Dawn of a new era รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ - ตอนที่ 79
ตอนที่ 79 ลงทะเบียน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลังจากเฉินโจวอี้ทำเรื่องเข้าพักที่โรงแรมเสร็จจึงเดินเข้าไปในห้องพัก
เขาเอนกายนอนลงบนเตียง ไม่ยอมขยับตัวอยู่นาน
หลังจากผ่านไปสักพัก เขาถึงจะลุกขึ้นมาเปิดกระเป๋าเอกสาร แล้งปล่อยเด็กหญิงเปลือกหอยออกมา
“คนตัวยักษ์ เธอเปลี่ยนที่นอนอีกแล้วเหรอ?” เด็กหญิงเปลือกหอยมองสำรวจสภาพแวดล้อมภายในห้องพักตั้งแต่วินาทีแรกที่ออกมาจากกระเป๋า จากนั้นจึงเอ่ยคำถามที่อยากถามที่สุดออกมา “ที่นี่มีเป๊ปป้าพิกไหม?”
“ไม่มี!”
“ต้องมีแน่นอน เธอโกหก!” เด็กหญิงเปลือกหอยมองคอมพิวเตอร์ในห้องพัก แล้วทำท่าทาง “คนตัวยักษ์ เธอแค่กดตรงนี้ เป๊ปป้าพิกก็จะกลับมาแล้ว”
เรียนรู้ได้เร็วเชียวนะ!
เห้อ ช่างเถอะ ชีวิตคนเรามันสั้น ถ้าเธออยากดูก็ให้เธอดูแล้วกัน ต่อให้ดูจนสายตาสั้น เขาก็จะไม่สนใจเธอแล้ว
เขาเปิดคอมพิวเตอร์ เสิร์ชหาการ์ตูนที่เธอชื่นชอบที่สุด
ดังนั้นโลกจึงกลับมาสงบเงียบอีกครั้ง
เขากลัมานอนเอนกายลงเตียงอีกครั้งแล้วหลับตาลง วินาทีต่อมาจิตของเขาเข้าสู่มิติแห่งความทรงจำ
เขากลับมายังภาพความทรงจำบนรถไฟอีกครั้ง
….
“โลกนี้กำลังจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น สงครามกำลังมา คนโง่จะตายตกไปตามกัน คนฉลากเท่านั้นถึงจะรุ่งโรจน์”
ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มลึกลับออกมา ราวกับกำลังกล่าวเตือนอะไรบางอย่าง
ก่อนหน้านี้ไม่นาน ท่ามกลางฉากนี้ เฉินโจวอี้รู้สึกตื่นตระหนกราวกับนั่งอยู่บนเข็ม ขนลุกซู่ไปทั้งตัว ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อไหลเปียกโชก
แต่ในตอนนี้เวลานี้ ท่ามกลางมิติแห่งความทรงจำ เมื่อมองเหตุการณ์ผ่านมุมมองของบุคคลที่สาม ในใจของเขาเริ่มสงบขึ้นมา
ต่อให้โลกนี้คือความเป็นจริงเท่าไร แต่มันก็ยังคงเป็นภาพลวงตา และก็เป็นแค่ความทรงจำของเขาเท่านั้น
จิตของเขาราวกับภูติผีที่ลอยละล่องอยู่ในมิติความทรงจำมาเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจเข้าสู่ร่างชายหนุ่มคนนั้น
ไม่น่าแปลกใจเท่าไรที่ขณะทำการเชื่อมต่อจิตนั้น จู่ๆ ในหัวก็เกิดเสียง ‘ปัง!’ ดังขึ้น จิตของเขาระเบิดลอยออกมา พอเขารู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็รู้สึกเวียนศรีษะ จิตใจเหนื่อนล้าจนแทบจะไม่สามารถคิดอะไรได้
รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้!
เฉินโจวอี้เริ่มรู้สึกกลัดกลุ้ม
ครั้งที่แล้วเคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้เมื่อเขาพยายามจะเข้าสิงเทพเจ้าแห่งตนไม้ แต่ครั้งนี้มันชัดเจนกว่าครั้งที่แล้วมาก
จิตของเขาล่องลอยอยู่ในอากาศอย่างเชื่องช้าและดูมึนงง ทันใดนั้นเขารู้สึกว่ามิติแห่งความทรงจำค่อยๆ สั่นสะเทือน
ในตอนแรกเขาคิดว่ามันคือภาพลวงตาในความคิดของเขา แต่หลังจากนั้นเขาก็พบถึงความผิดปกติของมัน
ในมิติแห่งความทรงจำนี้กำลังสั่นสะเทือนจริง ทุกภาพที่เขาเห็น ไม่ว่าจะเป็นทีกสิ่งในรถไฟหรือผู้คนต่างมีรูปร่างบิดเบือนไม่เป็นธรรมชาติ
เขารู้สึกว่าในมิตินี้กำลังจะล่มสลาย
เป็นไปไม่ได้!
ระบบความคิดของเฉินโจวอี้ที่พึ่งถูกโจมตีจนเชื่องช้า ในที่สุดก็เริ่มมีการโต้ตอบ
ไม่ทันที่เขาจะได้ตอบสนองอะไรออกมา จู่ๆ ในใจของเขารู้สึกตื่นตระหนก
ความรู้สึกไม่ปลอดภัย ความวิตกกังวล ความเศร้าโศก ความกดดัน ความรู้สึกมากมายหลั่งไหลเข้ามา
ทุกความรู้สึกแปลกดูเหมืนกำลังจะเอ่ยเตือนเขา
อันตราย! อันตราย! อันตราย!
ภายใต้ภาพเลือนลาง เขารู้สึกเหมือนสัมผัสได้ถึงสายตาน่าเกรงขาม กำลังมองทะลุผ่านมิติมาเข้ามา
ไม่ได้การแล้ว!
เขาตกใจจนจิตไม่มั่นคง ในที่สุดเขาจึงฟื้นคืนสติกลับมาแล้วรีบออกจากในมิติความทรงจำนี้ทันที
ก่อนออกจากมิติแห่งความทรงจำ เขาเหลือบไปมองชายหนุ่มลึกลับโดยไม่รู้ตัว แต่กลับต้องตกใจเมื่อพบว่าในเวลานี้ร่างของเขาดูเลือนลาง และสลัวมากขึ้น จนไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของเขาได้ชัดเจน รางกับว่าเขากำลังจะหายไปจากมิติความทรงจำนี้
เฉินโจวอี้ลืมตาตื่นขึ้นในทันที ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความเกรงกลัว
เขาเอนตัวลงนอนบนเตียง หอบหายใจถี่ หัวใจของเขายังคงเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง มือและเท้าของเขาเย็นวาบไปหมด
ได้ยินเสียงสนทนาในการ์ตูน แล้วเห็นเด็กหญิงเปลือกหอยที่ดูการ์ตูนอย่างใจจดใจจ่ออยู่ด้านข้าง หลังจากมองภาพนั้นอยู่นาน ในที่สุดเฉินโจวอี้ก็เริ่มรู้สึกสงบขึ้น
“ยังดีที่เรื่องทุกอย่างยังไม่มีอะไรเลวร้าย ที่นี่ยังคงเป็นโลกมนุษย์”
“เทพเจ้าในโลกที่แตกต่างยังไม่ทรงพลังมากพอที่จะก้าวทะลุมิติแห่งความทรงจำเข้ามาฆ่าเขาได้ ถ้าหากทรงพลังขนาดนี้จริง มนุษย์คงตายอนาถกันไปนานแล้ว”
“เพียงแต่ว่า จิตเข้าสู่ร่างของเขาไปได้พักหนึ่งไม่ใช่เหรอ?”
“จำเป็นต้องรู้สึกไวขนาดนี้เลยเหรอ?”
“จำเป็นไหม?”
แต่สิ่งที่น่าแปลกใจในครั้งนี้กลับกำลังส่งเสียงเตือนเขาเช่นกัน
ต่อไปนี้ไม่สามารถใช้จิตเข้าสู่ร่างกายอันน่าหวาดกลัวพวกนั้นอีกแล้ว
ไม่ใช่สิ ต่อไปนี้ไม่สามารถโชคร้ายพบเจอกับสิ่งเหล่านั้นได้อีกแล้ว
มันอันตรายเกินไป
โชคดีที่ที่นี่คือโลกมนุษย์ ถ้าหากเป็นโลกที่แตกต่าง การกระทำแบบนี้ของเขา คงทำให้เขากลายเป็นกระดูกไปนานแล้ว
ว่ากันว่าบรรดาเทพเจ้าที่แท้จริง มักจะมีความสามารถลึกลับบางอย่าง ขอแค่มีคนเอ่ยถึงชื่อจริงของเขา เขาก็จะมีการสนทนาโต้ตอบกลับมา แต่ผู้ที่เอ่ยชื่อจะได้ยินเป็นคำหรือประโยคนั้น ขึ้นอยู่กับระดับความแข็งแกร่งของตัวเอง
เห็นได้ชัดว่า ความทรงจำอาจมีพลังบางอย่างที่เขาไม่รู้ ดังนั้นเมื่อจิตของเขาเข้าสู่ร่างกายของพวกเทพเจ้า บรรดาเทพเจ้าพวกนี้ถึงมีความรู้สึกโต้ตอบกับเขา
ยิ่งไปกว่านั้นความทรงจำในมิติแห่งความทรงจำ ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นเหมือนความทรงจำที่ไม่บริสุทธิ์
ดูเหมือนว่าหนังสือแห่งความรู้นั้นมีความสามารถที่ทรงพลังในการวิเคราะห์และเติมเต็ม แม้กระทั่งความรู้สึกที่รับรู้ได้ทั้งหมดนั่น ทำให้ความทรงจำที่ดูเลือนลางกลายเป็นความทรงจำที่เต็มไปด้วยความสมจริง
นี่ไม่ควรถูกเรียกว่าความทรงจำ แต่ควรเรียกมันว่าการฉายภาพในความทรงจำมากกว่า
“เอ๊ะ!”
ในเวลานี้ จู่ๆ เขาก็พบว่าตัวเองนึกรูปร่างหน้าตาของชายหนุ่มลึกลับคนนั้นไม่ออกแล้ว เขาไม่แน่ใจแม้กระทั่งว่าชายหนุ่มคนนั้นมีตัวตนอยู่จริงหรือเปล่า
“หรือจะเข้าไปดูในมิติแห่งความทรงจำอีกรอบดี!” เขาเกิดความคิด
เฉินโจวอี้ลังเลไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็กัดฟันลองมันอีกครั้ง
ที่นี่คือโลกมนุษย์ ไม่มีอะไรต้องกลัว ถ้ามันเกิดเรื่องขึ้นก็หนีออกมา
จากนั้นเขาจึงเข้าสู่มิติแห่งความทรงจำอีกรอบ แล้วกลับสู่ฉากเดิมอีกครั้ง
เขาตกใจเมื่อพบว่าชายลึกลับคนนี้หายตัวไปแล้วและถูกแทนที่ด้วยเงาสลัวแทน ตัวเขาในตอนแรกกำลังพูดคุยกับกลุ่มเงาสลัว
ฉากนี้ช่างแปลกเหลือเกิน
เฉินโจวอี้นึกไม่ออกเลยว่าเงานั้นมีรูปร่างอย่างไร เป็นคนหรือสัตว์ สีหน้าเป็นอย่างไร พูดคุยอะไรไปบ้าง
อีกอย่างเวลาในการนึกย้อนมันนานเกินไป ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขารู้สึกว่าเหตุผลมันขัดแย้งกันอยู่ เขาคงนึกว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นในตอนแรกคือกลุ่มเงาจริงๆ และอีกฝ่ายคงไม่ได้พูดคุยอะไรกับเขา
….
เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินโจวอี้เดินทางมาถึงศูนย์กลางการทดสอบศิลปะการต่อสู้เมืองเหอตง
เมื่อเดินเข้ามาในอาคารแล้วขึ้นลิฟต์ไปจนกระทั่งถึงสถานที่ลงทะเบียนทดสอบชาวยุทธที่ชั้นบนสุด เมื่อเทียบกับการลงทะเบียนทดสอบชาวยุทธฝึกหัดที่แทบจะไม่มีอะไรเลย ที่นี่ยังถือว่าออกแบบได้ตรงตามความต้องการของคน
ภายในเหมือนคลับเฮ้าส์ การตกแต่งดูสวยงามและสะอาดตา มีโซฟาหนังวางเรียงรายอยู่ชิดผนัง บนโต๊ะมีผลไม้และเค้กต่างๆ บนโต๊ะกาแฟ และมีบาร์เล็กๆ อยู่ด้านใน
เฉินโจวอี้เดินเข้ามาในห้องโถง ครั้งแรกที่เข้ามาเขาเกิดความสงสัยว่าตัวเองมาผิดที่หรือเปล่า
โชคดีที่มีพนักงานสาวสวย เดินแกว่งเอวเรียวบางเข้ามา
“ที่นี่คือสถานที่ลงทะเบียนทดสอบชาวยุทธ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?”
เธอจงใจพูดเตือนเขา
เหตุผลหลักคืออีกฝ่ายยังดูเด็กเกินไปและยังแต่งตัวแบบสบาย ๆ ดูเหมือนนักเรียนมัธยมปลาย
“ดีเลยครับ ผมมาลงทะเบียน!” เฉินโจวอี้พูดขึ้น
เธอชะงักไปครู่หนึ่ง ดีที่เธอมีความเป็นมืออาชีพในสายงานของเธอ ในไม่ช้าเธอสามารถเก็บงำความตกใจของเธอได้ แล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ได้ค่ะ งั้นขอบัตรประจำตัวประชาชนและใบรับรองการเป็นชาวยุทธฝึกหัดของคุณด้วย พวกเราจะช่วยคุณทำการลงทะเบียน คุณสามารถพักผ่อนรออยู่ที่นี่ได้ค่ะ”
ในเมื่อเขามาลงทะเบียน ดังนั้นเขาจึงเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว เขาหยิบเอาบัตรประจำตัวประชาชนและใบรับรองออกมายื่นให้เธอ “รบกวนคุณด้วยนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ!” หลังจากที่พนักงานรับมา เธอหันหลังเดินไปไม่กี่ก้าว แล้วรีบเดินกลับมาอีกรอบ “ขอโทษนะคะ ฉันต้องการที่จะยืนยันอีกรอบ ดูเหมือนใบรับรองการเป็นชาวยุทธฝึกหัดของคุณพึ่งจะออกให้เมื่อวานนี้ใช่ไหมคะ?”
“ใช่แล้วครับ ผมพึ่งทำการทดสอบไปเมื่อวาน หรือว่ามีการกำหนดช่วงเวลาในการทดสอบชาวยุทธครับ?” เฉินโจวอี้เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่มีการกำหนด…..เพียงแต่ว่า…..” พนักงานไม่รู้ว่าควรจะอธิบายกับเด็กหนุ่มคนนี้ที่ไม่กลัวตายอย่างไรดี
“อ้อ เข้าใจแล้วครับ!” เฉินโวอี้นึกออกในทันที
เอ๊ะ ความเป็นเด็กนี่มันสร้างปัญห่จริงๆ เขามักจะเสียเปรียบในด้านนี้เสมอ ตั้งแต่เขาเปลี่ยนแปลงตัวเองหลังถูกหนังสือแห่งความรู้ปรับเปลี่ยน รูปร่างหน้าตาของเขาก็ดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น
“คุณคิดว่าผมมีความสามารถไม่พอสินะ! งั้นรบกวนคุณช่วยถือกระเป๋าเอกสารให้ผมสักครู่”
เธอรับกระเป๋าเอกสารมาจากมือของเฉินโจวอี้ เธอกำลังอยากจะพูดอะไรบางอย่างตามสัญชาตญาณ
จากนั้นเธอเห็นเงาของเด็กหนุ่มราวกับภาพเลือนลาง เขาต่อยหมัดออกไปตามแนวตรงอย่างรวดเร็ว
วินาทีต่อมาในอากาศมีเสียงดัง ‘พลั่ก!’ พร้อมเสียงลมดังหวีดขึ้น
เธอตกใจจนรับหลับตา พอเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พบว่าบนโต๊ะกาแฟที่ห่างออกไปสามสี่เมตรมีสภาพเละเทะ ผลไม้และเค้กตกกระจัดกระจายเต็มพื้น
“เอ่อ ผมต้องชดใช้ไหม?” เด็กหนุ่มพูดขึ้นด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
ความสามารถในการทำลายล้างแบบนี้สมควรตายไปซะ ชอบอยากทำลายอะไรสักอย่างอยู่เรื่อยเลย
“ชดใช้เหรอ…..ไม่ ไม่ต้องค่ะ!”
“งั้นก็ดีครับ ผมขอกระเป๋าเอกสารของผมคืนด้วย ใช่แล้ว ไม่มีปัญหาเรื่องการลงทะเบียนแล้วใช่ไหมครับ?”
สาวสวยส่งกระเป๋าเอกสารคืนให้เขาอย่างมึนงง จากนั้นรีบพูดขึ้น “มะ…..ไม่มีแล้วค่ะ!”