Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 138 สู้กับจ้าวมณีสวรรค์ระดับราชาด้วยกัน! (1)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- บทที่ 138 สู้กับจ้าวมณีสวรรค์ระดับราชาด้วยกัน! (1)
สําหรับกลุ่มของโจวเหว่ยชิง ทุกคนก็ตอบสนองในทันทีเช่นกัน เพียงชั่วพริบตาเดียว หลินเทียนอ้าวก็พุ่งไปขวางหน้าโจวเหว่ยชิงแล้ว มณีสวรรค์ของเขาถูกปลดปล่อยออกมาอย่างรวดเร็ว หากโจวเหว่ยชิง ต้องวิ่งหนีมาด้วยความตื่นตระหนกเช่นนี้ ศัตรูจะธรรมดาได้อย่างไร?
อู่หยาคว้าและโยนหม่าฉุนไปด้านข้างโจวเหว่ยชิงขณะที่ตน ทะยานขึ้นไปบนอากาศ ด้วยนิสัยกล้าหาญของเธอ หญิงสาวจะไม่มีวัน หนีไปซ่อนตัวอย่างเด็ดขาด อู่หยามองตรงไปยังหุบเขาอเวจีสีเลือด อย่างเด็ดเดี่ยว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นคู่ต่อสู้ หญิงสาวก็ต้องสูดลมหายใจเข้าอย่าง แรง เธอจําปีศาจน้อยเซินรวมถึงจ้าวมณีสวรรค์ระดับสูงที่อยู่ข้างกาย อีกฝ่าย จึงสามารถเดาได้ทันทีว่าพวกเขาเป็นใคร
ปีศาจน้อยเซินถูกผลักจนกระเด็นกลับหลังด้วยฝ่ามือเดียวของ จ้านหลิงเทียน ทว่าก็ถูกสาวกในกลุ่มเดียวกันรับตัวเอาไว้ได้ ดวงตาของ เธอหรี่แคบลงขณะที่มองเห็นจ้านหลิงเทียนและซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ใน เวลาเดียวกัน
“เป็นเจ้าสองคน?” ปีศาจน้อยเซินยกมือขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อหยุด ศิษย์ร่วมสํานักของตนเอง
จ้าวนรกที่ยังมีชีวิตเห็นปีศาจน้อยเซินถูกกระแทกกลับจึงชะงักไป ชั่วขณะ ทว่ากลิ่นอายรอบตัวของเขาก็ยิ่งเยือกเย็นลงเรื่อยๆ
“จ้านหลิงเทียน ทําไมเจ้าถึงอยู่ด้วยกันกับเขา? เจ้า…คือซ่างกวน เฟยเอ๋อร์?” ท่าทางประหลาดใจและงุนงงฉายชัดบนใบหน้าของปีศาจ น้อยเซิน
หญิงสาวยังจําได้อย่างชัดเจนว่าวังสวรรค์ไพศาลก้าวเข้ามาให้ ความช่วยเหลือเรื่องระหว่างเธอกับโจวเหว่ยชิง รวมถึงสัญญาที่เคยให้ ไว้ด้วย อย่างไรก็ตาม ปีศาจน้อยเซินก็ไม่คิดฝันว่าวังสวรรค์ไพศาลจะส่ง สาวกระดับสูง 2 คนมาปกป้องโจวเหว่ยชิง เนื่องจากมุมมองของเธอ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่
จ้านหลิงเทียนยิ้มอย่างเย็นชาและยืนขึ้นขณะที่พูดว่า “พวกเราจะ อยู่กับใครก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้า หากเจ้ากล้าลงมือกับข้า นั่นก็หมายถึงเจ้า กําลังพยายามจะประกาศสงครามกับพวกเราวังสวรรค์ไพศาล”
แม้จะเผชิญกับยอดฝีมือมากมาย แต่เขาก็ยังคงมีเกียรติอันสูงส่ง จากวังสวรรค์ไพศาลติดตัวอยู่จึงไม่ให้ค่าหุบเขาอเวจีสีเลือดที่มีอันดับ ต�าในหมู่มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์เท่าใดนัก
“เจ้าเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น คิดว่าตัวเองสามารถเป็น ตัวแทนวังสวรรค์ไพศาลได้หรือ?” จ้าวนรกที่ยังมีชีวิตเปิดปากเดินไป ข้างหน้าช้าๆ ในเวลาเดียวกันเขาก็ปลดปล่อยมณีสวรรค์ออกมาด้วย
บนข้อมือขวาของเขามณีหยกดํา 10 ดวงหมุนวนอยู่อย่างช้าๆ และอากาศรอบตัวก็ดูเหมือนจะกดดันยิ่งกว่าเดิม
มณียุทธ์หยกดําบ่งบอกถึงความทรหด แสดงให้เห็นความสามารถ ในการต้านรับแรงโจมตีและรั้งอยู่ในสนามรบได้นาน แม้ว่าพลังป้องกัน ของมันจะไม่ทนทานเท่ากับหยกเหลืองประเภทป้องกัน แต่ก็ไม่ต้อง สงสัยเลยว่าจ้าวมณีสวรรค์ที่มีหยกดําเป็นหนึ่งในคนที่จัดการยากที่สุด
“ระดับราชา…” โจวเหว่ยชิงสูดอากาศเย็นๆเข้าปอด นี่เป็น สถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าที่เขาเคยคิดไว้ ชายชราจากหุบเขาอเวจีสี เลือดผู้นี้เป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับราชา!
แม้แต่คนที่หยิ่งผยองและเย่อหยิ่งเช่นจ้านหลิงเทียน ใบหน้าของ เขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเมื่อได้เห็นมณียุทธ์ทั้งสิบของชายชรา สี หน้าท่าทางดูผิดแปลกไปในทันที เมื่อจ้าวมณีสวรรค์เข้าสู่ระดับราชา นั่นย่อมเป็นระดับที่แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง เป็นยอดฝีมือที่ เหมือนกับระเบิดลูกใหญ่ยักษ์ซึ่งสามารถทําลายล้างได้ทั้งอาณาจักร แม้แต่วังสวรรค์ไพศาล ผู้ที่อยู่เหนือระดับราชาก็มีจํานวนไม่มากนัก ชายผู้นี้มีสิทธิ์เรียกจ้านหลิงเทียนว่าเด็กน้อยได้อย่างแน่นอน
“ข้าขอทราบได้หรือไม่ว่าท่านเป็นผู้อาวุโสคนใดจากหุบเขาอเวจีสี เลือด?” จ้านหลิงเทียนหยุดตัวเองและเอ่ยถามพร้อมกับยกมือคํานับ เพื่อทักทาย
จ้าวนรกที่ยังมีชีวิตกล่าวอย่างเฉยเมย “ชายชราคนนี้คือจ้าวนรกที่ ยังมีชีวิต หานเทียนโหยว เป็นเพียงสาวกไร้นามในหุบเขาอเวจีสีเลือด เนื่องจากข้าเป็นแค่ศิษย์ผู้น้อยที่ไม่มีใครรู้จัก แม้ว่าข้าจะยั่วยุเจ้า แต่ก็ จะไม่นับว่าหุบเขาอเวจีสีเลือดกําลังยั่วยุวังสวรรค์ไพศาล”
การแสดงออกของจ้านหลิงเทียนนั้นน่าเกลียดมาก แต่เขากลับไม่ สามารถทําอะไรได้ ในขณะนั้นชายหนุ่มไม่รู้ด้วยซ�าว่าจะตอบกลับ อย่างไร
เมื่อมาถึงจุดนี้ ความฉลาดแกมเจ้าเล่ห์ของโจวเหว่ยชิงก็เผย ออกมาให้เห็นอีกครั้ง เขายืนอยู่ข้างหลังจ้านหลิงเทียนอย่างเงียบๆและ ก้มหน้าลง ทําราวกับว่าตนเป็นผู้ติดตามของจ้านหลิงเทียนไปโดย ปริยาย ผลักดันให้เด็กหนุ่มผู้โดดเด่นจากวังสวรรค์ไพศาลเป็นผู้ออก หน้ารับแทน
อนิจจา ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านข้างกลับไม่สามารถอดกลั้น ได้ “จ้าวนรกที่ยังมีชีวิต? ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับท่านมาก่อน ดู เหมือนว่าผู้อาวุโสเพิ่งจะมาถึงระดับราชาเมื่อไม่นานมานี้สินะ คราวนี้… ท่านน่าจะกําลังมุ่งไปยังสวรรค์หมื่นอสูรเพื่อตามหาอสูรสวรรค์แล้วกัก
เก็บทักษะ? จากคําพูดของท่าน ดูเหมือนว่าท่านจะกําลังดูถูกวังสวรรค์ ไพศาลของเราอยู่ ลุงสี่ของข้าได้พูดไปแล้วว่าความบาดหมางระหว่าง กลุ่มนักรบเฟยหลี่และกลุ่มนักรบตันตุ้นในงานประลองมณีสวรรค์ได้จบ สิ้นลงแล้ว และเขาก็ออกหน้ารับประกันให้ด้วยตัวเองเพื่อที่เหว่ยชิงจะ ได้ขับพิษให้ปีศาจน้อยเซิน แต่ตอนนี้…พวกท่านกลับกําลังวางแผนจะ ตอบแทนความเมตตาด้วยความอกตัญญูงั้นรึ? นั่นไม่ใช่การยั่วยุวัง สวรรค์ไพศาลของพวกเราหรืออย่างไร?”
เมื่อได้ยินซ่างกวนเฟยเอ๋อร์พูดเช่นนั้น ปีศาจน้อยเซินก็มองไปที่ จ้าวนรกที่ยังมีชีวิตโดยไม่รู้ตัว แน่นอนว่าด้วยการรับประกันของซ่าง กวนหลงหยิน มันจึงเป็นความผิดของพวกเขาที่โจมตีโจวเหว่ยชิง และ วังสวรรค์ไพศาลก็มีสิทธิ์ที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นอน บางที อาจจะไม่ถึงขนาดเกิดสงครามระหว่างมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสอง แต่ ก็เห็นได้ชัดว่าจากสถานการณ์ตรงหน้า วังสวรรค์ไพศาลจะต้องไม่ ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ แน่นอน
จ้าวนรกที่ยังมีชีวิตแค่นเสียงและพูดอย่างเย็นชา “วังสวรรค์ ไพศาลช่างสมกับเป็นวังสวรรค์ไพศาลจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าทุกคน โชคดีได้ครอบครองดินแดนอันล�าค่าอย่างเกาะมณีสวรรค์ ด้วยภูมิหลัง และพื้นฐานตระกูลของเจ้า เจ้าจะกลายเป็นอันดับหนึ่งใน 5 มหา ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อยู่หรือ?”
ขณะกล่าวเช่นนั้น เขาก็ยกมือซ้ายขึ้น และทุกคนก็ได้เห็นว่า นิ้วก้อยและนิ้วนางของชายชราคนนี้หายไป “สองนิ้วนี้ถูกทําลายโดย ซ่างกวนหลงหยินเมื่อหลายปีก่อน เพียงเพราะสามารถพึ่งพาศาสตรา มณียุทธ์ที่ดีกว่าข้าได้ เขาจึงโจมตีข้าจนบาดเจ็บหนัก เหตุผลก็เพราะ… สิ่งที่วังสวรรค์ไพศาลของเจ้าเรียกว่าการกลัวเสียหน้า ชายชราคนนี้ ผ่านการปิดประตูฝึกปราณมาหลายปีแล้ว และในที่สุดข้าก็สามารถเข้า สู่ระดับราชาได้ เพราะฉะนั้นข้าจะไม่อดทนกับวังสวรรค์ไพศาลของเจ้า อีกต่อไป วันนี้ได้มาเจอศิษย์น้อยที่นี่ แถมเจ้ายังกล้ายั่วคนแก่คนนี้ …ดี …ดีมาก มาดูกันว่าถ้าชายชราคนนี้ฆ่าพวกเจ้าและเผ่ามนุษย์สัตว์ ทั้งหมดที่นี่ ใครจะรู้ว่าพวกเราหุบเขาอเวจีสีเลือดเป็นคนทํา”
เวลานี้การแสดงออกของทั้งจ้านหลิงเทียนและซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ เปลี่ยนไปในพริบตา หากจ้าวมณีสวรรค์ระดับราชาจากมหาดินแดน ศักดิ์สิทธิ์ไม่สนใจสถานะและหน้าของตัวเอง ตั้งใจจะฆ่าทุกคนทิ้ง ทั้งหมด… พวกเขาจะรอดไปได้อยู่หรือ?
จ้านหลิงเทียนกล่าวอย่างเคร่งขรึมพร้อมน�าเสียงกดต�า “เฟยเอ๋อร์ หนีไปซะ กลับไปแจ้งจ้าววังทั้งสองและขอให้พวกเขาแก้แค้นให้ข้า ด้วย” ขณะกล่าวเช่นนั้น ชายหนุ่มก็บิดข้อมือ แสงสีทองเหลือบดําพลัน สว่างวาบขึ้นมา หอกยาวคู่สีทองดําที่โจวเหว่ยชิงเคยเห็นก่อนหน้านี้ ปรากฏบนฝ่ามือของเขา หลังสะบัดข้อมือ มันก็พุ่งออกไปหาจ้าวนรกที่ ยังมีชีวิตหานเทียนโหยวทันที
จิตสังหารที่ทรงพลังแผ่ออกมาจากร่างจ้านหลิงเทียน และ ท่ามกลางรังสีแห่งการฆ่าฟันนั้น ร่างกายของเขาก็ดูเหมือนจะหลอม รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของโลกและบรรยากาศรอบตัว ในช่วงเวลานั้น ชายหนุ่มเพิกเฉยต่อเงามรณะที่กําลังจะมาเยือน เร่งให้พลังปราณและ จิตวิญญาณของเขาพุ่งขึ้นไปสู่ระดับสูงสุด
ปีศาจน้อยเซินพูดกับหานเทียนโหยวอย่างลังเล “ผู้อาวุโสหาน นั่น ไม่ค่อยดีเลย เราควรขอให้พวกเขายอมมอบโจวเหว่ยชิงให้ดีหรือไม่?”
หานเทียนโหยวตอบอย่างเย็นชา “มีอะไร ‘ไม่ดี’ เกี่ยวกับเรื่องนี้? การทําให้วังสวรรค์ไพศาลอ่อนแอลงอาจเป็นผลดีกับเรามากกว่าด้วย ซ�า หากปล่อยพวกเขาไปจริงๆ วังสวรรค์ไพศาลก็จะต้องมาตามราวีเรา ทีหลังแน่นอน แต่ถ้าเราลงมืออย่างหมดจดไร้ร่องรอยและไม่ทิ้ง หลักฐานใดไว้ จะมีปัญหาตามมาได้อย่างไร? พวกเจ้าที่เหลืออย่าเพิ่งลง มือ ล้อมพื้นที่นี้เอาไว้ อย่าให้ใครเข้ามาใกล้และกักไม่ให้เด็กเหล่านี้หนี ไปได้”
ขณะที่กล่าว หานเทียนโหยวก็หายตัวไปในพริบตา แม้แต่จ้านหลิง เทียนก็มองไม่ทันว่าเขาเคลื่อนไหวอย่างไร ในช่วงเวลาต่อมา ชายชราก็ มาปรากฏตัวต่อหน้าจ้านหลิงเทียนพร้อมทั้งใช้ฝ่ามือฟาดออกไป ในทันที
การโจมตีนั้นใช้ฝ่ามือซ้าย และคนอื่นๆ ก็สามารถมองเห็นแสง สว่างจากทับทิมสีแดงรอบข้อมือซ้ายของเขาได้อย่างชัดเจน แม้ว่ามณี ธาตุของหานเทียนโหยวจะมีเพียงทักษะธาตุเดียว แต่พลังธาตุไฟซึ่ง ได้รับการฝึกฝนมาจนถึงระดับราชาก็ทําให้พลังของชายชราผู้นี้อยู่ เหนือกว่าโจวเหว่ยชิงและพรรคพวกแล้ว
มือซ้ายของหานเทียนโหยวกวาดออกไปหลายครั้งในช่วงเวลานั้น และแม้ว่าเพลิงแผดเผานั้นจะมุ่งไปที่จ้านหลิงเทียนเป็นหลัก แต่มันก็ยัง สามารถโอบล้อมคนอื่นๆ ทั้งหมดไว้ได้อีกด้วย
ณ จุดนี้ คนที่น่าสงสารที่สุดคือโจวเหว่ยชิง เมื่อจ้านหลิงเทียน ขอให้ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์หลบหนี โจวเหว่ยชิงก็รู้ว่าพวกเขาไม่สามารถ หนีได้อีกต่อไปแล้ว เขารู้จักนิสัยของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เป็นอย่างดี และ เธอก็จะไม่มีวันละทิ้งสหายให้ต่อสู้จนตัวตายและหนีไปเพียงลําพังอย่าง แน่นอน ทว่าในขณะที่ตกอยู่ในความมืดมน ความเกลียดชังในตัวจ้านห ลิงเทียนก็ลดน้อยลงไปมากเช่นกัน เขาสมกับเป็นศิษย์วังสวรรค์ไพศาล ตัวจริง แม้ว่าความเย่อหยิ่งของสหายคนนี้จะทําให้โจวเหว่ยชิงหงุดหงิด และรําคาญ แต่ในช่วงเวลาสําคัญ เขาก็ทําตัวเหมือนศิษย์พี่ตัวอย่างได้ ดียิ่ง การที่จ้านหลิงเทียนสามารถก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างสง่าผ่าเผย เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ระดับราชาเพื่อให้ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์หนีไป นั่น จะต้องใช้ความกล้าและจิตวิญญาณมากมายขนาดไหน กระทั่งเปลี่ยน ความประทับใจที่โจวเหว่ยชิงที่มีต่ออีกฝ่ายได้
เช่นเดียวกับที่โจวเหว่ยชิงคาดไว้ ขณะที่หานเทียนโหยวโจมตี จ้านหลิงเทียน ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็ลงมือเช่นกัน
แสงสีทองเหลือบดํา 2 สายพุ่งออกมาจากร่างซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ กรงเล็บทั้ง 2 พลันปรากฏขึ้นและฟาดออกไปที่ลําตัวด้านข้างของหาน เทียนโหยวราวกับสายฟ้าฟาด
จ้านหลิงเทียนตะโกนออกมาเสียงดัง หอกศักดิ์สิทธิ์แห่งธาตุแสง ธาตุมืดที่เร่าร้อนพุ่งไปข้างหน้าด้วยความแน่วแน่และกลิ่นอายที่น่ากลัว เขาไม่สนใจฝ่ามือที่ทะยานเข้ามาของหานเทียนโหยว แต่กลับพุ่งมือ เข้าหาลําคอของฝ่ายตรงข้ามแทน จากการแสดงออกและท่าทางของ เขา ชายหนุ่มเตรียมตัวที่จะตายไปพร้อมกับหานเทียนโหยวในขณะนั้น แล้ว
ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ โจวเหว่ยชิงได้ตัดสินใจอย่างรวดเร็วและ ตะโกนออกมาเสียงดังว่า “พร้อมกัน!” ขณะทําเช่นนั้น เขาก็ถอยไป หนึ่งก้าว ดวงตาเด็กหนุ่มพลันเปล่งประกาย ท่ามกลางเสียงสั่นสะเทือน ของพลังปราณสวรรค์ ภาพทักษะสวรรค์ขนาดใหญ่ของปีศาจมังกรสาว พลันลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถหลบหนีได้ ทางเลือกเดียวที่มีคือการ ขุดทุกอย่างที่มีออกมาสู้ แต่แม้พวกเขาจะรวมระดับพลังทั้งหมดเข้า ด้วยกันก็ยังอยู่ห่างชั้นกับหานเทียนโหยวอยู่ดี ทว่าแต่ละคนก็ยังมั่นใจ
ว่าพลังของตัวเองอยู่เหนือกว่าระดับพลังปราณที่มีอยู่ในขณะนี้ ตราบ ใดที่ทุกคนทํางานประสานกันเป็นหนึ่งเดียว อย่างน้อยก็อาจจะยังมี โอกาสอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีใครเป็นประเภทที่จะยอมนอนรอความตาย โดยไม่สู้เลยสักคน
ก่อนหน้านี้ หลินเทียนอ้าวยืนอยู่ข้างๆโจวเหว่ยชิงเพื่อรอรับคําสั่ง ของเขา บทบาทหลักของหลินเทียนอ้าวคือปกป้องโจวเหว่ยชิง และ แม้ว่าสถานการณ์จะดูเลวร้ายมาก นั่นก็ยังไม่ทําให้ชายหนุ่มตกใจแม้แต่ น้อย ทันทีที่โจวเหว่ยชิงตะโกนออกมา หลินเทียนอ้าวก็เริ่มลงมือ นําโล่ ประสานศาสตรามณียุทธ์ 6 ชิ้นของเขาพุ่งเข้าชนหานเทียนโหยว
อู่หยาก็ลงมือในเวลาเดียวกัน ร่างกายขนาดมหึมาหนัก 600 จินข องเธอกระโจนขึ้นไปอย่างกะทัน เหวี่ยงขวานคู่อีกาทองคําในตํานาน พร้อมกับโซ่ศาสตรามณียุทธ์ทุบลงกลางอากาศอย่างโหดเหี้ยม
นอกจากหม่าฉุนแล้ว แม้ว่าอีก 5 คนจะลงมือตามหลังกันติดๆ แต่ก็ ดูเหมือนว่าทั้งหมดจะเข้าขากันได้อย่างน่าอัศจรรย์
พวกเขาแต่ละคนมีพรสวรรค์และศักยภาพแฝงอยู่มากมาย ใน สภาวะแสนกดดันและเต็มไปด้วยความเครียดเช่นนี้มักจะทําให้คนๆ หนึ่งสามารถปลุกศักยภาพของตนเองให้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดได้ และตอนนี้ ก็คือสถานการณ์ที่ว่านั่น เมื่อเผชิญหน้ากับจ้าวมณีสวรรค์ระดับราชา โอกาสเดียวที่พวกเขาจะชนะได้ก็คือต้องร่วมมือกัน
ทันใดนั้น ทั้งหมดก็ได้เห็นพลังที่น่ากลัวของจ้าวมณีสวรรค์ระดับ ราชาด้วยตาของตัวเอง
เมื่อหานเทียนโหยวพุ่งเข้าหาจ้านหลิงเทียน เขาก็ได้ตั้งปณิธานไว้ แล้วว่าจะฆ่าเด็กน้อยเหล่านี้ให้ได้ภายในเวลาสั้นที่สุด ตามด้วยการ ทําลายเผ่ามนุษย์สัตว์ทั้งหมดที่นี่เพื่อปกปิดหลักฐาน
ในสถานการณ์ตอนนี้ ปฏิกิริยาของจ้านหลิงเทียนย่อมต้องรวดเร็ว ที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยระดับพลังปราณของเขา มันจึงเป็นไปไม่ได้ ที่จะปัดป้องการโจมตีของหานเทียนโหยวโดยตรง และเขาก็ทําได้เพียง แลกหมัดแบบฆ่าตัวตายเช่นนี้เพื่อจัดการฝ่ายตรงข้าม
……………………………………………….