Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 181 เทียนเอ๋อร์ ข้ารักเจ้า! (2)
โจวเหว่ยชิงส่ายหัวอย่างไม่ลังเล สายตาของเขาไม่ละไปจาก ใบหน้าของเทียนเอ๋อร์แม้แต่น้อย “ข้าเชื่อใจเทียนเอ๋อร์ นอกจากตัวข้า แล้ว เทียนเอ๋อร์จะไม่มีวันตกหลุมรักใครอีก หากใครจะสามารถปลุก ความทรงจําของนางได้ คนๆนั้นก็คงจะเป็นข้าเท่านั้น”
ซู่อ้าวเทียนมองดูเขาอยู่นานก่อนจะหันกลับไปที่กู่อิ่งปิง “อิ่งปิง นี่ เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้า แม้ข้าจะรู้ว่าเดิมทีเจ้าเป็นคู่หมั้นของเทียน เอ๋อร์ และการทดสอบทั้งหมดในวันนี้อาจดูไม่ยุติธรรมสําหรับเจ้า…แต่ ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับว่าคําพูดบางคําของโจวเหว่ยชิงก่อน หน้านี้ถูกต้อง ข้าไม่ใช่พ่อที่ดี และข้าไม่คิดถึงใจนางมากพอ ดังนั้นการ ตัดสินครั้งสุดท้าย ข้าจึงอยากฝากมันไว้กับนาง ข้าไม่อยากให้นางต้อง ทนทุกข์ไปตลอดชีวิต เจ้ารู้ไหม? ครั้งนี้เทียนเอ๋อร์ได้เตรียมใจว่าจะ แต่งงานกับเจ้าเพื่อสานความสัมพันธ์ระหว่างภูเขาหิมะสวรรค์และเผ่า สิงโต…จากนั้นนางก็จะจากพวกเราไปตลอดกาล… อย่างถาวร นี่ไม่ใช่ สิ่งที่ข้าต้องการเห็น ถ้าวันนี้เจ้าสามารถปลุกเทียนเอ๋อร์ด้วยคําพูดของ เจ้าและทําให้นางเลือกเจ้า ข้าก็จะไม่ปลดผนึกความทรงจําของนาง และปล่อยให้นางเป็นภรรยาของเจ้าไปเสียแบบนั้น มิฉะนั้น อาจารย์ก็ ทําได้เพียงกล่าวขอโทษเจ้าเท่านั้น หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”
กู่อิ่งปิงเห็นคําขอโทษในดวงตาของซู่อ้าวเทียนจึงพยักหน้าอย่าง จริงจัง “อาจารย์ ข้าเข้าใจความรู้สึกของท่าน ข้าจะทําให้ดีที่สุด”
ซู่อ้าวเทียนพยักหน้าและกล่าวว่า “เอาล่ะ เริ่มกันเลยดีกว่า ข้าจะ ให้เวลาเจ้า 5 นาที” ในขณะที่เขาพูด ซู่อ้าวเทียนก็ยกมือขวาขึ้น และ ชั้นแสงสีทองจางๆก็แผ่ออกปกคลุมครอบครัวทั้ง 3 คนพร้อมทั้งกู่อิ่งปิง เอาไว้
ที่บริเวณด้านนอก โจวเหว่ยชิงและหลงซื่อหยาไม่ได้ยินอะไรเลย แต่พวกเขายังสามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภาย ในได้อย่างชัดเจน
5 นาที เป็น 5 นาทีสุดท้ายที่ตัดสินว่าเขาจะสามารถใช้ชีวิตที่ เหลืออยู่กับคนรักได้หรือไม่ ในช่วงเวลานั้น หน้าผากของกู่อิ่งปิงจึงเต็ม ไปด้วยเหงื่อ แม้จะฉีกแขนของตัวเองไปก่อนหน้านี้ เขาก็ยังไม่มีสีหน้า กระวนกระวายเช่นนั้นด้วยซ�า ดวงตาขององค์ชายสิงโตเต็มไปด้วย ความคาดหวัง ความไม่สบายใจ และความวิตกกังวล
กู่อิ่งปิงก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย คุกเข่าลงข้างหนึ่งต่อหน้าเทียน เอ๋อร์ ในขณะนั้น ซู่อ้าวเทียนก็ปลดพลังที่ควบคุมจิตวิญญาณของเทียน เอ๋อร์และทําให้เธอกลับมามีสติอีกครั้ง
“เทียนเอ๋อร์ เป็นข้าเอง ข้าคือพี่ใหญ่กู่ของเจ้า!” กู่อิ่งปิงกล่าวด้วย น�าเสียงอ่อนโยน
เทียนเอ๋อร์มองไปที่กู่อิ่งปิงด้วยสายตาเหม่อลอย ขณะนี้หัวใจของ เธอว่างเปล่า ความทรงจําส่วนใหญ่ได้หายไปแล้ว หญิงสาวมีเพียง ความทรงจําก่อนอายุ 5 ขวบ นั่นก็คือสัญชาตญาณพื้นฐานของเธอ เท่านั้น
แรกเริ่มเดิมทีซู่อ้าวเทียนได้ตั้งปณิธานไว้แล้วว่าจะอนุญาตให้ เทียนเอ๋อร์แต่งงานกับโจวเหว่ยชิง อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นกู่อิ่งปิงฉีก แขนของตัวเอง มันจึงส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขาอย่างหนักหน่วง ถึง อย่างไรกู่อิ่งปิงก็เป็นศิษย์ที่เขาเลี้ยงดูมาตลอดหลายปี และการกระทํา ของเขาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ากูอิ่งปิงรักเทียนเอ๋อร์อย่างแท้จริง เช่นนั้น ใครจะกล้าบอกว่าอิ่งปิงจะไม่สามารถทําให้เทียนเอ๋อร์มีความสุขได้? อย่างน้อยๆเขาก็ไม่ใช่ ‘ผู้ชายเจ้าชู้’ แบบโจวเหว่ยชิงก็แล้วกัน
ด้วยเหตุนี้ ซู่อ้าวเทียนจึงตัดสินใจทําให้เทียนเอ๋อร์เหลือความทรง จําเพียง 5 ขวบ นอกจากนี้ ยังหมายความว่าเธอจะยังจดจํากู่อิ่งปิงได้ แต่ไม่รู้จักโจวเหว่ยชิง แน่นอน สิ่งนี้ทําให้กู่อิ่งปิงได้เปรียบอย่างชัดเจน
พยัคฆ์ใต้พิภพกลับด้านฟีเลียไม่ได้เอ่ยอะไรกับการตัดสินใจของ สามีตนเองและปล่อยให้เขาทําตามที่ต้องการ
“พี่ใหญ่กู่” น�าเสียงอ่อนโยนดังออกมาจากปากเทียนเอ๋อร์ ฟังดู ไพเราะที่สุดสําหรับหูของกู่อิ่งปิง
กู่อิ่งปิงมีความสุขมาก เขาขยับไปข้างหน้าด้วยความตื่นเต้น เล็กน้อย “เทียนเอ๋อร์ ข้าเอง! ข้าคือพี่ใหญ่กู่ของเจ้า! พี่ใหญ่กู่รักเจ้ามาก เหลือเกิน เจ้าจําได้หรือไม่? ข้าพาเจ้าไปจับหมาป่าหิมะตัวเล็กๆ ตอน นั้นเจ้ากลัวมาก นั่นเพิ่งเกิดไม่นานมานี้เอง เจ้าสัญญากับพี่ใหญ่กู่ว่าเมื่อ เจ้าโตขึ้น เจ้าจะเป็นภรรยาของพี่ใหญ่กู่ คราวนี้เจ้าจะไม่กลับคําอีกรอบ ใช่ไหม?”
เทียนเอ๋อร์มองไปที่กู่อิ่งปิงอย่างเหม่อลอย “เป็นภรรยาของพี่ใหญ่ กู่? แต่…พี่ใหญ่กู่ ทําไมท่านดูแก่จัง”
กู่อิ่งปิงชะงักไป แม้แต่ซู่อ้าวเทียนก็ยังคงทําอะไรไม่ถูก ด้วยไม่รู้ว่า จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี อันที่จริงเขาได้หลงเหลือความทรงจํา 5 ขวบไว้ ให้ลูกสาวเท่านั้น แต่นั่นก็ยังหมายความว่าสมองของเธอจะถดถอยไป อยู่ที่อายุ 5 ขวบเช่นกัน
เวลานี้…กู่อิ่งปิงที่อายุ 30 ปีจะดูเหมือนตอนอายุ 15 ได้อย่างไร?
หลังจากตกตะลึงไปครู่หนึ่ง กู่อิ่งปิงก็รีบพูด “เพราะว่าพี่ใหญ่กู่และ เทียนเอ๋อร์ล้วนโตแล้วทั้งคู่!”
“ท่านพ่อ ข้ากลัว พี่ใหญ่กู่…ดูเหมือนเขาจะเปลี่ยนไป” เทียนเอ๋อร์ พึมพํา
ซู่อ้าวเทียนลูบผมของลูกสาวเบาๆ ในช่วงเวลานั้น เขาก็คล้ายจะ เห็นลูกสาวตัวน้อยที่ยังติดหนึบอยู่ข้างกายเขาตลอดเวลาและไม่เต็มใจ ที่จะแยกจากแม้แต่วินาทีเดียว ทุกครั้งที่เขาเข้าสู่การฝึกแบบปิดประตู เธอจะทําหน้ามุ่ยและจ้องมองเขาอย่างไม่เต็มใจ ในขณะนั้น หัวใจของ ซู่อ้าวเทียนจึงเต็มไปด้วยความรักและความอ่อนโยน
“เทียนเอ๋อร์ แล้วเจ้าชอบพี่ใหญ่กู่ของเจ้าไหม? พี่ใหญ่กู่จะปฏิบัติ ต่อเจ้าอย่างดี เจ้าจะเป็นภรรยาของเขาหรือไม่?”
“ข้าชอบพี่ใหญ่กู่” เทียนเอ๋อร์กล่าวโดยไม่ลังเล “พี่ใหญ่กู่ปกป้อง ข้าเสมอ ดังนั้นข้าจึงชอบเขา!” เมื่อได้ยินคําพูดของเธอ น�าตาของกู่อิ่ งปิงก็ไหลลงมาบนใบหน้าด้วยความสุข “ข้า…ข้า…ใช่หรือไม่? ให้ข้าได้ ปกป้องเจ้าตลอดไปเถอะ”
เทียนเอ๋อร์กระพริบตาอย่างไร้เดียงสา “แต่…ชอบพี่ใหญ่กู่ หมายความว่าข้าต้องแต่งงานกับพี่ใหญ่กู่หรือ? ท่านพ่อ ทําไมข้าถึงไม่ เข้าใจล่ะ?”
กู่อิ่งปิงตัวแข็งทื่อ ความหวังที่ลุกโชนขึ้นในใจของเขาถูกบดขยี้ อย่างหนักหน่วง เขาทําได้เพียงจ้องไปที่เทียนเอ๋อร์อย่างสับสน ชั่วขณะ หนึ่ง กู่อิ่งปิงก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี ปัจจุบันเทียนเอ๋อร์เป็น เหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร เธอก็จะไม่มีวันยอม ปล่อยมือออกจากอ้อมอกของผู้เป็นบิดาเพื่อเข้ามาหาเขา
โจวเหว่ยชิงกําลังเฝ้าดูอยู่ที่ภายนอกปราการแสง แม้การ แสดงออกบนใบหน้าของเขาจะดูสงบและมั่นใจ แต่ในความเป็นจริง มือ ของเขากลับกําลังกําหมัดแน่น ในวินาทีสุดท้ายเช่นนี้ เขาจะไม่ประหม่า ได้อย่างไร? ไม่ว่าเขาจะมีความมั่นใจมากแค่ไหน แต่มันจะแน่นอนเต็ม ร้อยได้หรือ?
แม้เขาจะเห็นว่าเทียนเอ๋อร์กําลังพูดบางอย่างและการแสดงออก ของกู่อิ่งปิงก็ดูกระวนกระวายมากขึ้นเรื่อยๆ แต่โจวเหว่ยชิงก็ไม่ได้ผ่อน คลายแม้แต่น้อย
5 นาทีทําไมมันดูช้าขนาดนี้นะ!
ราวกับว่าเวลาผ่านไปเป็น 10 ปี ก่อนที่กู่อิ่งปิงจะดูเหมือนไม่ สามารถควบคุมตัวเองได้ ในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นยืน เคลื่อนไหวตรงหน้า เทียนเอ๋อร์และระเบิดอารมณ์พรั่งพรูออกมา อนิจจา เกือบจะในเวลา เดียวกัน พยัคฆ์ใต้พิภพกลับด้านฟีเลียซึ่งยืนอยู่ข้างซู่อ้าวเทียนก็ถอน หายใจเบาๆพร้อมกับตบไหล่สามีของเธอ เวลา 5 นาทีได้หมดลงแล้ว
ปราการแสงสีทองสลายหายไป และกู่อิ่งปิงก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ร้อง ออกมาอย่างวิตกกังวล “เทียนเอ๋อร์ ข้าคือพี่ใหญ่กู่ของเจ้า ผู้ที่จะ ปกป้องเจ้าตลอดไป! ทําไมเจ้าถึงไม่แต่งงานกับข้าล่ะ? พี่ใหญ่กู่จะไม่ บังคับเจ้า เช่นนั้นให้ข้ากอดเจ้าได้ไหม? เหมือนตอนที่เรายังเป็นเด็กไง”
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายเทียนเอ๋อร์กลับดูเหมือนจะอยู่ในอาการหวาด ผวา ไม่ยอมผละออกจากอ้อมแขนของบิดา กอดเขาแน่นไม่แม้แต่จะ มองไปที่กู่อิ่งปิง
ณ จุดนี้ ใบหน้าของราชาสิงโตกู่ซื่อเต๋อพลันซีดเซียวลง เมื่อมองไป ที่ลูกชายของตน เขาก็ถอนหายใจและพูดเบาๆ “เด็กโง่ เจ้ากังวลและใจ ร้อนเกินไป แม้ว่าเจ้าจะมีโอกาส เจ้าก็โยนมันทิ้งไปแล้ว” ดังคํากล่าว ที่ว่า ‘บุคคลภายนอกย่อมมองเห็นได้กระจ่างกว่าเจ้าตัว’ เมื่อเห็นท่าทาง กังวลและกระสับกระส่ายของลูกชาย ประกอบกับเทียนเอ๋อร์ที่สูญเสีย ความทรงจําส่วนใหญ่และอยู่ในสภาพเปราะบาง หากถูกกดดันเช่นนั้น เธอจะไม่หวาดกลัวได้อย่างไร?
“อิ่งปิง พอแล้ว ถ้าโจวเหว่ยชิงไม่ได้รับความยินยอมจากเทียน เอ๋อร์ เจ้าก็จะมีโอกาสครั้งที่ 2 ในภายหลัง” ซู่อ้าวเทียนถอนหายใจ พร้อมกับพยายามปลอบโยนเขา
ร่างกายของกู่อิ่งปิงแกว่งไปมา ใบหน้าของเขาก็พลันซีดเผือก ด้วย เสียง *อุก* จู่ๆเขาก็อาเจียนออกมาเป็นเลือดและเซถอยหลังไปสอง สามก้าว วินาทีนั้นกู่อิ่งปิงรู้สึกเหมือนเทียนเอ๋อร์กําลังถอยห่างจาก ตนเองไปเรื่อยๆ หากไม่ใช่เพราะราชาพยัคฆ์ซู่อ้าวอิงรีบก้าวไป ข้างหน้าเพื่อรับตัวเขา เขาก็คงจะล้มลงไปกับพื้นแล้ว
ซู่อ้าวเทียนหันไปจ้องโจวเหว่ยชิง หากพูดตามตรง เขาย่อมไม่ ปรารถนาที่จะเห็นภาพเช่นนี้เลย ลูกศิษย์ที่เขาอบรมเลี้ยงดูและสั่งสอน มาด้วยความพยายามทั้งหมดของตนเอง ตอนนี้ได้รับผลกระทบ มหาศาลจากลูกสาวของเขา ที่แย่ไปกว่านั้นคือเขาอาจไม่สามารถ กลับมาตั้งหลักได้อีกครั้งหลังความพ่ายแพ้ในครานี้ ทั้งหมดเป็นเพราะ ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขา โจวเหว่ยชิง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะโดดเด่นและมี ความสามารถแค่ไหน แต่เขาจะเข้ามาแทนที่กู่อิ่งปิงในหัวใจของซู่อ้าว เทียนผู้เลี้ยงดูอีกฝ่ายมาตั้งแต่เด็กได้อย่างไร! ด้วยเหตุนี้ หัวใจของซู่อ้าว เทียนจึงตกอยู่ในภาวะสับสนอย่างแท้จริง
“ถึงตาเจ้าแล้ว” ซู่อ้าวเทียนพูดกับโจวเหว่ยชิงอย่างใจเย็น
โจวเหว่ยชิงพยักหน้าพลางเข้าไปใกล้ ก่อนที่เขาจะหยุดในระยะ 5 หลาห่างจากเทียนเอ๋อร์ ในขณะนี้หมัดของเขากําแน่นขณะจ้องมองไป ที่เธออย่างอ่อนโยน
แตกต่างจากกู่อิ่งปิง เขาดูไม่กระวนกระวายใจแม้แต่น้อย ในทาง ตรงกลับกัน เขายืนอยู่ที่นั่น จ้องไปที่เทียนเอ๋อร์อย่างสงบ ปัจจุบันโจว เหว่ยชิงได้เปลี่ยนชุดใหม่แล้ว และเขาก็รั้งพลังปราณสวรรค์ทั้งหมด ตองตนเองไว้ ไม่มีกลิ่นอายใดรั่วไหลออกมาได้เลย เขายืนอยู่ที่นั่นอย่าง เรียบง่ายพลางจ้องมองไปที่เทียนเอ๋อร์ สายตานั้นอ่อนโยนและเต็มไป ด้วยความรักอย่างชัดเจน
จากเดิมที่ซ่อนตัวอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นบิดา เทียนเอ๋อร์ก็ดู เหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นเพื่อมองไปที่โจว เหว่ยชิง ในช่วงเวลานั้น เมื่อเธอจ้องมองเขา ในที่สุดร่างกายของหญิง สาวก็สั่นสะท้านเล็กน้อย แม้จะยังดูงงงวยและสับสน แต่หัวใจของเธอก็ เริ่มเต้นแรง คนที่ดูแปลกประหลาดเบื้องหน้า คนที่เธอไม่มีความทรงจํา ด้วยแม้แต่เสี้ยวเดียว ทว่าเขาคล้ายจะมีแรงดึงดูดต่อหัวใจของเธอ
ในตอนแรก สายตาของเธอพยายามที่จะหลบหลีกจากเขา จนกระทั่งมันค่อยๆเปลี่ยนเป็นไร้แววและเฉื่อยชา เทียนเอ๋อร์จ้องที่โจว เหว่ยชิงต่อไป ราวกับว่าพยายามอย่างหนักที่จะเค้นบางสิ่งบางอย่าง ออกมาจากสมอง แต่ก็ไม่สามารถทําได้ การแสดงออกราวกับแสน เจ็บปวดปรากฏบนใบหน้าที่งดงามของเธออย่างช้าๆ
“แมวอ้วน” โจวเหว่ยชิงพูดอย่างนิ่มนวล
ในช่วงเวลานั้น บรรดากลุ่มทั้งหมดที่มารวมตัวกันที่นั่นทั้ง 4 ก็ร่าง แข็งทื่อพร้อมกัน
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าเสือเป็นสัตว์ตระกูลแมว และอาจเป็น สัตว์ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลแมวเช่นกัน ในบรรดากลุ่มคนทั้งหมด ทั้ง 4 คนล้วนเป็นเสือ! นอกจากเทียนเอ๋อร์ เจ้าเหนือหัวแห่งภูเขาหิมะ สวรรค์ซู่อ้าวเทียน พยัคฆ์ใต้พิภพกลับด้านฟีเลีย และราชาพยัคฆ์ซู่อ้าว
อิง พวกเขาไม่ได้มีสายเลือดของเสือทั้งหมดหรอกหรือ? ด้วยประโยค
เดียว ‘แมวอ้วน’ ทั้งสามคนก็แทบจะกระอักเลือดออกมา ………………………………………………….