Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 274
บทที่ 274
การแข่งขันคัดเลือกเริ่มต้นขึ้น
หุบเขาอนุสาวรีย์แห่งดาบ
ก่อนหน้านี้ การรับรู้ของหลี่ฟู่เฉินนั้นสูง แต่ทว่าการฝึกฝนของเขาค่อนข้างต่ำ
ตอนนี้การรับรู้ของเขาสูงขึ้นกว่าแต่ก่อน และพลังฝึกฝนของเขาก็อยู่ระดับที่ 6 ของขอบเขตปฐพีแล้ว นอกจากนี้เขาก็ยังเข้าใจเจตจำนงระดับลึกลับขั้นสูง ดาบเพลิงปีศาจ ตอนนี้เขากลับมาที่หุบเขาอนุสาวรีย์แห่งดาบอีกครั้ง หลี่ฟู่เฉินรู้สึกราวกับว่าตัวเขาเองได้หลอมรวมเข้ากับอนุสาวรีย์แห่งดาบ เจตจำนงแห่งดาบของเขากำลังโต้ตอบ และตอบสนองต่อเจตจำนงแห่งดาบบนอนุสาวรีย์แห่งดาบ
เจตจำนงดาบเพลิงปีศาจอยู่ในลักษณะเจตจำนงแห่งเพลิง และในชั่วขณะนั้นเอง หลี่ฟู่เฉินก็เข้าใจเจตจำนงเพลิงดาบมากกว่าหลายสิบเจตจำนง เจตจำนงแห่งดาบเหล่านี้โต้ตอบกับเจตจำนงแห่งดาบเพลิงปีศาจ และมันก็ให้ความรู้สึกราวกับว่าผู้อาวุโสที่กำลังให้คำแนะนำแก่ผู้เยาว์
เวลาผ่านไปวันต่อวัน และอัตราการเติบโตของเจตจำนงดาบเพลิงปีศาจของหลี่ฟู่เฉินก็ค่อยๆ เติบโตขึ้น
เมื่อเจตจำนงเพลิงปีศาจเริ่มเข้มข้นขึ้น ทักษะดาบเพลิงปีศาจและระดับความสามารถของเพลิงมังกรก็ย่อมเพิ่มขึ้นโดยธรรมชาติ
ห้าวันผ่านไป
เจตจำนงดาบเพลิงปีศาจของหลี่ฟู่เฉินบรรลุถึงขั้นสุกงอมหรือเติบโตขึ้นมาเป็นวัยผู้ใหญ่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ห่างออกไปเพียงหนึ่งก้าว จากการเข้าใกล้ตำแหน่งเจตจำนงระดับลึกลับขั้นสูงสุด
เจตจำนงดาบเพลิงปีศาจที่เติบโตเต็มที่นั้นน่ากลัวยิ่ง นอกจากนี้ มันยังรวมพลังจิตวิญญาณของผู้ที่ใช้เข้ามารวมกัน ซึ่งนี้ทำให้สภาวะพลังฉีที่ปรากฏออกมากลายเป็นประณีตมากขึ้น เพิ่มพูนพลังอำนาจของสภาวะพลังฉี
ผู้ที่มีสภาวะพลังฉีอันน่ากลัวสามารถสังหารหมู่ผู้คนได้ด้วยสภาวะพลังฉีของพวกเขา
ยกตัวอย่างเช่นนักสู้สู้ขอบเขตสวรรค์ที่สามารถสังหารนักสู้ขอบเขตปฐพีได้ด้วยคลื่นจากสภาวะพลังฉี
อย่างเช่นจ้าวหวูจิน ผู้ที่สามารถใช้พลังฉีของเขากดดันเหลียวเทียนหยุนที่อยู่ในระดับที่ 2 ของขอบเขตสวรรค์ได้ ส่งผลทำให้เขานอนล้มลงและทำให้เขาเคลื่อนไหวไม่ได้อีก
‘จากรูปลักษณ์ของมัน ที่เจตจำนงสามารถรวมเข้ากับจิตวิญญาณได้ อันดับเจตจำนงของมันย่อมสูงพอสมควร เช่นเดียวกับเจตจำนงระดับปฐพีซึ่งเป็นการดำรงอยู่ที่แยกออกไปต่างหากสำหรับทักษะต่อสู้ด้วยกัน และสาเหตุที่มันต้องดำรงอยู่แยกกัน ส่วนใหญ่เป็นเพราะเจตจำนงระดับปฐพีสามารถผสานเข้ากับจิตวิญญาณได้อย่างเต็มที่’ หลี่ฟู่เฉินได้ข้อสรุปที่น่าตกใจ
ย้อมกลับไปที่หลุมฝังศพในดินแดนแห่งหมอก เจตจำนงป้องกันเพียงเจตจำนงเดียวก็เพียงพอที่จะขัดขวางหลี่ฟู่เฉินและคนอื่นๆ เป็นเวลานานแล้ว และนั่นก็เป็นเพียงเจตจำนงป้องกันเพียงเจตจำนงเดียวไร้เจตจำนงอื่นผสม มันคงเป็นเรื่องที่จินตนาการได้เลยว่าเจตจำนงที่อยู่ในระดับสูงกว่านี้มันจะน่าเหลือเชื่อมากขนาดนไหน
ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์เร้นลับคนแรกแนะนำแนวทางที่ลึกซึ้งอย่างยิ่งให้แก่หลี่ฟู่เฉิน ส่งผลทำให้พื้นฐานแห่งดาบของหลี่ฟู่เฉินหนักแน่นและมั่นคงยิ่งขึ้น ด้วยความช่วยเหลือจากเจตจำนงแห่งดาบบนอนุสาวรีย์แห่งดาบ เจตจำนงแห่งดาบเพลิงปีศาจของหลี่ฟู่เฉินก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ามันไม่มีขีดจำกัดในตัวมันเอง
ในขณะที่เขาเข้าใจเจตจำนงดาบเพลิงปีศาจ หลี่ฟู่เฉินก็ไม่ลืมที่จะเพิ่มพลังของเจตจำนงแห่งดาบอื่นๆ ของเขา
ในช่วงเวลาสั้นๆ เจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นกลางของเขาก็ล้วนบรรลุถึงระดับที่ใกล้เคียงกับเจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นสูง
ในขณะที่เจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นต่ำของเขาเองก็บรรลุระดับใกล้เคียงกับเจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นกลาง
หลี่ฟู่เฉินค่อนข้างประหลาดใจเมื่อเจตจำนงแห่งดาบอุกกาบาตระดับลึกลับขั้นต่ำของเขาไต่ขึ้นไปสู่ระดับเจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นกลางได้อย่างน่าประทับใจ นอกจากนี้ ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ด้อยไปกว่าเจตจำนงแห่งดาบดาวตกและเจตจำนงดาบโคจรหลั่งไหลเลย
‘เจตจำนงดาบอุกกาบาตนั้นเรียบงาย มันมีทั้งความรวดเร็วและการระเบิดพลังที่น่ากลัว และสิ่งที่เรียบง่ายไปกว่านั้น คือความใกล้ชิดกับแก่นแท้ หากเจตจำนงแห่งดาบอุกาบาตสามารถดูดซับแก่นแท้เจตจำนงแห่งดาบที่เหลือได้ มันก็อาจมีโอกาสได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็นเจตจำนงแห่งดาบระดับปฐพี’ หลี่ฟู่เจินมีร่องรอยของการรู้แจ้งในใจของเขา
เขารู้สึกว่าความคาดหวังของเขาต่อเจตจำนงดาบอุกกาบาตนั้นน่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าเจตจำนงแห่งดาบเพลิงปีศาจเสียอีก แต่มันมีปีญหาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือเขาต้องมีความสามารถในการพัฒนาดาบอุกกาบาตต่อไปได้
ในพริบตา เหลือเวลาอีกเพียงสามวันก่อนการแข่งขันคัดเลือกในนิกาย
เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลืมเวลาเกิดขึ้น หลี่ฟู่เฉินออกจากอนุสาวรีย์แห่งดาบก่อนกำหนด และกลับไปที่ลานบ้านของตัวเอง
เนื่องจากหลี่ฟู่เฉินไม่ค่อยมีเวลาว่าง จึงมีแขกมากมายมาที่ภายในลานบ้านของหลี่ฟู่เฉิน
มีหลี่เทียนชือ และคนอื่นๆ ในตระกูลหลี่
มีเซียงเทียนเฉียงที่เป็นเจ้าเมืองน้อยแห่งเมืองมั่งคั่งเงิน
มี เซียวไบ๋ลี่ เฉินฟางหัว และศิษย์พี่ศิษย์น้องชายหญิงจากนิกาย
แม้แต่กระทั้งเกาฉางเทียน หวูฉิงเหม่ย และคนอื่นๆ ก็อยู่ที่นี่
“จินซิ่ว ตระกูลหลี่ของเจ้ากำลังเป็นตระกูลนิกาย เจ้าจะไม่ทิ้งข้าใช่หรือไม่?” ข้างหลี่จินซิ่วเป็นศิษย์หลักระดับเงินชื่อจางเฟิง อยู่ในระดับที่ 4 ของขอบเขตปฐพี เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
หลี่จินซิ่วตอบอย่างอารมณ์ดี “เจ้ากำลังกล่าวเรื่องอะไร? ข้า หลี่จินซิ่ว เจ้าเห็นข้าเป็นคนเช่นนั้นหรือไม่?”
จางเฟิงเป็นคนรักของเธอและก่อนที่หลี่ฟู่เฉินจะมีอำนาจเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ตระกูลหลี่ทั้งหมดได้รับการดูแลโดยจางเฟิงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง สิ่งนี้ทำให้ตระกูลหยางอิจฉาอย่างมากและสันนิษฐานกันไปว่าหลี่จินซิ่วเพียงแค่ต้องการพยายามช่วยตระกูลหลี่ให้ต่อสู้กับตระกูลหยางได้ เธอจึงไปติดต่อกับศิษย์หลักจางเฟิง
ในช่วงเวลานั้น จางเฟิงค่อนข้างหยิ่งผยอง ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมปกติของมนุษย์
แต่ตั้งแต่ที่หลี่ฟู่เฉินกลายเป็นศิษย์หลักระดับทอง จางเฟิงก็ไม่มีความหยิ่งผยองอีกต่อไป
ตอนนี้ อย่าว่าแต่หยิ่งผยองอะไรนั้น เขากระทั้งกลัวว่าหลี่จินซิ่วจะทำเพียงแค่ใช้ประโยชน์จากเขาเพื่อช่วยตระกูลหลี่ ซึ่งทำให้เขากังวลเกี่ยวกับผลกำไรและความสูญเสียส่วนตัวของเขา
หลังจากทั้งหมดแล้ว ตระกูลหลี่ในปัจจุบันเป็นเหมือนดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า และสถานะของหลี่ฟู่เฉินในนิกายนั้นก็หาที่เปรียบไม่ได้
เขา จางเฟิงเป็นเพียงศิษย์หลักระดับเงินธรรมดาและไม่สามารถพิจารณาได้ว่าเป็นอะไร
“หลี่ชิตี๋ ข้าเชื่อในความสามารถของเจ้า แต่ในระหว่างการแข่งขันคัดเลือก เจ้าจะต้องระวังบูฉิงสงเอาไว้ ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นศิษย์หลักอันดับ 1 ในนิกายวารีคราม” เซียวไบ๋ลี่กล่าว
เฉินฟางหัวพยักหน้า “การฝึกฝนของบูฉิงสงอยู่ในระดับสูงสุดของขอบเขตปฐพีและความสามารถของเขาก็แข็งแกร่งมาก ข้าเห็นเขาเอาชนะชิเซียงที่อยู่ในสิบอันดับแรกได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว”
หลี่ฟู่เฉินพยักหน้า “ข้าจะระวัง”
เขารู้เกี่ยวกับบูฉิงสง และเขาก็ทรงพลังมาก
น่าเสียดายที่ปัจจุบันเขาแตกต่างจากคนก่อนหน้านี้มาก
ความสามารถของเขาพุ่งสูงขึ้นทุกวันและนอกเหนือจากโครงกระดูก 5 ดาวระดับท้าทายสวรรค์และโครงกระดูก 6 ดาวแล้ว เขาก็ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับคนอื่นๆ แต่อย่างใด
ทุกคนมีช่วงเวลาที่สนุกสนานในการพบปะสังสรรค์กันและพวกเขาก็จากไปหลังจากที่ผ่านพ้นยามค่ำคืนไปแล้ว
***
เพียงไม่นาน ก็ถึงวันสำหรับการประลองคัดเลือกในนิกาย
การแข่งขันคัดเลือกในนิกายจัดขึ้นในเวทีศิลปะการต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดในนิกายวารีคราม ทุกคนที่มีระดับการบ่มเพาะอยู่ในระดับที่ 6 ขึ้นไปสามารถเข้าร่วมได้ มีศิษย์เพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้นที่ผ่านเงื่อนไขนี้
เช้าตรู่…
เวทีศิลปะการต่อสู้ขนาดใหญ่เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากและผู้คนส่วนใหญ่ก็อยู่ที่นี่ทั้งหมด
นอกจากนี้ยังมีศิษญ์ชั้นในมากมายที่โชคดีพอที่จะสังเกตเห็นการแข่งขันครั้งนี้
“ดูนั้น มันเป็นดาบคลั่ง หลี่เซียงหรูชิเซียง”
“งั้นเขาก็คือดาบคลั่งชิเซียง? นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขา”
“นั่นคือดาบพยัคฆ์ชิเซียง และดาบไร้อารมณ์ชิเซียง”
เมื่อศิษย์หลักที่เข้าร่วมแต่ละคนปรากฏตัวขึ้น ผู้ชมและศิษย์ชั้นต่างพากันตกตะลึง
พวกเขาทั้งหมดเป็นบุคคลในตำนานและทุกคนก็ปรากฏตัวที่เวทีแล้วในวันนี้ มันเป็นโอกาสที่หาได้ยาก
“หลี่ฟู่เฉินชิเซียงก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน เขาดูเด็กอยู่มาก…”
“ไม่ถูกสิ หลี่ฟู่เฉินชิเซียงอายุครบ 20 ปีในปีนี้”
“ในแง่ของศักยภาพโดยกำเนิด หลี่ชิเซียงดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย น่าเสียดายที่การฝึกฝนของเขาต่ำอยู่มาก แค่ระดับที่ 6 ขอบเขตปฐพีแต่เพียงเท่านั้น”
“ไม่น่ามีปัญหา! ความสามารถของหลี่ชิเซียงไม่สามารถวัดได้ด้วยพลังจากการฝึกฝน”
ทุกคนสนทนากัน
บนแท่น เจ้านิกายโอหยางเหวินเทียนนั่งอยู่ตรงกลาง ทางด้านซ้ายของเขามีผู้เชี่ยวชาญอยู่ไม่กี่คนซึ่งมีสภาวะพลังฉีที่น่ากลัว และเห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายวารีคราม ทางด้านขวาของเขาคือผู้พิทักษ์ ผู้อาวุโสใหญ่จ้าวหวูจิน และอื่นๆ
“เหวินเทียน เด็กคนนั้นคือหลี่ฟู่เฉิน?”
ผู้อาวุโสสูงสุดถามโอหยางเหวินเทียน
โอหยางเหวินเทียนพยักหน้า “เป็นเด็กคนนั้น”
“ปาฏิหาริย์ โครงกระดูก 1 ดาวกลับมีความสำเร็จถึงขนาดนี้ ในอดีต ข้าจะไม่เชื่อมันเด็ดขาด แต่ตอนนี้ข้าคงต้องเชื่อแล้ว”
ผู้อาวุโสสูงสุดไม่กี่คนนั้นต่างก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
ในฐานะที่เป็นนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด โดยธรรมชาติแล้วพวกเขาย่อมสามารถเห็นได้ว่าหลี่ฟู่เฉินนั้นยอดเยี่ยมมาก นอกจากนี้ ความจริงที่ว่าเขาได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ส่วนตัวภายใต้ผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์คนแรก พวกเขาก็ไม่สามารถตั้งคำถามถึงความถูกต้องของเขาได้
“พลังบ่มเพาะของเขายังล้าหลังผู้อื่นอยู่! ข้าหวังว่าจะไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในการแข่งขันคัดเลือก”
ผู้อาวุโสสูงสุดคนหนึ่งสงสัยเล็กน้อย เนื่องจากหลี่ฟู่เฉินอยู่ในระดับที่ 6 ของขอบเขตปฐพี และมีระดับมี่ต่ำกว่าผู้เข้าร่วมที่ได้รับความนิยมอื่นๆ ถึงสามระดับ ในขอบเขตปฐพีแล้ว ช่องว่างสามระดับไม่ใช่สิ่งที่จะทดแทนกันได้ง่ายๆ
นอกเหนือจากนี้ ระยะเวลาที่หลี่ฟู่เฉินใช้ฝึกฝนนั้นสั้นเกินไป แม้ว่าเขาจะมีศักยภาพโดยกำเนิดที่น่าประหลาดใจก็ตาม ระยะเวลาในการฝึกฝนของเขาก็เป็นข้อเสียที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในตอนนี้
“รอและดูกันเถอะ!”
โอหยางเหวินเทียนต้องการทราบว่าความสามารถของหลี่ฟู่เฉินนั้นอยู่ในระดับใด
ติดตามได้ก่อนใครที่เพจ indynovels