Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน - ตอนที่ 284
บทที่ 284
สองนายน้อย
นักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด ผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงของทวีปยูนิคอร์นตะวันออก
พวกเขากำหนดชะตากรรมของนิกายและชะตากรรมของทวีปเอาไว้
นักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดทุกคนล้วนเป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยม เมื่อตอนที่พวกเขายังเด็ก พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นอัจฉริยะและเป็นบุคคลที่โดดเด่น
มีคนเคยตั้งข้อสังเกตว่า มากกว่า 80% ของนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดล้วนเป็นโครงกระดูกระดับ 5 ดาว น้อยกว่า 5% เป็นโครงกระดูกระดับ 6 ดาว ในขณะที่ส่วนที่เหลือคือโครงกระดูกระดับ 4 ดาวชั้นยอด และเหล่าอัจฉริยะทั่วไปที่ได้พบเจอโชคชะตาที่พิเศษ
นักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดมีความสามารถในการต่อสู้ที่ทรงพลังอย่างยิ่ง การถูกสะกดข่มจากนิกายอื่นๆ โดยรอบนับเป็นสาเหตุที่ทำให้นิกายไม่เกิดสงครามโดยบังเอิญเท่านั้น แต่เหตุผลหลักก็คือพวกเขาไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะสามารถสังหารนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดของนิกายศัตรูได้หรือไม่ตังหาก
แม้แต่กระทั้งนิกายชั้นยอดก็ไม่กล้าพูดว่าพวกเขาสามารถสังหารนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดของนิกายปกติได้อย่างง่ายดาย
เมื่อนานมาแล้ว มีนิกายชั้นยอดแห่งนึงซึ่งวางแผนอย่างลับๆ เพื่อไปกำจัดนิกายปกติในบริเวณใกล้เคียงของพวกเขา แต่ข่าวก็ยังมีการรั่วไหลแม้ว่าจะมีการวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบแล้วก็ตาม พวกเขาปล่อยให้นักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดคนนึงหลบหนีไปได้ ในอีกหลายปีต่อจากนั้น นักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดผู้นี้ก็ได้กลับมาแก้แค้นนิกายชั้นยอดด้วยความคับข้องใจ มันจึงส่งผลทำให้สมาชิกในนิกายของพวกเขาตกอยู่ในความหวาดกลัวเนื่องจากมีผู้บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาล เพื่อจ้างวานนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดที่เชี่ยวชาญในการติดตามค้นหามา และเข้าไปสังหารศัตรูของพวกเขา
ดังนั้น เมื่อพลังบ่มเพาะของคนผู้หนึ่งมาถึงขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด แม้แต่กระทั้งนิกายชั้นสูงก็จำเป็นต้องให้ความเคารพพวกเขา และพวกเขาก็จะไม่ยั่วยุกันเองอย่างง่ายๆ แต่แน่นอน หากมีคนตัดสินใจกำหนดเป้าหมายไปแล้ว นั่นก็หมายความว่าพวกเขามีเจตนาที่จะสังหารกันจริงๆ
“สมาชิกของนิกายนภาดารามาถึงแล้ว”
ไม่รู้ว่าใครกล่าวคำนี้ แต่ทุกคนมองไปที่ท้องฟ้าเมื่อได้ยินมัน
บนท้องฟ้า สัตว์วิญญาณขนาดยักษ์สามตัวบินลงมา
ที่ด้านหลังของสัตว์วิญญาณทั้งสาม มีนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดทั้งหมดหกคน ซึ่งมีมากนับเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับนิกายวารีคราม มีสมาชิกเกือบยี่สิบคนที่เป็นผู้เยาว์และพวกเขาทุกคนล้วนมีจิตวิญญาณที่ยอดเยี่ยม พวกเขานับเป็นที่ภาคภูมิใจ
เป็นที่เข้าใจได้เพราะนิกายนภาดาราเป็นหนึ่งในนิกายชั้นยอดของทวีปยูนิคอร์นตะวันออก ในฐานะของลูกศิษย์จากนิกายนภาดารา สถานะของพวกเขาจึงได้รับการยกย่องมากกว่าศิษย์ของนิกายทั่วไป
“บุคคลที่อยู่ด้านหลังของสัตว์วิญญาณตัวที่สองนั้นสมควรเป็นหนึ่งในเจ็ดนภา และยังมีนายน้อยนภาอยู่อีกด้วย!” มีคนอุทาน
ที่ด้านหลังของสัตว์วิญญาณตัวที่สองมีผู้เยาว์ยืนอยู่แปดคน
ผู้เยาว์ทั้งแปดคนเหล่านี้ดูไม่ธรรมดาเพราะพวกเขาทุกคนให้ความรู้สึกที่ดูแข็งแกร่งและทรงพลังออกมา นักสู้ในขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดหลายคนสังเกตเห็นพวกเขา และก็ต้องยอมรับว่าอาจจะศิษย์แค่เพียงคนเดียวจากนิกายของพวกเขาที่สามารถเทียบได้กับสมาชิกที่อ่อนแอที่สุดของสมาชิกจากศิษย์จากนิกายนภาดารา
ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินก็จับจ้องไปที่พวกเขาทั้งแปดเช่นเดียวกัน เพียงแวบเดียว เขาก็เห็นฮันเฟิงทันที
ในฐานะที่เป็นเจ็ดนภา ฮั่นเฟิงนับว่าน่าหวาดหวั่นยิ่ง ในนิกายวารีครามทั้งหมด นอกเหนือจากเขา หลี่เซียงหรูอาจเป็นคนเดียวที่เทียบกับฮั่นเฟิงได้ แม้แต่กระทั้งสภาวะพลังฉีของเฉินหยวนหูก็ยังดูด้อยกว่า
ฮั่นเฟิงคนนี้ยังเด็กมากและคล้ายกับหลี่ฟู่เฉิน เขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่น
แต่ไม่ว่าฮั่นเฟิงจะน่าเหลือเชื่อซักเพียงใด เขาก็เป็นเพียงหนึ่งในเจ็ดนภาเท่านั้น เบื้องหน้าของเขา มีชายหนุ่มที่ถือพัดเหล็กยืนอยู่
ชายหนุ่มคนผู้นี้มีใบหน้าเหมือนกับหยกและดวงตาเราวกับดวงดาว เมื่อสัตว์วิญญาณลงมา เสื้อผ้าของชายหนุ่มกระพือผัด ซึ่งทำให้เขาดูสง่างามและโออ่าภาคภูมิ เพียงแค่กลิ่นอายอันทรงเกียรติและสงบสุขของเขาเพียงอย่างเดียวก็ทำให้พวกอัจฉริยะหลายคนจากนิกายอื่นรู้สึกด้อยค่าราวกับว่าพวกเขาไม่คู่ควรแล้ว
“คนผู้นี้สมควรที่จะเป็นนายน้อยนภาดารา มู่หรงตี๋” หลี่ฟู่เฉินคิดกับตัวเอง
มู่หรงตี๋ หนึ่งในหกนายน้อย ผู้คนกล่าวถึงเขาในชื่อเจ้านิกายนภาดาราน้อยหรือไม่ก็นายน้อยนภาดารา เมื่อหลี่ฟู่เฉินเพิ่งออกเดินทางเพื่อฝึกฝนอารมณ์ตัวเอง มู่หรงตี๋อยู่ที่ระดับ 8 ของขอบเขตปฐพี ตอนนี้ มองดูจากสภาวะพลังฉีของเขา เห็นได้ชัดว่าเขามาถึงระดับสูงสุดของขอบเขตปฐพีแล้ว นอกจากนี้ หลี่ฟู่เฉินรู้สึกได้อย่างเบาบางว่ามู่หรงตี๋ที่อยู่ในระดับสูงสุดของขอบเขตปฐพีนั้นคล้ายกับหลี่เซียงหรู เพราะเขามีสภาวะพลังฉีที่ดูบริสุทธิ์และเผด็จการยิ่ง
“ฮ่าฮ่า ทุกคนเป็นอย่างไรกันบ้าง ข้า มู่หรงบาเทียนนับว่ามาสายเกินไปแล้ว”
หนึ่งในนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดจากนิกายนภาดาราหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะของเขาดังก้องมากจนทำให้ผู้คนรู้สึกตกใจ
มู่หรงบาเทียน เจ้านิกายนภาดารา ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดระดับที่ 5 ซึ่งเขาเป็นพ่อของมู่หรงตี๋
ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด แต่ละระดับยากที่จะก้าวหน้า โดยทั่วไปนิกายปกติจะมีนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดระดับ 3 อยู่ไม่กี่คน นิกายต่างๆ เช่นนิกายสวรรค์ปีศาจ ซึ่งมีนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดระดับที่ 4 อยู่ก็ถือว่าเป็นนิกายที่ทรงพลังแล้ว
“มู่หรงเซียงยังคงน่าสรรเสริญเช่นเดิม พวกเราล้วนนับถือ”
“มู่หรงเซียงยังไม่สาย เราตั้งหากละที่มาเร็วเกินไป หัวใจและความมุ่งมั่นของเราเทียบไม่ได้กับมู่หรงเซียงแม้แต่น้อย”
นักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดจากนิกายต่างๆ ล้วนกล่าวสรรเสริญมู่หรงบาเทียน
บรรดานิกายชั้นยอดและกลุ่มที่มีอิทธิพลเหล่านี้จะต้องปฏิบัติด้วยความเคารพและต้องไม่โกรธเคือง นี่คือวิธีการปฏิบัติของนิกายปกติ
“มู่หรงบาเทียน เจ้านับว่ามาเร็ว”
บนท้องฟ้า เสียงที่หนักแน่นดังก้องออกมาราวกับฟ้าร้อง
ทุกคนต่างประหลาดใจและคิดว่าใครกันที่กล้าเรียกมู่หรงบาเทียนด้วยชื่อจริงๆ?
เพียงไม่นาน ทุกคนก็ได้รู้ตัวตนของคนผู้นั้น
“มันคือตระกูลต้วนหลิน”
ตระกูลต้วนหลินยังเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ยอดเยี่ยมในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกและพวกเขาอาจจะเหนือกว่านิกายนภาดาราเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ มีเพียงนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดจากตระกูลต้วนหลินเท่านั้นที่กล้าที่จะเรียกชื่อของมู่หรงบาเทียนโดยตรง หากเป็นผู้อื่น พวกเขาจะไม่กล้าเรียกแม้ว่าจะมีซัก 10 ความกล้าก็ตามที
“เซี่ยฮัวชาน เจ้าตั้งหากที่สาย”
โดยธรรมชาติแล้วมู่หรงบาเทียนย่อมไม่กลัวตระกูลต้วนหลิน เนื่องจากนิกายนภาดาราของเขาด้อยกว่าตระกูลต้วนหลินเพียงเล็กน้อย และนั่นก็เป็นเพียงแค่ในทางทฤษฎีเท่านั้น หากพวกเขาต้องต่อสู้กันจริงๆ มันย่อมไม่สามารถทราบได้ว่าผู้ชนะจะเป็นใคร
ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว โดยพื้นฐานกลุ่มชั้นยอดทั้งสองย่อมไม่ริเริ่มที่จะต่อสู้กัน
มันเป็นความจริงที่ทราบกันดีว่าเมื่อเสือสองตัวทะเลาะกัน หนึ่งในนั้นจะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน ทำไมพวกเขาถึงต้องปล่อยกลุ่มชั้นยอดอื่นๆ เอาเปรียบได้ละ?
ลมรุนแรงมากขึ้นเมื่อสัตว์วิญญาณทั้งสามลงพื้น สมาชิกของตระกูลต้วนหลินปรากฏในวิสัยทัศน์ของทุกคน
เช่นเดียวกับนิกายนภาดารา ตระกูลต้วนหลินนำนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดหกคนมา หัวหน้ากลุ่มเป็นชายที่มีร่างแข็งแกร่งและมีสภาวะพลังฉีไหลออกมาจากร่างกายของเขา ซึ่งมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ามู่หรงบาเทียนเลย เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดระดับที่ 5 เช่นเดียวกัน
นอกเหนือจากหกนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดแล้วนั้น ตระกูลต้วนหลินนำผู้เยาว์มาทั้งหมดยี่สิบคน ในหมู่พวกเขา มีอยู่สิบคนที่ดูแล้วสะดุดตา ก็ในเมื่อพวกเขาเต็มไปด้วยสภาวะพลังฉีที่ทรงพลัง
นิกายนภาดารามีเจ็ดนภาและเจ้านิกายนภาน้อย ขณะที่ตระกูลต้วนหลินมีสิบผู้ยิ่งใหญ่ต้วนหลิน
บุคคลทั้งสิบนี้เป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลต้วนหลิน
“เซี่ยฮัวชือ” หลี่ฟู่เฉินเห็นเซี่ยฮัวชือด้วยการมองเพียงแวบเดียว
พลังบ่มเพาะของเซี่ยฮัวชือได้มาถึงระดับที่ 9 ของขอบเขตปฐพีแล้ว สภาวะพลังฉีที่น่าสะพรึงกลัวของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้อย่างน้อยสองสามเท่า
แต่ที่ด้านข้างของเซี่ยฮัวชือ มีร่างที่แข็งแกร่งกว่ายืนอยู่
บุคคลผู้นี้มีอายุมากกว่าเซี่ยฮัวชือเล็กน้อย เขาไม่ได้มีสภาวะพลังใดๆ ปรากฏออกมา เขาทำให้รักษาตัวตนให้ดูต่ำต้อย แต่ด้วยการรับรู้ที่ยอดเยี่ยมของหลี่ฟู่เฉิน เขารู้สึกได้ว่าบุคคลนี้เป็นเหมือนกับภูเขาไฟ เขาอาจดูปวกเปียกอ่อนแอ่ แต่เมื่อมันปะทุขึ้น มันอาจจะถึงขั้นสะเทือนฟ้าสะเทือนดินแน่ๆ
เซี่ยฮัวชวน
ในบรรดาคนรุ่นเยาวชนของตระกูลต้วนหลิน ไม่มีโครงกระดูกระดับ 6 ดาว แต่พวกเขามีโครงกระดูก 5 ดาวระดับท้าทายสวรรค์อยู่ 2 คน หนึ่งในนั้นคือเซี่ยฮัวชือ และอีกคนเป็นเยาวชนรุ่นเยาว์หมายเลข 1 ของตระกูลต้วนหลิน บุคคลที่รู้จักกันในนามนายน้อยต้วนหลิน เซี่ยฮัวชวน
พวกเขาอาจมีสถานะคล้ายคลึงในฐานะหนึ่งในหกนายน้อย แต่เซี่ยฮัวชวนมีประสบการณ์มากกว่านายน้อยนภาดารา มู่หรงตี๋ มีข่าวลือว่าเซี่ยฮัวชวนอาจอยู่ในระดับครึ่งก้าวสวรรค์แล้ว
“เซี่ยฮัวชวน… น่าสนใจ!” มู่หรงตี๋สำรวจเซี่ยฮัวชวนและยิ้มออกมา
ในระหว่างการแข่งขันการจัดอันดับดาราเมื่อสามปีที่แล้ว เขายังเด็กและไม่มีความสามารถเพียงพอ
แต่ในปีนี้ เขามีความทะเยอทะยานที่จะคว้าอันดับ 1 ของการจัดอันดับดารา และเซี่ยฮัวชวนก็เป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย
“หลี่ฟู่เฉิน…” เซี่ยฮัวชือสำรวจพื้นที่ เขาเห็นนิกายวารีครามและก็เห็นหลี่ฟู่เฉินผู้ซึ่งยืนอยู่ในที่สูงในมุมที่ห่างไกล
เซี่ยฮัวชือเพียงแค่เหลือบมองและถอนสายตาออก
เขาซ่อนเร้นเจตนาสังหารไว้อย่างเงียบๆ
อัจฉริยะชั้นยอดทุกคนตกเป็นเป้าหมายในการตามล่าของเขา คนอื่นมีพลังมากเกินไปและหลี่ฟู่เฉินก็อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขา แม้ว่าหลี่ฟู่เฉินจะเป็นคนแรกที่เข้าสู่ประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่เจ็ดได้ก็ตามที
ติดตามได้ก่อนใครที่เพจ indynovels