Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 234
บทที่ 234
ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์
หนึ่งชั่วโมงต่อมา หลี่ฟู่เฉินประสบความสำเร็จในการตัดผ่านไปสู่ระดับที่ 5 ของขอบเขตปฐพี
ในเวลาเดียวกัน พลังงานเส้นทางดวงดาวกว่าเก้าส่วนก็ถูกใช้หมดแล้ว เหลือเพียงแค่สามส่วน
‘การตัดผ่านขึ้นหนึ่งระดับต้องใช้พลังงานถึงสามส่วน และการตัดผ่านสองระดับนั้นรวมทั้งหมดใช้ไปสิบสองส่วน หากข้าจะฝ่าด่านขึ้นไปสามระดับ ข้าเดาว่ามันคงต้องใช้ทั้งหมดสามสิบหกส่วน’
จากสถานการณ์ที่เขาบุกทะลวงขึ้ไปสู่ระดับที่ 5 ของขอบเขตปฐพี หลี่ฟู่เฉินคำนวณว่าการเพิ่มระดับทุกครั้งจะต้องเพิ่มปริมาณพลังงานเส้นทางดวงดาวสามเท่า ซึ่งหมายความว่าปริมาณพลังงานเส้นทางดวงดาวที่ต้องการก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนที่เกินจริงอย่างมาก ดูเหมือนว่าพลังงานเส้นทางดวงดาวนี้จะค่อยๆ ถูกร่างกายมนุษย์พัฒนาความต้านทานได้
‘หากข้าผ่านด่านที่ห้าได้ ข้าจะได้รับพลังงานเส้นทางดวงดาวอีก 16 ส่วน แม้มันอาจไม่สามารถช่วยข้าในการตัดผ่านระดับที่ 6 ของขอบเขตปฐพีไปได้ แต่ความต้องการมันก็จะลดลงครึ่งหนึ่ง แน่นอนว่าข้าจะต้องการทำเช่นนั้น’ หลี่ฟู่เฉินคิดกับตัวเองขณะที่ยืนขึ้น
‘แต่ ข้าเกรงว่าตัวเองคงจะไปถึงด่านที่ห้าได้ยาก หากไปตามลำพังอย่างที่ผ่านๆ มา’
ดูส่วนที่ห้าของเส้นทางดวงดาว หลี่ฟู่เฉินมีความไม่แน่นอนอยู่ในใจของเขา
ในส่วนหลังของส่วนที่สี่ หลี่ฟูเฉินก็รู้สึกถึงความตึงเครียดแล้ว ส่วนหน้าของส่วนที่ห้านี้จะต้องมีแรงกดดันจากสนามพลังฉีเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เมื่อเทียบกับส่วนหลังของส่วนที่สี่
“ไม่ว่าอะไรก็ตาม ข้าก็ต้องลองดู หากข้าไม่ลอง ข้าก็จะไม่มีวันรู้ว่าขีดจำกัดของข้าเป็นอย่างไรและเกินขีดจำกัดจะทำได้อย่างไร”
สูดหายใจเข้าลึกๆ หลี่ฟูเฉินก้าวเท้าข้างแรกด้วยเท้าขวาของเขา และก้าวเข้าสู่ส่วนที่ห้าของเส้นทางดวงดาวอย่างเด็ดขาด
แคร็ก!
แรงกดดันที่น่าหวาดกลัวโถมทับลงมา ในขณะที่หลี่ฟู่เฉินรู้สึกว่าวิญญาณของเขากำลังถูกบิดเบือน
หากส่วนหลังของส่วนที่สี่เป็นพายุ เช่นนั้นส่วนแรกของส่วนที่ห้าก็คือพายุเฮอริเคน พายุเฮอริเคนระดับภัยพิบัติ
ยืนอยู่ในพายุเฮอริเคนนี้ หลี่ฟู่เฉินก้าวเท้าหนักๆ เดินตรงต่อไป
ในขณะนี้ เขาไม่สามารถวิ่งได้อีกแล้ว
***
เมืองฝนใบไม้… ลานบ้านของหลี่ฟู่เฉิน
“แปลก หลี่ฟู่เฉินอยู่ที่ไหน?”
ฟานเฉียนสงและฟานเฉียนหยูมองไปรอบๆ และพยายามหาร่างของหลี่ฟู่เฉิน แต่ก็จบลงด้วยการเสียเวลาเปล่า
ฟานเฉียนหยูกล่าว “พี่ ต้องมีบางสิ่งต้องเกิดขึ้นกับหลี่ฟู่เฉินเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่จากไปโดยที่ที่ไม่บอกเรา”
ฟานเฉียนสงพยักหน้า “น่าเสียดาย งานเลี้ยงน้ำชาที่จัดขึ้นในเมืองฝนใบไม้ทุกๆ 2 ปีกำลังถูกจัดขึ้น ปีนี้เจ้าภาพที่จัดงานน้ำชาในเมืองฝนใบไม้เป็นศิษย์หลักระดับทองของนิกายเฟื่องฟู ฉินเค่อชือ เมื่อมีเธอศิษย์หลักระดับเธอจากนิกายต่างๆ ก็คงจะมาร่วมงานเลี้ยงน้ำชาครั้งนี้อย่างแน่นอน”
ในบริเวณใกล้เคียงของเมืองฝนใบไม้ ก็เป็นภูเขาฝนใบไม้
ภูเขาฝนใบไม้ ฝนใบไม้เกิดได้เนื่องจากใบไม้มันร่วงหลนลงมาตลอดปี เป็นมาตั้งแต่เวลาไหนก็ไม่อาจทราบ ศิษย์หลักระดับทองจากนิกายต่างๆ จึงมาจัดงานเลี้ยงน้ำชาที่เมืองฝนใบไม้แห่งนี้ ซึ่งมันก็ถูกนำมาจัดเพื่องานนี้ตั้งแต่นั้นมา งานเลี้ยงน้ำชาทุกงานมีเจ้าภาพเป็นผู้คนต่างๆ และเจ้าภาพของปีนี้ก็คือศิษย์หลักระดับทองของนิกายเฟื้องฟู ฉินเค่อชือ
นิกายเฟื้องฟูเป็นที่รู้จักกันในการผลิตสาวงามคนแล้วคนเล่า และฉินเค่อชือถือเป็นสาวงามที่หาได้ยาก แม้แต่กระทั้งในนิกายเฟื้องฟูเองก็ตาม
หากไม่มีเรื่องเหนือความคาดหมายใดๆ งานเลี้ยงน้ำชาฝนใบไม้ในครั้งนี้ก็คงเป็นงานเลี้ยงน้ำชาที่มีชีวิตชีวาที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษที่ผ่านมา ฟานเฉียนสงและฟานเฉียนหยูต้องการที่จะเข้าร่วมในความตื่นเต้นที่ดูคึกคักเช่นนี้เหมือนกัน
ฟานเฉียนหยูเสนอ “พี่ พวกเราสามารถทิ้งจดหมายไว้ได้ หากหลี่ฟู่เฉินกลับมาอ่านข้อความในภายหลัง เขาก็คงจะมาพบเราที่ เขาฝนใบไม้”
ดวงตาของฟานเฉียนสงสว่างขึ้น “ทำไมข้าถึงคิดไม่ได้นะ? เจ้าแท้จริงแล้วช่างฉลาดจริงๆ”
ในขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน ฟานเฉียนสงทิ้งจดหมายไว้ในห้องนอนของหลี่ฟู่เฉิน
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาทั้งสองคนก็ออกจากเมืองฝนใบไม้ไปยังที่เขาฝนใบไม้
ระหว่างทาง พวกเขาทั้งสองคนเห็นร่างมากมายพุ่งไปทางภูเขา ทิศทางของเขาฝนใบไม้
“นั้นดูเหมือน หรันเฉียนฉิว จากนิกายพัตรเงินเลย”ดวงตาของเขาร่อนลงบนร่างหนึ่ง นันย์ตาของฟานเฉียนสงหรี่แคบลง
หรันเฉียนฉิวเป็นศิษย์หลักระดับทองที่มีชื่อเสียงของนิกายพัตรเงิน การฝึกฝนของเขาอยู่ที่ระดับ 7 ของขอบเขตปฐพีและมีความสามารถพิเศษ ที่ยอดเยี่ยมกว่าฟูจงชานหลายเท่า
ที่สำคัญที่สุดคือ หรันเฉียนฉิวเป็นดารารุนเยาว์ที่ติดอันดับ 98 ในการจัดอันดับดารา
การจัดอันดับดาราเป็นรายการการจัดอันดับอัจฉริยะที่ครอบคลุมทั่วทั้งทวีปยูนิคอร์นตะวันออก
การจัดอันดับดาราจะถูกจัดขึ้นทุกๆ สามปี ซึ่งชนชั้นอัจฉริยะทั้งหมดของนิกายทั้งหมดจะต้องเข้าร่วม
มีการจัดอันดับดาราทั้งหมด 108 คน ผู้ที่สามารถถูกจัดอันดับในการจัดอันดับดาราทั้งหมด ถือเป็นดารารุ่นเยาว์
ตำแหน่งสุดท้ายของการจัดอันดับดาราถูกจัดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งหมายความว่าปีหน้าจะเป็นตำแหน่งการจัดอันดับดาราครั้งต่อไป
“การจัดอันดับดาราไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจากทุกนิกายสามารถรับได้ นิกายไรกังวลของเราไม่มีดารารุ่นเยาว์แม้แต่คนเดียวในการจัดอันดับดารา” ฟานเฉียนหยูขมวดคิ้ว
มีเกือบ 100 นิกายในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก ซึ่งหมายความว่าโดยเฉลี่ยแล้ว ทุกนิกายควรมีลูกศิษย์คนนึงที่ถูกจัดอันดับดารา
แต่โดยทั่วไปแล้วกองกำลังที่มีอิทธิพลอันดับหนึ่งจะมีศิษย์หลายคนในการจัดอันดับดารา และเพราะเช่นนี้เอง อัจฉริยะชั้นยอดจากนิกายปกติจึงแทบจะไม่สามารถเข้าไปอยู่ในอันดับได้เลย
แน่นอนว่านี่เป็นเพราะอายุของพวกเขา
อัจฉริยะที่น่าทึ่งของนิกายบางคนยังเด็กมากและไม่สามารถเข้าอันดับได้ชั่วคราว แต่สิ่งต่างๆ จะแตกต่างกันหลังจากนี้สามปี
***
งานเลี้ยงน้ำชาฝนใบไม้กำลังจะเริ่มขึ้น แต่หลี่ฟู่เฉินยังคงดื้นรนอยู่ในเขตแดนเส้นทางดวงดาว
สนามพลังฉีของส่วนที่ห้ามีความรุนแรงและน่าสะอิดสะเอียนเกินไป หลี่ฟูเฉินอยู่ครึ่งทางและรู้สึกว่าร่างกายของเขาอ่อนแอลงไปมาก ก่อนที่วิญญาณของเขาจะเริ่มอ่อนแอลงเช่นกัน
“ถึงแม้จะมีเครื่องรางทองคำ ข้าก็ไม่สามารถไปถึงด่านที่ห้าได้ นี่มันน่าอัปยศเกินไปแล้ว” หลี่ฟูเฉินไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้
เขาไม่อยากให้เครื่องรางทองคำผิดหวัง
ไม่ว่าจะเป็นการตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เครื่องรางทองคำก็เลือกเขา
สำหรับหลี่ฟู่เฉินมันเป็นการพบเจอที่เปลี่ยนชะตากรรมของเขาได้
เขาต้องแสดงคุณค่าของตัวเองเพื่อแสดงให้เครื่องรางทองคำเห็นว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง สำหรับการเลือกเขา
กัดฟัน หลี่ฟู่เฉินยังคงเดินต่อไปด้วยความมุ่งมั่น
60% ของเส้นทาง 70% …
หลี่ฟู่เฉินรู้สึกได้ถึงการต่อสู้ดื้นรนของเนื้อทุกกระเบียดนิ้วและกระดูกซี่ท่อน
80% 90%…
หลี่ฟูเฉินรู้สึกเหนื่อยมากและเขาอยากจะล้มตัวลง แต่เขารู้ว่าเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
โดยที่หลี่ฟู่เฉินไม่ทันรู้ตัว ขณะที่เขากำลังเดินไปตามเส้นทางสายนี้ วิญญาณของเขาก็ค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ไม่งั้นแล้วเขาก็คงไม่สามารถทำได้ถึงขนาดนี้
วิญญาณจะแตกต่างจากจิตสำนึก มันเป็นแหล่งที่มาของความมุ่งมั่นและความตั้งใจที่จะอยู่รอดของบุคคลนั้นๆ
สติสามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งโดยใช้วิธีการอื่น แต่วิญญาณจะต้องพึ่งตนเองเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่นคนปกติที่ใช้วิธีการต่างๆ ในการควบคุมอารมณ์และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ตนเอง แต่ความแข็งแกร่งของวิญญาณของพวกเขาก็จะไม่ได้รับการฝึกฝน พวกเขาต้องมีจิตใจที่มุ่งมั่นเป็นพิเศษ
จิตวิญญาณของคนผู้หนึ่งจะประกอบด้วยการได้รับมาและการเกิดจากธรรมชาติ
ผู้ที่มีโครงกระดูกระดับสูงกว่าโดยทั่วไปจะมีเจตจำนงที่แข็งแกร่งกว่า และจะไม่ได้รับผลกระทบจากโลกภายนอกอย่างโดยง่าย
จิตวิญญาณของหลี่ฟู่เฉินเป็นจิตวิญญาณที่ได้รับมา ปีที่เขาสูญเสียความสามารถของเขา ทำให้จิตวิญญาณของเขาจะแข็งแกร่งกว่าบุคคลทั่วไป ซึ่งเสริมด้วยจิตวิญญาณที่พัฒนาขึ้นซึ่งมาจากเครื่องรางทองคำ เช่นนั้นแล้วมันจึงค่อยๆ เปลี่ยนจิตวิญญาณโดยธรรมชาติของเขา
เนื่องจากการสูญเสียความสามารถมีผลกระทบอย่างมากต่อเขา มันจึงทำให้เขามีความมุ่งมั่นเช่นนี้
ความมุ่งมั่นที่หมกมุ่นอยู่กับการเติบโตพร้อมกับความแข็งแกร่ง ความมุ่งมั่นที่ไม่ต้องการเสียเครื่องรางทองคำไป
ด้วยความมุ่งมั่นที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ จิตวิญญาณของหลี่ฟู่เฉินจึงสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาสามารถฝืนทนผ่านส่วนที่ห้าของเส้นทางดวงดาวได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อหลี่ฟู่เฉินมาถึงด่านที่ห้าของเส้นทางดวงดาว มันเหมือนกับว่า เขาเพิ่งถูกดึงออกจากน้ำและก็เปียกแฉะ ร่างกายทั้งหมดของเขาดูราวกับว่ามันถูกลอกออกไป แต่สภาวะพลังฉีที่แหลมราวกับกระบี่และดาบเนิ่มวนอยู่รอบตัวของเขา
‘ข้าสงสัยว่ามีกี่คนที่สามารถทิ้งเครื่องหมายไว้ที่อนุสาวรีย์แห่งชื่อในด่านที่ห้าได้’ เปลี่ยนชุดเสื้อผ้าที่สะอาดและแห้ง หลี่ฟูเฉินคิดกับตัวเอง
แต่เขาจะรู้ได้อย่างไรว่ามันไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ และเขาเป็นคนแรกที่มาถึงด่านที่ห้าของเส้นทางดวงดาวได้ในครั้งแรก
เขาเป็นคนเดียวเท่านั้น
ซึ่งอาจพิจารณาได้ว่าไม่มีบรรพบุรุษหรือผู้สืบทอด
ติดตามได้ก่อนใครที่ indynovels