Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2095 โลงมรณะ
โลงหินคล้ายไม่ได้ผ่านการแกะสลักใดๆ มาก่อนอย่างนั้น มันกำเนิดขึ้นมาตามธรรมชาติเช่นนี้ ดูเหมือนเป็นโลงหินที่ไม่ได้ถูกคนเขาอาศัยวัสดุใดมาสร้างหรือแกะสลักขึ้นมา แต่มันถือกำเนิดมาก็เป็นรูปลักษณ์ของโลงหินเช่นนี้เลย เป็นไปตามธรรมชาติ ดุจดั่งกำเนิดจากฟ้าดินอย่างนั้น
สามารถมองเห็นร่องรอยของกาลเวลาบนโลงหิน โดยที่รอยด่างต่างๆ อันเป็นร่องรอยของกาลเวลาดังกล่าวเหมือนเป็นการประกาศให้รับรู้ว่า โลงหินนี้มีความดึกดำบรรพ์ยิ่งกว่าฟ้าดินอย่างนั้น
ยามที่โลงหินนี้ปรากฏขึ้นมา ได้นำมาซึ่งกลิ่นอายที่บอกไม่ถูกอย่างหนึ่ง เป็นพลังสายหนึ่งที่ผู้คนไม่อาจเข้าใจได้ กลิ่นอายเช่นนี้ และพลังสายนี้เหมือนไม่ใช่ของโลกนี้ และไม่นับเป็นพลังใดๆ ของโลกนี้อย่างนั้น
ด้วยกลิ่นอายและพลังลักษณะเช่นนี้แหละ กลับสามารถทำให้จอมราชันเซียนหวังถึงกับอึดอัดจนหายใจไม่สะดวก เนื่องจากพลังที่โลงหินนี้มีอยู่นั้นน่าสยองขวัญเหลือเกิน เกรงว่าพลังลักษณะเช่นนี้หาใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถต่อต้านได้ บางทีอาจมีเพียงจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายเท่านั้นที่สามารถต่อต้านได้
หลี่ชิเย่เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มขึ้นมา เมื่อได้เห็นโลงหินนี้แล้ว ประกายตาเต้นกระตุกทีหนึ่งและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “โลงมรณะ ตำนานกล่าวว่ามีอยู่จริงในโลก ในที่สุดก็ได้ปรากฏโฉมแล้ววันนี้!”
โลงมรณะ…แม้แต่ราชันเจี้ยนตี้ก็รู้สึกตกใจยิ่งนักเมื่อได้ยินชื่อนี้ และกล่าวว่า “หนึ่งในสมบัติสวรรค์นพเก้าที่อยู่ในตำนานโลงมรณะนั่นเอง!”
‘สมบัติสวรรค์นพเก้า!’ จอมราชันเซียนหวังคนอื่นๆ ก็รู้สึกตกใจยิ่งเช่นกันเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้
พวกเขาย่อมรู้ดีว่าสมบัติสวรรค์นพเก้านั้นบ่งบอกถึงสิ่งใด เมื่อใดที่มีสมบัตินพเก้าแล้ว มันช่างเป็นพลังที่น่าสยองขวัญเช่นใด เมื่อใดที่ได้ครอบครองเพียงหนึ่งในสมบัติสวรรค์นพเก้า ต่อให้เป็นสุดยอดอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคก็ไม่สามารถเทียบเคียงกับมันได้
เล่าลือกันว่า ครั้งนั้นขณะอเวจีอาละวาดสิบสามทวีปนั้น นอกเหนือจากพวกเขามีความแข็งแกร่งมากพอ และมีความชั่วร้ายมากพอแล้ว ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลที่ลือกันว่าอเวจีมีกายล่องหนซึ่งเป็นหนึ่งในสมบัติสวรรค์นพเก้านั่นเอง!
โลงมรณะมีฐานะเป็นหนึ่งในสมบัติสวรรค์นพเก้า มันมีความสอดคล้องกับ ‘ตำรามรณะ’ ที่เป็นหนึ่งในสมบัติสวรรค์นพเก้าเช่นกัน!
เอี๊ยด…เอี๊ยด…เอี๊ยด…เวลานี้เอง โลงมรณะได้ค่อยๆ แง้มออก เมื่อเปิดออกไปได้เกือบครึ่งหนึ่งปรากฎเสียงแว้งค์ดังขึ้น มองเห็นภายในโลงมรณะส่งประกายวูบวาบออกมา เหมือนว่ามีพลังที่น่าสยองขวัญมากที่สุดในโลกอยู่ภายในอย่างนั้น
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะปรากฏสายฟ้าที่ฟาดลงมาเป็นระลอก ไม่รู้ว่าโลงมรณะมีอะไรเป็นที่ดึงดูดใจอย่างนั้น ถึงกับสามารถดึงดูดเอาสวรรค์ลงทัณฑ์ไปได้ทั้งหมด
จากเสียงดังตูมตามที่ดังขึ้นเป็นระลอก สวรรค์ลงทัณฑ์ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เทลงมาอย่างบ้าคลั่ง ทั้งหมดพุ่งตรงเข้าไปภายในโลงมรณะ เหมือนว่าภายในโลงมรณะมีช่องว่างที่ไม่มีขอบเขตสิ้นสุดและพลังอย่างนั้น ไม่เพียงสามารถรองรับสวรรค์ลงทัณฑ์ได้ทั้งหมด ทั้งยังสามารถรองรับกับการโจมตีของสวรรค์ลงทัณฑ์ที่น่ากลัวเช่นนี้เอาไว้ได้
พวกราชันสวรรค์ยิวทั้งหมดต่างหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อสวรรค์ลงทัณฑ์ที่อยู่เหนือศีรษะได้หายไปจนหมดสิ้น นับว่าเป็นการช่วยชีวิตของพวกเขาเอาไว้ แต่ท่ว่ายามที่พวกเขามองดูราชันมารกวงหมิงนั้น พวกเขาก็บังเกิดความฉงนไม่มั่นใจขึ้นมา เนื่องจากพวกเขาต่างรู้ว่าราชันมารกวงหมิงตายภายใต้สวรรค์ลงทัณฑ์มา
“ขอบคุณสหายที่ช่วยเหลือ” ราชันสวรรค์ยิวเมื่อได้สติกลับมา จึงรีบเร่งแสดงคารวะแบบจีนต่อราชันมารกวงหมิง
“พวกเราสามเผ่าเดิมมาจากสายเดียวกัน พวกเราต่างเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้” ราชันมารกวงหมิงหัวเราะกล่าว
แม้จะกล่าวว่าราชันมารกวงหมิงได้ช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ แต่ยังคงมีจอมราชันเซียนหวังที่อยู่ในท่าทีระแวดระวัง เช่นราชันเจี้ยนตี้เป็นต้น เนื่องจากชะตาฟ้าของราชันมารกวงหมิงนั้นถึงกับเป็นสีดำ ทำให้พวกเขารู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
“พี่ท่าน เวลานี้พวกเราควรร่วมมือกัน ฆ่าอีกาทมิฬเสีย!” เวลานี้ราชันมารกวงหมิงกล่าวเสียงทุ้มต่ำกับพวกของราชันสวรรค์ยิว
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของราชันมารกวงหมิงทำให้พวกของราชันสวรรค์ยิวลังเลขึ้นมา หากเป็นก่อนหน้านั้นเพื่อสังหารหลี่ชิเย่เสีย พวกเขาจะลุยเข้าไปโดยไม่ลังเลเลย แต่ว่ามาคราวนี้พวกของราชันสวรรค์ยิวถูกเล่นงานกันมาจนหวาดหวั่นแล้วจริงๆ โดยเฉพาะสวรรค์ลงทัณฑ์ที่ฟาดฟันลงมา ทำให้คงเงามืดขึ้นภายในใจของพวกเขา พวกเขาคิดไม่ตกว่าเพราะอะไรอีกาทมิฬจึงสามารถเรียกสวรรค์ลงทัณฑ์มาได้!
“พี่ท่าน หากพลาดโอกาสครั้งนี้ไปหละก็ เกรงว่าจะไม่มีโอกาสเช่นนี้ตลอดไป และเกรงว่าต่อแต่นี้ทั้งสามเผ่าของพวกเราคงไม่ได้ผุดได้เกิดอีกแล้ว ต่อให้วันนี้สามารถหนีรอดไปได้ แต่วันหน้าอีกาทมิฬก็ต้องคิดบัญชีทีละคนๆ แน่! วันข้างหน้าพี่ท่านคิดว่ายังจะสามารถรวบรวมพรรคพวกมากมายเพียงนี้ให้มาร่วมมือกันได้รึ? สามารถมีสุดยอดโอกาสทองเช่นนี้อาศัย ‘เคล็ดปราบกบฏ’ พันธนาการอีกาทมิฬไว้อีกรึ?” ราชันมารกวงหมิงกล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา
คำพูดของราชันมารกวงหมิงทำให้พวกของราชันสวรรค์เครียดขึ้นมา เรื่องเหตุผลพวกเขาเข้าใจดี แต่ การสู้รบในครั้งนี้ทำให้พวกเขารู้สึกขนลุกซู่ในใจอย่างแท้จริง อีกาทมิฬน่าสยดสยองยิ่งนัก
“ยิ่งไปกว่านั้น พี่ท่าน พวกเรามีโลงมรณะที่คอยสนับสนุน กาลเวลาที่เหมาะสม สถานที่ที่เหมาะสม และแรงสามัคคีล้วนมีอยู่ครบถ้วน เวลานี้ไม่สังหารอีกาทมิฬ ยังจะรอไปถึงเมื่อไรกัน?” ราชันมารกวงหมิงกล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา
ราชันเจี้ยนตี้ก็หมายตาโลงมรณะไว้แล้วเช่นกัน จึงร้องกล่าวเสียงทุ้มต่ำกับราชันมารกวงหมิงว่า “โลงมรณะเป็นของใครกันแน่?”
“จะเป็นใคร อนาคตเจ้าก็จะเข้าใจเอง” ราชันมารกวงหมิงกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “ในโลกนี้ ไม่เห็นจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด เพียงแต่ผู้ที่แข็งแกร่งมากว่านี้ของเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่ายังไม่ปรากฎตัวออกมาเท่านั้นเอง! พี่ท่าน โปรดไตร่ตรองให้รอบคอบ หากว่าท่านทั้งหลายไม่ต้องการสู้เพื่อสามเผ่า เช่นนั้นแล้วข้าได้แต่ไปจากที่นี่เท่านั้น!”
พวกราชันสวรรค์ยิวต่างรู้สึกเย็นวาบในใจกับคำพูดแช่นนี้ของราชันมารกวงหมิง คำพูดของราชันมารกวงหมิงไม่เพียงเปี่ยมด้วยคุณธรรม ยังแฝงไว้ซึ่งการข่มขู่ เวลานี้อาศัยโลงมรณะต้านสวรรค์ลงทัณฑ์เอาไว้ ถ้าหากราชันมารกวงหมิงจากไปหละก็ เช่นนั้นสวรรค์ลงทัณฑ์ก็จะปรากฏขึ้นอีกครั้ง.Aileen-novel.
“ตกลง ระหว่างที่สามเผ่าตกอยู่ท่ามกลางความวิกฤต พวกเราสมควรร่วมแรงร่วมใจสังหารอีกาทมิฬเสีย ในอนาคตก็จะเป็นยุคสมัยของพวกเรา” ราชันสวรรค์ยิวตัดสินใจเด็ดขาดและเอ่ยขึ้น
เวลานี้ จอมราชันเซียนหวังคนอื่นๆ ต่างมองตากันและกัน นาทีนี้พวกเขาไม่มีทางเลือก ไม่ก็คือต้านรับกับสวรรค์ลงทัณฑ์อย่างแข็งขัน รอจนกว่าราชันซื่อตี้จะกลับมาอีกครั้ง ไม่ก็ร่วมมือกับราชันมารกวงหมิง บางทีอาจมีโอกาสสังหารอีกาทมิฬได้ จะอย่างไรเสียเบื้องหลังราชันมารกวงหมิงมีโลงมรณะที่เป็นสมบัติสวรรค์นพเก้าคอยสนับสนุนอยู่!
ความจริงแล้ว จอมราชันเซียนหวังเช่นพวกเขาก็ต้องการความกระจ่างว่า ผู้อยู่เบื้องหลังของราชันมารกวงหมิงคือใครกันแน่ ดำรงอยู่ในสถานะเช่นใดกันแน่ จึงสามารถครอบครองโลงมรณะที่เป็นสมบัติสวรรค์นพเก้าเช่นนี้ได้!
นาทีนี้ พวกของราชันสวรรค์ยิวก็เข้าใจได้ว่า เพราะอะไรราชันมารกวงหมิงจึงไม่ได้ตายภายใต้สวรรค์ลงทัณฑ์แล้ว
“ดี พวกเราควรร่วมแรงร่วมใจกัน” ราชันมารกวงหมิงคำรามเสียงดัง และกล่าวว่า “ข้ายินดีเปิดทางให้พี่ๆ ทั้งหลาย จะนำหน้าให้ก่อน พี่ๆ ทั้งหลายร่วมสำแดง ‘เคล็ดปราบกบฏ’ ให้เต็มที่ก็พอ!”
ราชันมารกวงหมิงพูดจริงทำจริง บุกลุยขึ้นไปเป็นคนแรกสุด ทำการขวางหลี่ชิเย่เอาไว้
ความจริงแล้ว หลี่ชิเย่ยืนอยู่ตรงนั้นตลอดเวลา กระทั่งไม่ได้มองดูราชันมารกวงหมิงสักแวบด้วยซ้ำ เขาจ้องมองแต่โลงมรณะเท่านั้น เรียกได้ว่าสิ่งที่สามารถเข้าตาเขาได้มีเพียงโลงมรณะเท่านั้นเอง
สมควรทราบว่า หลี่ชิเย่นั้นมี ‘ตำรามรณะ’ อยู่ในครอบครอง ถ้าหากเวลานี้สามารถได้โลงมรณะซึ่งเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับ ‘ตำรามรณะ’ ได้หละก็ นั่นเท่ากับเป็นพยัคฆ์ติดปีกเลยทีเดียว
“จอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสาย มีสายเลือดหมอฟง ยกย่องว่าเป็นผู้สืบทอดของราชันเหยียนตี้” เมื่อราชันมารกวงหมิงก้าวออกมาขวางทางเอาไว้แล้วนั้น หลี่ชิเย่จึงได้ละสายตากลับมา มองดูราชันมารกวงหมิงแวบหนึ่ง ยิ้มกล่าวว่า “เจ้ามีสิทธิ์ยกย่องตนเองว่าเป็นผู้สืบทอดต่อจากราชันเหยียนตี้อย่างนั้นรึ? อย่าได้ทำให้ราชันเหยียนตี้ต้องเสียหน้าเลย ชั่วชีวิตของเหยียนตี้มีผลงานการสู้รบที่ปราศจากผู้เทียบเทียม หมางเมินหมื่นยุค บุรุษยิ่งใหญ่แห่งยุค ส่วนเจ้า เป็นเพียงสุนัขรับใช้ที่ตกต่ำอยู่กับอำนาจมืดเท่านั้นเอง ทำตัวเป็นลิ่วล้อที่คอยนำทางให้กับผู้ยิ่งใหญ่ของอำนาจมืดเท่านั้น ยังกล้าพูดจาไม่ละอายปากว่าตนเองนั้นคือผู้สืบทอดต่อของราชันเหยียนตี้!”
คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้พวกราชันเจี้ยนตี้นิ่งเงียบ แม้ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าได้เกิดอะไรขึ้นกับราชันมารกวงหมิง แต่พวกราชันเจี้ยนตี้มีความชัดเจนยิ่งว่า ราชันมารกวงหมิงไม่ได้เป็นคนประเภทเดียวกันกับพวกเขาอีกต่อไปแล้ว
ราชันมารกวงหมิงรู้สึกใบหน้าแสบร้อนขึ้นมาเมื่อถูกหลี่ชิเย่เปิดเผยเบื้องหลังด้วยคำพูดที่เหยียดหยามเช่นนี้ จะอย่างไรเสีย เขาก็เป็นถึงจอมราชันที่มีชื่อเสียงโด่งดังในครั้งนั้น เขาเคยปกครององค์กรจอมราชันที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่ามารมาก่อน นั่นก็คือหมิงไถ!
เวลานี้เขาได้กลายเป็นลิ่วล้อของผู้อื่น กลายเป็นผู้นำทางให้กับอำนาจมืด นับว่าเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลจริงๆ
“อีกาทมิฬ เจ้าอย่าได้ทำกำแหงนัก เจ้ากำแหงมานานเกินไปแล้ว มีคนเขาไม่สบอารมณ์เจ้ามานานแล้ว ต้องจัดการกับเจ้าอย่างแน่นอน!” ราชันมารกวงหมิงพูดน้ำเสียงเย็นชาออกมา
“ถูกต้อง ข้ากำแหงมาโดยตลอด” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “แต่จะว่าไปนะ คิดจะจัดการกับข้า เจ้าคู่ควรรึ?”
เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว สายตาที่ดูแคลนและจ้องมองราชันมารกวงหมิงอย่างเย้ยหยัน และกล่าวว่า “พูดถึงเรื่องอำนาจมืด ประสบการณ์ของข้ามากกว่าเจ้า พูดถึงเรื่องฆ่าฟัน เจ้านับเป็นตัวอะไรได้! ให้นายเจ้าที่อยู่เบื้องหลังออกมา ข้าอยากจะรู้นักว่าเขาเทียบกับบรรพบุรุษหลุนหุยแล้วเป็นอย่างไรบ้าง!”
“แหะเจ้าถือตนเองว่าถูกต้องมากเกินไปเสียแล้ว” ราชันมารกวงหมิงกล่าวเสียงเย็นชาว่า “บรรพบุรุษหลุนหุยยอดเยี่ยมมากก็จริงอยู่ แต่ เขาคือคนที่อยู่ในอดีตไม่ใช่คนในยุคสมัยของพวกเรา ต่อให้เขาแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม ก็ต้องถูกจำกัด แต่ว่า คนบางคนแข็งแกร่งมากกว่าที่เจ้าจินตนาการเอาไว้! พวกเขามีชีวิตอยู่มามากกว่าเจ้า ดึกดำบรรพ์กว่าเจ้า พวกเขาจึงเป็นผู้บงการของยุคนี้ที่แท้จริง!”
“ข้ารู้ คนบางคนมันก็แค่เต่าหดหัวอยู่ในกระดองเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมา หัวเราะเสียงดังพร้อมกับกล่าวว่า “เต่าหดหัวต่อให้แข็งแกร่งเพียงใดก็ยังคงเป็นเต่าหดหัวตัวหนึ่ง เรียกนายของเจ้าออกมา บอกเขาว่า ในเมื่อข้าสามารถสังหารผู้ยิ่งใหญ่อำนาจมืดในอดีตได้ ข้าก็สามารถสังหารผู้ยิ่งใหญ่อำนาจมืดในปัจจุบันได้เช่นกัน!”
สีหน้าของราชันมารกวงหมิงดูปั้นยากมาก เมื่อถูกหลี่ชิเย่เหยียดหยามเช่นนี้ กล่าวน่าเกรงขามว่า “อีกาทมิฬ เจ้าก็อย่าได้กำแหงนัก เจ้าเอาก็แค่หมากตัวหนึ่งบนกระดานฟ้าดินนี้เท่านั้น ไหนเลยคู่ควรต้องลำพองใจ!”
“ข้าคือหมากตัวหนึ่งของเกมหมากรุกฟ้าดิน?” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย และกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นเจ้าคิดว่าใครกันหละที่เป็นผู้เดินหมาก? นายที่อยู่เบื้องหลังเจ้ารึ? เจ้ากับนายของเจ้าเข้าใจว่ากินข้าได้แน่นอนแล้วสิ? ไม่ ข้าต่างหากที่กินพวกเจ้าแน่นอน ข้ารอคอยการปรากฎตัวของพวกเจ้าในวันนี้นี่แหละ! สิ่งเดียวที่ทำให้ข้ารู้สึกเหนือความคาดคิดก็คือ ปรากฎตัวแค่คนนำทางเท่านั้น! ตามความเห็นของข้า เจ้าก็แค่หินที่ถูกโยนออกมาถามทางเท่านั้น พร้อมที่จะทิ้งไปได้ทุกเมื่อ!”
ความจริงแล้ว หลี่ชิเย่ได้วางหมากนี้เอาไว้ตั้งแต่อดีตที่นานมากๆ และรอคอยการมาถึงของวันนี้ เขาต้องการล่อให้ผู้ยิ่งใหญ่อำนาจมืดออกมา!
ตอนที่เขาสังหารบรรพบุรุษหลุนหุยนั้น เป็นเพียงการเริ่มต้นเกมเท่านั้น ต้องการให้ผู้ยิ่งใหญ่อำนาจมืดเข้าใจว่าเขามีศักยภาพที่จะสังหารพวกเขาได้
เมื่อถึงเวลานั้น ผู้ยิ่งใหญ่อำนาจมืดต้องนั่งไม่ติดแน่ ดังนั้น วิกฤตของสถาบันศึกษาเทพเจ้าเป็นโอกาสเหมาะที่จะวางเกมที่สุด ขอเพียงตัวเขาตกอยู่ท่ามกลางการล้อมปราบของเหล่าราชัน เกรงว่าผู้ยิ่งใหญ่อำนาจมืดก็ต้องถือโอกาสนี้มากำจัดเขาเสีย!
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้หลี่ชิเย่ล่อให้โลงมรณะปรากฎตัวออกมา แต่หนึ่งเดียวที่หลี่ชิเย่รู้สึกเสียใจก็คือ ผู้ยิ่งใหญ่อำนาจมืดยังคงกบดานไม่ปรากฏตัว ยังคงระมัดระวังตัวอย่างยิ่ง!
“อีกาทมิฬ อย่าได้อาศัยตีฝีปาก วันนี้พวกเรามาวัดความเป็นความตายกัน!” ราชันมารกวงหมิงร้องกล่าวเสียงดังออกมา!