Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี - ตอนที่ 268
บทที่ 268 – ถ้าอยากจะติดตามฉันล่ะก็นะ (2)
ทุกๆคนได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างรวดเร็ว เมื่อยูอิลฮานรู้ว่าผู้บัญชาการกองพันสองคนปรากฏตัวขึ้นมา เขาก็ได้เปิดใช้งานข้ามมิติในทันทีด้วยการให้พันธมิตรของเขาทุกคนอยู่ในขอบเขตการข้ามมิตินี้
ผู้บัญชาการกองพันที่สองฮิลลููทูนที่รู้ได้ว่ายูอิลฮานได้ใช้สกิลก็ได้ร่ายเวทย์วงกล้างขึ้นมาแต่ก็ถูกเฮเรียน่าขัดเอาไว้ คังมิเรย์ได้ยกเลิกประตูมิติลง และคิมเยซอลได้ร่ายเวทย์ทำให้พื้นที่วงกว้างช้าลง ส่วนนายูนาได้อวยพรถึงเรย์น่า
“ช่วยเราด้วยท่านหญิงเรย์น่า!”
เมื่อนายูนามาถึงคลาส 4 การเปลื่ยนแปลงไม่ได้มีแค่อยากสองอย่างเท่านั้น และในตอนนี้เธอกำลังจะใช้พลังที่แกร่งที่สุดที่เธอเพิ่งจะได้มานั่นก็คือความสามารถในการสร้างปาฏิหาริย์ ในตอนนี้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเธอได้ปกคลุมสนามรบ พลังของเรย์น่าได้เสริมพลังให้กับสกิลและเวทย์ในสนามรบนี้
พลังเวทย์ที่ถูกเสริมพลังก็คือเวทย์ของคิมเยซอล และสกิลที่ถูกเสริมพลังคือสกิลข้ามมิติของยูอิลฮาน ปฏิกิริยาของศัตรูจะช้าลงไปในขณะที่สกิลข้ามมิติทำงานเร็วขึ้น
[นี่มันอะไรกัน!?]
[เวทย์อ่อนแอนี่ไม่ได้ผลหรอก]
“ได้ผลสิ!”
ยูอิลฮานได้เปิดใช้งานสกิลข้ามมิติโดยที่มีเสียงของฮิลลูทูนทิ้งท้ายมาไว้ ทุกๆคนได้หายไปจากจุดที่เคยอยู่ราวกับไม่เคยอยู่มาก่อน นี่ก็รวมถึงพวกทูตสวรรค์อย่างทิเทร่าเช่นเดียวกัน
[นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน…]
ฮิลลูทูนได้พึมพัมออกมาอย่างตกตะลึงที่เขาพลาดกับเฮเรียน่าทั้งๆที่เธออยู่ใกล้เขาแค่ปลายนิ้วสัมผัส ผู้บัญชาการกองพันที่ 6 เบลคาทูที่มาด้วยก็ได้ตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น
[เธอยังมีชีวิตอยู่ นั่นคือเธอแน่นอน!]
[ยังไงก็ตาม เธอไม่ใช่กองทัพปีศาจวิบัติแล้ว… ในตอนนี้เธอเป็นเพียงคนนอกที่มีพลังของกอทัพปีศาจวิบัติ แล้วก็นอกจากนี้…!]
ฮิลลูทูนได้เห็นท่าทางที่เฮเรียน่ามีต่อยูอิลฮานอย่างชัดเจน นี่มันต่างไปจากเฮเรียน่าที่เขารู้จักมาก ตามปกติแล้วเธอมักจะปั่นหัวผู้ชายเล่นและฆ่าคนพวกนั้น
[ยูอิลฮาน เป็นเพราะเจ้านี่ มันเป็นคนทำ…!]
[มันจะเป็นไปได้ยังไงกันที่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำจะควบคุมเธอได้น่ะ? หรือว่าเขาคือพระเจ้าคนที่ 5 จริงๆ?]
[มันไม่สำคัญหรอกว่าจะเป็นพระเจ้าคนที่ 5 หรือ 6 มันจะต้องตายภายในเงื้อมมือฉันแน่นอน…]
ฮิลลูทูนได้มองไปที่กำแพงขนาดยักษ์ที่ตั้งตะหง่านอยู่ตรงหน้า กำแพงนี้มันไม่น่าพอใจเอามากๆ มันเป็นกำกแพงที่ทำให้พวกเขาไม่อาจจะข้ามไปอีกฝั่งได้ พวกเขาได้เห็นถึงรูรั่วที่กำลังซ่อมแซมตัวเองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ส่วนคนที่มุ่งหน้าไปที่โลกเบื้องหน้าก็จะไม่ได้กลับมาอีก แต่กลับกันพวกเขาก็จะได้รับบันทึกที่เกี่ยวข้องกับโลกเบี้องล่างนั่น การที่ฐานทัพหลักของกองทัพจรัสแสงถูกเผยออกมาแบบนี้ ดูเหมือนว่าสงครามครั้งใหญ่จริงๆใกล้จะปะทุออกมาแล้ว และบางทีพวกที่ระดับสูงกว่านี้ก็อาจจะโผล่ออกมาได้ตลอดเวลา ความโกลาหลวุ่นวายจากสงครามนี่แหละคือสิ่งที่กองทัพปีศาจวิบัติต้องการให้มาถึงมากที่สุด!
เพราะแบบนี้ในมุมมองของกองทัพปีศาจวิบัติแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ก็ไม่ได้แย่อะไร ปัญหาจะมีก็แค่เรื่องเดียวก็คือการแก้แค้น เขาจะต้องหาตัวยูอิลฮานให้ได้ก่อนหน้านั้นและจากนั้น…!
[ฮิลลูทูน!]
[ยูอิลฮาน…!]
ฮิลลูทูนได้กัดฟันแน่นพึมพัมออกมา พลังเวทย์สีดำมืดได้ปะทุขึ้นมาจากร่างเข้าเพื่อแสดงถึงอารมณ์ของเขาอย่างขัดเจน
[แกหนีรอดไปได้ไม่ตลอดหรอกนะ เจ้าเมล็ดพันธ์สารเลวนั่น…!]
ในขณะเดียวกันที่ที่ยูอิลฮานกับกลุ่มของเขามาถึงก็คือที่สวรรค์ ข้ามมิติเป็นสกิลที่จะทำให้เขากระโดดข้ามมิติมาได้ และรวมถึงในโลกเดียวกันเขาก็ไปได้เช่นกัน
[สะ สวรรค์?]
[พวกเรายังไม่ตาย]
[เราเอาตัวรอดจากสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวนั่นมาได้…!]
ทูตสวรรค์ต่างก็สะบัดปีกันอย่างดีใจ โดยเฉพาะทิเทร่าที่เชื่อว่ายูอิลฮานจะปล่อยให้พวกเธอตายไปซะแล้ว พวกเธอได้ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาหลังจากที่รู้ตัวว่าได้กลับมาที่สวรรค์อย่างปลอดภัย
[ขอบคุณที่ช่วยเราไว้นะ ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีสัญญาต่อกันแล้วก็ตาม]
“อ่า นี่มันก็แค่การบริการเพราะว่าหากฉันทิ้งพวกเธอไว้ที่นั่นฉันก็ไม่มีใครพามาเอาอาร์ติแฟคสิ”
[อย่างน้อยก็ช่วยพูดอะไรที่ดีกว่านี้หน่อยนะ…]
นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอควรจะหวังจากผู้โดดเดี่ยวอย่างยูอิลฮานเลย เขาไม่เคยรู้วิธีเข้าหาคนอื่นดีๆเลยสักนิด และต่อให้เขารู้เขาก็ไม่ทำอยู่ดี! เขาได้เมินสายตาจากทิเทร่าที่จ้องเขม็งมาและมองไปที่กำแพงแห่งความโกลาหลที่อยู่ไหลออกไป ก่อนที่จะหันหน้ากลับมาสั่งเฮเรียน่า
“ตอนนี้ก็กลับไปได้แล้ว ถ้าหากพวกนั้นเริ่มตามมาอีกหลังจากสัมผัสได้ถึงออร่าของเธออีกมันจะน่ารำคาญแน่”
[ที่รักนี่ปากไม่ตรงกับใจเลยนะ… ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็ไม่ชอบให้ที่รักมองฉันแบบนั้น]
[เดี๋ยวก่อน เฮเรีย…]
ก่อนที่ทูตสวรรค์จะได้ดึงตัวเฮเรียน่าไว้ เธอก็ได้เข้าไปในคฤหาสน์แล้ว เธอจะไม่มีทางออกมาอีกจนกว่าที่ยูอิลฮานจะบอกเธอ ทิเทร่าได้เริ่มหันไปมองยูอิลฮานอย่างจริงจัง
[ยูอิลฮาน นายไม่คิดจะอธิบายอะไรเลยใช่ไหม?]
“กองทัพระดับสูงและแข็งแกร่งอย่างกองทัพสวรรค์ได้รู้ถึงการมีอยู่ของเฮเรียน่าแล้ว สิ่งสำคัญก็คือเธอไม่ได้อยู่ฝั่งกองทัพปีศาจวิบัติอีกต่อไปแล้ว เธอก็เห็นนี่ ช่วยจ่ายค่าตอบแทนมาให้ฉันได้แล้ว”
[…เข้าใจแล้ว งั้นช่วยตามฉันมา]
ยูอิลฮานกับกลุ่มของเขาได้ย้อนกลับมาเจอรีเซลอีกครั้งหนึ่ง ยังไงก็ตามในคราวนี้ทัศนคติที่รีเซลมีต่อเขาได้ต่างไปจากเดิมเล็กน้อย
รีเซลไม่ได้หยิ่งและเอาแต่เทศให้เขาฟังเหมือนครั้งที่แล้วอีกแล้ว จะมีมาแทนก็แต่ความตกใจและสงสัย บวกกับความหวังด้วย
[…นี่คือความสามารถในการคืนชีพงั้นหรอ?]
“ไม่ละ ไม่ว่านายจะอยากได้อะไรจากฉัน คำตอบคือไม่ คืนชีพงั้นหรอ? อย่างที่เห็นฉันยังเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอยู่เลยนะ”
[คงงั้นแหละมั้ง…]
รีเซลได้แต่คอตกลงไปอย่างหมดแรง ยังไงก็ตามไม่นานนักเขาก็เงยหน้าขึ้นมาโดยที่ไม่มีความเป็นศัตรูกับยูอิลฮานอยู่เลย
[เราไม่ได้รับเงื่อนไขใดๆถึงอาร์ติแฟคระดับพระเจ้าชิ้นที่สอง แน่นอนว่าเราก็ไม่ได้มีอาร์ติแฟคระดับนั้นมากมายในคลังสมบัติ… แต่ฉันจะเลือกอันที่เหมาะสมกับนายที่สุดให้ นี่เป็นค่าตอบแทนที่นายได้ลดการสูญเสียทูตสวรรค์ได้มากที่สุดในระหว่างความวุ่นวายและความสำเร็จในครั้งนี้]
คลังสมบัติได้ถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อได้เห็นสิ่งที่ลอยออกมาได้ทำให้ยูอิลฮานเผลอพึมพัมออกมา
“หินพลังเวทย์?”
อัญมณีสีแดงที่ถูกบีบอัดจนกลายมามีขนาดเท่ากำปั้นของยูอิลฮาน ภายในอัญมณีนี้มีมานาที่ร้อนแรงกำลังโหมกระหน่ำราวกับปลุกเร้าพลังเพลิงในตัวยูอิลฮาน นี่คือพลังงานบริสุทธิ์ที่ตกผลึกขึ้นมา แล้วพลังงานนั้นก็คือพลังเพลิงอีกด้วย สำหรับของแบบนี้แล้วคำว่าหินพลังเวทย์คือเหมาะสมที่สุด
ยังไงก็ตามเทวทูตได้ส่ายหัวออกมา
[นี่คืออาร์ติแฟคที่ทำขึ้นมาจากหินพลังเวทย์]
ดูเหมือนว่าจะมีคนพยายามทำให้หินพลังเวทย์มาเป็นอาร์ติแฟคมาก่อนที่ยูอิลฮานจะเริ่มทำ ยูอิลฮานได้ยอมรับด้วยสายตาสงสัย… ยังไงก็ตามเขาก็ได้รู้ถึงเรื่องหนึ่งเมื่อมองมันใกล้ๆ
“นี่มันไม่ได้ถูกทำให้เป็นอาร์ติแฟค แต่มันเป็นหินพลังเวทย์ที่กลายมาเป็นอาร์ติแฟคเองตามธรรมชาติ?”
[นายพูดถูกแล้ว ในเมื่อนายมองมันออกขนาดนี้ ก็สมควรแล้วล่ะที่นายจะได้กลายมาเป็นเจ้าของของหัวใจแห่งเพลิง]
“หัวใจแห่งเพลิง…”
นี่มันคงจะเป็นอาร์ติแฟคที่มีความหมายกับยูอิลฮานที่ได้รับพรจากเทพธิดาแห่งเพลิงแน่นอน ไม่สิ คงต้องพูดว่าเป็นอาร์ติแฟคที่ไร้ความหมายสำหรับคนอื่นๆจะถูกกว่า
[หัวใจแห่งเพลิง]
[ระดับ – พระเจ้า]
[ความทนทาน – ไม่อาจทำลายได้]
[เงื่อนไขการใช้งาน – จะต้องได้รับพรจากเทพธิดาแห่งเพลิง]
[หินพลังเวทย์จากนกฟินิกซ์ที่ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตพลังคลาส 7 ที่ได้ดูดซับพลังมานามาจากโลกระดับสูงมาเป็นเวลาหลายต่อหลายปีจนเกิดเป็นแบบนี้ขึ้น ใครกันล่ะที่จะสามารถควบคุมและใช้พลังงานความร้อนที่ถูกเก็บไว้ภายในได้?]
ยูอิลฮานได้หันไปถามรีเซลด้วยรอยยิ้ม
“แล้วนี่พวกนายมีอาร์ติแฟคที่มีแค่คนที่ได้รับพรจากเทพแห่งคำสาป เทพธิดาแห่งความงาม แล้วก็เทพแห่งความรักป่ะ?”
[ฉันรู้นะว่าทำไมนายถึงถามแบบนั้น แต่ว่าไม่มีแล้วล่ะ ไม่สิ ทำไมกลุ่มนายถึงได้มีคนที่ได้รับพรเยอะแบบนีล่ะ? เดิมทีการได้รับพรจากบันทึกแห่งเทพมันไม่ใช่เรื่องปกติเลยนะ… หรือว่าบางที]
รีเซลได้มองมาที่ใบหน้าของยูอิลฮาน นี่ทำให้ยูอิลฮานรู้สึกแย่จนต้องก้าวถอยออกไป ตอนนี้เองรีเซลก็ส่งเสียงฮึ่มออกมา
[ไม่มีทางที่จะเป็นเรื่องจริงอยู่แล้วล่ะ]
“แทนที่นายจะพูดคำพูดชวนสงสัยแบบนี้ นายก็ควรจะเอาอะไรดีๆมาให้ฉันดีกว่านะ”
[หา!]
เพราะความรำคาญนี้ทำให้รีเซลถึงกับต้องยกนิ้วกลางให้กับยูอิลฮาน
[ไปตามทางของนายได้แล้ว ฉันมีของให้นายแค่นี้แหละ แล้วก็นะเทวทูตสคนอื่นๆจะต้องไม่ชอบที่นายมีสมาชิกของกองทัพปีศาจวิบัติอยู่ด้วยแน่]
“นี่แสดงว่าพวกเขาไม่มีเวลามาป้องกันกำแพงแห่งความโกลาหล แต่กลับมีเวลามาดูฉันเนี้ยนะ? เป็นเกียรติจริงๆเลย”
[อ๊า….!]
รีเซลได้เงียบลงไป แม้แต่เทวทูตคลาส 7 ก็ยังด้อยกว่ายูอิลฮานในเรื่องฝีปาก! หลังจากที่ยูอิลฮานได้ทำให้เขาเงียบไปแล้ว ยูอิลฮานก็หันกลับไปหาพรรคพวกและประกาศออกมา
“ถ้างั้นกลับโลกกันเถอะ เรายังมีอีกหลายอย่างต่อทำ”
[ไปเลย ชิ่ว!]
“น่าทึ่งจริงๆ เขาถึงขนาดสร้างความเสียหายต่อจิตใจคลาส 7 ได้”
ยูอิลฮานได้เปิดใช้งานสกิลข้ามมิติโดยที่ไม่สนใจคำพูดของเลียร่า ในเมื่อตอนนี้เขาได้กลับมารวมกับคังมิเรย์แล้ว มันก็คงจะถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องไปหาคนอื่นๆบบนโลก นี่คือจุดเริ่มต้นของแผนที่แท้จริงที่ยูอิลฮานได้คิดจะทำ!
“ทิเทร่า ไว้เจอกันใหม่นะ”
[โอเค เลียร่า ขอให้เธอมีความสุขนะ]
“ฉันก็อยากจะจัดการกับเกราะของฉันนะ แต่ว่าฉันคงจะต้องรอไปก่อน…”
ในระหว่างของให้สกิลข้ามมิติทำงานเสร็จสิ้น ยูอิลฮานก็นึกได้ถึงเรื่องหนึ่ง
‘หา นึกออกแล้ว ฉันอยากจะใช้หัวใจมังกรทำรูปแบบสุดท้ายของเกราะ’
ยังไงก็ตามขู่ๆเขาก็ได้รับวัตถุดิบใหม่มากอย่างไม่คาดคิด นั่นคือหัวใจแห่งเพลิง ถ้างั้นตอนนี้เขาควรจะทำยังไงกับมันดี? หรือว่าเอาหัวใจมังกรของอิชจาร์ไปใช้ทำอย่างอื่น?
‘…ไม่ ทำแบบนั้นไม่ได้’
ทั้งเพลิงและมังกรคือวัตถุดิบที่เหมาะสมกับเขาที่สุดแล้ว ถ้าเขาปล่อยมันทิ้งไปไม่ได้งั้นก็ใช้มันทั้งคู่นั่นแหละ
นี่คือวินาทีที่ยูอิลฮานได้ตัดสินใจที่จะสร้างอาร์ติแฟคที่มีแกนหลักแบบคู่
ระหว่างที่ยูอิลฮานกำลังออกแบบแนวคิดสำหรับการใช้แกนหลักอาร์ติแฟคแบบคู่นี้อยู่ คำว่า ‘นรก’ ที่แท้จริงก็ได้เกิดขึ้นอยู่ภายในฐานทัพหลักของกองทัพจรัสแสง โลกเบื้องล่าง
[ก๊าซซซซซซซซ!]
[อ๊าาา! มันเจ็บ เจ็บ!]
[อ๊ากกกกกกกกกก!]
สิ่งมีชีวิตชั้นสูงจำนวนนับไม่ถ้วนได้กรูกันเข้ามาในโลกเบื้องล่างในเวลาสั้นๆที่ประตูมิติเปิดขึ้น พวกมันได้เริ่มสร้างความวุ่นวายขึ้นภายในโลกเบื้องล่างทันที
อย่างแรกเลยคือผู้ล่าอย่างกองทัพปีศาจวิบัติได้เข้าไปกินทุกๆอย่างที่มองเห็นทันที และผู้เฝ้าประตูสวนอาทิตย์อัสดงก็ได้ใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถวิเคราะห์ถึงข้อมูลเกี่ยวกับโลกใบนี้ แถมยังมีทูตสวรรค์อยู่บางคนเช่นกันที่ทำเหมือนๆกับสวนอาทิตย์อัสดง
[พวกหนอนแมลง!]
ซาเทียรวมไปถึงผู้บัญชาการกองพันที่ 7 ของกองทัพจรัสแสงได้เร่งรีบกวาดล้างพวกนี้ออกไป แต่ว่าข้อมูลของโลกพวกเขาได้รั่วไหลออกไปแล้วด้วย ยิ่งไปต้องพูดถึงความเสียหายของเทวดาตกสวรรค์ที่ตายไปจากการบุกที่กระทันหันของกองทัพปีศาจวิบัติอีก
[เจ้าพวกสิ่งมีชีวิตโง่เง่า พวกกองทัพปีศาจวิบัติ ยอมถูกศัตรูปั่นหัวทั้งๆที่รู้ดีว่าจะต้องเจอหายนะ!]
[เคะๆ พวกเราทุกคนมุ่งสู่การทำลายเสมอ ทุกๆคนรวมไปถึงนายใหญ่ยิ่งชอบที่สุดเลย]
นี่คือความผิดพลาดของพวกเขาที่ไปร่วมมือกับกองทัพปีศาจวิบัติบุกกองทัพสวรรค์! เทวดาตกสวรรค์ได้แต่กัดฟันเข้าโจมตีพวกมัน สำหรับในอนาคตอันใกล้นี้พวกเขาจะไม่มีวันร่วมมือกันอีกแน่
[…น่ารำคาญจริงๆเลย]
และในตอนนี้เองได้มีเสียงที่สง่างามดังกังวาลขึ้นไปทั่วทั้งสนามรบและทันใดนั้นทั่วทั้งโลกก็มืดลง โลกในตอนนี้ได้ไร้ซึ่งแสงใดๆและแม้กระทั่งมานาในอากาศก็หยุดนิ่งลง
[โอ้]
ซาเทียที่รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นได้รีบหุบปีกคุกเข่าลง ปีกแห่งกองทัพจรัสแสงคนอื่นๆและเทวดาตกสวรรค์ต่างก็ทำตามเขาทั้งหมด และแน่นอนว่าสำหรับสิ่งมีชีวิตอื่นๆก็ไม่อาจจะขยับตัวได้เลย
[เราไม่ตั้งใจรบกวนท่าน]
ซาเทียได้พูดขึ้นราวกับจะแก้ตัว เสียงที่สง่างามก็ได้ตอบกลับมา
[ไม่ ไม่หรอก ฉันก็แค่สงสัยว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ โอ้ ในที่สุดโลกเบื้องล่างก็มีแขกมาเยือนแล้ว ดูเหมือนว่านับจากนี้ไปสิ่งต่างๆจะยิ่งน่ารำคาญขึ้นอีก]
[…นี่มันไม่จำเป็นต้องถึงมีท่านหรอกครับ พวกเราจะจัดการมันเอง]
[หืมมมม แต่ว่าถ้าพวกนายตายกันไปหมดจะยิ่งน่ารำคาญกว่าเดิมอีกนะ นาเทียก็ยังตายไปแล้วนี่…]
[เรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก]
เมื่อได้รับการยืนยันจากซาเทีย เสียงนี้ก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับมาสั้นๆ
[ได้ ฉันจะเชื่อใจนาย]
[ขอบพระคุณสำหรับความกรุณาของท่าน]
[แล้วก็นะ]
[โปรดสั่งมาเลย]
[คนๆนั้นน่ะ อย่าไปแตะต้องเขา]
[‘คนๆนั้น’ นี่คือ?]
[มนุษย์ โลก ยูอิลฮาน]
ลมหายใจซาเทียได้หยุดนิ่งลงไป มันไม่มีทางที่นายท่านของพวกเขาจะไม่รู้ แต่ว่า…
[เขาคือคนที่ห้า ฉันมั่นใจในเรื่องนี้… ฉันจะปล่อยให้สิ่งที่ฉันสนใจถูกทำลายไปไม่ได้ เพราะแบบนั้นปล่อยคนๆนั้นเอาไว้ ฉันอยากจะรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้จริงๆ]
[…เข้าใจแล้วครับ]
[ดีมาก ถ้าจำเป็น ฉันจะอนุญาติให้มีการปะทะเต็มกำลังกับกองกำลังอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าพวกนกพิราบ (ทูตสวรรค์) พวกนั้น]
[ครับท่าน]
จากนั้นเสียงๆนี้ก็ไม่ดังขึ้นมาอีก ซาเทียได้ลุกขึ้นยืนในทันทีที่รู้สึกได้ว่าออร่าของผู้ปกครองได้หายไปแล้ว
ร่างของผู้ที่บุกเข้ามาก็ได้หายไปราวกับไม่เคยมีอยู่มาก่อน หรือไม่บางทีก็ถูกความมืดหลอมละลายจนหายไปเอง