Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 177 อสูรสวรรค์ระดับเทพเจ้า! ท่านแม่ยาย! (2)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- บทที่ 177 อสูรสวรรค์ระดับเทพเจ้า! ท่านแม่ยาย! (2)
ไม่ว่าพยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์หรือราชสีห์วิญญาณสวรรค์ ปฐพีศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสองล้วนเป็นคนของอาณาจักรวั่นโซ่ว เหตุผลที่เขาใช้ เวลาและความพยายามอย่างหนักเพื่อดูแลกู่อิ่งปิงนั้นง่ายมาก เพราะกู่ อิ่งปิงเป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุดและมีศักยภาพมากที่สุดใน บรรดาคนรุ่นเยาว์ทั้งหมด สิ่งที่เขาต้องการคือทายาทที่สามารถค�าชู และสนับสนุนภูเขาหิมะสวรรค์ทั้งหมดได้ และเขาจะไม่หวงแหนความรู้ ไว้เพียงเพราะกู่อิ่งปิงมาจากเผ่าราชสีห์วิญญาณสวรรค์ปฐพีศักดิ์สิทธิ์
โจวเหว่ยชิงได้สร้างความประหลาดใจให้กับซู่อ้าวเทียนกระทั่งเขา ไม่สามารถทําให้ให้สงบได้ จากตัวเด็กคนนี้ เขามองเห็นความเป็นไป ไม่ได้มากมาย และนั่นก็กําลังทําให้การตัดสินใจของเขาก่อนหน้านี้เริ่ม สั่นคลอน ซู่อ้าวเทียนอดไม่ได้ที่จะยอมรับว่าชายหนุ่มคนนี้โดดเด่นมาก เพียงใด ความสามารถและศักยภาพที่แท้จริงของโจวเหว่ยชิง… คู่ควร กับลูกสาวสุดที่รักของเขาอย่างแน่นอน
การทดสอบครั้งแรกใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว และเมื่อถึงจุดนี้ หัวใจ ของซู่อ้าวเทียนก็เริ่มเอนเอียงไปทางฝั่ งโจวเหว่ยชิงมากยิ่งขึ้น ในหูของ เขาดังก้องไปด้วยคําพูดก่อนหน้านี้ของโจวเหว่ยชิง แน่นอน! เขาไม่ใช่ พ่อที่ดี…นี่เขาจะต้องเสียสละลูกสาวเพียงเพื่อภูเขาหิมะสวรรค์จริงๆ
หรือ? ในฐานะเจ้าเหนือหัวแห่งภูเขาหิมะสวรรค์ เขายังจําเป็นต้องใช้ วิธีการดังกล่าวเพื่อผูกมิตรระหว่างพยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์และ ราชสีห์วิญญาณสวรรค์ปฐพีศักดิ์สิทธิ์อยู่หรือไม่?
ไม่ ไม่จําเป็นอีกต่อไปแล้ว เมื่อนึกย้อนไปถึงแววตาที่สดใสและ เปล่งประกายด้วยชีวิตชีวายามที่เขาเล่าให้เทียนเอ๋อร์ฟังเกี่ยวกับการ มาถึงของโจวเหว่ยชิง ในที่สุดซู่อ้าวเทียนก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ โจว เหว่ยชิง เด็กหนุ่มคนนี้มีความกล้าที่จะขึ้นมายังภูเขาหิมะสวรรค์เพื่อลูก สาวของเขา ความห้าวหาญและแน่วแน่นั้นก็มากเกินพอที่จะยืนยันได้ ว่าโจวเหว่ยชิงมีความรู้สึกลึกล�าต่อลูกสาวของเขามากเพียงใดแล้ว
ข้าคิดว่าคงต้องช่วยพวกเขาเสียแล้วล่ะ ซู่อ้าวเทียนถอนหายใจกับ ตัวเองภายใน ก่อนจะหลับตาลงช้าๆขณะส่งข้อความไปหาอสูรสวรรค์ที่ แข็งแกร่งที่สุด
การพักผ่อนครั้งสุดท้ายของโจวเหว่ยชิงและกู่อิ่งปิงกินเวลาไปถึง 2 ชั่วโมงเต็ม อัตราการฟื้ นฟูของพวกเขาค่อนข้างเร็วจนน่าประหลาด ใจ และพลังปราณสวรรค์ของพวกเขาก็ฟื้ นตัวเต็มที่ก่อนถึงเวลาที่ กําหนดด้วยซ�า ทว่าสาเหตุที่พวกเขาใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมงเต็มก็เป็น เพราะพื้นที่บรรจุพลังวิญญาณของพวกเขามีมากเกินไป
2 ชั่วโมงต่อมา เมื่อเด็กหนุ่มทั้ง 2 คนยืนขึ้นอีกครั้ง พวกเขาก็จ้อง หน้าฝ่ายตรงข้ามและมองเห็นความเหนื่อยล้าในดวงตาของกันและกัน
อย่างไรก็ตาม ความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างพวกเขากลับลดลงเล็กน้อย ใน ฐานะศัตรูหัวใจ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะ ‘ทะนุถนอม’ ซึ่ง กันและกัน แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดยั้งความรู้สึกเคารพนับถือที่ทั้งคู่มีให้กันไป ด้วย สุดท้ายสิ่งที่สําคัญที่สุดในโลกของจ้าวมณีสวรรค์ก็คือพลัง!
ซู่อ้าวเทียนค่อยๆเดินไปหาทั้งสองคนและพูดอย่างเคร่งขรึม “เจ้า ทั้งคู่ผ่าน 9 รอบแรกมาจนถึงตอนนี้แล้ว และนั่นก็ได้พิสูจน์แล้วว่าพวก เจ้ามีความสามารถและโดดเด่นมากเพียงใด ข้ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ ได้เห็นสิ่งนี้กับตาตัวเอง รอบสุดท้ายนี้จะเป็นการทดสอบศักยภาพที่อยู่ ลึกที่สุดของเจ้าอย่างแท้จริง ในทํานองเดียวกัน เจ้าก็จะต้องเผชิญกับ แรงกดดันที่บีบคั้นถึงขีดสุดและจะต้องยืนหยัดอดทนผ่านไปให้ได้ อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้จะมีอสูรสวรรค์เพียงตัวเดียว มันจะปลดปล่อย กลิ่นอายและแรงกดดันใส่พวกเจ้าทั้งคู่ในเวลาเดียวกัน ด้วยพลัง ควบคุมของมัน พวกเจ้าจะไม่โดนทําร้ายแน่นอน ใครที่อยู่ได้นานที่สุด จะเป็นผู้ชนะในรอบสุดท้าย ข้าจะสังเกตจากสภาพของเจ้าเพื่อตัดสิน ในรอบนี้ เมื่อข้ารู้สึกว่าร่างกายหรือวิญญาณของเจ้ากําลังจะแตกสลาย ข้าจะหยุดการทดสอบรอบนี้ทันที ทุกคนเข้าใจไหม?”
ทันใดนั้นทั้งกู่อิ่งปิงและโจวเหว่ยชิงก็พยักหน้า และเมื่อสบตากัน อีกครั้ง พวกเขาก็เห็นความแน่วแน่ในดวงตาของกันและกัน กู่อิ่งปิงไม่ กล้าดูถูกโจวเหว่ยชิงอีกต่อไป และไม่มีแม้แต่ความรังเกียจในสายตา ของเขาแล้ว ใน 9 รอบแรกของการแข่งขันครั้งนี้ แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้
ต่อสู้กันเอง แต่ ‘การต่อสู้’ ของพวกเขาก็ถือว่าแสนสาหัสและ ยากลําบาก กู่อิ่งปิงปรับมุมมองของตัวเองอย่างรวดเร็วและปฏิบัติต่อ โจวเหว่ยชิงในฐานะคู่ต่อสู้ที่เท่าเทียมกัน
“ออกมาเลย ข้ารู้ว่าเจ้าตื่นแล้ว ข้ารอวันนี้มากว่า 20 ปี” ทันใดนั้น ใบหน้าของซู่อ้าวเทียนก็แปรเปลี่ยนไปเป็นอ่อนโยน ราวกับว่ากําลังพูด กับครอบครัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา ในขณะที่เอ่ย แสงในบริเวณนั้นก็หรี่ ลงทันที
ไม่ว่าราชาสิงโตหรือราชาพยัคฆ์ ทั้งคู่ล้วนแล้วแต่มีสีหน้างงงวย ไม่ มีใครรู้ว่าอสูรสวรรค์ตัวใดที่มีความสามารถมากพอจะเป็นคนรักของซู่ อ้าวเทียน และพวกเขาก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนเลย!
ทันใดนั้น ใบหน้าของหลงซื่อหยาก็แปรเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อ สายตาของเขาจับจ้องไปที่โจวเหว่ยชิงและกู่อิ่งปิง
จากเงามืดบริเวณนั้น จู่ๆก็ราวกับว่ามันทําเพียงแค่ก้าวออกมา อสูรสวรรค์ที่ดูโปร่งใสก็ปรากฏตัวต่อหน้าต่อตาของทุกคน มันมีรูปแบบ เฉพาะตัวคล้ายคลึงกับซู่อ้าวเทียน ในขณะที่ปรากฏตัว มันก็ไม่ได้มีกลิ่น อายที่น่าหวั่นพรึงแบบที่อสูรสวรรค์ตัวก่อนหน้านี้มี ราวกับว่ามันเป็น เพียงส่วนหนึ่งของสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบด้านและปรากฏตัวออกมา อย่างเป็นธรรมชาติ
มันเป็นเสือสีดําเทา อสูรสวรรค์ที่มีความยาวเพียง 2 เมตรและสูง 80 เซนติเมตร ขนสีดํามันวาว แต่ร่างกายกลับให้ความรู้สึกราวกับโปร่ง แสง สีเทาดูเหมือนจะกําลังขยับวูบไหว และเส้นสายที่มองเห็นได้ ชัดเจนที่สุดก็คือลายเสือ บนหน้าผากของมันมีรอยสักรูปผลึกเรืองแสง ปรากฏว่า ‘ราชา’ [王] สีดําอมเทา ทว่าแวววาวเหมือนคริสตัล
เมื่อเขาเห็นอสูรสวรรค์ตนนี้ ใบหน้าที่ไร้อารมณ์มาเกือบทั้งวันของ ซู่อ้าวเทียนก็แสดงความตื่นเต้นและกระวน กระวายใจขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็กระพริบวูบและไปปรากฏตัวต่อหน้าอีกฝ่าย ทันที ซู่อ้าวเทียนคุกเข่าลงข้างหนึ่งก่อนจะยื่นแขนออกไปโอบรอบคอ ของอสูรสวรรค์ตนนั้นต่อหน้าทุกคน
ดวงตาของอสูรสวรรค์ตนนั้นก็อ่อนโยนขึ้นเช่นกัน มันใช้ศีรษะคลอ เคลียที่ใบหน้าของซู่อ้าวเทียนก่อนจะเอ่ยว่า “อ้าวเทียน ข้าก็คิดถึงเจ้า เหมือนกัน”
โจวเหว่ยชิงและกู่อิ่งปิงยืนอยู่ที่นั่นไม่ไกลพลางแลกเปลี่ยนสายตา กันอย่างทําอะไรไม่ถูก พวกเขาสามารถมองเห็นความประหลาดใจใน ดวงตาของกันและกันได้อย่างชัดเจน อสูรสวรรค์ตัวนี้คือใครหรือคือ อะไรกันแน่? พวกเขาควรจะได้รับบททดสอบขั้นสุดท้ายไม่ใช่หรือ? เหตุใดซู่อ้าวเทียนจึงดูรักใคร่อสูรตัวนี้มากเหลือเกิน ทั้งยังบอกว่าพวก เขาไม่ได้พบกันมากว่า 20 ปีแล้ว!?
ซู่อ้าวเทียนยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “น่าเสียดาย เป็นความผิด ของข้าเองที่ไม่มีความสามารถมากพอจะอยู่เคียงข้างเจ้า ถ้าเทียนเอ๋อร์ ไม่ได้จะกําลังแต่งงาน ข้าก็กลัวว่า ‘เขา’ คงจะไม่อนุญาตให้เจ้ากลับมา รวมตัวกับพวกเราพ่อลูกอีกครั้ง”
เมื่ออสูรสวรรค์ตัวนั้นได้ยินคําพูดของซู่อ้าวเทียน ดวงตาของมันก็ หรี่ลงเล็กน้อย มันยกอุ้งเท้าหน้าวางลงบนไหล่ของซู่อ้าวเทียนเบาๆ “ข้าขอโทษ อ้าวเทียน ข้าไม่มีทางทรยศอาจารย์ได้ เขามอบชีวิตให้ข้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออาจารย์ทําเช่นนั้นเพื่อทุกคนในดินแดนไร้ ขอบเขต ข้าจะทิ้งเขาไปได้อย่างไร?”
ซู่อ้าวเทียนพยักหน้าและพูดว่า “ข้าเข้าใจแล้ว เว้นแต่จะมีใคร สามารถเอาชนะเขาได้ในอนาคต มิฉะนั้นเขาก็คงจะไม่มีวันได้เป็น อิสระ ตอนนี้เราทําได้เพียงพึ่งพาการคุ้มกันของเจ้าและความมุ่งมั่นที่ แท้จริงของเขาเท่านั้น ฟีเลีย ชายหนุ่ม 2 คนที่อยู่ต่อหน้าเจ้าตอนนี้ ทั้งคู่ ต่างก็รักลูกสาวของเรา เจ้าได้เห็นความสามารถของพวกเขาใน 9 รอบ แรกไปแล้ว ในรอบที่ 10 นี้ การให้เจ้าเป็นผู้ตัดสินย่อมเป็นสิ่งที่ยุติธรรม ที่สุด และเจ้าก็เป็นคนเดียวที่มีคุณสมบัติมากพอจะตัดสินขั้นสุดท้าย”
สายตาของฟีเลียหันไปหาโจวเหว่ยชิงและกู่อิ่งปิงที่ยืนอยู่ตรงนั้น ด้วยความตกใจ ซู่อ้าวเทียนไม่ได้ใช้พลังปราณสวรรค์ปกปิดการสนทนา
ของเขากับฟีเลีย และทุกคนในปัจจุบันต่างก็ได้ยินคําพูดของเขาอย่าง ชัดเจน
อสูรสวรรค์ร่างเสือที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาเป็นมารดาของเทียนเอ๋อร์ และดูเหมือนว่าเธอมาจากที่อื่นซึ่งเป็นความลับ แต่เพียงแค่ความจริง ที่ว่าเธอเป็นแม่ของเทียนเอ๋อร์ พวกเขาทั้งหมดต่างก็รู้สึกสั่นสะท้าน แล้ว แม้แต่ราชาพยัคฆ์และราชาสิงโตก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับการดํารง อยู่ของฟีเลีย นับประสาอะไรกับการได้เห็นเธอมาก่อน
ฟีเลียหันไปมองที่กู่อิงปิงและโจวเหว่ยชิงอย่างอ่อนโยน ก่อนจะ พยักหน้าให้พวกเขาเล็กน้อย “ไม่เลว ไม่เลว เจ้าทั้งสองเป็นชายหนุ่มที่ โดดเด่น ข้าได้เห็นความพยายามของพวกเจ้าก่อนหน้านี้แล้ว อันที่จริง ข้ามีคนที่เลือกอยู่ในใจแล้ว แต่ถ้าข้าพูดออกไปแบบนั้น พวกเจ้าก็คงไม่ มีใครคิดว่ายุติธรรมใช่หรือไม่? ดังนั้นให้ข้าทดสอบพวกเจ้าในรอบ สุดท้ายเถอะ”
ฟีเลียถึงกับบอกว่าเธอมีคนที่เลือกในใจแล้วจริงๆ! เมื่อได้ยินคําพูด เหล่านั้น ทั้งหัวใจของโจวเหว่ยชิงและกู่อิ่งปิงต่างก็เต้นถี่รัว ที่ยืนอยู่ เบื้องหน้าคือแม่ยายในอนาคตของพวกเขา! หากใครได้รับความ เห็นชอบจากเธอ คนๆนั้นก็ถือว่าชนะการต่อสู้ไปแล้วครึ่งหนึ่ง! อนิจจา ใครจะรู้ว่าคนที่เธอเลือกไว้ในใจเป็นผู้ใดกันแน่
คําว่า ‘ราชา’ บนหน้าผากของฟีเลียสว่างขึ้น และหญิงสาวก็ยิ้ม น้อยๆ ก่อนจะพูดว่า “ข้าเป็นเพียงพยัคฆ์ใต้พิภพกลับด้าน หรือจะพูด ให้ถูกกว่านั้นก็คือ ข้าไม่ได้อาศัยอยู่ในโลกใบนี้ เจ้าสามารถนับข้าเป็น อสูรสวรรค์ระดับเทพเจ้าตัวหนึ่งก็ได้ ดังนั้นได้โปรดระมัดระวังตัวด้วย”
เทพเจ้าสวรรค์ 4 คํานี้เป็นเหมือนค้อนที่ฟาดเข้าใส่ร่างโจวเหว่ยชิง และกู่อิ่งปิงที่กําลังอยู่ในภาวะตกตะลึง ส่งผลให้ร่างกายของพวกเขา เกร็งแน่นด้วยความตกใจเพราะวิญญาณกําลังเข้าสู่สภาวะตื่นตระหนก ที่ด้านข้าง ทั้งราชาสิงโต ราชาพยัคฆ์ และแม้แต่หกสุดยอดมหาราชา สวรรค์หลงซื่อหยาก็นิ่งเป็นศพถูกฝัง ไม่ใครรู้ว่าพวกเขาได้ประเมิน ภูเขาหิมะสวรรค์ต�าเกินไปมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับหลงซื่อหยา ผู้ที่มีอารมณ์รุนแรงกับเรื่องนี้ที่สุด จากบทสนทนาของซู่อ้าวเทียน และฟีเลีย เขาย่อมได้ยินว่าเบื้องหลังฟีเลียมีอีกคนที่แม้แต่ซู่อ้าวเทียนก็ ไม่อาจเทียบเคียงได้ อาจารย์ของอสูรสวรรค์ระดับเทพเจ้า นั่นเป็น สิ่งมีชีวิตระดับไหนกันแน่? ในชั่วขณะหนึ่ง หลงซื่อหยาก็พลันตกอยู่ใน ห้วงภวังค์อย่างมึนงง
ในขณะนั้นทั้งโจวเหว่ยชิงและกู่อิ่งปิงต่างก็รู้สึกได้ว่าอากาศรอบตัว พวกเขากําลังบิดเบี้ยวกลายเป็นภาพลวงตา
ไม่นานทั้งสองก็เข้าสู่สภาวะแปลกประหลาดชนิดหนึ่ง ทุกสิ่ง รอบตัวดูเหมือนจะหายไปท่ามกลางการมองเห็นที่บิดเบี้ยว ส่วนที่เหลือ
ที่พวกเขามองเห็นได้ในตอนนี้ก็คือชั้นสีเทาดําจางๆที่กําลังส่องแสง เรืองรองขณะที่มันห่อหุ้มร่างของทั้งสองไว้ ไม่มีกลิ่นอายหรือตัวตนที่ ทรงพลังใดๆปรากฏขึ้นมา สิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถมองเห็นได้คือ ประกายแวววาวในดวงตาของพยัคฆ์ใต้พิภพกลับด้านอย่างฟีเลีย
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและฉับพลัน โจวเหว่ยชิงรู้สึกราวกับ ว่าจิตวิญญาณของเขาถูกฉีกกระชากออกจากกัน ความเจ็บปวดภายใน จิตวิญญาณของเขารุนแรงไม่น้อยไปกว่าช่วงเวลาที่สายเลือดกําลัง หลอมรวมกันเมื่อครั้งที่อยู่บนภูเขาวิญญาณอัคคี
โชคดีที่ความเจ็บปวดนี้ไม่ได้คงอยู่เป็นเวลานาน เพียงแค่ไม่กี่ วินาที จู่ๆแรงกดดันนั้นก็ลดระดับลง และโจวเหว่ยชิงก็ประหลาดใจเมื่อ เห็นว่าเขาไปปรากฏตัว ณ สถานที่อื่น
นี่คือป่าที่รกชัฏและหนาทึบ ทุกอย่างดูสมจริงมาก และไม่มีสิ่งใด บอกใบ้เลยว่านี่เป็นภาพลวงตาหรือความจริง แม้ว่าสัญญาณทั้งหมดจะ ดูชี้ไปที่ข้อหลังก็ตาม
ในขณะนั้นโจวเหว่ยชิงก็ตระหนักได้ว่าสภาพแวดล้อมรอบตัวเขา มืดลง กระนั้น หัวใจของเขาก็แตกตื่นเมื่อรู้ว่าความมืดนี้เป็นเพราะตัว เขาเอง เขามองลงไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็ต้องตื่นตกใจ เขาตระหนักว่า ตนเองไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป แต่เป็นเสือดําตัวมหึมา!
……………………………………..