Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี - ตอนที่ 302
บทที่ 302 – ฉันคือพ่อของพวกนาย (3)
“เฮเรียน่า!”
[อั๊ก…!]
เลียร่าได้ตะโกนออกมาอย่างตกใจ ในที่สุดราชินีซัคคิวบัสก็ถูกโจมตีเข้าแล้ว!
เลือดของเฮเรียน่าได้ไหลออกมาจากช่องท้องของเธอ เธอได้แต่ถอยกลับมาทั้งๆที่กุมแผลที่มีเลือดไหลอย่างต่อเนื่องเอาไว้ นี่คือการโจมตีตรงๆจากระยะประชิดทำให้เธอตกอยู่ในสภาพแบบนี้
[เจ้านี่มันคืออะไรกัน… การที่ตอบโต้ความสามารถของฉันได้นี่… มันไม่ใช่ที่รักด้วย! หรือบางทีมันอาจจะไม่ใช่สิ่งมีชีวิต]
[กำจัด]
“ย๊าาาากกก!”
เมื่อได้เห็นมันกำลังจะยกมือขึ้นอีกครั้ง เลียร่าก็ได้เม้มริมฝีปากเหวี่ยงหอกออกมา คลื่นกระแทกของเธอได้เบี่ยงเบนลำแสง ในที่สุดแลวมันก็หันมาหาเลียร่าและยกมือทั้งสองข้างขึ้น
[กำจัดคนขัดขวางที่มีความสำคัญสูงกว่า]
“ฉันไม่ชอบมันเลยสักนิด มันเอาแต่พ่นคำพูดเหมือนกับลูกน้องบอสสุดท้ายออกมาอยู่ได้!”
พลังเวทย์ทั้งหมดของเลียร่าได้ถูกรวมไว้ที่หอกและทำให้หอกสั่นสะเทือน เธอไม่สนแล้วต่อให้การโจมตีของเธอจะถูกเลียนแบบ คลื่นกระแทกของเธอได้เปลื่ยนพลังเวทย์ให้เป็นพลังโจมตีกายภาพ
มีคนบอกว่านคือมานาหรืออะไรงั้นหรอ? มันไม่สำคัญหรอก ตราบใดที่มันมีรูปร่างอยู่มันไม่มีทางหนีพ้นการสั่นสะเทือนไปได้!
[เลียร่านี่เธอ…]
“ถอยกลับไปรักษาตัวเองก่อน! เร็วเข้า!”
[…อึก!]
เฮเรียน่าไม่อาจจะพูดอะไรต่อได้หลังจากได้ยินแบบนี้ เธอได้หันหลังกลับไป ในตอนนี้เองวงแหวนทรงกลมก็ได้หมุนปกคลุมร่างมันถึงขีดสุด
[กำจัด]
“ก็มาลองดูสิ”
เลียร่าได้เข้าปะทะกับมันโดยไม่หยุดพักหายใจแล้ว แม้ว่าเธอจะกังวลเพราะเสน่ห์ของเฮเรียน่าไม่ได้ผลเลยสักนิด แต่ว่าโชคดีที่ว่าพลังของตัวเธอใช้ต่อกรกับมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ นี่สามารถจะยืนยันได้จากการเปลื่ยนรูปแบบการพูดของมัน
[เป้าหมายมีลำดับความสำคัญในการกำจัด]
[เพิ่มลำดับความสำคัญเป็นลำดับแรก]
“น่ารำคาญจริง!”
[กำลังตรวจสอบจุดอ่อนศัตรู]
ในตอนนี้เอง มันก็ได้เริ่มส่งเสียงออกมาอย่างไม่รู้จบ! เลียร่าได้รู้สึกอีกครั้งหนึ่งว่าปากของมันคือตัวการที่น่ารำคาญที่สุดและเริ่มทำหน้าเหมือนกับกำลังจะร้อง
[อาาาาาาาาาาา]
“อ๊ากกกกกกก! มันทำอะไรซักอย่างแล้ว!”
เลียร่ากำลังรู้สึกเคร่งเครียดมาก แน่นอนว่ามันไม่ใช่แค่เพราะคลื่นกระแทกของเธอถูกการสั่นสะเทือนของเสียงมันหยุดเอาไว้
แต่ถึงแม้เธอจะถึงพลังออกมาได้มากกว่าคลาสของเธอ แต่ว่ามานาของตัวเธอก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอยู่ ในตอนนี้เธอกำลังรวมพลังเวทย์ทั้งหมดในร่างไปที่ปลายหอกอยู่ทำให้เธอจะคงสภาพแบบนี้ไว้ได้อีกแค่ประมาณ 3 นาทีเท่านั้น
“เราต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว แต่ว่า…”
“…นี่ก็ไม่ได้ผลเหมือนกัน”
พวกเธอก็น่าจะรู้นับตั้งแต่ที่มันต้านทานเสน่ห์ได้แล้ว ในระหว่างเลียร่ากำลังยื้อมันเอาไว้ข้างหน้า คิมเยซอลและจอมเวบ์คนอื่นๆก็ได้ร่ายเวทย์กันเพื่อจะหยุดมันเอาไว้ แต่ว่าน่าเสียดายที่ไม่มีเวทย์ไหนเลยที่ใช้ได้ผลดี!
“มัน…”
เอิลต้าได้กัดริมฝีปากตะโกนขึ้นออกมา
“มันมีความต้านทานพลังเวทย์! เพราะงั้นวิธีที่จะจัดการมันดีที่สุดเลยก็คือเพิ่มพลังเวทย์ไปเป็นการโจมตีกายภาพตรงๆเท่านั้น!”
“อ๊า ให้ตายสิ! นี่มันแปลกมากเลยนะ! แล้วก็ฉันจะต้องทำยังไงดีล่ะ?”
เอิลต้ากับคังมิเรย์ได้พูดกันในระหว่างกำลังร่ายเวทย์อย่างสิ้นหวัง
“เรากำลังหาทางออกอยู่”
“ช่วยรออีกนิด!”
นี่มันไม่ดีแล้ว พวกเธอไม่ได้ช่วยอะไรเลย! ถ้าแบบนี้… เลียร่าได้ดื่มโพชั่นขวดเล็กลงไปอีกครั้งเพื่อจะปัดลำแสงของศัตรูและตะโกนขึ้น
“โอโรจิ นายกำลังทำบ้าอะไรอยู่!”
[ข้ากำลังเตรียมการโจมตีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดจากข้อมูลที่มีอยู่ ไม่ใช่ว่าก่อนที่จะไปโจมตีมันการวิเคราะห์ข้อมูลของศัตรูตรงหน้ามันเป็นเรื่องพื้นฐานหรอกหรอ?]
นั่นมันสำหรับในฝั่งที่ได้เปรียบจากการซ่อนตัวเท่านั้น! เลียร่าอยากจะตะโกนแบบนี้ออกไป แต่ว่าเธอก็ต้องเงียบลงหลังจากได้รู้ถึงสิ่งที่โอโรจิกำลังพยายามจะทำ
[ช่วยรออีกนิด ยื้อศัตรูไว้อีกนิด]
“…เจ้านี่กำลังทำเหมือนกับอิลฮาน”
แม้ว่าโอโรจิจะมีรูปร่างมนุษย์จากการที่ยูอิลฮานสร้างให้ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้เป็นทั้งมนุษย์หรือมังกร
หลังจากการฝึกปรับตัวภายในบาเรีบกาลเวลามาเป็นเวลานาน ในที่สุดโอโรจิก็ขยับร่างกายได้ราวกับเปนร่างของตัวเองแล้ว และขอบเขตมันก็มากเกินไปนิดอีกด้วย
[อีกนิดเดียว… ฮ่าห์]
“ไม่สิ เขาทำได้ดูขัดหูขัดตากว่าอิลฮานซะอีก….”
ในตอนนี้โอโรจิได้กำลังควบคุมการเคลื่อนไหวของร่ายกายอยู่ตลอดเวลา และกำลังเปลื่ยนแปลงร่างกายของตัวเอง นี่คือความสามารถจากในตอนเป็นหอกมังกรแปดหาง แต่นี่เปนการเพิ่มพลังทำลายให้มากขึ้นด้วยร่างกาย กล้ามเนื้อ กระดูกและเลือดมังกร
จากภายนอกนี่ดูไม่ต่างจากมนุษย์ปกติเลย แต่ว่านี่คือการบีบอัดกล้ามเนื้อและกระดูกให้เปลื่ยนจากแขนกลายมาเป็นปืนใหญ่ที่ทำให้ไม่ว่าใครก็ต้องอึดอัดกันทั้งนั้น
[เสร็จแล้ว หยุดมันเอาไว้แบบนั้นแหละ!]
[ตรวจพบอันตรายจากเบื้องหลัง…]
“เขาบอกให้ฉันหยุดนายไว้น่ะ!”
คลื่นกระแทกที่ทรงพลังของเลียร่าไม่เพียงแต่ทำลายลำแสงเท่านั้น แต่กระทั่งยังหยุดการหมุนของวงแหวนด้วยเช่นกัน ในเวลาต่อมาโอโรจิที่ได้เปลื่ยนแขนเป็นปืนใหญ่ก็ได้พุ่งขึ้นมาบนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง! นายูนาที่พึ่งรักษาเฮเรียน่าเสร็จก็หันมายกมือตะโกนออกมาทันที
“อ่า นี่มันเมก้า บัสเตอร์ล่ะ…!”
[เป็นไพท์บังเกอร์ต่างหาก!]
โอโรจิได้ตะโกนตอบปฏิเสธนายูนาออกมา! ใช่แล้ว ตอนนี้แขนของโอโรจิดูเหมือนจะยิงลำแสงปืนใหญ่ออกมาได้สัมผัสเข้ากับวงแหวน และหอกกระดูกที่แหลมคมก็ได้ถูกยิงออกมาจากแขนด้วยพลังที่ถูกบีบอัดและการระเบิดของเส้นใยกล้ามเนื้อของมังกรคลาส 7 รวมไปถึงยังมีการระเบิดของพลังเวทย์ด้วยทำให้หอกกระดูกได้แทงทะลุผ่านวงแหวนและปักเข้าที่ร่างกายของมัน
[ติดคริติคอล!]
[อั๊ก!?]
มันได้ชะงักขึ้นมาเป็นครั้งแรกแล้ว แม้กระทั่งการโจมตียังทำให้ได้แค่ทำให้มันหันไปสนใจเท่านั้น แต่ว่าการโจมตีนี้ของโอโรจิได้ทำให้เกิดบาดแผลถูกเจาะทะลวงขึ้น! มันได้รีบพยายามจะถอยไปรักษาบาดแผลของตัวเอง แต่ว่าการทำแบบนั้นมันไม่ง่ายเลยเพราะความทนทานและความต้านทานของกระดูกโอโรจิ โอโรจิได้ยิ้มรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นมาบนใบหน้าเหมือนกับมนุษย์และตะโกนขึ้นมา
[ถ้าเป็นการโจมตีกายภาพ ฉันไม่แพ้แน่! นี่คือพลังที่ฉันได้รับมาในระหว่างที่อยู่กับนายท่าน]
“ทำได้ดีมากโอโรจิ”
[แต่ว่าข้อเสียก็คือฉันมีหอกกระดูกเก็บเอาไว้อีกแค่อันเดียวเท่านั้น]
“แล้วนั่นนายจะโม้ทำบ้าอะไรโอโรจิ งี่เง่าเอ้ย!”
โอโรจิไม่มีทั้งความสามารถในพื้นที่มิติ ไม่มีความสามารถสร้างกระดูกคลาส 7 ได้ตามต้องการด้วย! อย่างน้อยในตอนนี้เขาก็ทำไม่ได้!
[ฉันจะโจมตีในจังหวะเหมาะใหม่นะ]
“ฉันหวังว่าฉันจะไม่ตายไปก่อนนะ! ฮ่าาาาาห์!”
[กะ กำ…!]
ในระหว่างโอโรจิถอยกลับไปเตรียมการโจมตีที่สอง เลียร่าก็พุ่งตรงเข้าใส่มันอีกครั้งหนึ่ง มันดูเหมือนว่าไม้ตายของโอโรจิจะสร้างความเสียหายรุนแรงจนศัตรูยังไม่อาจจะฟื้นฟูวงแหวนกับปีกกลับมาได้ และมันทำได้เพียงแค่ใช้แขนของมันป้องกันการโจมตีของเธอเท่านั้น แต่ว่าเลียร่าก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างแปลกๆในตอนที่เธอเข้ามาใกล้มา
“นี่มันเหมือนกับว่า…”
[กำจัด]
ในระหว่างเลียร่ากำลังลังเลอยู่ มันก็ได้เริ่มใช้หน้าอกของมันสร้างเป็นปืนใหญ่ขึ้นมาและยิงหอกหมอกสีขาวออกมาจากร่างจริงของัมน ในทันทีที่เลียร่าได้เจอแบบนี้เธอรู้สึกหนาวขึ้นมา และในเวลาเดียวก็นก็มีความกลัวขึ้นมาด้วย มันได้ประกาศขึ้นมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
[นี่มันไพท์บังเกอร์]
“หาาา!?”
หากว่านี่มันสร้างขึ้นจากบันทึกที่มันได้ดูดมาจากโอโรจิเมื่อกี้นี้ เธอก็จะตายไปในทันทีโดนการโจมตีนี้แน่! เลียร่าได้บินหลบตามสัญชาตญาณไปทันที เสียงระเบิดได้ดังขึ้นมาจากด้านหลังของเธอก่อนที่มิสทิคจะตะโกนขึ้น
[เฮ้ ฉันโดนลูกหลงด้วยนะ!]
“ป้องกันมันตามใจเธอเลย!”
[ฉันก็จะทำแบบนั้นอยู่แล้ว]
มิสทิคได้รับเอาส่วนหนึ่งของร่างกายมันเข้ามาในบาเรียและฝังมันเอาไว้บนพื้น แมว่ามันจะอันตรายมากๆ แต่ว่าร่างกายส่วนนี้ก็สามารถใช้ระบุตัวตนของศัตรูได้ มันได้ส่ายหัวขึ้นทันทีที่เห็นแบบนี้
[เทคนิคอันตราย ลบออกจากรูปแบบ]
[ไพท์บังเกอร์คืออาวุธของผู้ชาย นายใช้มันได้ยังไกัน นายมันต้องไม่ได้เป็นผู้ชาย!]
[นี่นายไม่เห็นเสน่ห์ของฉันที่ใช้ไม่ได้ผลงั้นหรอเจ้าจิ้งจก? ไม่ต้องพูดถึงผู้ชายเลย มันน่าจะไม่มีเพศด้วยซ้ำไป!]
เฮเรียน่าได้บ่นโอโรจิออกมา ในตอนนี้เพราะแผลของเธอไม่ได้หายสนิททำให้เธอกลับไปแนวหน้าไปไม่ได้อีก เธอได้ใช้มานาของเธอช่วยมิสทิคควบคุมพันนัยน์ตาแทน
แม้ว่าจะมีลำแสงพุ่งออกมาจากปีกของมัน แต่เหตุผลที่ทำกลุ่มสามารถสู้มาได้ถึงตอนนี้นั่นก็เพราะมีพันนัยน์ตาคอยช่วยอยู่
เลียร่าคิดที่จะเข้าไปโจมตีมันอีกครั้งก่อนที่มันจะฟื้นฟูโล่วงแหวนของมันกลับมา แต่ว่ามันก็ได้ใช้ลำแสงป้องกันไม่ให้เธอได้ทำแบบนั้น เลียร่าได้แต่กัดฟันตะโกนออกมา
“มันจะใช้การโจมตีลำแสงบ้าๆพวกนี้ไปถึงเมื่อไหร่กัน!?”
แหล่งพลังงานของมันไม่ใช่มานา มันได้เสริมรูปแบบการโจมตีของมันจากการวิเคราะห์และดูกเอาข้อมูลของศัตรู รวมไปถึงความต้าทานมานาและความสามารถบ้าๆที่จะป้องกันจากมานาในสภาพแวดล้อมรอบๆอีกด้วย! มันไม่มีสมาชิกของกองกำลังใดเป็นแบบนี้เลย ไม่ใช่ทั้งอัครเทวทูตจากกองทัพสวรรค์ หรือผู้บัญชาการกองกองพันแห่งกองทัพจรัสแสง นี่คือสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ไม่อาจจะระบุตัวตนได้
“ความสมเหตุสมผลมันอยู่ตรงไหนกัน!? เจ้านี่มันโผล่ออกมาจากไหนเนี้ย!”
[การฟื้นฟูตัวเองไม่อาจเป็นไปได้ หยุดการฟื้นฟู จัดการระดับความสำคัญในการกำจัดศัตรู]
ในเวลาเดียวกันในท้ายที่สุดมันก็ได้ทำให้ทั้งกลุ่มเลียร่าขมขื่นยิ่งขึ้นจากการเปลื่ยนรูปแบบของมัน ก่อนหน้านี้มันจะปล่อยหมอกแสงไร้รูปร่างออกมา แต่ในตอนนี้มันได้หดหมอกแสงนั่นกลับไปก่อนที่จะสร้างเป็นโล่วงแหวนึ้นเพิ่มอีกสามอัน!
“อ่า ให้ตายสิ”
เลียร่าได้ส่งเสียงออกมาอย่างหงุดหงิด ถ้าสิ่งที่เธอกังวลมันไม่เป็นจริงก็คงดี แต่ว่าน่าเสียดายที่มันไม่เป็นแบบนั้น โล่วงแหวนทั้งสามอันได้เริ่มหมุนวนอย่างต่อเนื่องแทนที่โล่วงแหวนที่เสียหาย! แค่การหมุนเฉยๆของมันก็น่ากลัวอยู่แล้ว แต่มันยังพุ่งเข้ามาพร้อมโล่วงแหวนที่หมุนทำลายทุกอย่างอยู่อีกด้วย
[กำจัด]
“ถ้าโดนเข้าฉันได้ตายแน่! บาเรียก็เอาไม่อยู่!”
เลียร่าได้ร้องออกมาพร้อมๆกับบินไป ป้อมปราการลอยฟ้ากับป้อมปราการผู้พิทักษ์ก็เช่นกัน มิสทิคได้ควบคุมป้อมปราการทั้งสองให้เร็วที่สุดเป็นครั้งแรกเพื่อหลบจากโล่วงแหวนของมัน แต่ปัญหาคือการโจมตีของมันมีการติดตามติดมาด้วย
[กำจัด! กำจัด!]
และในท้ายที่สุดป้อมปราการหนึ่งในนั้นก็ปะทะเข้ากับโล่วงแหวน มิสทิคได้ส่งพันนัยน์ตาออกไปเพื่อรับมือกับมัน แต่ว่าโลวงแหวนของมันหมุนเร็วเกินไปจนปัดลำแสงของพันนัยน์ตาออกไปจนหมดรวมไปถึงทำลายเกราะของเคลาทูคด้วย หากเป็นแบบนี้แหล่งพลังงานของมิสทิคได้หมดลงแน่
[กรี๊ดดดดดด มันเร็วขึ้นอีกแล้ว! เจ้าบ้าโอโรจิ ทำอะไรซักอย่างกับมันทีสิ!]
[ฉันจัดการเอง]
มิสทิคได้กรีดร้องออกมาและในตอนนี้เองโอโรจิที่แอบซ่อนตัวมาลอดก็ได้ยิงหอกกระดูกอันที่สองทำลายมันตั้งแต่หัวไปจนจรดเป้า
[ติดคริติคอล!]
[ก๊าา ฮ่าาาาาห์….]
เสียงของมันได้หมดลง โล่วงแหวนทั้งสามอันก็หยุดหมุนแล้วด้วย โอโรจิมั่นใจแล้วว่าเขาได้จัดการโจมตีปิดฉากไปแล้ว
[ทำการ… หยุดการทำงาน]
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[เลเวล??????? ???????????]
[อ่า นี่มัน]
เมื่อได้เห็นข้อมูลค่าประสบการณ์พวกนี้โอโรจิก็หยักไหล่ออกมา
[มันพิเศษสินะ]
“โอ้เวรล่ะ”
เลียร่าที่เพิ่งจะดีใจที่เอาชนะศัตรูได้กลับสบถออกมา หรือว่าเธอคิดถึงยูอิลฮานงั้นหรอ?
โอโรจิได้ยิ้มแห้งๆและหันกลับไปหาเธอและเขาก็ได้รู้ถึงเหตุผลที่เธอสบถออกมา
[กำจัด]
[กำจัด]
[ตรวจพบศัตรูที่่ร้ายกาจ อันตรายต่อการเก็บข้อมูล กำจัด]
ศัตรูที่พวกเขาได้ใช้พลังทั้งหมดถึงจะเอาชนะได้ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่สิ มีพวกมันยืนอยู่ตรงนั้นถึงสามตัวต่างหาก
[]