Dawn of a new era รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ - ตอนที่ 94
ตอนที่ 94 พูดซี้ซั้ว
เฉินโจวอี้ฟังคำขู่ที่อ่อนแอและไม่มีพลังของเด็กหญิงเปลือกหอยอย่างเงียบๆ
เธอบอกว่าเธอสามารถกลับไปได้ทุกเมื่อที่เธอจะกลับ?
หน่อมแน้ม!
เขาไม่สนใจคำขู่นี้และปฏิเสธอย่างโหดร้าย ไม่!
เมื่อความเจ็บปวดของหญิงสาวร้องกรีดร้องเธอก็จะร้องออกมา
อันใหญ่ฉันมีเพียงแค่อันเดียวแล้วฉันก็ให้เธอไปแล้ว มีแต่อันเล็กจะเอาหรือไม่เอา?
เด็กหญิงเปลือกหอยเปลี่ยนหน้าของเธอและรอยยิ้มก็ปรากฏออกมา เธอรีบร้องออกมาทันที เอา!
เฉินโขวอี้หยิบกระเป๋าเป้สะพายหลังขึ้นมาเปิดช่องกระเป๋าเล็กๆนั่น แล้วหยิบลูกปัดคริสตัลที่เล็กที่สุดออกมา
เด็กหญิงเปลือกหอยรีบแบมือของเธอออก เร็วสิ เร็วสิ!
รีบทำไม ยังไงก็ให้เธออยู่ดี! เฉินโจวอี้วางลูกปัดลงบนกลางมือของเธอทันที
เด็กหญิงเปลือกหอยดูอัญมณีเล็กๆบนมือของเธอ ไม่กล้าที่จะเชื่อสายตาตัวเองว่าคนตัวยักษ์จะให้แล้วอัญมณีแค่เม็ดเดียว คิดไม่ถึงเลยว่าจะขี้เหนียวขนาดนี้ ทุดท้ายก็ให้เม็ดที่เล็กที่สุด
เธอยืนเท้าเอวและตะโกนขู่ # @ ¥巨人ฉันจะกลับไป!
เนื่องจากเธอมีลูกบอลคริสตัลอยู่แล้ว ในสายตาเธอจึงไม่เห็นอัญมณีขนาดเล็กเช่นนี้
คำพูดของเด็กหญิงเปลือกหอยเต็มไปด้วยความอัดอั้นตันใจมองดูก็รู้ว่าเธอโกรธจัด เฉินโจวอี้ไม่มีทางเลือก นอกจากต้องเปลี่ยนเป็นเม็ดใหญ่ให้เธอ
เขารู้สึกเสียใจในภายหลัง ถ้าเขารู้ให้เร็วกว่านี้จะมาให้ลูกบอลคริสตัลกับเธอ ตอนนี้เธอต้องการเขาก็ใช้วิธีเจ้าเลห์กับเธอไปหมดแล้ว แต่หลังจากนี้เขาไม่รู้ว่าจะใช้อะไรเพื่อหลอกล่อเธอ
….
เวลาผ่านไปสี่วันแล้ว เหลือเวลาในการขายบ้านไม่เท่าไหร่แล้ว
อย่างไรก็ตามเช่นเดียวกับหุ้นที่ขึ้นๆลงๆ ราคาบ้านยิ่งต่ำลงก็จะมีคนมาดู แม้ว่าราคานี้จะต่ำมากแล้วก็ตาม แต่ก็มีคนไม่น้อยที่มีความตั้งใจที่จะซื้อบ้าน แต่กลับไม่มีใครตัดสินใจได้สักที
ในตอนบ่ายเฉินโจวอี้มาจัดการบ้านให้กับผู้ที่มีตั้งใจจะซื้อบ้านที่แสนจะเรื่องมากพร้อมกับพ่อแม่ของเขา ระหว่างทางเขาก็ได้ยินเสียงที่เหมือนเสียงปืนอย่างไม่คาดคิด
ไปหลบที่ร้านค้า! เฉินต้าเหว่ยลุกลี้ลุกลน
หลายคนซ่อนตัวในร้านเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วเพื่อหลบชั่วคราง เถ้าแก่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาดึงประตูม้วนลงมาอย่างไว
โชคดีที่เสียงปืนอยู่ไกลมาก ผ่านครึ่งนาทีก็เงียบสงบลง
มีไม่กี่คนที่ยังคงหลบอยู่ ผ่านไปไม่กี่นาทีเมื่อไม่ได้ยืนเสียงปืนถึงจะออกมาจากร้านขายผ้า
รถของทหารผ่านไปอย่างรวดเร็วบนรถเต็มไปด้วยทหารติดอาวุธที่ทุกคนดูน่าสงสัย
เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องเกี่ยวกับลัทธินอกรีตเกิดขึ้น การบุกโจมตีได้เกิดขึ้นแล้วและถึงเวลาที่ทหารจะต้องตอบโต้บ้างแล้ว
อย่าไปมอง รีบกลับกันเถอะ! แม่ของเฉินโจวอี้พูดด้วยความลุกลี้ลุกลน
เฉินโจวอี้พยักหน้าและทั้งสามคนกลับก็มาที่โรงแรมอย่างรวดเร็ว
” เมืองตงหนิงวุ่นวายเกินไป พรุ่งนี้พวกเราไปกันเถอะ บ้านค่อยขายทีหลังไม่ต้องรีบร้อน ตอนนี้เงินที่มีอยู่ในมือก็เพียงพอที่จะซื้อบ้านใหม่แล้ว” เฉินต้าเหว่ยกล่าว
” พ่อกับแม่ยังไม่ได้นับเงินช่วยเหลือของผม เงินนั่นได้มาไม่น้อยเลยทีเดียว” เฉินโจวอี้พูด
เงินของแกก็คือเงินของแก ตอนนี้แกเป็นจอมยุทธก็นับว่ามันมันเป็นอาชีพแล้ว เรื่องนี้ต้องแยกกัน เรื่องซื้อบ้านใหม่ไม่ต้องให้แกควักเงินตัวเองออกมาหรอก !” เฉินต้าเหว่ยกล่าว
ใช่แล้ว พี่ชาย! เฉินซิงเยว่ก็พูดเช่นกัน
เฉินโจวอี้ไม่สนใจและพูดว่า แต่ว่า เงินสี่ล้านกว่าไม่สามารถซื้อบ้านหลังใหญ่ๆได้ ผมไม่อยากถึงถึงตอนที่ผมต้องนอนที่ห้องรับแขก
เงินสามหมื่นต่อหนึ่งห้อง ยังก็ซื้อได้เป็นร้อยห้อง เฉินต้าเหว่ยกล่าวด้วยความไม่แน่ใจ เขาไม่ทราบว่าราคาบ้านในตอนนี้ของเมืองเหอตงเพิ่มสูงขึ้นเท่าไหร่และคิดว่ามันแค่ประมาณสามหมื่น
นี่เป็นราคาที่เก่าแล้ว ตอนนี้ขั้นต่ำก็ห้าหมื่นขึ้นไปแล้ว?
แพงขนาดนี้เลยเหรอ แม่ของเฉินโจวอี้ตกใจ
เฉินต้าเหว่ยเงียบไปแปปนึงและพูดต่อว่า: เงินไม่ได้มีมาก เมื่อถึงเวลานั้นก็ค่อยกู้เอา!
พ่อ ครอบครัวของเรามีความชัดเจนที่จะทำสิ่งต่างๆ พ่อเองก็ยังคงอยากจะเปิดร้านอาหาร ในตอนแรกจะต้องลงทุนจำนวนมากและเงินนี้เป็นเงินใช่จ่ายในบ้าน หลังจากนี้ทุกๆเดือนผมก็ยังได้เงินเบี้ยเลี้ยงจอมยุทธจากประเทศ จากเมืองและจากรัฐบาลไม่น้อย หลังจากนี้ก็จะไม่ขาดแคลนเงิน เฉินโจวอี้พูดอย่างจนปัญญา
อย่างน้อยจะไม่มีปัญหาการขาดแคลนเงินเล็กๆน้อยๆ
เฉินต้าเหว่ยมองไปที่เฉินโจวอี้และเห็นว่าสีหน้าท่าท่าการแสดงออกของเขาไม่เหมือนลังเลใจเลยและเขาถอนหายใจ อื้ม ก็เป็นแบบนั้นแหละ แกเป็นคนที่รู้จักคิดจริงๆ
……..
เช้าตรู่ในวันรุ่งขึ้น ครอบครัวออกเดินจางเมืองตงหนิงด้วยรถยนต์
ระหว่างทางรถบัสถูกเรียกให้หยุดเพื่อตรวจสอบอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งใกล้กับเมืองผิงชิวและการตรวจสอบก็หายไปในที่สุด
กลับไปที่เมืองฉางเหมิน
เธอต้องไปจริงๆเหรอ? เจ้าของบ้านพูดแบบม่ายอมตัดใจข้างๆโจวเสวี่ย
ใช่ วันนี้ฉันต้องย้ายไปที่เมืองเหอตง ที่นั่นอาจจะมีเงื่อนไขอะไรดีๆ แม่ของเฉินโจวอี้กล่าว
นั่นสินะ เมืองเหอตงยังไงก็เป็นเมืองหลวงนี่นา
….
ไม่นานนักที่ครอบครัวของเฉินโจวอี้ก็เก็บกระเป๋าและจากไป
เจ้าของบ้านและโจวเสวี่ย พวกเขามองดูครอบครัวนั้นออกจากลานหน้าบ้านไป
ทันใดนั้นเจ้าของบ้านก็ถอนหายใจ ไม่คิดว่าจะจากไปเร็วขนาดนี้ ไม่รู้ว่าในอนาคตจะพบเจอกันอีกมั้ย?
โจวเสวี่ยไม่มีคำพูดใด มองดูเงาของพวกเขาหายไปในที่สุด ที่หัวใจของเธอก็ค่อยๆข้างว่างเปล่าขึ้นมา
หัวใจของเธออดไม่ได้ที่จะหยุดคิด ก่อนที่เขาจะจากไปเขาควรจะบอกลากันสักหน่อย ไม่ควรเป็นคนเย็นชาแบบนี้สิ
โจวเสวี่ย โจวเสวี่ย!
ห้ะ แม่ เรียนฉันเหรอ โจวเสวี่ยดึงสติกลับมาและตอบกลับอย่างรวดเร็ว
ฉันเพิ่งเรียกแกแค่สองครั้งเอง เจ้าของบ้านพูดแล้วก็สงสัยว่: แกไม่ได้แอบชอบเฉินโจวอี้ใช่มั้ย?
ใบหน้าของโจวเสวี่ยกลายเป็นสีแดงและกระทืบเท้าด้วยความโกรธ แม่กำลังพูดซี้ซั้วอะไร ฉันไม่ได้แอบชอบ!
แล้วทำไมแกถึงหน้าแดง? จริงๆแล้วถ้าแกชอบมันก็เป็นเรื่องปกติ เด็กหนุ่มนั่นหล่อเหลาเอาการ อีกทั้งยังได้เป็นจอมยุทธตั้งแต่อายุยังน้อย มันน่าเสียดายที่เขาย้ายไปเมืองเหอตง ไม่เช่นนั้นก็จะได้เจอเป้าหมาย ฉันฝันกลางวันอยู่รีบตื่นซะทีเถอะ! เจ้าของบ้านหัวเราะ
ลูกสาวของเธอเป็นคนรู้จักคิด แต่อารมณ์เย็นช้าเกินไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเกี่ยวกับเพศตรงข้ามดังนั้นเธอจึงไม่อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลแต่วันนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นสถานการณ์ที่ดี
แม่ แม่พูดเรื่องไร้สาระอีกแล้ว หนูจะไม่สนใจแม่แล้วนะ! เธอเขินอายราวกับว่าเธอกำลังโกรธ
ได้ได้ได้! ฉันจะทำอาหารแล้ว เธอยิ้มอย่างอารมณ์ดี
โจวเสวี่ยกลับไปที่ห้องด้วยใบหน้าที่ยังร้อนผ่าวอยู่ เธอพูดอย่างไม่เข้าใจว่า “จอมยุทธมันมีอะไรดี สักวันฉันจะกลายเป็นจอมยุทธให้ได้!”