Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 195
บทที่ 195
อัจฉริยะราวกับเม็ดฝน
แคว้นเร้นวิญญาณ แคว้นที่ถูกปกครองโดยนิกายเร้นวิญญาณ
หากหลี่ฟู่เฉินต้องการไปยังแค้วนร้อยเทพยุทธ์ เขาจะต้องผ่านแคว้นเร้นวิญญาณก่อนเป็นอันดับแรก
เพื่อป้องกันเหตุการณ์ใดๆ ก็ตาม หลี่ฟูเฉินสวมหน้ากากปลอมตัวเพื่อเร้นสภาวะพลังของเขา เขาดูราวกับชายอายุ 30 ปี แต่ก็ยังดูหล่ออยู่
เมืองจันทร์ทมิฬ ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองหลักของแคว้นเร้นวิญญาณ
เมืองนี้มีประชากรหลายล้านคน ขนาดที่แท้จริงของมันมากกว่าเมืองหมอกเมฆาสิบเท่า ถนนของเมืองอนุญาตให้ม้าสิบหกตัวเดินเคียงกันได้อย่างง่ายดาย
หลังจากพักที่เมืองจันทราทมิฬหนึ่งวัน หลี่ฟู่เฉินออกเดินทางอีกครั้งในวันถัดไป
***
น้ำขึ้นยามดึก พระจันทร์เสี้ยวถูกแขวนไว้เหนือเมฆเพียงลำพัง ขณะแสงจันทร์ที่อ้าวว้าวส่องแสงลงมายังดินแดน
ในที่ราบว่างเปล่าเปลวเพลิงจากกองไฟโบกสบัดอย่างนุ่มนวล
ด้านข้างของกองไฟเป็นร่างบุคคลที่กำลังฝึกซ้อมเพลงดาบของเขา
ดาบจะมีเปลวเพลิงลุกออกมาทุกๆ ครั้งที่เคลื่อนไหว
การเดินทางในการฝึกฝนตัวเองเป็นประสบการณ์ที่โดดเดี่ยวและอ้างว้าง
มันเป็นเช่นเดียวกับชีวิตของอัจฉริยะส่วนใหญ่ซึ่งอาศัยอยู่อย่างสันโดษและโดดเดี่ยว
เดิมที หลี่ฟู่เฉินไม่อาจถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะ แต่กลับกันเขาถือว่าเป็นผู้ที่มีการรับรู้ที่ดี
แต่วันที่เครื่องรางทองคำเข้ามาในร่างกายของเขา มันก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าชีวิตของเขาจะไม่สามารถดำเนินไปตามเส้นทางเดิมของเขาได้ มันจึงเป็นต้องเดินบนเส้นทางใหม่
และเส้นทางนี้ยาวกว่าและน่าเบื่อกว่ามาก เกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้
เขาไม่รู้ว่าเครื่องรางทองคำของเขาจะพาเขาไปสิ้นสุดที่ใด
แต่มันจะสำคัญอะไร?
ตราบใดที่ยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ มันก็เพียงพอแล้ว
ในคืนนี้ ฝนดาวตกเกิดขึ้น อุกกาบาตก้าวผ่านข้ามท้องฟ้า แสงส่องสว่างอย่างสุกใส
***
ออกจากแคว้นเร้นวิญญาณ หลี่ฟู่เฉินมาถึงแคว้นนภาดารา
นิกายนภาดาราเป็นนิกายที่ทรงพลังยิ่ง เมื่อหลายปีก่อน นิกายเร้นวิญญาณและนิกายสวรรค์ปีศาจได้ผนึกกำลังกันเพื่อประกาศสงครามกับนิกายนภาดารา ต่อสู้เพื่อสมบัติ แต่ผลลัพธ์สุดท้ายคือความพ่ายแพ้ของนิกายเร้นวิญญาณและนิกายสวรรค์ปีศาจทั้งสอง
หากไม่ใช่เพราะนิกายนภาดารามีศัตรูอื่นอยู่ นิกายเร้นวิญญาณและนิกายสวรรค์ปีศาจจะได้รับการสูญเสียมากกว่าเดิมแน่นอน
ในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก มีหลายนิกาย ความสัมพันธ์ระหว่างแต่ละนิกายนั้นไม่ได้สิ่งง่ายๆ อย่างใครแข็งแกร่งกว่าและอ่อนแอกว่า
ภายใต้สายตาของนิกายอื่น แม้แต่นิกายที่น่าเกรงขามก็ต้องคิดให้รอบคอบก่อนประกาศสงคราม พวกเขาจะยิ่งระมัดระวังมากขึ้นเมื่อต้องออกไปต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
ทุกนิกายที่มีรากฐานลึกอยู่ในระดับนึง หากพวกเขาออกไปทำสงครามทั้งหมดและได้รับความสูญเสียอย่างมากจากทั้งสองฝ่าย มันจะส่งผลประโยชน์ต่อนิกายอื่นเสียเปล่าๆ
แน่นอน หลังจากการต่อสู้ นิกายนภาดาราสร้างชื่อให้ตัวเอง ในโอกาสปกติ ไม่มีนิกายอื่นกล้าที่จะยั่วยุพวกเขาอยู่แล้ว พวกเขาจะไม่เข้าไปใกล้นิกายนภาดาราเลยหากเป็นไปได้
ระหว่างที่เดินทางอยู่ในแคว้นนภาดารา หลี่ฟู่เฉินได้ยินข้อมูลเเกี่ยวกับยอดอัจฉริยะศิษย์หลักของนิกายนภาดารามามากมาย
นิกายนภาดารานั้นมีอยู่เจ็ดนภา(ท้องฟ้า) ทั้งเจ็ดคนนั้นอยู่ในระดับเดียวกันกับดาบคลั่งและดาบพยัคฆ์ เบื้องบนเจ็ดนภาคือนายน้อยนภา นายน้อยนภาผู้นี้มีโครงกระดูกระดับ 6 ดาวเช่นเดียวกับหยานชิงหวู
ศักยภาพที่น่ากลัวของโครงกระดูก 6 ดาวไม่สามารถแสดงออกได้อย่างสมบูรณ์เนื่องจากอายุที่ยังน้อยของหยานชิงหวู
แต่นายน้อยนภาผู้นี้มีอายุ 21 ในปีนี้ ฉะนั้นเขาจึงแก่กว่าหยานชิงหวู 5 ปี การฝึกฝนของเขาอยู่ที่ระดับ 8 ของขอบเขตปฐพีแล้ว
มีข่าวลือกันว่าเขามีความสามารถที่อาจฆ่าได้แม้แต่กระทั้งนักสู้ขอบเขตสวรรค์ แต่มันก็ยากที่จะแยกแยะว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงแค่ข่าวลือ
“นายน้อยนภา? เจ๊กนภา?” หลี่ฟู่เฉินยิ้มกว้าง
โลกนี้มีอัจฉริยะมากมายราวกับเม็ดฝน และหากสามารถกลัดเกลาฝึกฝนตันเองในเส้นทางที่ตัวเองก้าวเดินได้ มันย่อมเป็นสิ่งที่ทำให้คนตื่นเต้น หากไม่เช่นนั้นแล้ว มันจะน่าเบื่อเกินไป
***
ออกจากแคว้นนภาดารา หลี่ฟูเฉินยังแคว้นวิญญาณเทพยุทธ์
ผู้ปกครองแคว้นวิญญาณเทพยุทธ์ไม่ได้เป็นนิกาย แต่เป็นตระกูล ตระกูลนี้เรียกว่าตระกูลตวนหลิน
(หมายเหตุ : ตวนหลินความหมายคือวิญญาณเทพยุทธ์)
มันเป็นตระกูลที่มีอำนาจมาก มากเสียจนแม้แต่กระทั้งนิกายนภาดารายังรู้สึกกดดัน เหตุผลที่ว่าทำไมนิกายนภาดาราถึงไม่ได้ใช้กำลังอย่างเต็มที่เพื่อกำจัดนิกายเร้นวิญญาณและนิกายสวรรค์ปีศาจก็เนื่องจากตระกูลตวนหลิน
ตระกูบตวนหลินมีโครงกระดูกที่สามารถสืบทอดต่อกันได้
ได้มีการกล่าวกันว่าบรรพบุรุษของตระกูลตวนหลินเป็นผู้เชี่ยวชาญแท้จริงที่ครอบครองโครงกระดูกวิญญาณเทพยุทธ์ ไม่ทราบว่าทำไมโครงกระดูกวิญญาณเทพยุทธ์นี้ถึงสามารถส่งต่อไปยังคนรุ่นต่อไปได้ ลูกหลานบางคนจะมีโครงกระดูกวิญญาณเทพยุทธ์ที่อ่อนแอ ในขณะที่บางคนมีโครงกระดูกที่แข็งแกร่ง มันแต่ยังโชคดีที่ไม่มีใครมีโครงกระดูกวิญญาณเทพยุทธ์ในระดับเดียวกับบรรพบุรุษของพวกเขา หากไม่เช่นนั้นแล้ว ทวีปยูนิคอร์นตะวันออกทั้งหมดจะถูกปกครองโดยตระกูลตวนหลิน
เมื่อเทียบกับนิกายนภาดารา ตระกูลตวนหลินมีอัจฉริยะยอดเยี่ยมอยู่มากมาย
นิกายนภาดารามีนายน้อยนภาและเจ็ดนภา
ในขณะที่ตระกูลตวนหลินมีวิญญาณเทพยุทธ์อยู่สิบคน
ทุกคนที่มีวิญญาณเทพยุทธ์ทั้งสิบ อยู่ในระดับเดียวกันกับดาบคลั่งและดาบพยัคฆ์ แม้แต่กระทั้งดาบไร้อารมณ์เซี่ยเฟิงก็ด้อยกว่าพวกเขาเล็กน้อย
เหตุผลที่ตัดสินเช่นนี้ เป็นเพราะหลี่ฟู่เฉินได้เห็นความสามารถของเซี่ยเฟิงเป็นการส่วนตัว
คนที่อ่อนที่สุดของวิญญาณเทพยุทธ์ทั้งสิบสามารถฆ่านักสู้ขอบเขตปฐพีระดับสูงสุดได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่าตอนนี้เซี่ยเฟิงได้ผ่านชั้นที่สามของหอคอยศิษย์สายตรงเรียบร้อยแล้ว ความสามารถโดยรวมตอนนี้ของเขาเพิ่มขึ้น มันไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นใครที่เหนือกว่ากัน ก็ในเมื่อการต่อสู่เท่านั้นที่จะตัดสินว่าใครเก่งกว่ากัน
“แน่นอนแล้วว่าโลกใบนี้นั้นกว้างใหญ่ ทุกนิกายมีอัจฉริยะที่เป็นหัวกะทิเช่นนี้ ข้าสงสัยว่ามีศิษย์ชั้นยอดทั้งหมดกี่คนที่อยู่ในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก”
หลังจากข้ามแคว้นตวนหลินแล้ว ในที่สุดหลี่ฟูเฉินก็มาถึงแคว้นร้อยเทพยุทธ์
พื้นที่ราบร้อยเทพยุทธ์นั้นตั้งอยู่ที่ชายขอบแคว้นร้อยนเทพยุทธ์
ที่นี่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสนามรบของผู้เชี่ยวชาญแท้จริง
ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าผู้เชี่ยวชาญแท้จริงเหล่านี้แข็งแกร่งเพียงใด และระดับการฝึกฝนของพวกเขาอยู่ไกลแค่ไหน แต่พื้นที่ราบร้อยเทพยุทธ์นั้นมีรอยจะสงครามที่เหลืออยู่และตอนนี้ก็กลายเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างยิ่ง มีบางพื้นที่พยศมาก แม้แต่กระทั้งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดก็ตกอยู่ในอันตราย
โชคดีที่พื้นที่ส่วนใหญ่ในพื้นที่ราบร้อยเทพยุทธ์ยังถือว่าปลอดภัย
ขี่ม้าเลือดปีศาจระดับ 2 หลี่ฟู่เฉินควบไปทั่วที่ราบ
เมื่อได้ยินเสียงม้าเลือดปีศาจร้องอย่างแปลกประหลาด หลี่ฟู่เฉินตกใจและกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า
ปิส!
ฝนเลือดเกิดขึ้น
ม้าเลือดปีศาจระดับ 2 ถูกแทงทะลุผ่านด้วยฝ่ามือสีขาวยักษ์จากด้านหลัง
“ฝ่ามือโครงกระดูกขาว! เป็นวิญญาณโครงกระดูกขาว?”
วิญญาณโครงกระดูกขาวไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่ที่จริงแล้วสิ่งมีชีวิตแบบนี้นั้นเกิดมาจากพลังแห่งความขุ่นข้องของผู้เชี่ยวชาญแท้จริง พลังฉีของผู้เชี่ยวชาญแท้จริงที่หลงเหลืออยู่ดูดซับความขึ่นข้องใจมาอย่างยาวนาน ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมวิญญาณโครงกระดูกถึงเป็นสิ่งที่น่าเกรงขาม
ตลอดพื้นที่ราบร้อยเทพยุทธ์เป็นที่ๆ พลังฉีขุ่นข้องอาศัยอยู่ ซึ่งเป็นสาเหตุที่มีวิญญาณโครงกระดูกขาวจำนวนมาก ตัวที่อ่อนแอ่ไม่นับว่าเป็นไร แต่บางครั้งก็มีวิญญาณกระดูกขาวที่น่าเกรงขามซึ่งอาจต่อต้านผู้เชี่ยวชาญขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดได้ หรือแม้แต่กระทั่งเหนือไปกว่านั้น
เมื่อม้าเลือดปีศาจระดับ 2 ถูกฉีกกระชากออกจากกัน วิญญาณโครงขาวที่มีขนาดเหมือนมนุษย์ก็ออกมาจากพื้นดินและคำรามใส่หลี่ฟู่เฉิน
“ไม่จำเป็นต้องสู้กับมัน”
หลี่ฟูเฉินยอมแพ้ในการต่อสู้กับมันด้วยชีวิตของเขา เขาเปิดใช้งานย่างก้าวเงาวายุ ขณะที่เขาพุ่งออกไปด้วยความเร็วราวกับนกที่บินเร็วที่สุด
เบ้าตาที่ว่างเปล่าของวิญญาณโครงกระดูกขาวมีเปลวเพลิงสีเขียวสว่างขึ้นและจับเป้าหมายไปที่หลี่ฟู่เฉิน และเป็นเวลาเดียวกันที่มันเริ่มไล่ล่า
“เร็วมาก” หลี่ฟูเฉินรู้สึกว่าความเร็วของเขาถือได้ว่ารวดเร็วยิ่ง แต่เมื่อเทียบกับวิญญาณโครงกระดูกขาว มันยังด้อยกว่าอยู่เล็กน้อย
จากระยะไกล หลี่ฟู่เฉินเห็นกองคาราวานพ่อค้า บนธงของกองคาราวานเป็นสัญลักษณ์รูปดอกกุหลาบ
พร้อมกับการขมวดคิ้ว หลี่ฟู่เฉินไม่ได้มุ่งหน้าไปในทิศทางของพวกเขา เขาไม่ต้องการสร้างปัญหาให้ผู้อื่น
“มันเป็นวิญญาณโครงกระดูกขาว ทุกคนโจมตี!”
หลี่ฟู่เฉินไม่ได้คาดหวังว่ากองคาราวานพ่อค้าจะกำหนดเป้าหมายไปที่วิญญาณโครงกระดูกขาว นักสู้ขอบเขตปฐพีจำนวนมากร่วมมือกันเพื่อฆ่าวิญญาณโครงกระดูกขาว