Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 138
บทที่ 138
เจตจำนงแห่งดาบอีกครั้ง
“เพียงขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่เจ็ด และยังอยากมาทำให้ตัวเองขายหน้าที่บนเวทีอีก เขาไม่มีคุณสมบัติแน่นอน”
“ข้าได้ยินมาว่าเขามีเรื่องขัดแย้งกับจักรพรรดิดาบชิเซียง”
“เขาอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายแล้วอย่างแน่นอน เพียงดาบเดียวจากจักรพรรดิดาบชิเซียงก็เพียงพอที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นสุนัขที่กำลังวิ่งหนีตาย”
“ข้าอยากจะเห็นมัน! ข้าอยากจะเห็นจริงๆ ว่าเขาจะทิ้งรอยไว้ที่แร่เหล็กดำได้ลึกเพียงใด”
ขณะนี้ ทุกสายตาจ้องไปที่หลี่ฟู่เฉิน แต่ทว่าก็ยังเป็นข้อครหาของทุกคนอีกด้วย
แม้แต่กระทั่งเฉินฟางหัวก็ไม่ได้คาดหวังกับหลี่ฟู่เฉินมากนัก
มันไม่ใช่ความคาดหวังว่าหลี่ฟู่เฉินจะสร้างรอยลงไปในแร่เหล็กดำได้ลึกเพียงใด เธอคาดหวังว่าผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือการที่หลี่ฟู่เฉินไม่ต้องต่อสู้กับจักรพรรดิดาบ หลิวหวูหวง
หลังจากการทดสอบคัดกรองก็มาถึงการแข่งขันจัดอันดับ ด้วยพลังที่เหนือกว่าของหลิวหวูหวง เขาจะต้องขัดขวางหลี่ฟู่เฉินอย่างแน่นอน
ยืนอยู่หน้าแร่เหล็กดำ หลี่ฟู่เฉินวิเคราะห์พื้นผิวของแร่
หลังจากถูกโจมตีจากผู้สมัครกว่า 3,000 คน แร่เหล็กดำก็ถูกปกคลุมด้วยร่องรอยและคมบาด
‘ข้ายังไม่เคยทดสอบดาบของตนเองกับแร่เหล็กดำมาก่อน ข้าสงสัยว่าข้าจะสามารถสร้างรอยได้ลึกเพียงใด หากข้าไม่ได้ใช้เทคนิคลับมังกรเร้นลับ’
หลี่ฟูเฉินไม่แน่ใจเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่รู้จัก เขาทำได้แต่เพียงออกแรงเต็มที่เท่านั้น
ถอยหลังครึ่งก้าวและจับหาระยะการโจมตีที่สมบูรณ์แบบ หลี่ฟู่เฉินใช้ออกกระบวนท่า
ไม่มีใครเห็นการดำเนินการของหลี่ฟู่เฉิน
พวกเขาเห็นเพียงมือขวาของหลี่ฟู่เฉินเท่านั้น เส้นแสงที่คล้ายกับดาวที่กำลังตกลงมา มันเจาะลงไปในแร่เหล็กดำ มันปลดปล่อยเจตจำนงอันแรงกล้าออกมาซึ่งเพียงพริบตาเดียวก็สลักลึกลงไปในหัวใจผู้คน
กรึบ!
บนแร่เหล็กดำ เป็นรูขนาดสองนิ้ว ผงละเอียดเล็ดลอดออกมาจากภายใน
“นี่คือ… เจตจำนงแห่งดาบ!”
ปากของเฉินฟางหัวอ้ากว้างและแทบไม่สามารถปิดได้ชั่วคราว
“เจตจำนงแห่งดาบที่น่าสะพรึงกลัวอะไรเช่นนี้” รูม่านตาของเซี่ยวหลี่ไบ๋หดแคบลง
หากเจตจำนงแห่งดาบทะยานเมฆาของหลิวหวูหวงเป็นตัวแทนของอำนาจและพลังที่อไม่าจก้าวข้ามไปได้ เช่นนั้นแล้วเจตจำนงแห่งดาบดาวตกของหลี่ฟู่เฉินก็แสดงถึงความรวดเร็วและความรุนแรงสูงสุด หนึ่งคือก้าวข้ามผ่านไปไม่ได้ อีกหนึ่งคือไม่สามารถปิดกั้นจากมันได้
ไบ๋เต๋าและลั่วหยี่ซานมองหน้ากัน พวกเขาต่างก็รู้สึกหมดหนทางที่คนรุ่นใหม่เข้ายึดสถานที่ที่เป็นของคนรุ่นเก่า
“เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่?”
ทุกคนตกใจและรู้สึกแสบร้อนบนใบหน้า
“เข้าใจเขตจำนงแห่งดาบได้ตั้งแต่ที่อยู่ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่เจ็ด เขาอยู่ในตำแหน่งเดียวกับดาบคลั่งชิเซียงในช่วงหลายปีก่อนหน้า”
“ถูกแล้ว ดาบคลั่งชิเซียงเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบได้ตั้งแต่ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่เจ็ด”
“การรับรู้ในเต๋าแห่งดาบของเขานั้นเหมือนกันกับดาบคลั่งชิเซียง เขาเป็นสิ่งที่คล้ายกับปีศาจ!”
หลังจากหลี่ฟู่เฉินแสดงเจตจำนงแห่งดาบของเขาแล้ว ไม่มีใครดูแคลนหลี่ฟู่เฉินอีกต่อไป
พวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะทำเช่นนั้น
ไม่มีใครสามารถแคลนถูกหลี่ฟู่เฉินได้
หากต้องการที่จะดูถูกหลี่ฟู่เฉิน อย่างน้อยท่านจะต้องเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบ ถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว ท่าจะสามารถวิจารณ์หลี่ฟู่เฉินบนพื้นฐานใดได้บ้าง?
“น่าสนใจ ไม่น่าแปลกใจที่เขากล้าต่อต้านข้า มันเป็นเพราะเขาเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบ ข้าอาจประเมินเจ้าต่ำไป แม้ว่าเจ้าจะมีเจตจำนงแห่งดาบ แต่ข้าเองก็มีเจตจำนงแห่งดาบเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น พลังฝึกฝนของข้าก็มากกว่าเจ้าถึงสองระดับ”
ใบหน้าของหลิวหวูหวงซีดลงในขณะที่เขาพูดกับตัวเอง
“บ้าเอ้ย!”
ใบหน้าของหยูเหวินเทียนดูหงุดหงิดยิ่งกว่าหลิวหวูหวง Liu Wuhuang
ทักษะดาบลึกลับขั้นต่ำของเขาได้บรรลุถึงขั้นดีเลิศแล้ว แต่เขาก็ยังห่างไกลจากขั้นภวังค์
หลี่ฟู่เฉินแซงหน้าเขาอีกครั้ง
ผู้ดูแลชั้นในตกใจและรีบจับไม้บรรทัดยาวเข้าไปในหลุมอย่างรวดเร็ว
“2 นิ้ว… 2.9 นิ้ว” เสียงของผู้ดูแลชั้นในขาดห้วง
2.8 นิ้วแต่เดิมคือสูงสุดแล้ว ใครจะรู้ว่าหลี่ฟู่เฉินจะทำลายขีดจำกัดและบรรลุผลได้ถึง 2.9 นิ้ว
ในเวที เป็นคลื่นของอากาศที่แปรปรวน
หลี่ฟูเฉินเพิ่งอยู่ในระดับที่เจ็ดของขอบเขตต้นกำเนิดเท่านั้น เมื่อเขาอยู่ในระดับที่เก้าของขอบเขตต้นกำเนิด เขาจะไม่เป็นบางอย่างที่ท้าทายสวรรค์?
“หลี่ชิตี๋ เจ้าทำได้อย่างไร?” เฉินฟาวหัวรีบถามเมื่อหลี่ฟู่เฉินเดินออกจากเวที จ้าวหมิ๋งเยวี่ยเองก็เผชิญกับความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน
แม้ว่าหลี่ฟู่เฉินจะเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบและมีเทคนิคบ่มเพาะอยู่ในระดับสูง แต่มันก็คงไม่ได้เป็นเหตุผลที่เขาจะจะทำได้ดีกว่าหลิวหวูหวง
จากสิ่งที่เฉินฟางหัวรู้ เทคนิคบ่มเพาะของหลิวหวูหวงนั้นอยู่ในระดับที่สิบสาม ซึ่งต่ำกว่าหลี่ฟู่เฉินเพียงระดับเดียวเท่านั้น
หลี่ฟู่เฉินตอบกลับ “รอจนกระทั่งเจ้าเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบ แล้วเจ้าจะเข้าใจ”
หากไม่เข้าใจเจตจำนงแห่งดาบ ก็จะไม่มีใครเข้าใจความแตกต่างระหว่างการมีเจตจำนงแห่งดาบกับไม่มี
หากระดับเจตจำนงแห่งดาบของหลี่ฟู่เฉินเท่ากับหลิวหวูหวง เขาจะสามารถทิ้งรอบที่มีขนาดมากกว่า 2 นิ้วและไม่ใช่เพียง 2.9 นิ้วที่เป็นเพียงรูเล็กน้อย
แต่เจตจำนงแห่งดาบดาวตกของหลี่ฟู่เฉินนั้นลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม และเหนือกว่าเจตจำนงแห่งดายทยานเมฆาของหลิวหวูหวงมาก
ในสายตาของหลี่ฟู่เฉิน เจตจำนงแห่งดาบของหลิวหวูหวงอยู่ในระดับที่สามารถปลดปล่อยออกมาได้ แต่ไม่สามารถถอนกลับออกได้ เขายังไม่ได้อยู่ในระดับที่สามารถใช้ได้ตามที่เขาต้องการ
แน่นอนว่านอกเหนือจากนี้ ความแข็งแกร่งทางกายภาพของหลี่ฟู่เฉินก็แข็งแกร่งกว่าหลิวหวูหวงมาก
ความแข็งแกร่งทางกายภาพ 40,000 กิโลกรัมถือเป็นระดับสูงสุดในนิกายวารีคราม
หลี่ฟู่เฉินรู้ดีว่าเทคนิคฝึกฝนร่างกายในระดับสูงที่สุดในนิกายวารีครามนั้นมีเฉพาะในระดับลึกลับขั้นสูงเท่านั้น ภายในรัศมี 100,000 ไมล์ เฉพาะนิกายปีศาจสวรรค์เท่านั้นที่มีเทคลึกปรับแต่งร่างกายระดับลึกลับขั้นสูงสุด ทั้งนิกายวารีคราม นิกายโหมกระบี่ หรือนิกายอื่นๆ ก็ไม่ได้ครอบครองมัน
(หมายเหตุ TL: ส่วนนิกายควงเต๋า = นิกายโหมกระบี่)
“เจตจำนงแห่งดาบไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้เพียงแค่กล่าวถึงมัน” เฉินฟางหัวส่ายหัวของเธอ
โดยทั่วไป โครงกระดูกระดับ 4 ดาวจะต้องอยู่ที่ขอบเขตปฐพีก่อนถึงจะสามารถเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบได้ มีเพียงคนกลุ่มน้อยที่หาได้ยากเท่านั้น ถึงจะสามารถเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบได้ตอนขอบเขตต้นกำเนิด
“เจ้ามันปีศาจจริงๆ!” จ้าวหมิ๋งเยวี่ยพูดไม่ออก
***
เมื่อเวลาผ่านไป การตรวจคัดกรองก็สิ้นสุดลง
มีเพียง 52 คนที่ผ่านการคัดเลือกจากผู้สมัครกว่า 4,000 คน
นั่นคือค่าเฉลี่ย 1 จาก 80
นัดการแข่งขันอยู่ในช่วงบ่าย ดังนั้นทุกคนจึงไปทานอาหารกลางวันกัน
บ่ายสามโมง
รอบเวทีก็กลายเป็นครื่นเครงอีกครั้ง
ผู้อาวุโสใหญ่ชั้นในประกาศ “สำหรับการแข่งขันการจัดอันดับ มันอยู่ในรูปแบบของผู้อยู่รอด มีทั้งหมดสิบขั้นตอน ใครก็ตามที่คิดว่าตนเองมีความสามารถ สามารถยืนบนมันและเผชิญหน้ากับผู้ท้าทาย”
“กฎของการแข่งขันผู้อยู่รอดก็คือ : ทุกคนมีโอกาสที่จะท้าทาย 3 ครั้งเท่านั้น เมื่อพวกเขาล้มเหลวในการพยายามทั้งสาม พวกเขาจะถูกคัดออก”
“ถ้าบุคคลผู้เป็นเจ้าของเวทีสามารถเอาชนะการแข่งขันได้สิบนัดติดต่อกัน พวกเขาจะถูกจัดอยู่ในสิบอันดับแรกของศิษ์ชั้นใน จากนั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นที่จะยอมรับการท้าทายอีกต่อไป”
“เอาล่ะ ให้ผู้อยู่รอดเริ่มการแข่งขัน”
จบการประกาศของเขา จ้าวหวูจินนั่งลง
“ให้ข้าได้เป็นผู้ครองเวทีที่ 1!”
เซี่ยวหลี่ไบ๋ยืนอยู่บนเวที 1
“ข้าจะขึ้นเวที 2”
“ข้าจะขึ้นเวที 3”
จาก 52 คน สิบคนยืนอยู่ในแต่ละเวที
หลิวหวูหวงและหลี่ฟู่เฉินไม่ได้ขึ้นเวที
พวกเขาทั้งสองคนต่างจ้องไปที่กันและกันขณะที่เจตนาของการต่อสู้เริ่มก่อตัวขึ้น
“เซี่ยวหลี่ไบ๋ ให้ข้า โจวกวงได้สู้กับเจ้า”
เงากระโดดขึ้นไปบนเวที 1
โจวกวงอยู่จุดสูงสุดของขอบเขตต้นกำเนิดและมีโครงกระดูกระดับ 4 ดาวเช่นกัน
ในการทดสอบแบบคัดกรอง เขาทิ้งรอยที่มีความลึกกว่า 1.9 นิ้วและไม่ด้อยไปกว่าไบ๋เต๋าหรือลั่วหยี่ซาน
“โจวกวง… เจ้าไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของข้า อย่าได้เสียโอกาสเช่นนี้” เซี่ยวหลี่ไบ๋แจง
โจวกวงตอบกลับ “นั่นอาจไม่เป็นความจริง รับดาบของข้าไป!”
“เนื่องจากเป็นเช่นนี้แล้ว โจวกวง ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้ชมเจตจำนงแห่งดาบทยานนภาของข้า”
ด้วยดาบที่ออกมาจากฝัก มันทำให้คนรอบเวทีกลายเป็นตกใจ
วิชาดาบทยานนภาคลายกับมีชีวิตมีอยู่ในมือของเซี่ยวหลี่ไบ๋ เจตจำนงแห่งดาบที่คลุมเครือและรุนแรงทะลุดผ่านดาบของโจวกวงไปในทันที ปิสส!
โจวกวงถูกถอดถอนออกจากเวที ขณะที่พ่นเลือดออกมาเต็มปาก ใบหน้าเต็มไปด้วยหวาดกลัว “เจ้าเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบหรือไม่?”
เซี่ยวหลี่ไบ๋หัวเราะ
“สวรรค์! เซี่ยวหลี่ไบ๋เองก็เข้าใจเจตจำนงแห่งดาบด้วยเช่นกัน”
“ดั่งคำกล่าวที่ว่า ‘มีภูเขาที่สูงกว่าเสมอ’ เดิมทีคิดว่ามีเพียงแต่จักรพรรดิดาบชิเซียงและหลี่ฟู่เฉินที่เข้าใจเจตจำนงแห่งดาบ ใครจะรู้ว่าเซี่ยวชิเซียงก็เข้าใจเจตจำนงแห่งดาบด้วยเช่นกัน มันถูกแสดงออกมาแล้ว ณ ตอนนี้”
ผู้ชมตกใจยิ่งยวด
“อย่างที่คาดไว้”
หลี่ฟู่เฉินพยักหน้า เซี่ยวหลี่ไบ๋เข้าใจเจตจำนงแห่งดาบจริงๆ
เจตจำนงแห่งดาบทยานนภา คลุมเครือและก้าวร้าว มันเป็นหนึ่งในสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับการป้องกัน
“ไม่เลว เด็กคนนี้ควรค่าแก่การสั่งสอน”
จ้าวหวูจินพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย