Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี - ตอนที่ 279
บทที่ 279 – ทำไมมีแค่ฉันล่ะ (5)
“โอโรจินายช่วยย้ายไปอยู่ในหอกมังกรแปดหางที”
[ได้เลย]
จิตวิญญาณของโอโรจิได้ย้ายเข้าไปให้หอกมังกรเพลิงแล้ว ยูอิลฮานได้แยกหอกออกมาจากเกราะและวางเอาไว้ข้างๆ ก่อนที่จะอัญเชิญเพลิงนิรันดร์ขึ้นมาบนฝ่ามือ
“ตอนนี้เราจะหลอมละลายมันแล้วรวมเข้ากับวัตถุดิบที่มีค่ามากๆทั่วทั้งจักรวาล พร้อมนะ?”
เพลิงนิรันดร์ได้เคยผ่านวัตถุดิบจำนวนนับไม่ถ้วนมาแล้ว มันได้ดูดซับแม้กระทั่งบันทึกและพัฒนาขึ้นมาเหนือกว่าอดีตหลายต่อหลายครั้งจากการนำของยูอิลฮาน มันได้ขยับตัวแสดงความมั่นใจว่าไม่ว่าอะไรมันก็เผาทิ้งไปได้
“เยี่ยม…”
ยูอิลฮานได้เงยหน้าขึ้นมา ข้างหน้าของเขามีกระดูกที่มีขนาดมหึมาที่เกือบจะเต็มบาเรียอยู่ เขามีกระดูกอยู่สองชนิดซึ่งมีคุณสมบัติที่ต่างกัน ตอนนี้เขากำลังจะลองผสมพวกมันขึ้นมาเป็นเกราะโดยการดึงเอาข้อดีของกระดูกทั้งสองชนิดนี้ออกมา
“ส่วนแรกจะเป็นส่วนในของเกราะ ฉันจะใช้กระดูกเคลาทูคับดวงใจแห่งเพลิงทำเป็นชั้นเกราะบางๆ”
[งั้นนี่น่าจะเป็นเพลิงสินะ]
“ใช่แล้ว ส่วนที่สองจะเป็นเกราะส่วนนอก ฉันจะเอาถุงมือเจตจำนงแห่งความโกลาหลมาหลอมละลายอีกครั้งหนึ่งแล้วก็เติมกระดูกของอิชจาร์กับหัวใจของมันลงไปเพื่อทำให้เกราะหนาและคมขึ้น”
[งั้นนี่ก็จะเป็นส่วนของมังกร นายท่านในตอนนี้อยู่ใกล้ชิดกับเพลิงมากกว่ามังกร ยังไงก็ตามไม่ใช่ว่านายท่านบอกว่านายท่านจะไปเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงผ่านมังกรหรอกหรอ? ถ้าแบบนั้นทำไมนายท่านไม่ทำเกราะส่วนในที่เกี่ยวกับมังกรล่ะ?]
“ขอบคุณที่บอกนะ แต่ว่าพลังมังกรเป็นพลังที่ต้องปล่อยออกมาจากภายนอก นอกไปจากนี้ฉันจะเอาศักยภาพของมันไปทิ้งไม่ได้เมื่อฉันกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง… แล้วก็นอกจากนี้ เพลิงกับมังกรโดยพื้นฐานแล้วทั้งสองอย่างก็ไม่ได้ต่างกันมาก”
[…ข้านั้นไร้ประสบการร์และไม่อาจจะเทียบได้อีกแล้ว เพราะงั้นทำตามที่ท่านต้องการเถอะ]
โอโรจิได้ล้มเลิกที่จะทำความเข้าใจคำพูดของยูอิลฮานแล้ว ชัดเจนว่าเพลิงก็คือตัวแทนของพลังแห่งการทำลายและเป็นการใช้พลังที่ตรงไปตรงมาที่สุด… แต่ว่ามากกว่านั้นโอโรจิก็ไม่เข้าใจอีกแล้ว ยูอิลฮานที่รู้ว่าโอโรจิได้ยอมแพ้ไปแล้ว เขาก็ได้แต่พูดออกมาแห้งๆ
“นายไม่ได้จะอยู่ในฐานะของจิตวิญญาณสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำตลอดไปไม่ได้นะ การที่จะควบคุมสั่งการเกราะนี่นายก็จะต้องพัฒนาขึ้นด้วย
[นั่นแหละ!]
ในตอนนี้เองมิสทิคได้ตะโกนขึ้นมา
[ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว ระดับของป้อมปราการลอยฟ้าได้ถูกยกระดับขึ้น แต่ว่าฉันยังอยู่ที่เดิม เพราะแบบนี้ถึงทำให้ฉันอึดอัด]
“ถ้างั้นเธอก็จะต้องพัฒนาขึ้นด้วย”
[ทำยังไงล่ะ?]
“อืม มันก็คงจะไม่มีปัญหาถ้าเธอได้ดูดซับบันทึกทุกๆอย่างที่เธอเจอ?”
[ไม่ นั่นมันยังไม่พอ มันจะต้องมีวิธีแก้ปัญหาที่เป็นพื้นฐานมากกว่านี้]
น้ำเสียงของมิสทิคได้สูงขึ้นมา เสียงของเธอเต็มไปด้วยความต้องการที่จะพัฒนาตัวเองให้เข้ากับป้อมปราการลอยฟ้า
[นายท่านจะต้องพัฒนาขึ้น! มีแต่แบบนั้นเราถึงจะทำตามได้!]
“อย่ามาโยนความผิดให้ฉันสิ”
[แต่ว่านั่นมันเป็นเรื่องจริง! เพราะงั้นกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงหรืออะไรแบบนั้นได้แล้ว!]
“ชั่งมัน ฉันต้องการความเงียบซักพักหนึ่ง ฉันกำลังทำเรื่องสำคัญอยู่”
ต่อให้จะเป็นเรื่องการเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง การจะอัพเกรดอุปกรณ์ของเขาก็เป็นเรื่องที่จำเป็น ยูอิลฮานได้ให้มิสทิคเงียบลงไปและจัดการหลอมละลายชุดเกราะร่างมังกรเพลิงนรกกับกระดูกของเคลาทูค
เกราะร่างมังกรเพลิงนรกนั้นเป็นวัตถุดิบสำหรับทั้งเกราะชั้นในและเกราะชั้นนอก แล้วในตอนนี้เขากำลังทำการสกัดส่วนที่เป็นเพลิงออกมา
แน่นอนว่ามันไม่ได้ทำง่ายๆ ต่อให้ยูอิลฮานจะเชี่ยวชาญในการใช้เพลิงที่สุดแต่ว่าเขาก็ไม่อาจจะดึงโลหะทั้งสองออกมาได้เลย
[นี่มันเป็นไปไม่ได้หรอ?]
“ถ้าตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้ต่อๆไปมันก็จะเป็นไปไม่ได้อยู่ดี เพราะงั้นตอนนี้ฉันจะต้องทำมันให้ได้”
เมื่อเร็วๆนี้เวลาในการสร้างและตีเหล็กของของชิ้นหนึ่งของยูอิลฮานไม่ค่อยจะใช้เวลามากนักเลย แต่ว่าคราวนี้ต่างออกไป เนื่องจากว่าวัตถุดิบดีเกินไปทำให้เขาจะละเลยไม่ได้เลย เขาได้โอนย้ายพลังเพลิงทั้งหมดของเกราะร่างมังกรเพลิงเข้าไปสู่เกราะใหม่โดยที่ไม่ยอมให้คุณภาพลดลงแม้แต่นิดเดียว
“ฟู่…”
เพลิงนิรันดร์ได้รุนแรงและส่องสว่างมากยิ่งขึ้น เพลิงนิรันดร์ที่มีขนาดใหญ่ได้เริ่มที่จะลดเล็กลงและกลายเป็นโปร่งแสงมากยิ่งขึ้นจนตาเปล่าก็มองไม่เห็นแล้ว
[ไม่ว่าจะเห็นมันกี่ครั้งนี่ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจจริงๆ..]
“ซัคคิวบัส เธอกำลังซ้อมกับฉันอยู่นะ เธอไปสนใจอะไรอยู่กัน!”
[ฟู่ ฉันก็แค่อยากจะดูผลงาน… อดีตทูตสวรรค์น่ารำคาญนี่]
ยูอิลฮานไม่อาจจะได้ยินเสียงใครได้อีกแล้ว ตอนนี้สมาธิของเขาได้จดจ่ออยู่กับเพลิง เพลิงและวัตถุดิบที่ต้องถูกละลาย สายตาของเขาไม่เคยล่ะไปจากสองสิ่งนี้เลย
“เพลิงนิรันรด์ นี่คือเกราะที่นายจะต้องอยู่”
ยูอิลฮานได้กระซิบขึ้นมาด้วยเสียงเบาๆ
“เพราะงั้นจงตั้งใจซะ คิดซะว่านายกำลังทำบ้านให้กับตัวเอง”
เพลิงนิรันดร์ได้โหมกระหน่ำขึ้นมาราวกับจะตอบรับเขา เพลิงของมันได้ชะโลมวัตถุดิบที่อยู่ใกล้ๆอย่างรุนแรง ในตอนนี้เองเพลิงนิรันดร์ก็ได้พัฒนาขึ้นีกครั้งและดวงใจแห่งเพลิงที่เขาได้เอามาใช้ต่อมาก็ได้สอดผสานเข้ากันกับเพลิงนิรันดร์
ในตอนนี้ไม่มีใครนอกจากยูอิลฮานอีกแล้วที่จะรู้ถึงเพลิงนิรันดร์ ในท้ายที่สุดเกราะร่างมังกรเพลิงกับกระดูกของเคลาทูคก็ได้เริ่มถูกหลอมละลาย
‘เยี่ยม นี่มันเริ่มผสานเข้ากันแล้ว มาทำหัตถกรรมมานากันต่อเลย’
สิ่งที่กำลังละลายอยู่ไม่ใช่ทุกๆส่วน เขาจะต้องเก็บแกนหลักของเกราะร่างมังกรเพลิงเอาไว้และบีบอัดพลังที่มีอยู่ในกระดูกของเคลาถูกเข้าไปข้างในนั้น
ตอนนี้ดวงใจแห่งเพลิงก็ถูกเปิดใช้งานแล้ว ทำให้กระบวนการนี้ไม่ใช่แค่การตีเหล็กอีกต่อไป แต่มันยังเป็นหัตถกรรมมานาอีกด้วย แล้วก็ยังมีเพลิงนิรันดร์ที่กำลังทำการเอนชานท์วิญญาณเข้าไปพร้อมๆกัน ยูอิลฮานคิดว่าบางทีนี่อาจจะเป็นการสร้างแบบเก่า ก่อนที่เทคโนโลยีจะถูกพัฒนาและแตกแขนงออกไป
[ฟุฟุ คุณหญิงอดีตทูสวรรค์ จะไม่สู้กันแล้วหรอ?]
“เงียบซักเดี๋ยวซิ ซัคคิวบัส…”
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะละสายตาไปจากยูอิลฮานที่กำลังอย่างน่าหลงใหลและสง่างาม นี่ไม่ใช่แค่กับเฮเรียน่ากับเลียร่าเท่านั้น แต่คนอื่นๆที่กำลังซ้อมกันอยู่ ฝึกสกิลกันอยู่ กินเนื้อมังกรอยู่หรือต่อสู้กับมอนสเตอร์อยู่ พวกเขาทุกๆคนต่างก็หยุดสิ่งที่กำลังทำและมาล้อมยูอิลฮานเอาไว้
“น่าทึ่ง”
“ถึงฉันจะไม่รู้ว่านี่คืออะไรแต่มันน่าทึ่งมาก”
ออร่าเพลิงโปร่งแสงได้ปกคลุมทั่วตัวยูอิลฮานทำให้คนอื่นๆมองเขาไม่ชัด แต่ว่าคนอื่นๆก็ยังรู้ว่าเขากำลังทำสิ่งที่น่าทึ่งอยู่
กระดูกขนาดมหึมาของเคลาทูคกำลังลดขนาดลงมาตลอดเวลา และเพราะร่างมังกรเพลิงก็ได้ส่องแสงจ้าออกมาพร้อมเปลื่ยนรูปแบบไปก่อนที่จะถูกแยกส่วนออกมา
เพลงนิรันดร์ได้ใช้พลังทั้งหมดของมันเพื่อผสานทั้งสองอย่างที่ไม่ใช่หนึ่งเดียวกันให้รวมเข้าด้วยกัน
[บ้านของฉัน]
น้ำเสียงที่สดใสของผู้หญิงได้ดังขึ้นมา ยูอิลฮานรู้ได้จากสัญชาตญาณของเขาในทันทีได้เลยว่านี่คือเจตจำนงของเพลิงนิรันดร์ หลังจากเพลิงนิรันดร์ได้พัฒนาขึ้นมาหลายต่อหลายทั้งทำให้ในที่สุดเธอก็สามารถจะสื่อสารออกมาได้แล้ว
[ฉันจะสร้างบ้านสุดร้อนแรง!]
“ใช่แล้ว เธอกำลังจะสร้างบ้านนั่น”
ยูอิลฮานได้ตอบกลับไปอย่างพอใจ เพลิงนิรันดร์ที่เห็นว่านายท่านเข้าใจคำพูดของเธอได้เร่งไฟสว่างมากขึ้นอย่างยินดี แน่นอนว่าความเร็วในการละลายกระดูกเคลาทูคก็เร็วตามไปด้วย
ดวงใจแห่งเพลิงก็เริ่มถูกละลายไปแล้วอย่างช้าๆ ยิ่งเวลาผ่านไปมันก็ได้ถูกละลายไปทีล่ะนิดทำให้ทั้งพื้นที่แห่งนี้ถูกย้อมไปด้วยสีแดงเพลิง
ในท้ายที่สุดความร้อนที่น่ากลัวก็ถูกก่อตัวขึ้นมาเป็นบาเรีบ ตอนนี้ไม่มีใครที่คงสติเอาไว้ได้นอกเสียจากเพลิงนิรันดร์กับยูอิลฮานที่ได้รับพรจากเทพธิดาแห่งเพลิง โอโรจิก็ไม่เว้นเช่นกันทำให้พวกเขาได้รีบออกห่างไปทันที
[ข้าจะออกไปก่อนนะ… ให้ตายสิ นายท่านไม่ได้ยินเสียงข้าแล้ว?]
“ฟู่ ฮ่าาาห์…”
บาเรียที่ก่อตัวขึ้นมารอบๆดวงใจแห่งเพลิงได้ลดขนาดลงอย่างรวดเร็ว กระดูกของเคลาทูคก็ลดลงตามขนาดบาเรียเช่นกัน กระดูกไม่ได้ถูกทำลายแต่ว่ามันถูกบีบอัดลงมาโดยที่คงคุณสมบัติเดิมเอาไว้
ในท้ายที่สุดยูอิลฮานก็หยิบเอาค้อนขึ้นมา จากนั้นเขาก็ได้เอาเกราะร่างมังกรเพลิงครึ่งหนึ่งที่ถูกแยกออกมากับกระดูกเคลาทูคมาวางไว้ที่เดียวกันก่อนจะทุบลงไป เขาได้ใส่มานาทั้งหมดของเขาและเพลิงลงไปในการทุบสิ่งเหล่านี้
[ที่รักรู้สึกไหม? หัตถกรรมมานากับเอนชานท์วิญญาณกำลังถูกรวมกันด้วยการตีเหล็ก อ๊า แค่เกราะชิ้นเดียวแต่กลับถูกที่รักปฏิบัติดีกว่าตัวฉันอีก น่าอิจฉาจังเลยนะ ถ้าฉันได้สัมผัสกับมือที่รักแบบนั้น ต่อให้ถูกละลายไปก็ไม่มีปัญหา…]
“ฉันบอกให้เงียบไงซัคคิวบัส เธอกำลังรบกวนฉันอยู่นะ”
ในท้ายที่สุดยูอิลฮานก็หลับตาลง ตอนนี้ดวงตาของเขาไม่ได้มีส่วนกับงานแล้ว
เขารู้สึกได้ถึงเพลิง ลมหายใจของเปลวเพลิง เจตจำนงของเพลิงนิรันดร์ พื้นที่ที่กลายมาเป็นหนึ่งเดียวกับเพลิงที่กำลังลุกไหม้ กระดูกที่กำลังเปลื่ยนสีและรูปร่างไป แล้วก็เกราะร่างมังกรเพลิงครึ่งส่วนที่กำลังเป็นศูนย์กลางดูดทุกๆอย่างเข้ามา
[คุณได้ค้นพบกับขอบเขตการสร้างที่ไม่สามารถจะระบุได้ด้วยเทคโนโลยี การผสมสกิลขั้นสูงส่วนใหญ่มาจากการผสมผสานกันของเทคโนโลยีที่บันทึกนภาได้เก็บบันทึกข้อมูลเอาไว้ แต่ว่าเทคโนโลนี้เป็นตัวของมันเอง มันไม่อาจจะบันทึก ไม่อาจจะกำหนดเลเวลได้]
[สิ่งที่คุณได้ค้นบนคือขอบเขตแห่งการก่อกำเนิด คุณได้ผสานพลังแห่งช่างตีเหล็ก หัตถกรรมมานา และเอนชานท์วิญญาณเป็นหนึ่งเดียวกันจนเปลื่ยนจาก’ความโกลาหลที่ไม่อาจจะผสมหรือแยกได้แล้ว’ ให้กลายมาเป็น ‘การเกิด’ คุณได้เข้าถึงขอบเขตแห่งการสรรสร้าง]
[คุณได้รัยฉายา ‘ผู้สร้าง’ ทุกๆสิ่งที่คุณสร้างขึ้นมาจะมีความพิเศษและออฟชั่นเฉพาะตัว]
ยูอิลฮานได้เปิดตาของเขาขึ้นมา ตอนนี้กระดูกเคลาทูคได้หายไปจนหมดแล้ว ตัวดวงใจแห่งเพลิงก็ไม่มีให้เห็นอีก เพลิงนิรันดร์ยังคงลุกอยู่บนฝ่ามือของยูอิลฮาน แต่ว่านนี่ไม่ใช่เพลิงนิรันดร์ทั้งหมดแต่เป็นแค่เศษเสี้ยวเท่านั้น และร่างหลักของเพลิงนิรันดร์ได้ย้ายเข้าไปในบ้านใหม่เรียบร้อยแล้ว
ชุดเซ็ตเกราะเซ็ตหนึ่งได้ลอยอยู่เบื้องหน้าของเขา นี่เป็นเพราะที่ถูกย้อมไปด้วยสีแดงทั้งตัว มันดูคล้ายๆกันกับเกราะร่างมังกรเพลิง แต่ว่าจริงๆแล้วมันต่างกันมาก
มันมีชีวิต สัญชาตญาณของยูอิลฮานที่เข้าสู่ขอบเขตแห่งการสรรสร้างได้บอกเขาแบบนี้หลังจากที่มองชุดเกราะ
[ฉันชอบมันมากๆ!]
เพลิงนิรันดร์ที่อยู่ภายในเกราะได้ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีการปฏิเสธแม้แต่นิดเดียว น้ำเสียงของตัวเธอดูมีเสน่ห์อย่างมาก
[ฉันกำลังจะปกป้องนายท่าน!]
“ใช่แล้ว ฝากด้วยนะ”
ยูอิลฮานได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หมดแรงเอามากๆจากการที่ทุ่มเททุกๆอย่างกับการสร้างเมื่อตะกี้นี้ ยังไงก็ตามเขาพอใจกับมันมากๆ จิตใจของเขาได้ถูกเติมเต็ม เขาคิดว่าในที่สุดเขาก็ได้ทำในสิ่งที่เขาต้องการสำเร็จแล้ว
ในตอนนี้เขาได้เดินไปในเส้นทางที่ไม่มีใครเคยเดินมาเกิน
[จิตวิญญาณแห่งเพลิงได้เสร็จสมบูรณ์]
[จิตวิญญาณแห่งเพลิง]
[ระดับ – พระเจ้า]
[พระป้องกัน – 17,900]
[ความทนทาน – ตราบใดที่มีพลังงานแห่งเพลิงอยู่จะไม่มีวันถูกทำลาย]
[เงื่อนไขการใช้งาน – ยูอิลฮาน]
[ออฟชั่น –
1.ความต้านทานและพลังโจมตีธาตุไฟเพิ่มขึ้น 200%
2.เพิ่มพลังเพลิงลงไปในสกิลทั้งหมดและเสริมพลังขึ้น 100%
3.ยกระดับขอบเขตพลังของสกิลที่เกี่ยวข้องกับเพลิงทั้งหมดขึ้น]
[เปลวเพลิงบริสุทธิ์ที่ร้อนแรงและทนทานที่สุดได้ถูกสร้างขึ้นมาจากมนุษย์ที่เหนือยิ่งกว่ามนุษยชาติ หลังจากการรวมของสสาร จิตวิญญาณและมานาได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้ทำให้เกิดปาฏิหาริย์นี้ขึ้น]
หลังจากดูข้อมูลของชุดเกราะจบลงยูอิลฮานก็ได้หันมองไปรอบๆ ตอนนี้เองเขาก็ได้เห็นอีกส่วนหนึ่งของเกราะร่างมังกรเพลิงนรกที่กลายมาเป็นก้อนอยู่ นี่จะเป็นส่วนของเกราะชั้นนอกที่ใช้กระดูกอิชจาร์ ถุงมือเจตจำนงแห่งความโกลาหล รวมไปถึงดวงใจมังกร
หรือก็คือตอนนี้เขาเพิ่งจะทำงานเสร็จไปแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น เกราะของเขายังไม่สมบูรณ์
“การที่ฉันจะต้องมาทำงานน่าเหน็ดเหนื่อยอีกครั้งนี่มัน…”
[ฉันมีความสุข! ฉันมีความสุข!]
เพลิงนิรันดร์เอาแต่ตอบกลับมาอย่างยินดีในขณะที่ควบคุมให้ชุดเกราะกระโดดไปมากลางอากาศโดยไม่คิดอะไรมากเลย
ยูอิลฮานจะใส่เกราะในทันทีเลยก็ได้แต่ว่า… เขาได้ปล่อยเธอเอาไว้แบบนี้ซักพัก จากนั้นเมื่อเขาหันไปมองคนอื่นๆ คนพวกนั้นก็ได้มองกลับมาที่เขาด้วยสายตาที่ดูสับสน
“อิลฮาน นาย…”
“อะไรงั้นหรอ?”
“ตอนนี้แม้กระทั่งผมนายก็เป็นสีแดงไปแล้ว”
หลังจากได้ยินคำพูดของเลียร่า เขาได้ลูบผมของเขาดูทันที
“อะไรกัน!?”
ตอนแรกหลังจากได้รับพรจากเทพธิดาแห่งเพลิง ดวงตาของเขาได้เปลื่ยนมาเป็นสีแดง และในตอนนี้เมื่อเขาได้สร้างจิตวิญญาณแห่งเพลิงขึ้นทำให้แม้แต่ผมของเขาก็กลายมาเป็นสีแดง
“นี่มันบ้าอะไรกันเนี้ย? ผมฉันยาวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
ยิ่งไปกว่านั้นผมของเขาได้ยาวจนมาถึงเอวแล้ว! ยูอิลฮานได้ตกใจมากและพยายามจะตัดผมออกไปทันที แต่ว่านายูนาได้พุ่งตัวมากอดเอวเขาเอาไว้ก่อน
“ผมยาวก็เท่เหมือนกันนะเพราะงั้นอย่าตัดเลย! อย่าตัดน้าาา!”
“แต่ว่ามันน่ารำคาญในตอนสู้เพราะงั้นฉันจะตัดให้มันสั้น… หืม?”
เมื่อเขาคิดว่าเขาอยากจะให้เขาสั้น ผมที่ยาวอยู่ของเขาก็ได้หดลงมาอีกครั้ง ดวงตาของนายูนาได้เต็มไปด้วยคำถามทันที ยูอิลฮานก็คิดขึ้นกับตัวเอง
…นี่ฉันกลายมาเป็นอะไรแล้วกันแน่เนี้ย?