Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 233
บทที่ 233
อันดับที่ 1
นี่ด่านที่สี่คือเต๋าแห่งการรับรู้
ด่านแรกคือสายฟ้าคำราม ด่านที่สองคือดวงตาแห่งหมอก และด่านที่สามคือดาบพิพาก ซึ่งนี่เป็นการทดสอบเจตจำนงของทุกคน ตราบใดที่มีจิตใจที่แข็งแกร่ง พวกเขาก็สามารถต้านทานมันได้
แต่ด่านที่สี่นั้นแตกต่างกัน มันทดสอบการรับรู้ของใครคนหนึ่ง
หากการรับรู้ของคนหนึ่งไม่ตรงตามเป้าหมาย จิตวิญญาณแข็งแกร่งอย่างไรก็ไม่สำคัญ
แน่นอน ผู้ที่มีวิญญาณอันแข็งแกร่งจะโดยทั่วไปจะมีการรับรู้ที่ดีเช่นกัน
ทันใดนั้น หลี่ฟู่เฉินก็ก้าวเข้าสู่เกาะโดดเดี่ยว เส้นสายปรากฏขึ้นในอากาศ บางเส้นตรงในขณะที่บางเส้นโค้งงอ บ้างเส้นก็คมในขณะที่บางเส้นก็ทื่อ บางเส้นก็ดูเผด็จการในขณะที่บางเส้นก็ดูดอ่อนโยน บางเส้นก็ร้อนสุดในขณะที่บางเส้นก็เย็นเยียบ ทุกเส้นรู้สึกราวกับว่าพวกมันมีจิตวิญญาณเป็นของตัวเองและไม่ได้เป็นเพียงแค่เส้นบางอย่างที่ดูง่ายๆ
ในด่านนี้ ผู้ทดสอบจะต้องรวมเส้นเหล่านี้บางส่วนและสร้างเทคนิคการต่อสู้ขึ้น เทคนิคต่อสู้นี้จะต้องเทียบเท่ากับเทคนิคการต่อสู้ระดับลึกลับขั้นต่ำ
ซึ่งหมายความว่า หลี่ฟูเฉินต้องสร้างเทคนิคต่อสู้ระดับลึกลับขั้นต่ำของเขาเอง ถึงจะผ่านด่านนี้ไปได้
ในโลกภายนอก ผู้ที่สามารถพัฒนาทักษะต่อสู้ระดับลึกลับได้ เรียกอีกอย่างว่าปรมาจารย์เต๋าต่อสู้
แน่นอน ด้วยความช่วยเหลือจากเส้นเหล่านี้ ความยากก็จะลดลงสองถึงสามเท่า มิฉะนั้นแล้ว ด้วยการรับรู้ของหลี่ฟู่เฉิน เขาก็คงไม่กล้าพูดว่าเขาสามารถสร้างทักษะดาบระดับลึกลับขั้นต่ำขึ้นมาได้ แม้ว่าเขาจะสามารถสร้างได้ มันก็คงจะใช้เวลาเป็นจำนวนมาก
“น่าสนใจ ให้ข้าลองดู!”
หลี่ฟูเฉินยื่นมือออกมาและเริ่มโบกไปหาเส้นในอากาศ พยายามรวมมันเข้าด้วยกัน
15 นาทีผ่านไปและมีเส้นที่กำลังผสานกันอยู่จำนวนมากอยู่ด้านหน้าของหลี่ฟู่เฉิน เมื่อเส้นสายรวมกัน มันก่อตัวเป็นรูปดาบ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นทักษะดาบ
“ไม่ดี ระดับต่ำเกินไป” หลี่ฟู่เฉินสลายเส้นนั้นทิ้ง
ทักษะดาบนี้ก็แค่อยู่ในระดับสีเหลืองขั้นสูงสุดเท่านั้นและยังไม่เป็นไปตามข้อกำหนด
อีก 15 นาทีผ่านไปและหลี่ฟู่เฉินก็แยกมันอีกครั้ง
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะคิดค้นทักษะดาบระดับลึกลับขั้นต่ำด้วยตนเองโดยใช้เส้นเหล่านี้เป็นพื้นฐาน
หลังจากทั้งหมดแล้ว ทักษะต่อสู้ระดับลึกลับก็มีเจตจำนงทักษะเต๋า เจตจำนงทักษะเต๋าดำรงอยู่ภายใต้สวรรค์และเป็นสิ่งที่ลึกลับอย่างยิ่ง
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
สองชั่วโมง…
ทีละเล็กทีละน้อย เมื่อหลี่ฟู่เฉินเริ่มรวมเส้นเข้าหากัน มันก็เริ่มที่จะปลดปล่อยเจตจำนงที่รุนแรงออกมา
เจตจำนงที่รุนแรงไหลไปตามความประสงค์ของสวรรค์และได้รับการสนับสนุนโดยพลังงานที่ไร้รูปแบบ
ตึงl! ตึง! ตึง!
มีลมรุนแรงพัดผ่านออกมาเหลือขณานับ ดาบประดิษฐ์ก่อตัวขึ้นเมื่อรวมเส้นสายแต่ละอย่างเข้ากันอาย่างสมบูรณ์แบบและดาบนี้ก็หมุนวนอยู่ในสายลมที่รุนแรง เจตจำนงแห่งดาบที่รุนแรงได้เผยให้เห็นถึงความสามารถที่ยอดเยี่ยมออกมา
“ทักษะดาบระดับลึกลับขั้นต่ำ ก่อตัวขึ้น?” มีแสงส่องประกายเข้าตาของหลี่ฟู่เฉิน
การคิดค้นทักษะดาบระดับลึกลับขึ้นต่ำด้วยตนเองนั้นยากกว่าที่เขาคิดไว้มาก โชคดีที่เขาได้รับความช่วยเหลือจากเส้นเหล่านี้และใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงในการทำให้มันเสร็จสมบูรณ์
“ข้าจะตั้งชื่อมันว่าทักษะดาบวายุโหมกระหน่ำ!”
(หมายเหตุ TL: ฉันจะใช้ Sword Art(ทักษะดาบ) แทน Sword Style(วิชาดาบ) ตั้งแต่ตอนนี้มันจะได้คล้ายกับทักษะต่อสู้อื่นๆ ฉันรู้สึกว่ามันจะได้แปลลื่นไหลมากกว่านี้)
ทักษะดาบวายุโหมกระหน่ำมีเจตจำนงวายุโหมกระหน่ำ ทักษดาบนี้จะใช้ความเร็วและความรุนแรงเป็นหลัก ซึ่งทำให้มันเชี่ยวชาญในการโจมตีต้องใช้ความรวดเร็ว
ครืน!
ในขณะที่หลี่ฟู่เฉินสร้างทักษะดาบระดับลึกลับขั้นต่ำเป็นของตัวเองได้ ทักษะดาบวายุโหมกระหน่ำ เส้นในอากาศได้หายไปและอนุสาวรีย์แห่งชื่อก็ปรากฏขึ้นบนเกาะที่โดดเดี่ยว
“อนุสาวรีย์แห่งชื่อปรากฏขึ้น?”
กวาดสายตาอย่างรวดเร็ว หลี่ฟู่เฉินเพียงเหลือบแวบเดียวก็สังเกตเห็นได้ว่าอนุสาวรีย์แห่งชื่อนี้ไม่เครื่องหมายแยกเป็นกลุ่มอีกต่อไป มันถูกระบุเป็นตารางจัดอันดับแทน
หากไม่รวมเครื่องหมายที่สีจางไปแล้ว มันก็มีเครื่องหมายไม่กี่สิบเครื่องหมายเท่านั้นที่ยังคงสว่างอยู่
ซึ่งหมายความว่าในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก มีคนเพียงไม่กี่โหลที่รอดจากการสร้างทักษะต่อสู้ในด่านที่สี่นี้ไปได้ด้วยความพยายามเพียงครั้งแรกของพวกเขาสำหรับเส้นทางดวงดาวที่นี้
“เครื่องหมายที่อยู่ที่นี่เหล่านี้แต่ละอันจะต้องเป็นของเหล่าปรมาจารย์เก่าแก่หรือไม่ก็เป็นของเหล่ายออดอัจฉริยะ น่าเสียดายที่ข้าไม่เคยเห็นพวกเขามาก่อน ข้าจึงไม่คุ้นเคยกับสภาวะพลังฉีของพวกเขาแต่อย่างใด ดังนั้นข้าเลยไม่สามารถแยกความแตกต่างได้ว่าเครื่องหมายใดเป็นของใคร”
ทวีปยูนิคอร์นตะวันออกเต็มไปด้วยผู้เยี่ยมยุทธ์
ผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหมดนั้นเป็นอัจฉริยะในช่วงวัยหนุ่มสาวของพวกเขาเอง อย่างไรก็ตามผู้เยี่ยมยุทธ์ที่สามารถทิ้งร่องรอยไว้ในอนุสาวรีย์แห่งชื่อในด่านที่สี่แห่งนี้ได้ ยอมเป็นยอดอัจฉริยะในสมัยตอนที่พวกเขายังเด็ก
หากพวกมันไม่ได้มีโครงกระดูกระดับ 6 ดาว พวกเขาก็คงจะเป็นกระดูก 5 ดาวระดับท้าทายสวรรค์
เช่นเดียวกับเจ้านิกายวารีคราม โอหยางเหว่ยเทียน เขาเป็นอัจฉริยะที่อยู่ในประเภทเดียวกันกับดาบคลั่งและดาบพยัคฆ์ แต่มันก็น่าเสียดายที่เขาไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะทิ้งเครื่องหมายไว้ที่อนุสาวรีย์แห่งชื่อในด่านที่สี่ได้
หลี่ฟู่เฉินนับถือเจ้านิกายนภาดารา ผู้นำตระกูลต้วนหลินในปัจจุบัน และปรมจารย์หุบเขานิรันดร์ ผู้คนเหล่านี้อยู่ในจุดสุดยอดของกองกำลังที่มีอิทธิพล พวกเขาสมควรทิ้งเครื่องหมายไว้บนอนุสาวรีย์แห่งนี้ได้
จากข้อมูลของหลี่ฟู่เฉิน คนเหล่านี้เป็นโครงกระดูก 6 ดาวหรือไม่ก็เป็นโครงกระดูกระดับ 5 ดาวระดับท้าทายสวรรค์
“เครื่องหมายที่อ่อนจางเหล่านั้นไม่มีการจัดอันดับ เฉพาะอันที่ยังคงสดใสอยู่เท่านั้นถึงมีการจัดอันดับ ข้าสงสัยว่าอันดับของข้าจะอยู่ในอันดับใด”
ถือแปรงไว้ในมือ หลี่ฟู่เฉินเริ่มเขียนเครื่องหมาย ‘ดาบ’ ของเขาลงไปในอากาศ
เมื่อทำเครื่องหมาย ‘ดาบ’ แล้ว มันก็บินไปยังอนุสาวรีย์แห่งชื่อ
อันดับที่สาม อันดับที่สอง…
เมื่อเครื่องหมาย ‘ดาบ’ ของหลี่ฟู่เฉินถูกสร้างขึ้นแล้ว มันก็บินตรงไปยังอันดับสามและเริ่มปีนไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ
อันดับหนึ่ง… เหนือกว่าอันดับหนึ่ง
เครื่องหมาย ‘ดาบ’ ของหลี่ฟู่เฉินนั้นเผด็จการเป็นอย่างมาก มันผลักเครื่องหมายอันดับแรกออกไปและทับลงตำแหน่งอันดับแรกด้วยตัวมันเอง
เครื่องหมายอันดับแรกแรกไม่ต้องการให้ผลเป็นไปตามนี้มันรีบไปที่เครื่องหมาย ‘ดาบ’ ในขณะที่เต็มไปด้วยเจตจำนงและคลื่นอันลึกลับ ทำตัวเหมือนมีวิญญาณ มันไปห่อหุ้มที่เครื่องหมาย ‘ดาบ’ ของหลี่ฟู่เฉิน
เครื่องหมาย ‘ดาบ’ ของหลี่ฟู่เฉินไม่รออยู่เฉยๆ ในขณะที่มันเริ่มถูกโจมตี มันระเบิดออกเจตจำนงอละคลื่นลึกลับออกมา ในขณะที่โจมตีกลับไป
หลี่ฟูเฉินยืนอยู่เคียงข้างและสังเกตในขณะที่เขาพบว่ามันน่าสนใจ
หลังจากการโจมตีหลายครั้ง อันดับแรกก็ไม่สามารถรักษาความกล้าหาญต่อไปได้ เช่นนั้นแล้วเครื่องหมายอันดับแรกก็ถอนตัวออกไปที่อันดับสองอย่างเชื่อฟัง มันไม่ต้องการท้าทายเครื่องหมาย ‘ดาบ’ อีกต่อไป
ด้วยเหตุนี้เครื่องหมาย ‘ดาบ’ ของหลี่ฟู่เฉินจึงสร้างเครื่องหมายที่อนุสาวรีย์แห่งชื่อได้สำเร็จ
อนุสาวรีย์แห่งชื่อเรืองแสงออกมา เสาแสงไฟพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและทะลุท้องฟ้าสว่างจ้าแจ่มจรัส
ไม่มีใครรู้ว่าเสาแสงนี้สูงแค่ไหน
ความสูงเกินตรรกะและดูเหมือนจะสามารถจับคู่ขนาดกับเส้นทางดวงดาวทั้งหมดได้
ครื้น!!!!!!
ในท้องฟ้าที่เจิดจ้า ฟ้าผ่าสีทองจำนวนนับกระจายตัวออกไป
เมื่อหลี่ฟู่เฉินทิ้งเครื่องหมายไว้ที่อนุสาวรีย์แห่งชื่อในด่านที่สาม ฟ้าผ่าสีทองถึงกระจายกว้างไปไกลกว่าถึงหลายร้อยถึงหลายพันกิโลเมตร แต่ตอนนี้ ฟ้าผ่าสีทองเหล่านี้มีระยะทางนับพันถึงหลายหมื่นกิโลเมตร มีบางอันที่ไปถึงแสนกิโลเมตร
เมื่อสายฟ้าสีทองกวาดผ่านเส้นทางดวงดาว แม้แต่กระทั้งหลี่ฟู่เฉินก็ยังรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
‘ฟ้าผ่าเหล่านี้ขยายไปได้ไกลถึงเช่นนั้น หากมันเป็นเรื่องจริง สายฟ้าเพียงลูกเดียวก็สามารถทำลายทวีปยูนิคอร์นตะวันออกทั้งหมดได้แล้วใช่หรือไม่?’
ฟ้าผ่าสีทองที่มีความยาวสูงสุดหมื่นกิโลเมตรนั้นก็เพียงพอที่จะทำลายทวีปได้แล้ว หากแสงสว่างที่ไปถึงหลายร้อยหลายพันกิโลเมตรเป็นเรื่องจริง ใครเล่าจะหยุดพวกมันได้บ้าง? ฟ้าผ่าสีทองเหล่านี้อยู่ได้ไม่นานนัก พวกมันมีรัศมีกว้างขวางและพลังที่บรรจุอยู่นั้นก็ไม่อาจหยั่งถึงได้
บูม!
มีระลอกคลื่นอันเงียบสงบแผ่ออกมา เนื่องจากครึ่งหนึ่งของดาวฤกษ์ในระยะไกลถูกทำลายโดยสายฟ้าผ่า หลี่ฟูเฉินพูดไม่ออกเป็นเวลานานเมื่อเขาเห็นภาพนี้
หลังจากผ่านด่านที่สี่ไปแล้ว มีพลังงานแปดส่วนที่มาจากเส้นทางดวงดาวพุ่งเข้าสู่ร่างกายของหลี่ฟู่เฉิน
ตอนนี้ หลี่ฟู่เฉินมีพลังงานของเส้นทางดวงดาวอยู่ทั้งหมดสิบห้าส่วน
ด้วยพลังงานเส้นทางดวงดาวที่ไร้ขอบเขตเหล่านี้ มันทำให้หลี่ฟู่เฉินรู้สึกไม่สบายใจหากเขาไม่รีบตัดผ่านมัน
“ดูเหมือนว่าตอนนี้ข้าต้องเริ่มที่จะพัฒนาระดับพลังของข้าได้แล้ว”
หลี่ฟูเฉินนั่งไขว่ห้างและเตรียมพร้อมที่จะก้าวไปสู่ระดับที่ 4 ของขอบเขตปฐพี
โคจรเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริง สภาวะพลังฉีที่โดดเด่นก็ปะทุออกมาจากร่างกายของหลี่ฟู่เฉิน
บูม!
ก่อนจะถึง 15 นาที หลี่ฟู่เฉินก็ตัดผ่านผ่านจากระดับ 3 ไปยังระดับที่ 4 ของขอบเขตปฐพีได้สำเร็จ
นอกจากนี้ มันไม่มีทั้งอาการขาดพลังฉีหรือความรู้สึกไม่มั่นคง มันรู้สึกดียิ่งกว่าเมื่อเขาตอนนี้เขาตัดผ่านสู่ขอบเขตปฐพีด้วยผลตัดปฐพีเสียอีก มันให้ความรู้สึกราวกับว่าเขาได้ตัดผ่านเข้ามายังระดับ 4 ของขอบเขตปฐพีมาเป็นเวลานานมากแล้ว
ในขณะเดียวกัน พลังงานเส้นทางดวงดางสามส่วนก็ไหลออกไปจากร่างกายของหลี่ฟู่เฉิน
“ข้าควรจะก้าวไปสู่ระดับที่ 5 ของขอบเขตปฐพี”
หลี่ฟูเฉินยังคงทำการตัดผ่านอย่างต่อเนื่อง เขาหยิบยาปริมาณมากเข้าไปในปากของเขา
ติดตามได้ก่อนใครที่ indynovels