ์ทางการเมือง
” ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไรกว่าจะฟื้นฟูการทดสอบชาวยุทธฝึกหัดได้ “
ไม่ใช่เฉินโจวอี้ไม่อยากจะทดสอบชาวยุทธโดยตรง แต่มีแค่การผ่านการทดสอบของชาวยุทธฝึกหัดเท่านั้น ถึงจะมีคุณสมบัติในการสอบชาวยุทธ อีกอย่างไม่สามารถทำการทดสอบที่เมืองตงหนิงหรือที่ผิงชิวซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ เช่นนี้ได้ เขาจำเป็นต้องไปทำการทดสอบที่สำนักงานชาวยุทธสาขาย่อยที่มณฑลเจียงหนาน
….
ในที่สุดเวลานี้เขาก็นึกถึงเด็กหญิงเปลือกหอยขึ้นมา
ตั้งแต่เธอถูกทับ เขาเองก็ยังไม่เคยสำรวจให้ละเอียดว่าเด็กหญิงเปลือกหอยได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า
เขารีบหยิบกระเป๋าเอกสารขึ้นมา เปิดซิป กลับพบว่าเธอกำลังนอนหลับสนิท
เขาหยิบเด็กหญิงเปลือกหอยออกมาจากข้างใน แก้เชือกที่มัดเธอไว้แล้วแกะเทปบนใบหน้าของเธอ
” ไอ้คนตัวยักษ์#¥# นายปลุกฉันทำไมเนี่ย ” เด็กหญิงเปลือกหอยตกใจจนตื่น พูดตะโกนด้วยความโมโห
ในฐานะที่เด็กหญิงเปลือกหอยเป็นสิ่งมีชีวิตจากโลกที่แตกต่าง เวลานอนของเธอจึงค่อนข้างยาว เธอนอนแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 17-18 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นเวลานอนปกติของเธอ
เดิมทีเฉินโจวอี้นึกว่า เธออาจจะพูดถึงเรื่องที่เธอเกือบจะโดนทับตาย แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะรำคาญที่เขาปลุกเธอ ดูแล้วเธอไม่เป็นอะไรสักนิด
ที่ไหนได้สิ่งมีชีวิตจากโลกที่แตกต่างแข็งแรงได้ขนาดนี้
” เธอไม่หิวเหรอ? “
เด็กหญิงเปลือกหอยคิดไปสักพัก จึงพูดขึ้นว่า ” หิวสิ! “
งั้นก็ไม่กังวลแล้ว
เฉินโจวอี้หยิบน้ำผึ้งออกมาจากในกระเป๋า แช่ในน้ำเดือด
เด็กหญิงเปลือกหอยเป็นคนที่คิดอะไรง่ายๆ โกรธง่ายหายเร็ว ในเวลานี้เธอลุกขึ้นยืน มองสำรวจรอบด้านอย่างสงสัย ” คนตัวยักษ์ ทำไมเธอเปลี่ยนสถานที่นอนอีกแล้วล่ะ? “
เฉินโจวอี้ไม่อยากตอบคำถามอันแสนเศร้านี้ จึงเอาช้อนวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง
” รีบกิน กินเสร็จแล้วจะได้นอน! “
เด็กหญิงเปลือกหอยรีบวิ่งมา จากนั้นกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะข้างเตียง
หลังจากที่เธอกินเสร็จแล้ว เฉินโจวอี้เอาเด็กหญิงเปลือกหอยวางไว้บนเตียงริมหน้าต่าง ดับเทียนแล้วนอนลงบนเตียง
เขาหลับตาลงและหลังจากฝึกฝน ” การเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกตน ” เสร็จแล้ว
เขาทนความง่วง เข้าสู่อุโมงค์มิติเพื่อมองดูการต่อสู้ของคนชุดดำ
ในการต่อสู้ครั้งก่อน เขาดูเหมือนจะชนะได้ง่าย แต่ในความเป็นจริงมันกลับลุ้นระทึกมาก หากเขาประมาทเพียงเล็กน้อย หรือผิดพลาดเพียงนิดเดียว คนที่ตายมีโอกาสสูงที่จะเป็นเขา
แม้ว่าในตอนนี้เขาจะมองการต่อสู้ในครั้งนี้ในฐานะมุมมองคนที่สาม มือของเขายังชุ่มเหงื่อ รู้สึกว่าเขากำลังเดินอยู่บนขอบนรก
เมื่อเทียบกับการพุ่งโจมตีกับหัวหน้าคนเถื่อนในครั้งนั้น การต่อสู้ด้วยอาวุธเหล็กกล้าเช่นนี้ มันตื่นเต้นลุ้นระทึกมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย แทบไม่มีโอกาสให้พักหายใจ
ทักษะดาบของชายชุดดำคนนี้อยู่ในระดับที่สูงมาก กระบวนท่าต่างๆ ที่หลั่งไหลออกมาไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรมากมาย ส่วนกระบวนท่าดาบที่ได้มาตรฐานยังไม่ค่อยชัดเจนในร่างกายเขาเท่าไร ระหว่างกระบวนท่ามีการเชื่อมไหวกันอย่างลื่นไหลและเป็นธรรมชาติ ไม่มีติดขัด ระหว่างกระบวนท่าตั้งแต่มือจนถึงเท้าต่างสามารถแสดงพลังมหาศาลออกมาได้
เขามองดูไปสักพัก จึงรีบใช้จิตเข้าสู่ร่างกายของชายชุดดำคนนี้
ความรู้สึกแรกคืออ่อนแอเล็กน้อย อ่อนแอกว่าร่างกายของเขาเองเสียอีก
ความรู้สึกที่สองคือการทำงานประสานกัน ทั้งร่างกายมีการทำงานประสานกันดีมาก กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกายราวกับน้ำมัน การเคลื่อนไหวแต่ละรายละเอียดสามารถขับให้กล้ามเนื้อทั่วร่างกายทำงานได้เป็นอย่างดี
เห็นได้ชัดว่าความสามารถของชายชุดดำในการควบคุมกล้ามเนื้อร่างกายอยู่ในระดับที่เหลือเชื่อและได้กลายเป็นสัญชาตญาณของเขาอย่างสมบูรณ์
ในความเป็นจริงมีมาตรฐานขั้นพื้นฐานอยู่สองข้อสำหรับการเป็นชาวยุทธ หนึ่งคือสมรรถทางกายภาพไปถึงระดับชาวยุทธ อีกมาตรฐานหนึ่งก็คือสามารถฝึกกายเนื้อให้เข้าสู่ขั้นการทำสมาธิเพื่อฝึกตน อย่างแรกเขาฝึกได้ตั้งนานแล้ว อย่างหลังพึ่งฝึกได้ไม่นาน
แน่นอนว่ามาตรฐานทั้งสองอย่างนี้ มีแค่อย่างแรกเท่านั้นที่อยู่ในมาตรฐานความแข็งแกร่ง แต่อย่างหลังน่ะหรอ มันเป็นเพียงแค่วิธีในการบรรลุพลังการต่อสู้ที่ทรงพลังของชาวยุทธเท่านั้น
อย่างเช่นเฉินโจวอี้นี้ เขาสามารถต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งได้อย่างสบายๆ ฆ่าชาวยุทธตายไปหนึ่งคนด้วย แน่นอนว่าเขาคือชาวยุทธคนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
เขาเข้าใจความรู้สึกของการควบคุมกล้ามเนื้อร่างกายอย่างแม่นยำ แต่ไม่นานเขาก็ไม่สามารถระงับความเหนื่อยล้าของจิตได้ จึงค่อยๆ หลับไป