Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 254
บทที่ 254
เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับเปิดออก
800 กระบวนท่า 1000 กระบวนท่า…
ปิส!
ดาบของดาบคลั่งหลี่เซียงหรูแทงทะลุไหล่ลู่หยุนและเขาก็ได้รับชัยชนะไป
“ลู่หยุน เหอะ เจ้าช่างไร้ประโยชน์เสียจริง เจ้ากลับไปแพ้ให้คนที่อยู่อันดับต่ำกว่าเจ้าจริงๆ” ข้างนายน้อยดาบมังกร จื่อหยูเย่ เป็นชายดูน่าเกลียดที่แบกดาบขนาดใหญ่ไว้บนหลังของเขา
นักดาบที่น่าเกลียดผู้นี้คือ กงซุนยี่ ศิษย์หลักอันดับ 3 จากนิกายดาบมังกรฟ้า อยู่ในอันดับที่ 48 ในการจัดอันดับดารา บุคคลที่มีชื่อเสียงเหนือกว่าลู่หยุน
ลู่หยุนส่งเสียง ‘ฮึ่ม’ ออกมา และไม่ได้กล่าวอะไร
“หลี่เซียงหรู ความสามารถของเจ้านับว่าไม่เลว ข้าสงสัยว่าเจ้าจะสามารถรับดาบของข้าได้หรือไม่”
นักดาบที่น่าเกลียด กงซุนยี่ เพราะหน้าตาที่น่าเกลียดของเขา เขาจึงรู้สึกอ่อนไหวเกี่ยวกับวิธีที่ผู้คนมองเขา และเขาก็ชอบที่จะโอ้อวดความสามารถของตนเอง เขาอยากให้คนอื่นรู้ว่าถึงเขาจะขี้เหร่ แต่เขาก็เป็นเลิศในทุกสิ่งทุกอย่างนายน้อยดาบมังกร จื่อหยูเย่จะไม่มีวันลดสถานะของเขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานการณ์เช่นนี้ แต่นักดาบที่น่าเกลียด กงซุนยี่คิดว่าเขาไม่ควรปล่อยโอกาสเช่นนี้ไป
จบคำกล่าวของเขา กงซุนยี่ไม่รอให้หลี่เซียงหรูตอบกลับ ก่อนที่เขาจะชักดาบขนาดใหญ่ออกมาด้วยมือซ้ายทันที
ไม่นานหลังจากนั้น ดาบเล่มหนึ่งก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและปักเข้าไปที่หลี่เซียงหรู
ดาบพลังฉีที่สุดใสแพรวพราวราวกับดาวหางพุ่งเข้ามาหาหลี่เซียงหรู
“สิบดาบสังหาร!” หลี่เซียงหรูใช้ท่าสังหารของเขาทันที
“ครืน!”
หลี่เซียงหรูถูกบังคับให้ถอยกลับ ในขณะที่แขนของเขารู้สึกชา
เขาสามารถหลบการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้ก็จริง แต่ฝ่ายตรงข้ามถามว่าเขาจะสามารถป้องกันดาบของเขาได้หรือไม่ ดังนั้นเขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะหลบเลี่ยงมัน
ในสถานการณ์ที่หลี่เซียงหรูจำเป็นต้องปะทะ เขาด้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับกงซุนยี่ เขาเป็นศิษย์อันดับ 3 จากนิกายดาบมังกรฟ้า
นิกายดาบมังกรฟ้าเป็นหนึ่งในกองกำลังชั้นยอดของทวีปยูนิคอร์นตะวันออก โดยมีศิษย์หลัก 5 คนที่มีรายชื่ออยู่ในการจัดอันดับดารา
นอกจากนี้ทั้งหมดยังอยู่อันดับสูง
“ไม่เลว แต่ก็นับว่าไร้ค่าหากข้าใช้ดาบที่สอง” กงซุนยี่หัวเราะและเก็บดาบขนาดใหญ่ของเขาลงไป
การแสดงออกของหลี่เซียงหรูยังคงสงบ
ด้วยลักษณะความคิดเช่นนี้ มันทำให้หลี่ฟู่เฉินพยักหน้าเห็นชอบ
ในระหว่างการบ่มเพาะเต๋าแห่งการต่อสู้ ศักยภาพโดยกำเนิดเป็นสิ่งสำคัญ แต่ความมุ่งมั่นและภาวะอารมณ์ของคนๆ หนึ่งนั้นสำคัญยิ่งกว่า
หากปราศจากความมุ่งมั่นและภาวะอารมณ์ ก็คงไม่มีใครสามารถใช้ศักยภาพที่มีมาแต่กำเนิดได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าศักยภาพโดยกำเนิดของใครคนนั้นจะด้อยกว่าผู้อื่นเล็กน้อย แต่ด้วยความมุ่งมั่นและภาวะอารมณ์เช่นนี้ เราก็จะสามารถทำลายขีดจำกัด และสามารถบรรลุสิ่งที่สูงกว่าได้
ภาวะอารมณ์ของหลี่เซียงหรูเป็นหนึ่งในภาวะอารมณ์ที่ดีที่สุดที่เขาเคยเห็น
หากเขามีศักยภาพโดยกำเนิดสูง หลี่ฟู่เฉินเดาว่าหลี่เซียงหรูก็จะสามารถเดินไปได้ไกลมากขึ้นในเขตแดนเส้นทางแห่งดวงดาว
“นิกายวารีครามของเจ้าค่อนข้างโชคดีที่มีเจ้า และดาบคลั่งหลี่เซียงหรู” ชูมู่หยูเองก็พยักหน้าเห็นด้วย ในขณะที่ส่งข้อความถึงหลี่ฟู่เฉิน
หลี่ฟู่เฉินยิ้ม “ดาบคลั่งชิเซียงเป็นตำนานในนิกายวารีครามเรา นี่เองก็เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขา”
“ตำนาน หือ? เจ้าเหนือกว่าตำนานผู้นั้นเสียอีก” ชูมู่หยูแสดงความคิดเห็น
หลี่ฟู่เฉินกล่าว “เจ้ายกยอข้าเกินไปแล้ว”
“ในแง่ของสภาวะอารมณ์ เจ้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา ในแง่ของศักยภาพโดยกำเนิด เจ้าเหนือกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด ข้ากล่าวอะไรผิดหรือไร?”
หลี่ฟู่เฉินหัวเราะ และไม่กล่าวอะไรต่อ
***
ในเมื่อผู้ชนะระหว่างนิกายวารีครามและนิกายดาบเมฆาได้รับการตัดสินแล้ว ทุกคนจึงกลับไปที่เมือง
ในพริบตา ก็เหลือเวลาอีกเพียงสามวันก่อนการเปิดเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ
ที่ลานบ้าน…
“สามวายุทมิฬลอกเลียน!”
ร่างกายของหลี่ฟู่เฉินสั่นสะท้านขณะที่หลี่ฟู่เฉินอีกสองคนเดินออกมาจากร่างของเขา
“ในที่สุดข้าก็เข้าใจเจตจำนงสามวายุทมิฬลอกเลียน”
บนใบหน้าของหลี่ฟู่เฉินเผยรอยยิ้มออกมา ในขณะที่ร่างลอกเลียนแบบทั้งสองสลายไป
สามวายุทมิฬลอกเลียนเป็นเทคนิคตัวเบาระดับลึกลับขั้นกลาง
เมื่ออยู่ในขั้นกึ่งดีเลิศ มันสามารถสร้างร่างลอกเลียนแบบได้หนึ่งร่าง เมื่ออยู่ในขั้นดีเลิศ มันสามารถสร้างร่างลอกเลียนแบบได้สองร่าง เมื่อรวมกับร่างจริงก็รวมเป็นสามร่าง
เมื่ออยู่ในขั้นภสังค์พร้อมกับเข้าใจเจตจำนงสามวายุทมิฬลอกเลียน สองร่างลอกเลียนคงอยู่ แต่พวกมันก็จะดูสมจริงมากขึ้น
ไร้ซึ่งการคงอยู่ ร่างของหลี่ฟู่เฉินทะยานไปรอบๆ
เนื่องจากความรวดเร็วของเขา ลานกว้างจึงเต็มไปด้วยร่างของเขาและทั้งสามร่างก็เหมือนเป็นร่างจริง
“สามวายุทมิฬลอกเลียนนี้ไม่เพียงแต่สามารถสร้างร่างลอกเลียนแบบได้ แต่มันก็ยังรวดเร็วมากเช่นกัน หลังจากที่เข้าใจเจตจำนงเทคนิคตัวเบานี้แล้ว มันช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการเคลื่อนไหวของข้าขึ้นอย่างน้อยก็สองเท่า”
แนวคิดของพลังการเคลื่อนไหวที่เพิ่มขึ้นสองเท่าคืออะไร?
โดยที่ไม่ต้องกล่าวโอ้อวดใดๆ ในปัจจุบันหลี่ฟู่เฉินสามารถสังหารคนที่เคยปะทะกับเขาก่อนหน้านี้ได้ทันทีโดยไม่มีปัญหาใดๆ
แน่นอนว่าสิ่งที่จำเป็นต้องมีก็คือต้องพลังทำลายการป้องกัน
หากมีเพียงแค่ความเร็วและไร้พลังโจมตีก็ไร้ประโยชน์
เมื่อหลี่ฟู่เฉินโคจรสามวายุทมิฬลอกเลียน หลี่ฟู่เฉินจะไม่สามารถโคจรเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงได้ ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่าเขาจะต้องเสียพลังในการโจมตีของเขาไปมาก
“ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร หลังจากเข้าใจเจตจำนงสามวายุทมิฬลอกเลียนแล้ว ความสามารถในการต่อสู้โดยรวมของข้าก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการเอาชีวิตรอดของข้าซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า”
เทคนิคตัวเบาที่ยอดเยี่ยมนับเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง
หากหลี่ฟู่เฉินอยู่ในสถานการณ์ที่เขาสามารถทำลายการป้องกันของคู่ต่อสู้ได้ มันจะเป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับศัตรูอย่างแท้จริง
สามวันผ่านไปไวราวกับโกหก
ห่างจากเมืองเมฆเขียว 300 ไมล์ก็คือภูเขาสูงลูกนี้
บนยอดเขานี้มีกึ่งห้องโถงพระราชวัง
ที่กล่าวว่ากึ่งไม่ใช่เพราะมันเป็นซากปรักหักพัง แต่เพราะมันหายไปกึ่งหนึ่งอย่างแท้จริง
ในทางตรงกันข้าม ส่วนของห้องโถงพระราชวังกลับดูโอ่อ่าและสง่างามยิ่ง ไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่รอยเดียว แต่ทว่าอีกกึ่งนั้นราวกับมันหายไปอีกโลก
ในตอนเช้าตรู่ ผู้คนจำนวนมากแห่กันไปที่ยอดเขานี้
หลี่ฟู่เฉินเงยหน้าขึ้นและมองขึ้นไปด้านบนของประตูห้องโถงพระราชวัง เขาเห็นกระดานซึ่งเขียนไว้ว่า – เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ
ลายมือที่เขียนดูแล้วทรงพลัง ดังเช่นว่ามันถูกแกะสลักด้วยอาวุธที่มีเจตจำนงขนาดยักษ์ทั้งยังดูลึกลับ
‘สมกับชื่อ – เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ’ หลี่ฟู่เฉินคิด
เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับเป็นเขตแดนที่กึ่งเปิดกึ่งปิด ห้องโถงในพระราชวังนี้ไม่ได้เป็นผลงานของโลกนี้และเป็นโครงสร้างที่สร้างขึ้นจากเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ
หลายคนมาถึงจุดสูงสุดของภูเขา
นายน้อยมังกร จื่อหยูเย่ นักดาบผู้น่าเกลียดกงซุนยี่
เทพธิดามู่หยู ชูมู่หยู
เซี่ยฮัวชือ
นักดาบล่องเมฆา ลู่หยุน
ดาบคลั่งหลี่เซียงหรู ดาบพยัคฆ์เฉินหยวนหู ดาบไร้อารมณ์เซี่ยเฟิง และหลี่ฟู่เฉิน
มีอันดับดาราอย่างน้อยสิบคนอยู่ที่นี่ หลังจากเพิ่มคนทั้งหมดที่มีอยู่ก่อนแล้ว ที่นี่ก็มีนักสู้อย่างน้อย 500 คน
มีแปดคนที่มาจากนิกายวารีคราม
“ยังมีเวลาอีก 15 นาทีก่อนที่เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับจะเปิดขึ้น ข้าสงสัยว่าจะมีกี่คนที่สามารถผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานแรกไปได้”
“มันคงจะเป็นเรื่องที่ดีมาก ถ้าหากหนึ่งในสิบคนสามารถผ่านไปได้”
“มันยากขนาดนั้นเลยหรือ?”
“เจ้าไม่เคยเข้าไปเลยอาจจะไม่รู้ ประตูเทพยุทธ์ทั้งแปดบานไม่ได้เพิ่มความยากเมื่อตอนที่เจ้าผ่านประตูไปได้แล้ว ประตูทั้งแปดไม่ได้แยกตามระดับ มันอยู่ที่ว่าเจ้าจะเหมาะสมหรือไม่เหมาะเพียงเท่านั้น หรือไม่ก็เจ้ามีศักยภาพเพียงพอ เจ้าก็จะเข้าไปได้ แต่ก็นะ… ผู้ที่สามารถผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่สองได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีศักยภาพโดยกำเนิดที่ดีกว่าผู้ที่ผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับได้แค่บานเดียว บางทีบุคคลผู้นั้นก็อาจแค่เหมาะสมกว่าเล็กน้อยเท่านั้น หรือไม่ก็มีศักยภาพรอบด้านมากกว่า”
“นั้นก็ถูก แต่ถ้าใครไม่สามารถผ่านได้แม้แต่กระทั้งประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานแรก คนผู้นั้นก็จะไม่มีวันได้เข้าสู้เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับได้อีก เฮ้อ… คงจะดีไม่น้อย หากข้าระมัดระวังตัวมากกว่านี้ และมาถึงเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับให้ช้ากว่านี้”
“นั้นซิ! ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าข้าสามารถผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานแรกได้อย่างแน่นอน แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่มีโอกาสอีกแล้ว”
ท่ามกลางฝูงชนที่นี่ ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเข้าสู่เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับได้ มีผู้ที่พยายามและไม่สามารถผ่านประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานไปได้อยู่ด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงมาที่นี่ดูเท่านั้น เนื่องจากพวกเขาเสียโอกาสไปแล้ว
ครืน!
15 นาที่ต่อมา ทันใดนั้นประตูห้องโถงพระราชวังก็เปิดออก ในขณะที่แสงสีรุ้งพุ่งออกมาจากภายในและส่องสว่างอยู่บนยอดเขา
“เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับเปิดแล้ว”
ทุกคนกลั้นหายใจและไม่กระพริบตา
ในขณะนี้เอง ร่างที่สง่างามค่อยๆ ควบแน่นและลอยขึ้นมากลางอากาศ
มันเป็นร่างที่ดูแล้วกึ่งจริงกึ่งเท็จ
“ผู้ที่สูญเสียคุณสมบัติจะต้องไม่เข้าไปในเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ ไม่เช่นนั้นแล้ว พวกเขาจะถูกลบเลือนให้หายไป” เงาที่ว่างเปล่ากล่าวอย่างไร้ความปรานี
รับฟังคำเตือน ไม่มีใครมีปฏิกิริยาที่รุนแรง
เงาที่ว่างเปล่านี้ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับ และดูเหมือนจะไม่มีชีวิต
แต่ความสามารถของมันก็แข็งแกร่งมาก มีนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดคนนึงที่พยายามจะเข้าสู่เขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับ แต่ก็ถูกลบหายไปด้วยการลงมือเพียงครั้งเดียว นั้นก็หมายความว่าเงาที่ว่างเปล่านี้มีความสามารถที่เหนือกว่าผู้ที่อยู่ในขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด
ติดตามก่อนใครได้ที่เพจ indynovels